1. ภาพรวม

เจสสิกา เอลิซาเบธ แอนเจลิก โฟลเคอร์ (Jessica Elisabeth Angelique Folckerเยสสิกา เอลิซาเบธ แอนเจลิก โฟลเคอร์ภาษาสวีเดน; เกิดวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2518) เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวสวีเดน ผู้เป็นที่รู้จักในนาม เจสสิกา ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในอัลบั้มเปิดตัวของเธอในปี พ.ศ. 2541 อัลบั้มถัดมาชื่อ Dino ได้ใช้ชื่อ เจสสิกา โฟลเคอร์ ส่วนอัลบั้มที่ตามมาอย่าง På svenska (พ.ศ. 2548) และ Skin Close (พ.2550) ก็ยังคงใช้ชื่อเต็มของเธอ เจสสิกา โฟลเคอร์มีชื่อเสียงโด่งดังจากเพลงฮิตระดับนานาชาติสองเพลงในปี พ.ศ. 2541 คือ "Tell Me What You Like" และ "How Will I Know (Who You Are)" รวมถึงเพลง "(Crack It) Something Going On" ซึ่งเธอร่วมร้องกับ บอมฟังก์ เอ็มซีส์ (Bomfunk MC's) ในปี พ.ศ. 2545 และเพลงนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายประเทศ นอกจากนี้ เธอยังเป็นที่รู้จักในประเทศเกาหลีใต้จากการนำเพลง "Goodbye" ของ แอร์ซัปพลาย และ "Lost Without Your Love" ของ เบรด มารีเมกใหม่จนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
เจสสิกา โฟลเคอร์มีภูมิหลังที่ผสมผสานทางวัฒนธรรมและเริ่มต้นอาชีพด้านดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องประสานเสียง และยังได้เข้าร่วมการประกวดความงามระดับชาติซึ่งเป็นบันไดก้าวสู่การเป็นนักร้องมืออาชีพ
2.1. การเกิดและวัยเด็ก
เจสสิกา โฟลเคอร์ เกิดภายใต้ชื่อ เจสสิกา เอลิซาเบธ แอนเจลิก โฟลเคอร์ ที่เมืองเตบี (Täby) เทศมณฑลสต็อกโฮล์ม เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 มารดาของเธอเป็นชาวสวีเดน ส่วนบิดาเป็นชาวเซเนกัล เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนดนตรีอดอล์ฟ เฟรดริก (Adolf Fredrik's Music School) ในสต็อกโฮล์ม เป็นเวลาหกปี จนกระทั่งอายุ 17 ปี
2.2. จุดเริ่มต้นอาชีพช่วงต้น
ความฝันอันยิ่งใหญ่ในการเป็นนักร้องของเจสสิกาได้เป็นจริงขึ้น เมื่อเธอได้รับหน้าที่เป็นนักร้องประสานเสียงให้กับศิลปินชื่อดังอย่าง เอซออฟเบส (Ace of Base) และ ดร. แอลบัน (Dr. Alban) เธอยังได้ร้องท่อนคอรัสในเพลงฮิต "Electric" ของ เลย์ลา เค (Leila K) และร้องประสานให้กับ อี-ไทป์ (E-Type) ก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ. 2537 เธอได้เข้าร่วมการประกวด มิสสวีเดน (Miss Sweden) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่สำคัญในอาชีพของเธอ ก่อนที่จะเปิดตัวในฐานะนักร้องอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2541
3. อาชีพนักดนตรี
ตลอดเส้นทางอาชีพ เจสสิกา โฟลเคอร์ได้สร้างผลงานดนตรีที่หลากหลายและประสบความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นอาชีพที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้เธอยังได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติหลายครั้ง และยังคงมีผลงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
3.1. การเปิดตัวและความสำเร็จระดับนานาชาติ
อัลบั้มเปิดตัวของเจสสิกาชื่อเพียง Jessica ออกวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2541 โดยเธอได้ร่วมงานกับนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง แม็กซ์ มาร์ติน (Max Martin) ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการเขียนเพลง "...เบบีวันมอร์ไทม์" ของ บริตนีย์ สเปียส์ อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทำให้เจสสิกากลายเป็นดาวเด่นระดับนานาชาติในชั่วข้ามคืน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้เดินทางไปทวีปเอเชียเพื่อจัดทัวร์โปรโมตนานหกสัปดาห์ในประเทศญี่ปุ่น, ประเทศฟิลิปปินส์, ประเทศเกาหลีใต้, ประเทศไต้หวัน และประเทศไทย ส่งผลให้ยอดขายในภูมิภาคนี้สูงมากจนอัลบั้มได้รับแผ่นเสียงทองคำในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ เพลง "Goodbye" ที่เธอทำขึ้นใหม่จากเพลงคลาสสิกของ เดวิด ฟอสเตอร์ (David Foster) ได้ถูกใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์สำหรับภาพยนตร์เรื่อง A Promise และกลายเป็นเพลงที่มีการเปิดบ่อยที่สุดทางวิทยุเกาหลีใต้ในเวลาอันรวดเร็ว
ในประเทศสวีเดน เจสสิกามีเพลงฮิตติดอันดับสูงสุดของชาร์ตซิงเกิลถึงสองเพลงจากอัลบั้มนี้ ได้แก่ "How Will I Know (Who You Are)" และ "Tell Me What You Like" ซึ่งทั้งสองเพลงได้รับแผ่นเสียงทองคำขาว เธอยังได้รับรางวัลสองรางวัลจากงานประกาศผลรางวัลของสถานีวิทยุเพลงป็อปที่สำคัญของสวีเดนอย่าง เอ็นอาร์เจ (NRJ) ได้แก่ รางวัล "ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี" (New Artist of the Year) และ "ศิลปินหญิงชาวสวีเดนแห่งปี" (Swedish Female Artist of the Year) ซึ่งเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลมากกว่าหนึ่งรางวัลในงานเดียวกัน
3.2. อัลบั้มถัดมาและการขยายตลาด
ในปี พ.ศ. 2543 สองปีหลังจากเปิดตัวอัลบั้มแรก อัลบั้มที่สองของเจสสิกาชื่อ Dino ซึ่งตั้งชื่อตามหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของเธอได้วางจำหน่าย นอกเหนือจากตลาดในทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย เจสสิกายังต้องการบุกตลาดสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชาวอเมริกันหลายคนออกเสียงนามสกุลของเธอ (Folcker) คล้ายกับคำว่า "fucker" ซึ่งเป็นคำหยาบคาย เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อที่ใช้ในวงการเป็น "Folker" (ตัดตัว 'c' ออก) ซิงเกิลแรกของเจสสิกาจากอัลบั้มนี้คือ "To Be Able to Love" กลายเป็นเพลงฮิตในสหรัฐอเมริกา โดยดีเจ โจนาธาน ปีเตอร์ส (Jonathan Peters) ได้นำเพลงนี้ไปรีมิกซ์และใช้เวลาถึงสิบสัปดาห์บนชาร์ต บิลบอร์ด ท็อป 50 เพลงแดนซ์คลับ (Dance Club Songs) หลังจากนั้นไม่นาน เจสสิกาจึงได้ออกทัวร์คลับในรัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์
เพลงอีกเพลงหนึ่งของเจสสิกาคือ "Lost Without Your Love" ได้ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เกาหลีอีกครั้งในเรื่อง Indian Summer และเธอก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดของชาร์ตการเปิดเพลงทางวิทยุในเกาหลีใต้อีกครั้ง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2544 เพลง "Miracles" ของเจสสิกาได้รับเลือกให้เป็นเพลงประกอบหลักของรายการ Starmaker ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ที่จำลองมาจาก เฟมอะคาเดมี่ (Fame Academy) ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจปล่อยเพลงนี้เป็นซิงเกิลที่สองจากอัลบั้ม Dino และเป็นซิงเกิลลำดับที่หกในภาพรวมอาชีพของเธอ
3.3. การเข้าร่วมการแข่งขัน Melodifestivalen
เจสสิกาเปิดตัวในการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนสวีเดนเข้าร่วมเพลงยูโรวิชันในปี พ.ศ. 2548 ในรายการ เมโลดิเฟสติวาเลน 2005 (Melodifestivalen 2005) เธอได้แสดงเพลง "Om natten" ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 เธอพยายามอีกครั้งโดยเข้าร่วมในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศรอบที่สามของเมโลดิเฟสติวาเลน 2006 (Melodifestivalen 2006) เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ด้วยเพลง "When Love's Comin' Back Again" อย่างไรก็ตาม เธอไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 เธอได้กลับมายังเมโลดิเฟสติวาเลน 2014 (Melodifestivalen 2014) อีกครั้งพร้อมกับ ดร. แอลบัน โดยทั้งสองได้แสดงเพลงคู่ชื่อ "Around the World" ซึ่งได้อันดับที่ 5 ในรอบคัดเลือกและไม่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
3.4. อาชีพช่วงหลังและกิจกรรมล่าสุด
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เจสสิกาได้ใช้เวลาในสตูดิโอเพื่อทำอัลบั้มชุดที่สี่ของเธอ หลังจากทำงานร่วมกับค่ายเพลงหลายแห่ง เธอก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายอิสระ คอสมอส เรคคอร์ดส์ (Cosmos Records) อัลบั้มของเธอออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2550 ภายใต้ชื่อ Skin Close ซึ่งมีซาวด์ดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์และป็อปยุค 80s นี่เป็นอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษชุดแรกของเธอตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เพลงเดียวจากอัลบั้มที่ถูกปล่อยเป็นซิงเกิลคือ "Snowflakes" อย่างไรก็ตาม อัลบั้มนี้ไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อสาธารณชนได้มากนัก
4. ผลงานเพลง
เจสสิกา โฟลเคอร์ได้ผลิตผลงานเพลงออกมามากมาย ทั้งอัลบั้มเต็มและซิงเกิล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอในวงการดนตรีทั้งในสวีเดนและต่างประเทศ โดยมีผลงานปรากฏบนชาร์ตเพลงในหลายภูมิภาค
4.1. อัลบั้ม
อัลบั้มและรายละเอียด | อันดับสูงสุด | หมายเหตุ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
สวีเดน | ออสเตรีย | เนเธอร์แลนด์ | นอร์เวย์ | สวิตเซอร์แลนด์ | ||
Jessica
>style="text-align:center;"|17 | 35 | 30 | 20 | 41 | รายชื่อเพลง | |
Dino
>style="text-align:center;"|26 | - | - | - | 47 | รายชื่อเพลง | |
På svenska
>style="text-align:center;"|41 | - | - | - | - | รายชื่อเพลง | |
Skin Close
>style="text-align:center;"|- | - | - | - | - | รายชื่อเพลง |
4.2. ซิงเกิล
เจสสิกา โฟลเคอร์ได้ออกซิงเกิลมากมาย ทั้งในฐานะศิลปินหลักและศิลปินรับเชิญ ซึ่งช่วยส่งเสริมความนิยมและอิทธิพลทางดนตรีของเธอในระดับโลก
4.2.1. ในฐานะศิลปินหลัก
ปี | ซิงเกิล | อันดับสูงสุด | อัลบั้ม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สวีเดน | ออสเตรีย | เบลเยียม (แฟลนเดอร์ส) | ฝรั่งเศส | เยอรมนี | เนเธอร์แลนด์ | นอร์เวย์ | สวิตเซอร์แลนด์ | |||
1998 | "Tell Me What You Like" | 10 | - | - | 13 | 97 | 61 | 16 | - | Jessica |
"How Will I Know (Who You Are)" | 7 | 4 | 13 | 62 | 24 | 6 | 20 | 17 | ||
"Tell Me Why" | - | - | - | - | - | 85 | - | - | ||
1999 | "I Do" | 38 | - | 57 | - | 69 | 46 | - | - | |
"Goodbye" | - | - | - | - | - | - | - | - | ||
2000 | "To Be Able to Love" | 17 | - | - | - | - | 84 | - | 50 | Dino |
2001 | "Crash Like a Wrecking Ball" | 16 | - | - | - | - | - | - | 90 | |
"Miracles" | - | - | - | - | - | 30 | - | - | ||
2005 | "Du kunde ha varit med mig" | 38 | - | - | - | - | - | - | - | På svenska |
"Om natten" | 25 | - | - | - | - | - | - | - | ||
2006 | "When Love's Comin' Back Again" | 38 | - | - | - | - | - | - | - | เพลงนอกอัลบั้ม |
2007 | "Snowflakes" | - | - | - | - | - | - | - | - | Skin Close |
2014 | "Gravity" | - | - | - | - | - | - | - | - | เพลงนอกอัลบั้ม |
นอกจากนี้ยังมีผลงานที่เผยแพร่อื่นๆ ได้แก่:
- พ.ศ. 2544: "Lost Without Your Love"
- พ.ศ. 2548: "Vad gör jag nu"
- พ.ศ. 2548: "En annan sång"
- พ.ศ. 2550: "Hot Night"
- พ.ศ. 2556: "It's All About You"
4.2.2. ในฐานะศิลปินรับเชิญ
ปี | ซิงเกิล | อันดับสูงสุด | อัลบั้ม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สวีเดน | ออสเตรีย | เบลเยียม (แฟลนเดอร์ส) | ฟินแลนด์ | เยอรมนี | อิตาลี | นอร์เวย์ | สวิตเซอร์แลนด์ | |||
2000 | "Trehundra dar" | 60 | - | - | - | - | - | - | - | อัลบั้ม Blues |
2002 | "(Crack It) Something Going On" | 4 | 19 | 31 | 3 | 10 | 15 | 2 | 70 | อัลบั้ม Bomfunk MCs |
2013 | "Strong Enough" | - | 22 | - | - | - | - | - | - | |
2014 | "Around the World" | 52 | - | - | - | - | - | - | - | |
นอกจากนี้ยังมีผลงานร่วมร้องกับศิลปินอื่น ๆ ได้แก่:
- พ.ศ. 2537: "U make me feel alright" (Amadin)
- พ.ศ. 2538: "Electric" (เลย์ลา เค, ท่อนคอรัส)
- พ.ศ. 2556: "Respect Yourself" (ดีเจ โบโบ (DJ Bobo) & เจสสิกา โฟลเคอร์ - จากอัลบั้ม Reloaded ของดีเจ โบโบ)
5. การตอบรับและอิทธิพล
เจสสิกา โฟลเคอร์ ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากสาธารณชนและมีอิทธิพลสำคัญในวงการเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นอาชีพที่ทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่นระดับนานาชาติในชั่วข้ามคืน ความสำเร็จของเธอสะท้อนให้เห็นจากยอดขายที่สูงและรางวัลที่ได้รับในหลายภูมิภาค
ในประเทศสวีเดน เพลง "Tell Me What You Like" และ "How Will I Know (Who You Are)" ซึ่งเป็นซิงเกิลจากอัลบั้มเปิดตัวของเธอ ต่างก็ขึ้นสู่อันดับสูงสุดของชาร์ตและได้รับแผ่นเสียงทองคำขาว ความสำเร็จนี้ทำให้เธอได้รับรางวัล "ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี" และ "ศิลปินหญิงชาวสวีเดนแห่งปี" จากสถานีวิทยุ เอ็นอาร์เจ (NRJ) และยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะศิลปินคนแรกที่คว้ารางวัลมากกว่าหนึ่งรางวัลในงานประกาศผลรางวัลเดียวกัน
ในทวีปเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเกาหลีใต้ เจสสิกาได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากการทัวร์โปรโมตนานหกสัปดาห์ในหลายประเทศ ทำให้ยอดขายอัลบั้ม Jessica สูงมากจนได้รับการรับรองแผ่นเสียงทองคำในภูมิภาคนี้ การนำเพลง "Goodbye" ของ แอร์ซัปพลาย มาขับร้องใหม่ และการใช้เพลง "Lost Without Your Love" เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Indian Summer ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของเธอในตลาดเกาหลีใต้ โดยเพลงเหล่านี้มักจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของชาร์ตการเปิดเพลงทางวิทยุอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เจสสิกายังประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา เมื่อซิงเกิล "To Be Able to Love" จากอัลบั้ม Dino ได้รับความนิยมอย่างมากจากการนำไปรีมิกซ์โดย ดีเจ โจนาธาน ปีเตอร์ส (Jonathan Peters) ซึ่งเพลงนี้ใช้เวลาถึงสิบสัปดาห์บนชาร์ตบิลบอร์ด ท็อป 50 เพลงแดนซ์คลับ (Dance Club Songs) ทำให้เธอได้ออกทัวร์คลับในรัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์ แสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงและอิทธิพลในตลาดดนตรีที่หลากหลายของเธอ แม้ว่าอัลบั้มต่อๆ มาอาจไม่สามารถสร้างผลกระทบได้เท่ากับอัลบั้มแรก แต่ผลงานของเจสสิกา โฟลเคอร์ยังคงเป็นที่จดจำและมีส่วนสำคัญต่อภูมิทัศน์ดนตรีสวีเดนและนานาชาติในช่วงปลายยุค 90s ถึงต้นยุค 2000s