1. ภาพรวม
ประเทศตองงา หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรตองงา เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคพอลินีเชีย ตั้งอยู่ทางใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 170 เกาะ โดยมีเพียงส่วนน้อยที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ลักษณะภูมิประเทศมีความหลากหลายทั้งเกาะภูเขาไฟและเกาะปะการัง ตองงามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เริ่มตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานของชาวลาพีตา การก่อตั้งจักรวรรดิตูอีโตงาอันยิ่งใหญ่ การติดต่อกับชาวยุโรป การรวมชาติเป็นปึกแผ่น และการเป็นรัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักรก่อนได้รับเอกราชในที่สุด ระบบการเมืองการปกครองของตองงาเป็นแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีการปฏิรูปทางการเมืองเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจของตองงาพึ่งพาเกษตรกรรม การประมง การท่องเที่ยว และเงินส่งกลับจากชาวตองงาในต่างแดนเป็นหลัก โดยมีความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม สังคมตองงาประกอบด้วยประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพอลินีเชีย มีภาษาและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยศาสนาคริสต์มีอิทธิพลอย่างสูงต่อวิถีชีวิต ระบบการศึกษามุ่งเน้นการรู้หนังสือและเปิดโอกาสให้ศึกษาต่อต่างประเทศ ขณะที่ระบบสาธารณสุขเผชิญกับปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโดยเฉพาะโรคอ้วน วัฒนธรรมตองงาสะท้อนผ่านประเพณีดั้งเดิม ศิลปะ หัตถกรรม ดนตรี การเต้นรำ อาหาร และกีฬา โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสังคมควบคู่ไปกับการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลของประเทศตองงาในมิติต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางสังคม การพัฒนาที่เป็นธรรม และการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
2. ชื่อประเทศ
ชื่อประเทศ ตองงา (Tongaโตงาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ในภาษาตองงาและภาษาอื่น ๆ ในกลุ่มภาษาพอลินีเชียหลายภาษามีความหมายว่า "ทิศใต้" ซึ่งสื่อถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของหมู่เกาะตองงาซึ่งเป็นกลุ่มเกาะที่อยู่ทางใต้สุดของภูมิภาคพอลินีเชียตะวันตก คำว่า Tongaโตงาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา) ในภาษาตองงาออกเสียงว่า โตงา ส่วนในภาษาอังกฤษมีการออกเสียงสองแบบคือ ท็องอะ และ ท็องกะ โดยแบบแรกจะใกล้เคียงกับการออกเสียงในภาษาตองงามากกว่า คำว่า "ตองงา" ยังมีความคล้ายคลึงทางรากศัพท์กับคำว่า konaโกนาHawaiian ในภาษาฮาวาย ซึ่งหมายถึง "ด้านที่ลมสงบ" (leeward) และเป็นที่มาของชื่อเขตโกนาในรัฐฮาวาย
ในอดีต ตองงาเป็นที่รู้จักในโลกตะวันตกว่า หมู่เกาะมิตรภาพ (Friendly Islandsเฟรนด์ลีไอส์แลนดส์ภาษาอังกฤษ) ชื่อนี้ตั้งโดยกัปตันเจมส์ คุก นักสำรวจชาวอังกฤษ ระหว่างการเยือนครั้งแรกในปี ค.ศ. 1773 เขารู้สึกประทับใจกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองของชาวตองงาในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาของเทศกาลประจำปีที่เรียกว่า ʻinasiอินาซีภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา) อันเป็นพิธีถวายผลไม้แรกแด่ตูอีโตงา (พระมหากษัตริย์ของหมู่เกาะ) กัปตันคุกจึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม วิลเลียม มาริเนอร์ นักเขียนชาวอังกฤษผู้เคยอาศัยอยู่ในตองงาหลายปีในภายหลัง ได้บันทึกไว้ว่า อันที่จริงแล้วบรรดาหัวหน้าเผ่าชาวตองงามีแผนที่จะสังหารกัปตันคุกระหว่างงานเทศกาล แต่แผนการดังกล่าวไม่สามารถดำเนินไปได้เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร
3. ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ของตองงาเต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญและพัฒนาการที่น่าสนใจ ตั้งแต่ยุคการตั้งถิ่นฐานยุคแรกเริ่มโดยวัฒนธรรมลาพีตา การรุ่งเรืองของจักรวรรดิตูอีโตงาอันยิ่งใหญ่ การติดต่อกับชาวยุโรปและการรวมชาติเป็นปึกแผ่น การอยู่ภายใต้อารักขาของสหราชอาณาจักร จนกระทั่งได้รับเอกราชและเผชิญกับความท้าทายในยุคปัจจุบัน ทั้งการเรียกร้องประชาธิปไตยและภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่
3.1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมลาพีตา

กลุ่มคนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในหมู่เกาะตองงาเป็นกลุ่มแรกคือชาวลาพีตา ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ใช้ภาษาในตระกูลภาษาออสโตรนีเชียน และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของประเทศปาปัวนิวกินีและหมู่เกาะโซโลมอนในปัจจุบัน การอพยพของชาวลาพีตามายังตองงาเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนย้ายครั้งใหญ่ของชาวโพลินีเชียนโบราณที่เริ่มตั้งแต่ประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยเชื่อว่าพวกเขาเดินทางมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านหมู่เกาะในหมู่เกาะอินเดียตะวันออก เวลาที่แน่นอนที่ชาวลาพีตาเข้ามาตั้งถิ่นฐานในตองงายังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักวิชาการ แต่หลักฐานจากการหาอายุด้วยทอเรียมบ่งชี้ว่าผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกได้เดินทางมาถึงเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้จักคือนูกูเลกา บนเกาะโตงาตาปู เมื่อประมาณ 888 ± 8 ปีก่อนคริสตกาล (ประมาณ 2,838 ปีก่อน) ประวัติศาสตร์ของตองงาก่อนการติดต่อกับชาวยุโรปส่วนใหญ่ถ่ายทอดผ่านประวัติศาสตร์มุขปาฐะจากรุ่นสู่รุ่น
หลังจากที่ชาวลาพีตาเดินทางถึงหมู่เกาะตองงา พวกเขาได้ลงหลักปักฐานที่นูกูเลกาบนเกาะโตงาตาปูเป็นแห่งแรก จากนั้นจึงขยายไปยังหมู่เกาะฮาอะไป ชาวลาพีตามีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับทะเลเป็นอย่างมาก อาหารหลักของพวกเขาจึงมาจากทะเล เช่น ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง เต่าทะเล และปลาไหล นอกจากนี้ยังมีการทำเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ด้วย หลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดจากยุคนี้คือเครื่องปั้นดินเผาแลพีตา ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิตที่ซับซ้อน ทำจากเปลือกหอยและหิน โดยพบมากในบริเวณเขตการปกครองฮาอะไปในปัจจุบัน
ตามตำนานของชาวตองงา เล่าว่าเทพเจ้ามาวอีได้ดึงหมู่เกาะต่าง ๆ ขึ้นมาจากมหาสมุทร โดยเกาะโตงาตาปู หมู่เกาะฮาอะไป และหมู่เกาะวาวาอู เป็นเกาะกลุ่มแรกที่ปรากฏขึ้น ก่อกำเนิดเป็นดินแดนตองงาในปัจจุบัน
3.2. จักรวรรดิตูอีโตงา

ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 10 (ค.ศ. 950) พระเจ้าอะโฮเออิตูได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นตูอีโตงา (กษัตริย์แห่งตองงา) พระองค์แรก และก่อตั้งจักรวรรดิตูอีโตงาขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งการขยายอำนาจและอิทธิพลของตองงาในฐานะจักรวรรดิทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ เมืองหลวงของจักรวรรดิคือมูอา บนเกาะโตงาตาปู จักรวรรดิตูอีโตงาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึง 13 ภายใต้การปกครองของกษัตริย์องค์สำคัญหลายพระองค์ เช่น พระเจ้าโมโม พระเจ้าตูอิตาตูอิ และพระเจ้าตาลาตามา ซึ่งทรงขยายอาณาเขตของจักรวรรดิออกไปอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมดินแดนต่าง ๆ เช่น บางส่วนของฟีจี ซามัว โทเคอเลา นีวเว และหมู่เกาะคุก ตลอดจนบางส่วนของหมู่เกาะโซโลมอน นิวแคลิโดเนีย และแม้กระทั่งบางส่วนของเฟรนช์พอลินีเชียในปัจจุบัน จักรวรรดิเป็นที่รู้จักในด้านอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ชาติพันธุ์ และวัฒนธรรมที่แผ่ขยายไปทั่วภูมิภาคแปซิฟิก ดินแดนในอาณัติจะส่งเครื่องบรรณาการที่เรียกว่า ʻinasiอินาซีภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา) มาถวายแด่ตูอีโตงา ณ เมืองหลวงมูอาเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
อย่างไรก็ตาม อำนาจของจักรวรรดิตูอีโตงาเริ่มเสื่อมถอยลงหลังจากการปฏิวัติของชาวซามัวในคริสต์ศตวรรษที่ 13 และเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ตูอีโตงาหลายพระองค์ ส่งผลให้ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 พระเจ้าเกาอูลูโฟนูอา ตูอีโตงาพระองค์ที่ 24 ทรงแต่งตั้งพระอนุชาคือเจ้าชายโมอูงาโมตูอาขึ้นเป็นตูอิฮาอะตากาลาอัวพระองค์แรก เพื่อช่วยตูอีโตงาในการบริหารปกครองจักรวรรดิ ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีการสถาปนาราชวงศ์ตูอิกาโนกูโปลูขึ้นมาช่วยอีกสองราชวงศ์ในการปกครอง ซึ่งในที่สุดราชวงศ์ตูอิกาโนกูโปลูก็สามารถก้าวขึ้นมามีอิทธิพลแทนที่ราชวงศ์ตูอิฮาอะตากาลาอัวได้ นอกจากนี้ ยังมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นภายในจักรวรรดิในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 17 ซึ่งยิ่งซ้ำเติมความอ่อนแอของจักรวรรดิ แม้กระนั้น อิทธิพลของตองงายังคงแข็งแกร่งอยู่แม้กระทั่งหลังจากการเข้ามาของชาวยุโรปในปี ค.ศ. 1616
3.3. การติดต่อกับชาวยุโรปและการรวมชาติ

การติดต่อครั้งแรกระหว่างชาวตองงากับชาวยุโรปเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1616 เมื่อเรือ Eendrachtเอินดรัคท์ภาษาดัตช์ ของเนเธอร์แลนด์ ภายใต้การบังคับบัญชาของวิลเลิม สเคาเติน และยาโกบ เลอ แมเรอ ได้แวะมาเยือนหมู่เกาะทางตอนเหนือคือนีอูอาโตปูตาปูเป็นเวลาสั้น ๆ เพื่อทำการค้า ต่อมาในปี ค.ศ. 1643 อาเบิล ตัสมัน นักสำรวจชาวดัตช์อีกคนหนึ่ง ได้เดินทางมาถึงเกาะโตงาตาปูและหมู่เกาะฮาอะไป ผู้มาเยือนชาวยุโรปคนสำคัญอื่น ๆ ในยุคต่อมา ได้แก่ กัปตันเจมส์ คุก แห่งราชนาวีอังกฤษ ซึ่งเดินทางมาเยือนสามครั้งในปี ค.ศ. 1773, ค.ศ. 1774 และ ค.ศ. 1777 ตามด้วยนักสำรวจชาวสเปนคือฟรันซิสโก โมเรเย เด ลา รูอา ในปี ค.ศ. 1781 และอเลสซานโดร มาลาสปินา ในปี ค.ศ. 1793
อิทธิพลของศาสนาคริสต์เริ่มเข้ามาในตองงาพร้อมกับการมาถึงของมิชชันนารีชาวลอนดอนกลุ่มแรกในปี ค.ศ. 1797 ตามด้วยบาทหลวงวอลเตอร์ ลอว์รี มิชชันนารีนิกายเมทอดิสต์สายเวสเลยัน ในปี ค.ศ. 1822 คณะมิชชันนารีเวสเลยันประสบความสำเร็จอย่างมากในการเผยแผ่ศาสนา พระเจ้าอาเลอาโมตูอา ตูอิกาโนกูโปลู ทรงตัดสินพระทัยเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ในปี ค.ศ. 1830 การเข้ามาของมิชชันนารีและการเปลี่ยนศาสนาของผู้นำสร้างความไม่พอใจแก่หัวหน้าเผ่าท้องถิ่นบางกลุ่มที่ยังยึดมั่นในความเชื่อดั้งเดิม ทำให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาที่ซ้อนทับกับความขัดแย้งทางการเมืองที่มีอยู่เดิม นำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ
ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนี้ เตาฟาอาเฮา (Tāufaʻāhauเตาฟาอาเฮาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) นักรบหนุ่มผู้ทะเยอทะยานและมีวาทศิลป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งตูอิกาโนกูโปลู และเป็นพระภาติยะของพระเจ้าอาเลอาโมตูอา ได้เริ่มรวบรวมอำนาจ พระองค์ทรงนับถือศาสนาคริสต์นิกายเมทอดิสต์และได้รับพระนามเมื่อรับศีลล้างบาปในปี ค.ศ. 1831 ว่า "เซียโอซี" (Siaosiเซียโอซีภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) พระองค์ทรงทำสงครามกับหัวหน้าเผ่าคู่แข่ง รวมถึงลาอูฟีลิโตงา ตูอีโตงาองค์สุดท้ายซึ่งนับถือนิกายโรมันคาทอลิก ด้วยการสนับสนุนด้านอาวุธจากกลุ่มมิชชันนารีเมทอดิสต์ เตาฟาอาเฮาสามารถเอาชนะคู่แข่งทั้งหมดและรวมหมู่เกาะตองงาให้เป็นปึกแผ่นได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1845 พระองค์ทรงสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งตองงา และในปี ค.ศ. 1875 ด้วยความช่วยเหลือของมิชชันนารีเชอร์ลีย์ วอลเดมาร์ เบเกอร์ พระองค์ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญตองงา สถาปนาระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ ใช้รูปแบบการปกครองแบบตะวันตก ปลดปล่อยทาส กำหนดประมวลกฎหมาย สิทธิในที่ดิน และเสรีภาพสื่อ รวมถึงจำกัดอำนาจของขุนนาง นับเป็นการวางรากฐานสำคัญของรัฐตองงาสมัยใหม่

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เรือล่าวาฬจากชาติตะวันตกเป็นกลุ่มผู้มาเยือนตองงาเป็นประจำกลุ่มแรก ๆ โดยเรือ Ann and Hope เป็นเรือลำแรกที่มีบันทึกว่าพบเห็นในหมู่เกาะตองงาเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1799 เรือล่าวาฬลำสุดท้ายที่มาเยือนคือ Albatross ในปี ค.ศ. 1899 ซึ่งมาเพื่อเติมน้ำจืด อาหาร และไม้ฟืน เกาะที่ชาวตะวันตกมาเยือนบ่อยครั้งที่สุดคือ อาตา, เออัว, ฮาอะไป, โตงาตาปู และวาวาอู บางครั้งชายชาวตองงาก็ได้รับการว่าจ้างให้เป็นลูกเรือบนเรือเหล่านี้ คณะสำรวจของสหรัฐอเมริกา (United States Exploring Expedition) ได้มาเยือนตองงาในปี ค.ศ. 1840
3.4. รัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักร
ตองงาเข้าเป็นรัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักรภายใต้สนธิสัญญามิตรภาพ (Treaty of Friendship) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1900 หลังจากที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปและหัวหน้าเผ่าตองงาที่เป็นคู่แข่งพยายามโค่นล้มกษัตริย์องค์ที่สองผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเตาฟาอาเฮา แต่ไม่สำเร็จ สนธิสัญญาดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้มีผู้แทนถาวรระดับสูงกว่ากงสุลอังกฤษ (British Consul) ประจำอยู่ในตองงา (ระหว่างปี ค.ศ. 1901-ค.ศ. 1970) ภายใต้การคุ้มครองของสหราชอาณาจักร ตองงายังคงรักษาอธิปไตยของตนไว้ และเป็นชาติเดียวในแปซิฟิกที่ยังคงรักษาระบอบกษัตริย์ไว้ได้ สถาบันกษัตริย์ตองงาสืบทอดตำแหน่งโดยไม่ขาดสายจากตระกูลเดียว การบริหารราชการภายในยังคงเป็นอำนาจของตองงา ส่วนสหราชอาณาจักรจะดูแลด้านการต่างประเทศเป็นหลัก
ในช่วงต้นรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถซาโลเต ตูโปอูที่ 3 (ครองราชย์ ค.ศ. 1918-ค.ศ. 1965) ตองงาเผชิญกับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สเปนในปี ค.ศ. 1918 ซึ่งคร่าชีวิตชาวตองงาไป 1,800 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 8 ของประชากรทั้งหมดในขณะนั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สมเด็จพระราชินีนาถซาโลเตทรงอนุญาตให้กองกำลังสหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพและสนามบินในประเทศ ทำให้ในช่วงสงคราม สหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองสูงสุดในตองงา กองกำลังป้องกันตองงา (Tonga Defence Force) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงสงคราม ได้ส่งทหารเข้าร่วมรบกับกองกำลังนิวซีแลนด์
ตองงาเริ่มได้รับอำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้นในปี ค.ศ. 1958 สนธิสัญญามิตรภาพและสถานะการเป็นรัฐอารักขาของตองงาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1970 ตามข้อตกลงที่สมเด็จพระราชินีนาถซาโลเต ตูโปอูที่ 3 ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตในปี ค.ศ. 1965
3.5. เอกราชและยุคปัจจุบัน
ตองงาได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์จากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1970 และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือจักรภพแห่งชาติในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากตองงาเป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ของตนเอง (เช่นเดียวกับมาเลเซีย เลโซโท และเอสวาตินี) ไม่ได้มีพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรเป็นประมุข ต่อมาในปี ค.ศ. 1999 ตองงาได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ
สมเด็จพระราชาธิบดีเตาฟาอาเฮา ตูโปอูที่ 4 (ครองราชย์ ค.ศ. 1965-ค.ศ. 2006) ทรงนำพาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ มีการพัฒนาเศรษฐกิจให้ทันสมัย ปรับปรุงระบบการแพทย์และการศึกษา และเปิดโอกาสให้สามัญชนเข้าถึงความมั่งคั่งทางวัตถุ การศึกษา และการเดินทางไปต่างประเทศได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์ เกิดขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยขึ้นในตองงาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 โดยมีข้อเรียกร้องหลักคือการเพิ่มจำนวนผู้แทนจากภาคประชาชนในรัฐสภาให้มากขึ้น และให้มีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น ความไม่พอใจของประชาชนส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของรัฐบาล เช่น การพิจารณาให้ตองงาเป็นสถานที่กำจัดกากนิวเคลียร์ การขายหนังสือเดินทางตองงาให้แก่ชาวต่างชาติ การจดทะเบียนเรือต่างชาติที่พัวพันกับกิจกรรมผิดกฎหมาย (รวมถึงการขนส่งให้อัลกออิดะฮ์) การอ้างสิทธิ์ในช่องสัญญาณดาวเทียมวงโคจรพ้องคาบโลก (ซึ่งรายได้ดูเหมือนจะตกเป็นของเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง ไม่ใช่ของรัฐ) การเช่าเครื่องบินโบอิง 757 ที่ใช้งานไม่ได้เป็นระยะเวลานาน จนนำไปสู่การล่มสลายของสายการบินรอยัลตองงาแอร์ไลน์ และการอนุมัติให้ตั้งโรงงานส่งออกบุหรี่ไปยังจีน (สวนทางกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตองงา) กษัตริย์ยังทรงสูญเสียเงินทุนของรัฐไปประมาณ 26.00 M USD ให้กับเจสซี บ็อกโดนอฟฟ์ ที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งเรียกตนเองว่า "ตัวตลกราชสำนัก" นอกจากนี้ รัฐบาลยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจำกัดเสรีภาพสื่อ และมีการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน
ในปี ค.ศ. 2005 เกิดการประท้วงของข้าราชการพลเรือนติดต่อกันหลายสัปดาห์ก่อนจะมีการตกลงกันได้ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 เจ้าชายอูลูกาลาลา ลาวากา อาตา (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีตูโปอูที่ 6) นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ลาออกจากตำแหน่ง และดร. เฟเลติ เซเวเล ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่มาจากสามัญชน เดือนกันยายน ค.ศ. 2006 สมเด็จพระราชาธิบดีเตาฟาอาเฮา ตูโปอูที่ 4 สวรรคต สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จ ตูโปอูที่ 5 พระราชโอรสองค์โต จึงเสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อมา

ความคาดหวังต่อการปฏิรูปทางการเมืองภายใต้รัชกาลใหม่ ประกอบกับความล่าช้าในการดำเนินการ นำไปสู่การจลาจลครั้งใหญ่ในกรุงนูกูอาโลฟา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยได้ก่อเหตุเผาทำลายและปล้นสะดมร้านค้า อาคารสำนักงาน และอาคารราชการ ส่งผลให้พื้นที่ใจกลางเมืองกว่าร้อยละ 60 ได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน เหตุการณ์สงบลงด้วยการเข้าควบคุมสถานการณ์ของกองกำลังป้องกันตองงาร่วมกับกองกำลังจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
ในปี ค.ศ. 2008 สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จ ตูโปอูที่ 5 ทรงประกาศสละพระราชอำนาจส่วนใหญ่ของพระองค์ให้แก่นายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน การเลือกตั้งดังกล่าวได้จัดขึ้นตามกำหนด และแม้ว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยจะได้รับเสียงข้างมาก แต่ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคือ ลอร์ด ซีอาเลอาตาองโก ตูอิวากาโน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาขุนนาง
เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จ ตูโปอูที่ 5 สวรรคต ณ โรงพยาบาลควีนแมรีในฮ่องกง หลังจากประชวรด้วยโรคปอดบวมและต่อมาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว พระอนุชาของพระองค์คือมกุฎราชกุมาร ตูโปอูโตอา ลาวากา (อดีตนายกรัฐมนตรี) จึงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีตูโปอูที่ 6 และทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 อากีลีซี โปฮีวา ผู้นำขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
วันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 2022 เกิดเหตุการณ์การระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟใต้ทะเลฮังกาตองกา-ฮังกาฮาอาไป ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะหลักโตงาตาปูไปทางเหนือประมาณ 65 km แรงระเบิดทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าถล่มพื้นที่หลายส่วนของหมู่เกาะ รวมถึงกรุงนูกูอาโลฟา เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตองงา ระบบการสื่อสารส่วนใหญ่ถูกตัดขาด มีผู้เสียชีวิตในตองงา 4 ราย และในเปรูอีก 2 รายจากคลื่นสึนามิที่ผิดปกติ การซ่อมแซมสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้ทะเลที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ (Tonga Cable System) ใช้เวลาประมาณ 5 สัปดาห์
ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะกฎหมายที่กำหนดให้การรักร่วมเพศชายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างจริงจังก็ตาม
4. ภูมิศาสตร์
ประเทศตองงาตั้งอยู่ในภูมิภาคพอลินีเชีย ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก โดยอยู่ทางใต้ของประเทศซามัว และประมาณสองในสามของระยะทางจากรัฐฮาวายไปยังประเทศนิวซีแลนด์ หมู่เกาะตองงาประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่รวม 171 เกาะ โดยมีเพียง 45 เกาะเท่านั้นที่มีผู้อยู่อาศัย กลุ่มเกาะหลักแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ โตงาตาปู วาวาอู และฮาอะไป ซึ่งทอดตัวเป็นแนวยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 800 km
4.1. ลักษณะภูมิประเทศและเกาะ

ลักษณะทางภูมิประเทศของตองงามีความหลากหลาย ประกอบด้วยเกาะที่เกิดจากภูเขาไฟและเกาะที่เกิดจากการทับถมของปะการังเป็นหลัก เกาะส่วนใหญ่มีฐานเป็นหินปูนที่เกิดจากการยกตัวของแนวปะการังโบราณ ส่วนเกาะอื่น ๆ มีลักษณะเป็นหินปูนที่ทับอยู่บนฐานหินภูเขาไฟ เกาะที่ใหญ่ที่สุดคือเกาะโตงาตาปู ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงนูกูอาโลฟา มีพื้นที่ประมาณ 257 km2 ลักษณะทางธรณีวิทยาของเกาะโตงาตาปูเป็นที่ราบ เกิดจากปะการังยกตัว มีความสูงไม่เกิน 30 m จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และมีเถ้าภูเขาไฟปกคลุม ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง
หมู่เกาะตองงาตั้งอยู่บนแผ่นแปซิฟิก ใกล้กับรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลีย ทางทิศตะวันตกของหมู่เกาะเป็นที่ตั้งของร่องลึกตองงา ซึ่งเป็นร่องลึกใต้ทะเลที่ลึกเป็นอันดับสองของโลก และเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนแห่งไฟแปซิฟิกที่มีกิจกรรมทางธรณีแปรสัณฐานและภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่เสมอ เกาะภูเขาไฟที่สำคัญในตองงา ได้แก่ เกาะเกา (1.03 K m ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของประเทศ) เกาะโตฟูอา (515 m เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุด) เกาะอาตา และเกาะในกลุ่มโอโงนีอูอา แนวภูเขาไฟเหล่านี้ยังคงมีการปะทุเป็นระยะ ทำให้เกิดเกาะใหม่ขึ้นมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะจมลงสู่ทะเลในเวลาต่อมา เช่น เหตุการณ์การระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเลฮังกาตองกา-ฮังกาฮาอาไป ในปี ค.ศ. 2022 ที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของเกาะดังกล่าวอย่างมาก
เกาะในเขตการปกครองวาวาอูยังคงมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ พื้นดินส่วนใหญ่เป็นหินปูน และมีแนวปะการังล้อมรอบ ส่วนหมู่เกาะฮาอะไปก็มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่หลายลูกเช่นกัน โดยเฉพาะบนเกาะเกาและโตฟูอา ดินมีลักษณะคล้ายกับที่วาวาอูคือเป็นดินที่เกิดจากหินปูน ทรัพยากรแร่ธาตุที่พบในตองงา (ส่วนใหญ่อยู่ในน่านน้ำอาณาเขต) ได้แก่ สังกะสี ทองแดง เงิน และทองคำ
4.2. ภูมิอากาศ
ประเทศตองงามีสภาพภูมิอากาศแบบป่าฝนเขตร้อน (Köppen climate classification: Af) โดยมีช่วงอากาศอบอุ่นอย่างชัดเจนระหว่างเดือนธันวาคมถึงเมษายน ซึ่งอุณหภูมิอาจสูงเกิน 32 °C และช่วงอากาศเย็นกว่าระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งอุณหภูมิไม่ค่อยสูงเกิน 27 °C อุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ 23 °C และปริมาณน้ำฝน 1.70 K mm บนเกาะโตงาตาปูทางตอนใต้ ไปจนถึง 27 °C และปริมาณน้ำฝน 2.97 K mm บนหมู่เกาะทางตอนเหนือซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่า
ช่วงที่มีฝนตกชุกที่สุดโดยเฉลี่ยคือประมาณเดือนมีนาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 263 mm ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ร้อยละ 80 อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกได้ในตองงาคือ 35 °C เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979 ที่วาวาอู ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึกได้คือ 8.7 °C เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1994 ที่ฟูอาอะโมตู อุณหภูมิตั้งแต่ 15 °C หรือต่ำกว่านั้นมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง และพบได้บ่อยในตองงาตอนใต้มากกว่าหมู่เกาะทางตอนเหนือ ฤดูพายุไซโคลนเขตร้อนโดยทั่วไปเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 30 เมษายน แม้ว่าพายุไซโคลนเขตร้อนสามารถก่อตัวและส่งผลกระทบต่อตองงานอกฤดูกาลได้เช่นกัน ตามรายงาน WorldRiskReport ปี 2021 ตองงาจัดอยู่ในอันดับที่สามของประเทศที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติสูงที่สุดในโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ประเทศต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติหลายรูปแบบ
ภูมิอากาศเมืองนูกูอาโลฟา | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก (°C) | 32 | 32 | 31 | 30 | 30 | 28 | 28 | 28 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°C) | 29.4 | 29.9 | 29.6 | 28.5 | 26.8 | 25.8 | 24.9 | 24.8 | 25.3 | 26.4 | 27.6 | 28.7 | 27.3 |
อุณหภูมิเฉลี่ยรายวัน (°C) | 26.4 | 26.8 | 26.6 | 25.3 | 23.6 | 22.7 | 21.5 | 21.5 | 22.0 | 23.1 | 24.4 | 25.6 | 24.1 |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°C) | 23.4 | 23.7 | 23.6 | 22.1 | 20.3 | 19.5 | 18.1 | 18.2 | 18.6 | 19.7 | 21.1 | 22.5 | 20.9 |
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก (°C) | 16 | 17 | 15 | 15 | 13 | 11 | 10 | 11 | 11 | 12 | 13 | 16 | 10 |
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย (มม.) | 174 | 210 | 206 | 165 | 111 | 95 | 95 | 117 | 122 | 128 | 123 | 175 | 1721 |
จำนวนวันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย | 17 | 19 | 19 | 17 | 15 | 14 | 15 | 13 | 13 | 11 | 12 | 15 | 180 |
ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ย (%) | 77 | 78 | 79 | 76 | 78 | 77 | 75 | 75 | 74 | 74 | 73 | 75 | 76 |
ข้อมูลจาก Weatherbase |
4.3. ระบบนิเวศ
ตองงาเป็นที่ตั้งของเขตภูมิภาคทางบกของป่าชื้นเขตร้อนตองงา (Tongan tropical moist forests terrestrial ecoregion) โดยทั่วไป หมู่เกาะตองงาปกคลุมไปด้วยป่าฝนเขตร้อนที่ลุ่มต่ำ อย่างไรก็ตาม ป่าไม้จำนวนมากถูกถางเพื่อใช้ในการเกษตรในอดีต ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของตองงาในปัจจุบันถูกปกคลุมด้วยพืชพรรณทุติยภูมิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าละเมาะและทุ่งหญ้าที่ประกอบด้วยผกากรอง ข้าวฟ่าง และข้าวเดือย ส่วนในบริเวณชายฝั่งและปากปล่องภูเขาไฟจะพบพืชล้มลุกเป็นหลัก ประเทศตองงาเป็นประเทศแรกในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ที่มีการประกาศพื้นที่คุ้มครอง ปัจจุบันมีอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง (ที่เออัวและวาวาอู) และเขตอนุรักษ์อีก 6 แห่ง

จากการสำรวจ พบพืชมีท่อลำเลียงในตองงา 770 ชนิด รวมถึงเฟิร์น 70 ชนิด (3 ชนิดเป็นพืชเฉพาะถิ่น) พืชเมล็ดเปลือย 3 ชนิด (เช่น Podocarpus pallidus ซึ่งเป็นพืชเฉพาะถิ่น) และพืชดอก 698 ชนิด (9 ชนิดเป็นพืชเฉพาะถิ่น) ความหลากหลายของชนิดพันธุ์พืชแตกต่างกันไปในแต่ละเกาะ เช่น เกาะโตงาตาปูมีพืชประมาณ 340 ชนิด ในขณะที่เกาะวาวาอูมีเพียง 107 ชนิด
สำหรับสัตว์ป่าในตองงานั้นมีความหลากหลายน้อยกว่าพืชพรรณ และหลายชนิดเป็นสัตว์ที่ถูกนำเข้ามา สัตว์เลื้อยคลานพบ 12 ชนิด (1 ชนิดเป็นสัตว์เฉพาะถิ่น) และค้างคาว 2 ชนิด ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่เป็นสัตว์พื้นเมืองของตองงา ตามตำนานของชาวตองงา ค้างคาวผลไม้ (flying fox bats, สกุล Pteropus) ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสมบัติของสถาบันกษัตริย์ จึงได้รับการคุ้มครองและไม่สามารถทำร้ายหรือล่าได้ ส่งผลให้ค้างคาวผลไม้เจริญเติบโตได้ดีในหลายเกาะของตองงา ชีวิตสัตว์ป่าของตองงาประกอบด้วยนกทั้งหมด 73 ชนิด โดยมี 2 ชนิดเป็นนกเฉพาะถิ่น ได้แก่ นกหวีดตองงา (Tongan whistler) และนกมาเลาตองงา (Tongan megapode) มี 5 ชนิดที่มนุษย์นำเข้ามา และ 8 ชนิดเป็นนกหายากหรือพลัดหลงมา นอกจากนี้ยังมี 7 ชนิดที่ถูกคุกคามในระดับโลก การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ส่งผลให้นกอย่างน้อย 23 ชนิดสูญพันธุ์ไปจากเกาะโตงาตาปูและวาวาอู
ในทะเลรอบ ๆ ตองงาพบเต่าทะเล ปลาหลากหลายชนิด และหอย แนวปะการังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลของตองงาอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในตองงากำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพทั้งบนบกและในทะเล
5. การเมืองการปกครอง
ประเทศตองงาปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นประเทศเดียวในหมู่เกาะแปซิฟิกที่ยังคงมีสถาบันกษัตริย์แบบดั้งเดิมอยู่ (นอกเหนือจากอาณาจักรฮาวายในอดีต) ความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ได้เข้ามาแทนที่ความเคารพที่เคยมีต่อหัวหน้าเผ่าผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดคือตูอีโตงาในศตวรรษก่อน ๆ การวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ถือเป็นการขัดต่อวัฒนธรรมและมารยาทของชาวตองงา โครงสร้างรัฐบาลมีการแบ่งอำนาจออกเป็นฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ โดยมีประเด็นทางการเมืองที่สำคัญคือการพัฒนาประชาธิปไตย การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
5.1. โครงสร้างรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ


ประเทศตองงาปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญตองงาฉบับปี ค.ศ. 1875 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง โดยครั้งสำคัญล่าสุดคือในปี ค.ศ. 2010 ที่นำไปสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งสำคัญ รัฐธรรมนูญกำหนดให้พระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐและเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ส่วนใหญ่เป็นไปในทางพิธีการและตามคำแนะนำของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ
- พระมหากษัตริย์: เป็นประมุขแห่งรัฐ พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีตูโปอูที่ 6 พระองค์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามการเสนอชื่อของรัฐสภา และทรงแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังมีพระราชอำนาจในการเรียกประชุมรัฐสภา ยุบสภา และพระราชทานอภัยโทษ
- ฝ่ายนิติบัญญัติ: สภานิติบัญญัติตองงา (Fale Aleaฟาเล อาเลอาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) เป็นระบบสภาเดียว ประกอบด้วยสมาชิก 26 คน โดย 17 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และอีก 9 คนมาจากการเลือกตั้งกันเองในหมู่ขุนนาง สมาชิกสภามีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภามีอำนาจในการออกกฎหมาย อนุมัติงบประมาณ และตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร
- ฝ่ายบริหาร: นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและหัวหน้ารัฐบาล ได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์หลังจากได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมากในรัฐสภา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ซึ่งแต่งตั้งจากสมาชิกรัฐสภาเป็นส่วนใหญ่) รับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน
- ฝ่ายตุลาการ: เป็นอิสระจากฝ่ายอื่น ประกอบด้วยศาลอุทธรณ์ ศาลสูงสุด ศาลที่ดิน และศาลแขวง ผู้พิพากษาได้รับการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ตามคำแนะนำของคณะองคมนตรี
ตองงาจัดให้พลเมืองได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรีและภาคบังคับ มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาโดยเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย และมีทุนการศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศสำหรับการศึกษาระดับหลังมัธยมศึกษา
5.2. แนวโน้มทางการเมืองและการพัฒนาประชาธิปไตย

ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในตองงาเริ่มมีบทบาทสำคัญตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการปฏิรูปการเมือง เพิ่มสัดส่วนผู้แทนจากภาคประชาชนในรัฐสภา และเพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน การล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้อง และสถาบันกษัตริย์ยังคงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนโดยทั่วไป แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปก็ตาม
สมเด็จพระราชาธิบดีเตาฟาอาเฮา ตูโปอูที่ 4 (ครองราชย์ ค.ศ. 1965-ค.ศ. 2006) และรัฐบาลของพระองค์ได้ดำเนินนโยบายที่ก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจบางประการ และถูกกล่าวหาจากนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อากีลีซี โปฮีวา ว่าสิ้นเปลืองงบประมาณหลายล้านดอลลาร์ไปกับการลงทุนที่ไม่รอบคอบ ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากความพยายามที่จะเพิ่มรายได้ของประเทศผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การพิจารณาให้ตองงาเป็นสถานที่กำจัดกากนิวเคลียร์ (แนวคิดที่เสนอในช่วงกลางทศวรรษ 1990 โดยมกุฎราชกุมารในขณะนั้น) และการขายหนังสือเดินทางคุ้มครองบุคคลของตองงา (ซึ่งในที่สุดทำให้ตองงาต้องให้สัญชาติแก่ผู้ซื้อ ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องชาติพันธุ์ภายในประเทศ)
โครงการอื่น ๆ ยังรวมถึงการจดทะเบียนเรือต่างชาติ (ซึ่งพบว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการขนส่งให้อัลกออิดะฮ์) การอ้างสิทธิ์ในช่องสัญญาณดาวเทียมวงโคจรพ้องคาบโลก (ซึ่งรายได้ดูเหมือนจะตกเป็นของเจ้าฟ้าหญิงพระองค์หนึ่ง ไม่ใช่ของรัฐ) การเช่าเครื่องบินโบอิง 757 ที่ใช้งานไม่ได้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งจอดทิ้งไว้ที่สนามบินออกแลนด์ นำไปสู่การล่มสลายของสายการบินรอยัลตองงาแอร์ไลน์ และการอนุมัติให้ตั้งโรงงานส่งออกบุหรี่ไปยังจีน (สวนทางกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตองงาและนโยบายส่งเสริมสุขภาพที่ดำเนินมานานหลายทศวรรษ)
กษัตริย์ยังทรงตกเป็นเหยื่อของนักเก็งกำไรที่ให้คำมั่นสัญญาเกินจริง และสูญเสียเงินไปตามรายงานถึง 26.00 M USD ให้กับเจสซี บ็อกโดนอฟฟ์ ที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งเรียกตนเองว่า "ตัวตลกราชสำนัก" ของกษัตริย์ ตำรวจได้จำคุกผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย และรัฐบาลได้ยึดหนังสือพิมพ์ The Tongan Times (พิมพ์ในนิวซีแลนด์และจำหน่ายในตองงา) หลายครั้ง เนื่องจากบรรณาธิการวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดของกษัตริย์อย่างเปิดเผย
การปฏิรูปการเมืองครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2010 หลังจากการจลาจลในกรุงนูกูอาโลฟาปี ค.ศ. 2006 ซึ่งนำไปสู่การเลือกตั้งที่ผู้แทนส่วนใหญ่มาจากประชาชนเป็นครั้งแรก รัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไขเพื่อลดอำนาจของพระมหากษัตริย์และเพิ่มบทบาทของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม การพัฒนาประชาธิปไตยยังคงเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงการสร้างความสมดุลระหว่างวัฒนธรรมประเพณีกับหลักการประชาธิปไตยสมัยใหม่ และการจัดการกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
พรรคการเมืองหลัก ๆ ในตองกา ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยแห่งหมู่เกาะมิตรภาพ (Democratic Party of the Friendly Islands) ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนการปฏิรูปประชาธิปไตย การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนยังคงเป็นประเด็นสำคัญในวาระทางการเมืองของตองงา แม้ว่าการรักร่วมเพศชายยังคงผิดกฎหมายในตองงา แต่กฎหมายดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง
5.3. เขตการปกครอง
ประเทศตองงาแบ่งออกเป็น 5 เขตการปกครองหลัก (administrative divisions) ได้แก่:
- เออัว (ʻEuaเออัวภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
- ฮาอะไป (Haʻapaiฮาอะไปภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
- นีอูอาส (Niuasนีอูอาสภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
- โตงาตาปู (Tongatapuโตงาตาปูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
- วาวาอู (Vavaʻuวาวาอูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
แต่ละเขตการปกครองเหล่านี้ยังแบ่งย่อยออกเป็นเขต (districts) และหมู่บ้าน (villages) ในปี ค.ศ. 2013 ตองงามีเขตการปกครองระดับเขต 23 แห่ง และหมู่บ้าน 167 แห่ง เขตการปกครองฮาอะไปและวาวาอูมีผู้ว่าการเขต (Governor) เป็นผู้บริหารสูงสุดในระดับเขต ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี ส่วนเขตการปกครองอื่น ๆ และในระดับเขตย่อย จะมีเจ้าพนักงานประจำเขต (District Officer) และเจ้าพนักงานประจำหมู่บ้าน (Town Officer) ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนในท้องถิ่น มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี เป็นผู้ดูแลการบริหารจัดการและรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้ว่าการเขต (ในกรณีของฮาอะไปและวาวาอู)
5.4. การทหาร

กองกำลังป้องกันตองงา (His Majesty's Armed Forces (HMAF)ฮิสมาเจสตีส์อาร์มฟอร์ซซิส (เอชเอ็มเอเอฟ)ภาษาอังกฤษ) เดิมชื่อ กองกำลังป้องกันตนเองตองงา (Tonga Defence Services - TDSตองกาดีเฟนซ์เซอร์วิสเซส (ทีดีเอส)ภาษาอังกฤษ) เป็นกองทัพของประเทศตองงา ประกอบด้วย 2 เหล่าทัพหลัก คือ กองทัพบก (รวมถึงหน่วยทหารรักษาพระองค์) และกองทัพเรือ (ซึ่งรวมถึงหน่วยบินนาวี) โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด กำลังพลประจำการมีประมาณ 500 นาย โดยไม่มีการเกณฑ์ทหาร ผู้สมัครเข้ารับราชการทหารต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไปและได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง งบประมาณกลาโหมคิดเป็นประมาณร้อยละ 0.9 ของจีดีพี (ประมาณการปี ค.ศ. 2006) หรือร้อยละ 4.5 ของงบประมาณแผ่นดิน
ภารกิจหลักของกองกำลังป้องกันตองงาคือการปกป้องอธิปไตยของประเทศ การให้ความช่วยเหลือหน่วยงานพลเรือนในกิจการต่าง ๆ เช่น การบรรเทาสาธารณภัย การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล และการสนองพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์เป็นครั้งคราว ตองงามีความร่วมมือทางการทหารกับหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน สหราชอาณาจักร อินเดีย และนิวซีแลนด์ โดยเน้นความร่วมมือด้านการฝึกกำลังพลและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกองทัพ
กองกำลังป้องกันตองงาได้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพระหว่างประเทศหลายครั้ง ที่สำคัญได้แก่:
- สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง: ทหารตองงาบางส่วนเข้าร่วมรบในฐานะส่วนหนึ่งของกองกำลังนิวซีแลนด์
- สงครามโลกครั้งที่สอง: ให้การสนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตร และอนุญาตให้สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพในประเทศ
- การรักษาสันติภาพในบูเกนวิลล์ (ประเทศปาปัวนิวกินี)
- การรักษาสันติภาพในหมู่เกาะโซโลมอน (RAMSI)
- สงครามอิรัก: เข้าร่วมกองกำลังผสมนานาชาติ (Coalition of the Willing) โดยส่งทหารไปประจำการมากกว่า 40 นาย ในช่วงปี ค.ศ. 2004 และอีกสองชุดในปี ค.ศ. 2007 และ ค.ศ. 2008
- สงครามอัฟกานิสถาน: ส่งกำลังพลประมาณ 200 นาย เข้าร่วมกับกองกำลังสนับสนุนความมั่นคงระหว่างประเทศ (ISAF) ของสหราชอาณาจักร ระหว่างปี ค.ศ. 2010-2014
การส่งกำลังพลไปปฏิบัติภารกิจในต่างแดนเหล่านี้ แม้จะสร้างเสริมประสบการณ์และชื่อเสียงให้กับกองทัพตองงา แต่ก็อาจส่งผลกระทบทางสังคมต่อครอบครัวของทหารและชุมชน ซึ่งเป็นประเด็นที่ควรพิจารณาในแง่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนและสวัสดิการของกำลังพล
6. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นโยบายการต่างประเทศของตองงาในปัจจุบันมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ และให้ความร่วมมือในภารกิจระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติ การส่งเสริมค่านิยมสากล และประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในเวทีโลกเป็นสำคัญ ตองงาใช้ "นโยบายมองตะวันออก" (Look East Policy) ซึ่งหมายถึงการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจกับประเทศในทวีปเอเชีย (แม้ว่าในทางภูมิศาสตร์ เอเชียจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตองงาก็ตาม)
ตองงามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคโอเชียเนีย ได้แก่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ได้เปิดสถานทูตในตองงาเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 เพื่อเป็นการคานอำนาจของจีนที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ สำหรับสหราชอาณาจักร ซึ่งตองงามีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ความสัมพันธ์ในปัจจุบันไม่ใกล้ชิดเท่าในอดีต โดยสหราชอาณาจักรได้ปิดสำนักงานข้าหลวงใหญ่ในกรุงนูกูอาโลฟาไปในปี ค.ศ. 2006 ก่อนจะเปิดทำการอีกครั้งในปี ค.ศ. 2020
สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ขยายอิทธิพลอย่างมากในตองงา โดยให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงการก่อสร้างพระราชวังแห่งใหม่ และจีนยังเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของตองงา โดยถือครองหนี้ต่างประเทศของตองงาถึงสองในสามส่วน ตองงายึดถือนโยบายจีนเดียว โดยได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระดับเอกอัครราชทูตกับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในปี ค.ศ. 1998
ตองงาเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศและกลุ่มความร่วมมือระดับภูมิภาคหลายแห่ง เช่น เครือจักรภพแห่งชาติ องค์การสหประชาชาติ เวทีหารือหมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Islands Forum) คณะกรรมาธิการธรณีศาสตร์ประยุกต์แปซิฟิกใต้ (South Pacific Applied Geoscience Commission) องค์การการท่องเที่ยวแปซิฟิกใต้ (South Pacific Tourism Organisation) โครงการสิ่งแวดล้อมภูมิภาคแปซิฟิก (Pacific Regional Environment Programme) และสำนักเลขาธิการประชาคมแปซิฟิก (Secretariat of the Pacific Community) รวมถึงพันธมิตรรัฐหมู่เกาะขนาดเล็ก (Alliance of Small Island States)
ตองงายังมีความขัดแย้งเรื่องอาณาเขตกับฟีจีเกี่ยวกับแนวปะการังมิเนอร์วา ซึ่งทั้งสองประเทศยังคงดำเนินการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน ในปี ค.ศ. 2023 ตองงาได้ร่วมกับประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกอื่น ๆ (ฟีจี นีวเว หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู และวานูอาตู) ออกแถลงการณ์ "Port Vila Call for a Just Transition to a Fossil Fuel Free Pacific" เรียกร้องให้มีการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม รวมถึงการเสริมสร้างกฎหมายสิ่งแวดล้อม และการพิจารณาให้การทำลายล้างระบบนิเวศ (ecocide) เป็นอาชญากรรม ซึ่งสะท้อนถึงความตระหนักในประเด็นสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนในระดับสากล
7. เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจของตองงาโดดเด่นด้วยภาคเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ และการพึ่งพาเงินส่งกลับจากประชากรชาวตองงาที่อาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นอย่างมาก (ส่วนใหญ่อยู่ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของประเทศ สถาบันกษัตริย์และกลุ่มขุนนางมีบทบาทสำคัญและเป็นเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ในภาคเศรษฐกิจที่เป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจโทรคมนาคมและบริการดาวเทียม ในปี ค.ศ. 2008 นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ตองงาเป็นประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชันสูงเป็นอันดับที่หกของโลก
ตองงาถูกจัดอันดับให้เป็นจุดหมายการลงทุนที่ปลอดภัยอันดับที่ 165 ของโลกในการจัดอันดับความเสี่ยงของประเทศโดย Euromoney ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 ภาคการผลิตประกอบด้วยอุตสาหกรรมในครัวเรือนประเภทงานหัตถกรรมและอุตสาหกรรมขนาดเล็กมากอื่น ๆ ซึ่งมีสัดส่วนเพียงประมาณร้อยละ 3-5 ของจีดีพี กิจกรรมทางธุรกิจการค้ายังมีไม่มากนัก และส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยบริษัทการค้าขนาดใหญ่แบบเดียวกับที่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1974 ธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศคือธนาคารแห่งตองงา (Bank of Tonga) ได้เปิดดำเนินการ
แผนพัฒนาของตองเน้นการส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชน การยกระดับผลิตภาพทางการเกษตร การฟื้นฟูอุตสาหกรรมสควอชและฝักวานิลลา การพัฒนาการท่องเที่ยว และการปรับปรุงระบบการสื่อสารและการขนส่ง แม้จะมีความคืบหน้าไปมาก แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ภาคการก่อสร้างขนาดเล็กแต่กำลังเติบโตได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศและเงินส่งกลับจากชาวตองในต่างแดน เพื่อเป็นการตระหนักถึงความสำคัญของเงินส่วนนี้ รัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อดูแลความต้องการของชาวตองงาที่อาศัยอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะ ในปี ค.ศ. 2007 รัฐสภาตองงาได้แก้ไขกฎหมายสัญชาติเพื่อให้ชาวตองงาสามารถถือสองสัญชาติได้
สกุลเงินของตองงาคือปาอางาตองกา (Tongan paʻangaตองงันปาอางาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา), TOP) เศรษฐกิจของตองงายังคงเผชิญกับความท้าทายในด้านการกระจายรายได้ ความเป็นธรรมทางสังคม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนา ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรม
7.1. อุตสาหกรรมหลัก

ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของตองงาประกอบด้วยเกษตรกรรม การประมง และการท่องเที่ยว
- เกษตรกรรม: เป็นภาคส่วนที่สร้างงาน สร้างรายได้เงินตราต่างประเทศ และเป็นแหล่งอาหารหลักของประเทศ ชาวตองงาในชนบทพึ่งพาทั้งการทำไร่ขนาดใหญ่และการเกษตรเพื่อยังชีพ พืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ กล้วย มะพร้าว (ซึ่งเคยเป็นอุตสาหกรรมหลักในการผลิตมะพร้าวแห้งและเนื้อในมะพร้าวแห้ง แต่ได้ซบเซาลงเนื่องจากราคาในตลาดโลกตกต่ำและการขาดการปลูกทดแทน) เมล็ดกาแฟ ฝักวานิลลา และพืชหัว เช่น มันสำปะหลัง มันเทศ และเผือก (ซึ่งในปี ค.ศ. 2001 คิดเป็นสองในสามของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด) สควอชเป็นพืชส่งออกที่สำคัญไปยังประเทศญี่ปุ่น (เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987) และต่อมายังส่งออกไปยังเกาหลีใต้ จีน และนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคาและความเสี่ยงทางการเงินทำให้เกษตรกรมีความระมัดระวังในการพึ่งพาตลาดญี่ปุ่น คาวาเป็นอีกหนึ่งพืชส่งออกที่สำคัญ ปศุสัตว์หลักได้แก่ สุกรและสัตว์ปีก ม้ายังคงใช้สำหรับลากจูงในไร่นา การเลี้ยงวัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้การนำเข้าเนื้อวัวลดลง ปัญหาสำคัญในภาคเกษตรกรรมคือระบบการถือครองที่ดินแบบศักดินาในอดีตที่ไม่เอื้อให้เกษตรกรลงทุนในพืชยืนต้นระยะยาวบนที่ดินที่ตนไม่ได้เป็นเจ้าของ
- การประมง: ตองงามีเขตเศรษฐกิจจำเพาะกว้างใหญ่ถึง 700.00 K km2 รัฐบาลอนุญาตให้กองเรือต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตเข้ามาทำประมงได้ โดยส่วนใหญ่นิยมจับปลาทูน่า อย่างไรก็ตาม ปริมาณการจับปลาลดลงจากอดีตเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอิทธิพลของเอลนีโญและลานีญา การจับกุ้งมังกรเพื่อการค้าเคยเฟื่องฟู แต่ปัจจุบันปริมาณลดลง การจับหอยสองฝาเพื่อบริโภคในครัวเรือนและขายเป็นของที่ระลึกยังมีอยู่ ปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมการเลี้ยงหอยนางรมเพื่อผลิตไข่มุก โดยเริ่มมีการนำพันธุ์หอยจากญี่ปุ่นมาเลี้ยงตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970
- การท่องเที่ยว: เป็นอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก แต่รัฐบาลตระหนักดีว่าการท่องเที่ยวสามารถมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และกำลังพยายามเพิ่มรายได้จากแหล่งนี้ เรือสำราญมักจะแวะจอดที่วาวาอู ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการชมวาฬ การตกปลา การเล่นกระดานโต้คลื่น ชายหาด และกำลังกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดการท่องเที่ยวแปซิฟิกใต้มากขึ้นเรื่อย ๆ แสตมป์ของตองงา ซึ่งมีดีไซน์ที่มีสีสันและมักจะไม่ธรรมดา (รวมถึงแสตมป์รูปหัวใจและรูปกล้วย) เป็นที่นิยมของนักสะสมแสตมป์
การจ้างงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ก็มีความท้าทายในด้านการกระจายผลประโยชน์สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประเด็นด้านสิทธิแรงงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการพิจารณาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรม
7.2. การค้าและการส่งเงินกลับประเทศ
สินค้าส่งออกหลักของตองงาประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและประมง เช่น สควอช ปลาทะเลสดและแช่แข็ง ฝักวานิลลา และพืชหัวต่าง ๆ ประเทศคู่ค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
สินค้านำเข้าหลักของตองงา ได้แก่ อาหาร เชื้อเพลิง เครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ ประเทศคู่ค้านำเข้าที่สำคัญคือ ฟีจี นิวซีแลนด์ จีน และสหรัฐอเมริกา ตองกาประสบปัญหาการขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง
เงินที่ชาวตองงาซึ่งอาศัยและทำงานในต่างแดน (ส่วนใหญ่อยู่ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา) ส่งกลับมาให้ครอบครัวในประเทศ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโดยรวมของตองงา เงินเหล่านี้ช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชน ลดความยากจน และเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินส่งกลับมีความผันผวนและอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชาวตองงาไปทำงานอยู่
7.3. พลังงาน
แหล่งพลังงานหลักของตองงาส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าน้ำมันดีเซล ซึ่งใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการขนส่ง การพึ่งพาน้ำมันนำเข้าทำให้ตองงาเผชิญกับความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลกและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ปริมาณการใช้พลังงานในตองงาคาดว่าจะสูงถึงประมาณ 66 จิกะวัตต์-ชั่วโมง ภายในปี ค.ศ. 2020
สถานการณ์การผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้ายังคงกระจุกตัวอยู่บนเกาะหลัก ๆ โครงข่ายไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเกาะที่ห่างไกล เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รัฐบาลตองงาได้พยายามส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ตองงาตั้งเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ร้อยละ 50 ของการผลิตพลังงานทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2020 และบรรลุเป้าหมายการผลิตพลังงานหมุนเวียนได้ร้อยละ 10 ภายในปี ค.ศ. 2018 ในปี ค.ศ. 2019 ตองงาได้ประกาศก่อสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6 เมกะวัตต์บนเกาะโตงาตาปู ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคแปซิฟิก
รัฐบาลตองงาได้ร่วมมือกับองค์การพลังงานทดแทนระหว่างประเทศ (IRENA) ในการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานหมุนเวียนสำหรับเกาะหลักและเกาะรอบนอก โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตามบ้านเรือน (solar home systems) ซึ่งจะเปลี่ยนครัวเรือนแต่ละหลังให้เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งศูนย์พลังงานหมุนเวียนและประสิทธิภาพพลังงานแปซิฟิก (Pacific Centre for Renewable Energy and Energy Efficiency - PCREEE) ขึ้นในตองงาเมื่อปี ค.ศ. 2016 เพื่อให้คำปรึกษาแก่ภาคเอกชนในเรื่องนโยบายที่เกี่ยวข้อง พัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมการลงทุนทางธุรกิจในภาคพลังงานหมุนเวียน
เป้าหมายด้านความยั่งยืนทางพลังงานและการลดผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่นเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนานโยบายพลังงานของตองงา การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนไม่เพียงแต่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน แต่ยังสามารถสร้างงานและโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้อีกด้วย
8. สังคม
สังคมตองงาเป็นสังคมที่มีลักษณะเฉพาะตัว โดยมีองค์ประกอบทางประชากร การใช้ภาษา ศาสนา ระบบการศึกษา และประเด็นทางสาธารณสุขที่น่าสนใจ ซึ่งล้วนมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวตองงา
8.1. ประชากร

จากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรปี ค.ศ. 2021 ประเทศตองงามีประชากรทั้งสิ้น 100,209 คน โดยประมาณร้อยละ 70 ของประชากรอาศัยอยู่บนเกาะหลักคือเกาะโตงาตาปู ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงนูกูอาโลฟา อันเป็นศูนย์กลางเมืองและพาณิชยกรรมเพียงแห่งเดียวของประเทศ แม้ว่าจะมีชาวตองงาจำนวนมากขึ้นที่ย้ายเข้ามาอาศัยในเขตเมือง ซึ่งรูปแบบวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตแบบยุโรปและแบบพื้นเมืองได้ผสมผสานกัน แต่ชีวิตในหมู่บ้านและความผูกพันทางเครือญาติยังคงมีอิทธิพลอย่างมากทั่วประเทศ
องค์ประกอบทางชาติพันธุ์ของตองงาส่วนใหญ่เป็นชาวพอลินีเชีย (มากกว่าร้อยละ 98) โดยมีส่วนผสมของชาวเมลานีเซียอยู่บ้าง ส่วนที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 1.5 เป็นชาวตองงาเลือดผสม และที่เหลือเป็นชาวยุโรป (ส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ) ชาวยุโรปเลือดผสม และชาวเกาะแปซิฟิกอื่น ๆ ในปี ค.ศ. 2001 มีชาวจีนอาศัยอยู่ในตองงาประมาณ 3,000 ถึง 4,000 คน คิดเป็นร้อยละ 3 ถึง 4 ของประชากรตองงาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์จลาจลในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ธุรกิจของชาวจีนเป็นหลัก ทำให้ชาวจีนหลายร้อยคนอพยพออกไป เหลืออยู่เพียงประมาณ 300 คน
ความหนาแน่นของประชากรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 134 คนต่อตารางกิโลเมตร การกระจายตัวของประชากรไม่สม่ำเสมอ โดยกระจุกตัวอยู่บนเกาะโตงาตาปูเป็นหลัก สถานการณ์ความเป็นเมืองยังคงอยู่ในระดับต่ำ มีชาวตองงาจำนวนมากที่อพยพไปอาศัยและทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดชุมชนชาวตองงาพลัดถิ่น (diaspora) ขนาดใหญ่ ซึ่งมีจำนวนประชากรมากกว่าสองเท่าของประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศ การย้ายถิ่นนี้ส่งผลกระทบทางสังคมหลายประการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัว การพึ่งพาเงินส่งกลับจากต่างประเทศ และความท้าทายในการรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เติบโตในต่างแดน
8.2. ภาษา
ภาษาตองงา (lea fakatongaเลอาฟากาโตงาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) เป็นภาษาราชการและภาษาประจำชาติของประเทศตองงา ควบคู่ไปกับภาษาอังกฤษ ภาษาตองงาเป็นภาษาพอลินีเชียอยู่ในสาขาทองิก (Tongic branch) ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาษานีวเว (Niuean) และภาษานีอูอาโฟโออู (Niuafoʻouan) นอกจากนี้ ภาษาตองงายังมีความเชื่อมโยงที่ห่างออกไปกับภาษาพอลินีเชียอื่น ๆ เช่น ภาษาฮาวาย ภาษาซามัว ภาษามาวรี และภาษาตาฮีตี เป็นต้น
ภาษาตองงามีลักษณะทางภาษาศาสตร์ที่น่าสนใจ รวมถึงระบบเสียง สัทวิทยา และไวยากรณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีการใช้เครื่องหมายกำกับเสียง (diacritics) เช่น ฟากาอัว (fakaʻuaฟากาอูอาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา), เครื่องหมายคล้ายลูกน้ำกลับหัว ʻ) เพื่อแสดงเสียงกัก เส้นเสียง (glottal stop) และโทโลอา (toloiโตโลอิภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา), เครื่องหมายขีดบนสระ) เพื่อแสดงสระเสียงยาว ภาษาตองงามีสำเนียงถิ่นที่แตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างหมู่เกาะทางตอนเหนือและตอนใต้ของประเทศ
ภาษาอังกฤษมีการใช้อย่างแพร่หลายในตองงา โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การบริหารราชการ และการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ เอกสารราชการส่วนใหญ่ตีพิมพ์เป็นทั้งภาษาตองงาและภาษาอังกฤษ ประชากรตองงาส่วนใหญ่สามารถสื่อสารได้ทั้งสองภาษา ไม่มีรายงานการใช้ภาษาชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญในตองงา
8.3. ศาสนา

ประเทศตองงาไม่มีศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ รัฐธรรมนูญตองงา (ฉบับแก้ไขปี ค.ศ. 1998) รับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนา อย่างไรก็ตาม ศาสนาคริสต์มีอิทธิพลอย่างสูงต่อชีวิตประจำวันของชาวตองงา กิจกรรมการค้าและความบันเทิงทั้งหมดจะหยุดลงในวันอาทิตย์ ตั้งแต่เที่ยงคืนวันเสาร์จนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ โดยรัฐธรรมนูญประกาศให้วันสะบาโต (วันอาทิตย์) เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป
ในปี ค.ศ. 1928 สมเด็จพระราชินีนาถซาโลเต ตูโปอูที่ 3 ซึ่งทรงเป็นสมาชิกของคริสตจักรฟรีเวสเลยันแห่งตองงา (Free Wesleyan Church of Tonga) ได้สถาปนาคริสตจักรดังกล่าวให้มีสถานะคล้ายศาสนาประจำรัฐของตองงา หัวหน้าบาทหลวงของคริสตจักรฟรีเวสเลยันทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนชาวตองงาและของคริสตจักรในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์หรือราชินีแห่งตองงา โดยเป็นผู้เจิมและสวมมงกุฎให้แก่ประมุข จากการคัดค้านการสถาปนาคริสตจักรฟรีเวสเลยันเป็นศาสนาประจำรัฐ คริสตจักรแห่งตองงา (Church of Tonga) จึงได้แยกตัวออกจากคริสตจักรฟรีเวสเลยันในปี ค.ศ. 1928
จากข้อมูลสำมะโนประชากรปี ค.ศ. 2011 พบว่าประชากรร้อยละ 90 นับถือศาสนาคริสต์นิกายหรือคณะต่าง ๆ โดย 4 นิกายหลักในราชอาณาจักร ได้แก่:
- คริสตจักรฟรีเวสเลยันแห่งตองงา (Free Wesleyan Church of Tonga): ร้อยละ 36 (36,592 คน)
- ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints หรือ มอร์มอน): ร้อยละ 18 (18,554 คน) มิชชันนารีมอร์มอนเดินทางมายังตองงาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1891 เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จ ตูโปอูที่ 1 และได้รับอนุญาตให้เผยแผ่ศาสนา
- นิกายโรมันคาทอลิก: ร้อยละ 15 (15,441 คน)
- คริสตจักรเสรีแห่งตองงา (Free Church of Tonga): ร้อยละ 12 (11,863 คน)
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของชนกลุ่มน้อยในประเทศ ชาวมุสลิมในตองงาส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนี มีมัสยิดอัล-คาเดอยะห์ (Al-Khadeejah Mosque) เป็นมัสยิดที่สำคัญในตองงา
8.4. การศึกษา

ระบบการศึกษาแบบสมัยใหม่ในตองงาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1826 โดยคณะมิชชันนารีเวสเลยัน ตามมาด้วยคณะมิชชันนารีจากนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์อื่น ๆ ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษา โดยมีการผสมผสานหลักคำสอนของศาสนาคริสต์เข้ากับการเรียนการสอนด้วย การศึกษาภาคบังคับของตองงากำหนดให้เด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 14 ปี ต้องได้รับการศึกษาขั้นประถมศึกษาเป็นอย่างน้อย ซึ่งข้อกำหนดนี้บังคับใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1876
ในระยะแรก การจัดการศึกษาอยู่ภายใต้การดูแลของคณะมิชชันนารีต่าง ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1882 รัฐบาลตองงาได้เข้ามาบริหารจัดการระบบการศึกษาเอง อย่างไรก็ตาม คณะมิชชันนารีต่าง ๆ ยังคงได้รับอนุญาตให้เปิดโรงเรียนได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1906 ปัจจุบัน โรงเรียนของรัฐดำเนินการจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษาเป็นส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 92) และระดับมัธยมศึกษาบางส่วน (ประมาณร้อยละ 10) ส่วนโรงเรียนของคณะมิชชันนารียังคงมีบทบาทสำคัญในระดับมัธยมศึกษา (ประมาณร้อยละ 90) และระดับประถมศึกษาบางส่วน (ประมาณร้อยละ 8)
ตองงาถือเป็นประเทศที่มีระบบการจัดการศึกษาที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศโอเชียเนียด้วยกัน ประชาชนชาวตองงาส่วนใหญ่มีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ โดยมีอัตราการรู้หนังสือสูงถึงร้อยละ 98.9 และประชากรร้อยละ 86 สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาตองงา ระบบการศึกษาของตองงาแบ่งออกเป็นระดับประถมศึกษา (6 ปี) มัธยมศึกษา (7 ปี) และอุดมศึกษา ในระดับอุดมศึกษา สถาบันการศึกษาในประเทศมีทั้งสถาบันฝึกหัดครู การพยาบาล การแพทย์ มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็ก วิทยาลัยธุรกิจสตรี และโรงเรียนเกษตรเอกชนหลายแห่ง นักศึกษาชาวตองงาจำนวนมากนิยมไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ซึ่งมักจะมีโครงการทุนการศึกษาและความช่วยเหลือด้านการศึกษาให้แก่ตองงา ชาวตองงาให้ความสำคัญกับการศึกษาและยกย่องผลงานทางวิชาการของนักวิชาการในประเทศเป็นอย่างสูง โดยมีการรวบรวมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทและเอกทั้งหมดที่เขียนโดยชาวตองงาจากทุกประเทศไว้ใน "คอลเลกชันกูกูเกานากา" (Kukū Kaunaka Collection) ซึ่งดูแลโดยสถาบันการศึกษาในตองงา
8.5. สาธารณสุข
สถานะทางสาธารณสุขของประเทศตองงาโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ ประชาชนชาวตองงาส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่านระบบบริการสาธารณสุขของรัฐ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงนิยมการรักษาพยาบาลแบบดั้งเดิมควบคู่ไปด้วย และจะเข้ารับการรักษาตามแผนปัจจุบันเมื่อเห็นว่าจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคของตน แม้ว่าบริการทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะให้บริการฟรี แต่ผู้ป่วยยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านยาด้วยตนเอง
ภาคสาธารณสุขเอกชนในตองงายังมีบทบาทจำกัดและส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ดำเนินการโดยแพทย์แผนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบันที่เปิดคลินิกส่วนตัวนอกเวลาราชการ ระบบการประกันสุขภาพในตองงายังไม่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ โดยจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มข้าราชการเท่านั้น
รัฐบาลตองงาได้แบ่งพื้นที่การบริหารงานด้านสาธารณสุขออกเป็น 4 ส่วนหลัก ปัจจุบันตองงามีโรงพยาบาล 4 แห่ง โดยโรงพยาบาลไวโอลา (Vaiola Hospital) ในกรุงนูกูอาโลฟา เป็นโรงพยาบาลกลางและโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ (มีเตียงรองรับผู้ป่วย 199 เตียง) ทำหน้าที่เป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาพยาบาลขั้นสูง สำหรับการรักษาที่ต้องใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ซับซ้อนมาก ผู้ป่วยมักจะถูกส่งต่อไปยังประเทศนิวซีแลนด์โดยผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งต่อผู้ป่วยทางการแพทย์ (Medical Transfer Board) โรงพยาบาลอีก 3 แห่งตั้งอยู่ที่เออัว ฮาอะไป และวาวาอู ส่วนในเขตนีอูอาสซึ่งเป็นหมู่เกาะที่ห่างไกล ไม่มีโรงพยาบาล แต่มีศูนย์การแพทย์ของรัฐบาลให้บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ในปี ค.ศ. 2010 ตองงามีแพทย์ 58 คน พยาบาล 379 คน และทันตแพทย์ 10 คน
อายุขัยเฉลี่ยของประชากรตองงาอยู่ที่ประมาณ 76.40 ปี (ข้อมูลปี ค.ศ. 2014) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ปัญหาท้าทายที่สำคัญด้านสาธารณสุขของตองงาคืออัตราโรคอ้วนที่สูงมาก จากการสำรวจพบว่าประชากรกว่าร้อยละ 90 มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน และมากกว่าร้อยละ 60 เป็นโรคอ้วน (ข้อมูลปี ค.ศ. 2011) โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงอายุ 15-85 ปี มีอัตราโรคอ้วนสูงถึงร้อยละ 70 ทำให้ตองงาและประเทศนาอูรูเป็นประเทศที่มีประชากรน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วนมากที่สุดในโลก ปัญหานี้นำไปสู่ความชุกของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในตองงา นอกจากนี้ ตองงารายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 จากผู้โดยสารที่เดินทางมาจากนิวซีแลนด์
9. การคมนาคมและการสื่อสาร

เครือข่ายการคมนาคมในประเทศตองงาส่วนใหญ่พึ่งพาการขนส่งทางถนนและทางทะเล ส่วนการสื่อสารมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ถนนส่วนใหญ่ในประเทศตองงาสร้างขึ้นโดยได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างประเทศ ตองงามีความยาวถนนรวมทั้งสิ้น 680 km โดยประมาณ 496 km ยังไม่ได้ลาดยาง การจราจรในตองงาขับรถชิดซ้าย การจัดการที่ดินที่ยังไม่มีประสิทธิภาพและลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะขนาดเล็กเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาระบบถนน ประชาชนนิยมใช้การขนส่งทางเรือในการเดินทางระหว่างเกาะ ท่าเรือที่สำคัญของประเทศตั้งอยู่ที่กรุงนูกูอาโลฟา เมืองปาไง (ในหมู่เกาะฮาอะไป) และเมืองเนอิอาฟู (ในหมู่เกาะวาวาอู)
ประเทศตองงามีท่าอากาศยาน 6 แห่ง โดยมีเพียงแห่งเดียวที่มีทางวิ่งลาดยางคือท่าอากาศยานนานาชาติฟูอาอะโมตู (Fuaʻamotu International Airport) บนเกาะโตงาตาปู ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ สายการบินแห่งชาติของตองงาในอดีตคือรอยัลตองงาแอร์ไลน์ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1985 แต่ประสบภาวะล้มละลายและเลิกกิจการไปในปี ค.ศ. 2004 เนื่องจากปัญหาการบริหารจัดการ ต่อมามีการจัดตั้งสายการบินสายการบินเปเอา วาวาอู (Peau Vavaʻu) เพื่อให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ แต่ก็ถูกเพิกถอนใบอนุญาตในภายหลัง ปัจจุบัน เที่ยวบินระหว่างประเทศดำเนินการโดยสายการบินต่างชาติ เช่น แอร์นิวซีแลนด์ ฟีจีแอร์เวย์ และสายการบินอื่น ๆ ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศดำเนินการโดยสายการบินลูลูไตแอร์ไลน์ (Lulutai Airlines) ซึ่งเป็นสายการบินของรัฐบาล
ด้านการสื่อสาร ประเทศตองงามีสื่อสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์ที่สำคัญ 2 ฉบับ คือ นิตยสาร "มาตางีโตงา" (Matangi Tonga) ซึ่งเป็นของเอกชน และหนังสือพิมพ์ "Tonga Chronicle" ซึ่งเป็นของรัฐบาล ทั้งสองฉบับตีพิมพ์เป็นภาษาตองงาและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีหนังสือพิมพ์ "The Times of Tonga" ที่ตีพิมพ์ในเมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ และรายงานข่าวจากตองงาทุกสองสัปดาห์ ตองงามีสถานีวิทยุ 4 สถานี ได้แก่ "Kool 90FM" (ของรัฐบาล), "Radio Nuku'alofa", "Radio "Magic" 89.1 FM" และ "93FM" (สามสถานีหลังเป็นของเอกชน) ส่วนสถานีโทรทัศน์มีผู้ดำเนินการ 2 ราย คือ รัฐบาล (Television Tonga) และบริษัทเอกชน (Digicel Tonga)
การติดต่อสื่อสารระหว่างเกาะและกับต่างประเทศใช้ระบบโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต จากข้อมูลประมาณการปี ค.ศ. 2018 ตองงามีผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐานประมาณ 23,800 เลขหมาย และผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 84,000 เลขหมาย ส่วนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีประมาณ 52,870 คน (ข้อมูลปี ค.ศ. 2020) ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหลักของตองงาคือสายเคเบิลใต้ทะเล (Tonga Cable System) โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารส่วนใหญ่พัฒนาอยู่บนเกาะโตงาตาปู โดยเฉพาะในกรุงนูกูอาโลฟา การเข้าถึงน้ำประปาและไฟฟ้ายังคงเป็นความท้าทายในบางพื้นที่ โดยเฉพาะเกาะที่ห่างไกล จากสำมะโนปี ค.ศ. 2011 มีเพียง 567 ครัวเรือนจาก 18,033 ครัวเรือนทั่วประเทศที่เข้าถึงน้ำประปา และร้อยละ 88.51 ของครัวเรือนมีไฟฟ้าใช้
10. วัฒนธรรม

วัฒนธรรมตองงาหยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์อันยาวนาน สะท้อนผ่านโครงสร้างทางสังคมและประเพณีดั้งเดิมที่ยังคงมีอิทธิพล ศิลปะและหัตถกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น การทำผ้าทาปาและการแกะสลักไม้ ยังคงได้รับการสืบทอด ดนตรีและการเต้นรำพื้นเมือง เช่น ลากาลากา เป็นส่วนสำคัญของชีวิตทางสังคมและพิธีกรรม วัฒนธรรมอาหารเน้นวัตถุดิบในท้องถิ่นและอาหารทะเล ขณะที่กีฬารักบี้เป็นที่นิยมอย่างสูง เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่หล่อหลอมเอกลักษณ์ของชาวตองงา ชาวตองงาโดยทั่วไปมีรูปร่างสูงใหญ่ สมเด็จพระราชาธิบดีเตาฟาอาเฮา ตูโปอูที่ 4 พระราชโอรสของสมเด็จพระราชินีนาถซาโลเต ตูโปอูที่ 3 เคยได้รับการบันทึกในกินเนสส์บุ๊คปี ค.ศ. 1976 ว่าเป็น "พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีน้ำหนักมากที่สุดในโลก" (209.5 kg) สตรีชาวตองงามีความสูงเฉลี่ย 170 cm และบุรุษมีความสูงเฉลี่ย 177 cm อัตราโรคอ้วนในตองงาค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70
10.1. สังคมและประเพณีดั้งเดิม
สังคมตองงามีการแบ่งชนชั้นทางสังคมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีความเข้มงวดน้อยลงหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคมตองงาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเชื้อพระวงศ์และขุนนาง (houʻeikiโฮอูเออิกิภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งเป็นชนชั้นนำของสังคม, กลุ่มนักบวชหรือผู้ประกอบพิธีกรรมและชนชั้นนำอื่น ๆ (kau matāpuleเกา มาตาปูเลภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)), และกลุ่มสามัญชน (kau tuʻaเกา ตูอาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) สถานภาพของบุคคลในสังคมและครอบครัวขึ้นอยู่กับตำแหน่ง อำนาจ เพศ และอายุ โดยทั่วไปสตรีจะมีสถานภาพสูงกว่าบุรุษในบางบริบทของความสัมพันธ์ทางเครือญาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของพี่สาวคนโต (เรียกว่า ฟาฮู (fahuฟาฮูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))) ซึ่งมีสิทธิพิเศษและอำนาจเหนือกว่าน้องชายและลูก ๆ ของน้องชายในครอบครัวขยาย อย่างไรก็ตาม บุรุษยังคงเป็นผู้ถือครองที่ดินและสามารถส่งต่อบรรดาศักดิ์ให้แก่บุตรชายได้
ระบบครอบครัวในตองงาให้ความสำคัญกับครอบครัวขยาย ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานทางสังคม บิดาถือเป็นหัวหน้าครอบครัว และมารดามีสถานะรองลงมา แต่ในความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่อายุใกล้เคียงกัน พี่สาวจะมีสถานะสูงกว่าน้องชาย เด็ก ๆ ถือเป็นสมบัติของครอบครัวใหญ่ ไม่ใช่เพียงของบิดามารดาเท่านั้น ก่อนการติดต่อกับชาติตะวันตก ความสัมพันธ์ภายในกลุ่มเครือญาติของชนชั้นปกครองถูกควบคุมโดยธรรมเนียมปฏิบัตินี้ แม้ว่าปัจจุบันสิทธิของฟาฮูจะไม่มีอำนาจทางการเมืองและความสำคัญเท่าในอดีต แต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของแนวปฏิบัติทางสังคมร่วมสมัยในตองงา โครงสร้างทางสังคมแบบฟาฮูนี้ถูกมองว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปรับตัวของมนุษย์ต่อภัยคุกคามทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อพายุเฮอริเคนเช่นตองงา เนื่องจากฟาฮูสามารถเป็นเครือข่ายและช่องทางในการโยกย้ายผู้คนและทรัพยากรในช่วงเกิดภัยพิบัติ เช่น พายุเฮอริเคนหรือภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างฟาฮูในบางช่วง เช่น ในช่วงทศวรรษ 1980 ที่ความต้องการไม้จันทน์หอมในตลาดสูงขึ้น ได้นำไปสู่การแข่งขันในท้องถิ่นที่รุนแรงและการตัดไม้ทำลายป่าเกินควร จนทรัพยากรไม้จันทน์หอมเกือบหมดไปภายในสองปี
พิธีกรรมและประเพณีที่สำคัญยังคงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของชาวตองงา การแต่งกายแบบดั้งเดิม เช่น การใช้ผ้าตาปา (ngatuงาตูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ยังคงพบเห็นได้ในโอกาสพิเศษ แม้ว่าการแต่งกายแบบตะวันตกจะแพร่หลายมากขึ้นก็ตาม
10.2. ศิลปะและหัตถกรรม
ตองงามีมรดกทางศิลปะและหัตถกรรมที่ยาวนานและโดดเด่น งานฝีมือที่สำคัญ ได้แก่:
- การผลิตผ้าทาปา (ngatuงาตูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา) หรือ tapaตาปาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): เป็นศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของตองงา ผ้าทาปาทำจากเปลือกของต้นปอสา (paper mulberry) โดยนำเปลือกไม้มาทุบ ตากแห้ง แล้วนำมาต่อกันเป็นผืนใหญ่ จากนั้นจึงตกแต่งด้วยลวดลายแบบดั้งเดิมโดยใช้สีธรรมชาติ ผ้าทาปามีบทบาทสำคัญในชีวิตสังคมและพิธีกรรมของชาวตองงา เช่น ใช้ในพิธีแต่งงาน พิธีศพ และเป็นของขวัญที่มีคุณค่า ลวดลายบนผ้าทาปามักจะสื่อถึงประวัติศาสตร์ ตำนาน หรือสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
- การแกะสลักไม้ (tongi fakairoโตงิ ฟาไกโรภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): เป็นงานฝีมือที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ โดยแกะสลักเป็นรูปเคารพ รูปคน สัตว์ หรือลวดลายเรขาคณิตบนไม้เนื้อแข็ง ไม้แกะสลักมักใช้ประดับอาคารสำคัญ หรือทำเป็นเครื่องใช้และอาวุธ เช่น กระบอง (ʻakauอากาอูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) และชามคาวา (kumete kavaกูเมเต คาวาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
- งานหัตถกรรมจากใบมะพร้าวและใบลำเจียก (lalagaลาลังกาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): ชาวตองงานำใบมะพร้าวและใบลำเจียกมาสานเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เสื่อ (falaฟาลาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ตะกร้า (katoกาโตภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) พัด (ʻiliอีลิภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) และเครื่องประดับ เช่น กิเอกิเอ (kiekieกีเอกีเอภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งเป็นเครื่องประดับเอวของผู้หญิง
- เครื่องประดับ: ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เปลือกหอย เมล็ดพืช กระดูกสัตว์ และงาช้าง (ในอดีต) ใช้สวมใส่เพื่อความสวยงามและแสดงสถานะทางสังคม
ศิลปะและหัตถกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถทางศิลปะของชาวตองงาเท่านั้น แต่ยังมีความหมายทางวัฒนธรรมและเป็นส่วนสำคัญของเอกลักษณ์ประจำชาติอีกด้วย ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีศิลปินร่วมสมัยชาวตองงาเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ ศิลปินเหล่านี้ได้นำเทคนิคและวัสดุแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับแนวคิดสมัยใหม่ สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น ทันยา เอ็ดเวิร์ดส์ (Tanya Edwards) ผู้ทำงานกับผ้าทาปา, เบนจามิน เวิร์ก (Benjamin Work), เทลลี ทูอิตา (Telly Tuita), และซิโอเน โมนู (Sione Monū) ซึ่งจัดแสดงผลงานในระดับนานาชาติอย่างกว้างขวาง และเซมิซี เฟโตไก โปเตาไอเน (Sēmisi Fetokai Potauaine) ผู้สร้างประติมากรรมตองงาความสูง 5 ชั้นในใจกลางเมืองไครสต์เชิร์ช ในปี ค.ศ. 2023 หอศิลป์เบิร์กแมน (Bergman Gallery) ในออกแลนด์ นิวซีแลนด์ ได้จัดนิทรรศการ "Tukufakaholo, Tongan Contemporary" โดยมีศิลปินชาวตองงา 8 คนเข้าร่วมแสดงผลงาน
10.3. ดนตรีและการเต้นรำ


ดนตรีและการเต้นรำเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมตองงา มีการสืบทอดและอนุรักษ์มาจนถึงปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับดนตรีและเครื่องดนตรีพื้นเมืองของตองงาก่อนการติดต่อกับชาติตะวันตกมีค่อนข้างน้อย แต่กัปตันเจมส์ คุก และวิลเลียม มาริเนอร์ ได้บันทึกเกี่ยวกับดนตรีและเพลงของตองงาไว้ เครื่องดนตรีตองงาส่วนใหญ่เป็นเครื่องกระทบ เช่น กลองนาฟา (nafaนาฟาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งทำจากไม้, ตาฟูอา (tafuaตาฟูอาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งทำจากไม้ไผ่, และอูเตเต (ʻuteteอูเตเตภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งคล้ายกับพิณ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายและเครื่องเป่าลม อย่างไรก็ตาม เครื่องดนตรีประเภทเครื่องหนังเพิ่งเข้ามาแพร่หลายในตองงาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยนำเข้าจากซามัวพร้อมกับการเต้นรำมาอูลูอูลู (maʻuluʻuluมาอูลูอูลูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ปัจจุบัน ดนตรีและบทเพลงของตองงาได้รับอิทธิพลจากดนตรีของยุโรปและแคริบเบียน โดยมีการนำมาผสมผสานกับดนตรีและบทเพลงพื้นเมือง

การเต้นรำที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในระดับสากลของตองงาคือ ลากาลากา (lakalakaลากาลากาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี ค.ศ. 2003 (ขึ้นทะเบียนปี ค.ศ. 2008) ลากาลากาถือเป็นนาฏศิลป์ประจำชาติของตองงา เป็นการเต้นรำหมู่ที่ใช้ผู้แสดงจำนวนมาก (ตั้งแต่หลายสิบถึงหลายร้อยคน) ทั้งชายและหญิงผสมผสานกัน ประกอบด้วยการร้องเพลง การพูด และการเคลื่อนไหวร่างกายที่สอดประสานกัน โดยผู้ชายจะแสดงท่าทางที่แข็งแรงและทรงพลัง ขณะที่ผู้หญิงจะแสดงท่าทางที่อ่อนช้อยสวยงาม เนื้อหาของลากาลากามักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ตำนาน หรือเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ
การเต้นรำอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่:
- เมเอตูอูปากี (meʻetuʻupakiเมเอตูอูปากิภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): เป็นการเต้นรำที่ใช้ผู้ชายแสดงเท่านั้น ใช้เครื่องดนตรีประกอบการแสดง 3 ชิ้น คือ กลอง อูเตเต และ Ratchet (เครื่องเขย่า) โดยมีผู้ชายและผู้หญิงนั่งอยู่ด้านหน้าผู้เต้นคอยร้องสนับสนุน ในอดีตจะเต้นในโอกาสการเฉลิมฉลองระดับชาติเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการจัดแสดงตามหมู่บ้านต่าง ๆ บ่อยครั้ง
- โอตูฮากา (ʻotuhakaโอตูฮากาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): เป็นการเต้นรำที่ใช้นักแสดงทั้งชายและหญิง เน้นการใช้มือประกอบการแสดงเป็นหลัก เครื่องดนตรีที่นิยมใช้ประกอบคือกีตาร์ผสมผสานกับตาฟูอา
- เตาโอลูงา (tauʻolungaเตาโอลูงาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): เป็นการเต้นรำเดี่ยวของผู้หญิงที่สง่างาม มักแสดงในงานเฉลิมฉลองและงานสำคัญต่าง ๆ
- ไกลาโอ (kailaoไกลาโอภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)): เป็นระบำสงครามที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ มักแสดงโดยผู้ชาย
ดนตรีและการเต้นรำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังเป็นวิธีการบอกเล่าเรื่องราว รักษาประวัติศาสตร์ และเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน แนวโน้มของดนตรีร่วมสมัยในตองงายังคงมีการพัฒนา โดยได้รับอิทธิพลจากดนตรีสากล แต่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นตองงาไว้
10.4. วัฒนธรรมอาหาร

อาหารพื้นเมืองหลักของตองงาสะท้อนถึงวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นและความผูกพันกับธรรมชาติ ในสมัยโบราณ ชาวตองงานิยมบริโภคผลผลิตทางการเกษตรเป็นหลัก เช่น มันเทศ กล้วย มะพร้าว เผือก มันสำปะหลัง และสาเก นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากทะเลก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยนิยมบริโภคปลาและสัตว์จำพวกหอย ปลาส่วนใหญ่มักนำมาผ่านกรรมวิธีการอบด้วยความร้อนใน อูมู (ʻumuอูมูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา) เตาอบดิน) หรือย่างไฟ ขณะที่สัตว์จำพวกหอยบางชนิดนิยมบริโภคดิบ น้ำกะทิเป็นเครื่องดื่มและส่วนประกอบสำคัญในการปรุงอาหาร มีการเลี้ยงสุกรและไก่ในครัวเรือนเพื่อเป็นแหล่งโปรตีน
หลังจากการเข้ามาของชาวยุโรป มีการนำพืชผักและผลไม้ต่างถิ่นเข้ามาปลูกในตองงา เช่น หัวหอม กะหล่ำปลี แครอท มะเขือเทศ ส้ม มะนาว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแตงโม ซึ่งกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำ โอไต (ʻotaiโอไตภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) เครื่องดื่มยอดนิยมของตองงาที่มีส่วนผสมหลักคือแตงโมปั่นกับน้ำกะทิและน้ำมะพร้าว บางครั้งอาจเติมมะม่วงหรือสับปะรดลงไปด้วย อาหารพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ ลู ปูลู (lū puluลู ปูลูภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งเป็นการนำใบเผือกอ่อนมาห่อเนื้อ (ส่วนใหญ่มักใช้เนื้อวัวหมักเกลือหรือเนื้อแกะ) ผสมกับกะทิและหัวหอม แล้วนำไปอบในอูมูจนเปื่อยนุ่ม อีกเมนูหนึ่งคือ โอตา อีกา (ʻota ʻikaโอตา อีกาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งคล้ายกับยำปลาดิบ โดยนำเนื้อปลาสดมาหมักกับน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู แล้วคลุกเคล้ากับกะทิ ผัก และเครื่องเทศ
วัฒนธรรมการดื่ม คาวา (kavaคาวาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) เป็นส่วนสำคัญของสังคมตองงา คาวาเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากรากของต้นคาวา (Piper methysticumไปเปอร์ เมทิสติคุมภาษาละติน) นำมาบดแล้วผสมกับน้ำ มีฤทธิ์ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเข้าสังคมได้ดีขึ้น การดื่มคาวานิยมทำกันในกลุ่มผู้ชาย และมักจะเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมสำคัญ การประชุมหารือ หรือการสังสรรค์ในชุมชน นอกจากนี้ คาวายังถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์แผนโบราณเพื่อรักษาโรคและบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดข้อ วัณโรค หนองใน และอาการไข้
ปัจจุบัน ลักษณะการบริโภคอาหารของชาวตองงาได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันตกและอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ
10.5. กีฬา

รักบี้ยูเนียนเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในระดับชาติของตองงา ทีมชาติรักบี้ยูเนียนของตองงา หรือที่รู้จักกันในชื่อ อีกาเล ตาฮี (ʻIkale Tahiอีกาเล ตาฮีภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา) หรือ อินทรีทะเล) ได้เข้าร่วมการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 โดยผลงานที่ดีที่สุดคือในการแข่งขันปี ค.ศ. 2007 และ ค.ศ. 2011 ซึ่งสามารถเอาชนะได้สองจากสี่นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนการแข่งขันทุกนัด ทีมชาติรักบี้ตองงาจะแสดงระบำสงคราม ซีปีเตา (Sipi Tauซีปีเตาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ ไกลาโอ (Kailaoไกลาโอภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา)) นักรักบี้ชาวตองงาจำนวนมากได้ไปสร้างชื่อเสียงในลีกอาชีพในต่างประเทศ เช่น ออล แบล็กส์ ของนิวซีแลนด์, วัลลาบีส์ ของออสเตรเลีย และในลีกยุโรป ซึ่งรวมถึงผู้เล่นที่มีชื่อเสียงอย่าง โจนาห์ โลมู, อิสราเอล โฟเลา, ทาลูเป ฟาเลตาอู และพี่น้องวูนิโปลา (มากิ และ บิลลี)
รักบี้ลีกก็เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จเช่นกัน ทีมชาติรักบี้ลีกตองงาได้เข้าร่วมการแข่งขันรักบี้ลีกชิงแชมป์โลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 และสร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วยการเอาชนะทีมชั้นนำอย่างนิวซีแลนด์ (ปี ค.ศ. 2017) บริเตนใหญ่ และออสเตรเลีย นักรักบี้ลีกชาวตองงาจำนวนมากเล่นอยู่ในลีกเนชันแนลรักบี้ลีก (NRL) ของออสเตรเลีย
นอกจากกีฬารักบี้แล้ว ฟุตบอลก็เป็นที่นิยมเช่นกัน โดยมีลีกฟุตบอลในประเทศคือตองงาเมเจอร์ลีก ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1969 ทีมฟุตบอลชาติตองงายังไม่ประสบความสำเร็จมากนักในระดับนานาชาติ มวยสากลก็เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ตองงาสร้างชื่อเสียง โดยปาเออา วอล์ฟแกรม ได้รับเหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูร้อนปี ค.ศ. 1996 ที่แอตแลนตา ซึ่งเป็นเหรียญโอลิมปิกเพียงเหรียญเดียวของตองงาจนถึงปัจจุบัน
ตองงาได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว ปิตา เตาฟาโตฟัว เป็นนักกีฬาชาวตองงาที่โดดเด่นจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกถึง 3 ครั้ง ใน 2 ชนิดกีฬา (เทควันโดและเรือคายัคในโอลิมปิกฤดูร้อน และสกีครอสคันทรีในโอลิมปิกฤดูหนาว) นอกจากนี้ นักกีฬาชาวตองงาหรือผู้มีเชื้อสายตองงายังประสบความสำเร็จในกีฬาอเมริกันฟุตบอลในลีกเนชันแนลฟุตบอลลีก (NFL) ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
กีฬาอื่น ๆ ที่มีการเล่นในตองงา ได้แก่ บาสเกตบอล คริกเกต วอลเลย์บอล และยกน้ำหนัก รวมถึงกีฬาพื้นเมืองที่คล้ายคริกเกตเรียกว่า ลานีตา (lanitaลานีตาภาษาตองงา (หมู่เกาะตองงา))
10.6. วันหยุดราชการ
ประเทศตองงาได้กำหนดวันหยุดราชการตามกฎหมายไว้หลายวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ วันหยุดราชการที่สำคัญ ได้แก่:
- 1 มกราคม: วันขึ้นปีใหม่ (New Year's Day)
- วันศุกร์ประเสริฐ: (Good Friday) (กำหนดตามปฏิทินทางศาสนาคริสต์)
- วันจันทร์อีสเตอร์: (Easter Monday) (กำหนดตามปฏิทินทางศาสนาคริสต์)
- 25 เมษายน: วันแอนแซ็ก (ANZAC Day) (รำลึกถึงทหารผ่านศึกจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งรวมถึงชาวตองงาที่ร่วมรบ)
- 4 มิถุนายน: วันประกาศอิสรภาพ (Emancipation Day) (รำลึกถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและเลิกระบบทาสในปี ค.ศ. 1875)
- วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระมหากษัตริย์ (Birthday of the reigning Sovereign of Tonga) (กำหนดตามวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน)
- วันเฉลิมพระชนมพรรษามกุฎราชกุมาร (Birthday of the Heir to the Crown of Tonga) (กำหนดตามวันประสูติของมกุฎราชกุมารองค์ปัจจุบัน)
- 4 พฤศจิกายน: วันรัฐธรรมนูญ (Constitution Day) (รำลึกถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรก)
- 4 ธันวาคม: วันรำลึกพระเจ้าจอร์จ ตูโปอูที่ 1 (King George Tupou I Commemoration Day)
- 25 ธันวาคม: วันคริสต์มาส (Christmas Day)
- 26 ธันวาคม: วันเปิดกล่องของขวัญ (Boxing Day)
หมายเหตุ: วันหยุดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และมกุฎราชกุมารอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามรัชสมัย