1. ชีวิตช่วงต้นและการเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล
มาริอันส์ พาฮาร์ส เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1976 ที่เมืองชอร์โนบาย ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน (ปัจจุบันคือประเทศยูเครน) โดยมีบิดามารดาเป็นชาวลัตเวีย ในวัยเด็ก เขาเติบโตมาพร้อมกับการสนับสนุนสปาร์ตัก มอสโก ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลที่เขาชื่นชอบตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อพาฮาร์สมีอายุประมาณ 8 ขวบ จูริส อันเดรเยฟส์ (Jurijs Andrejevs) โค้ชจากสโมสรสคอนโต เอฟซีได้มาเยี่ยมชมโรงเรียนของเขา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พาฮาร์สตัดสินใจหันมาเล่นฟุตบอล โดยอันเดรเยฟส์ได้กลายเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของเขา
เมื่ออายุ 18 ปี พาฮาร์สได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมพาร์เดากาวา รีกา (Pardaugava Riga) จากนั้นจึงย้ายไปเล่นให้กับสคอนโต เมตาฬส์ และในที่สุดก็ได้ย้ายเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ของสคอนโต เอฟซี ในปี ค.ศ. 1995 ในช่วงแรกของการค้าแข้ง เขาเริ่มต้นในตำแหน่งกองกลาง โดยมักจะเล่นในตำแหน่งปีก ก่อนที่จะถูกปรับเปลี่ยนบทบาทให้มาเล่นในตำแหน่งกองหน้าในภายหลัง
2. อาชีพนักฟุตบอลระดับสโมสร
มาริอันส์ พาฮาร์ส มีเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลระดับสโมสรที่หลากหลาย โดยมีช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในลัตเวียและอังกฤษ รวมถึงช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการบาดเจ็บ
2.1. สคอนโต เอฟซี (ช่วงแรก)
หลังจากเข้าร่วมทีมสคอนโต เอฟซีในปี ค.ศ. 1995 มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นทันที โดยมีอัตราการทำประตูที่ดีที่สุดในปีนั้น ทำได้ 8 ประตูจากการลงสนาม 9 นัด และทำต่ออีก 12 ประตูจากการลงสนาม 28 นัดในฤดูกาลถัดมา ทำให้เขาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม และเริ่มได้รับโอกาสติดทีมชาติลัตเวีย
ในฤดูกาล 1998 พาฮาร์สทำไป 19 ประตูจากการลงสนาม 26 นัดให้กับสคอนโต เอฟซี ซึ่งฟอร์มการเล่นของเขาได้ดึงดูดความสนใจจากสโมสรใหญ่ในต่างประเทศ เขามีโอกาสทดสอบฝีเท้ากับหลายสโมสร เช่น ซาแลร์นิตานา (อิตาลี), แวร์เดอร์ เบรเมิน (เยอรมนี) และคาสิโน ซาลซ์บวร์ก (ออสเตรีย) อย่างไรก็ตาม เขาได้รับคำแนะนำจากแกรี จอห์นสัน ผู้จัดการทีมชาติลัตเวีย ให้ไปทดสอบฝีเท้ากับเดฟ โจนส์ ผู้จัดการทีมของสโมสรเซาแทมป์ตัน
2.2. เซาแทมป์ตัน
ช่วงเวลาที่มาริอันส์ พาฮาร์ส ค้าแข้งอยู่กับสโมสรเซาแทมป์ตันนับเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยทั้งความสำเร็จ การบาดเจ็บ และการกล่าวอำลาแฟนบอล
2.2.1. การย้ายเข้าและประสบความสำเร็จช่วงแรก
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1999 มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้เข้าร่วมการทดสอบฝีเท้ากับทีมสำรองของเซาแทมป์ตันในนัดที่พบกับอ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด และเขาสามารถทำแฮททริกที่สมบูรณ์แบบได้ โดยทำประตูด้วยลูกโหม่ง และใช้เท้าแต่ละข้างยิงประตูในการแข่งขันที่เซาแทมป์ตันชนะไป 7-1 ทำให้เซาแทมป์ตันตกลงจ่ายค่าตัวประมาณ 800.00 K GBP ให้กับสคอนโต เอฟซี แม้จะมีความยากลำบากในการขอใบอนุญาตทำงานและการคัดค้านจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ได้รับการแก้ไข และเขาได้เข้าร่วมทีม "เดอะเซนต์ส" ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1999 ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลชาวลัตเวียคนแรกที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของพาฮาร์สเกิดขึ้นในฐานะตัวสำรองในนาทีที่ 70 ในเกมเยือนพบกับโคเวนทรีซิตีเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1999 ส่วนการลงเล่นในบ้านครั้งแรกที่เดอะ เดลล์ (The Dell) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน ซึ่งเขาลงมาจากม้านั่งสำรองและทำประตูตีเสมอที่สำคัญได้สำเร็จ และเกือบทำประตูชัยได้ในเกมที่เสมอกับแบล็กเบิร์นโรเวอส์ 3-3 ในเวลานั้น เซาแทมป์ตันกำลังพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก และต้องการชัยชนะในนัดสุดท้ายของฤดูกาลเพื่อรักษาสถานะในลีกสูงสุด พาฮาร์สเป็นผู้ทำสองประตูในเกมที่ชนะเอฟเวอร์ตัน 2-0 ที่เดอะ เดลล์ ซึ่งทำให้เซาแทมป์ตันรอดจากการตกชั้นและยังคงอยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อไปในฤดูกาลหน้า
ในฤดูกาล 1999-2000 เขาลงสนามไป 33 นัด และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรด้วยจำนวน 13 ประตู ในช่วงเวลานี้ เดฟ โจนส์ ถูกแทนที่ด้วยเกล็นน์ ฮอดเดิล ในฐานะผู้จัดการทีม ฮอดเดิลตัดสินใจให้พาฮาร์สเล่นในตำแหน่งปีก โดยมีแนวคิดว่าความสามารถในการเลี้ยงลูกฟุตบอลและความเร็วของเขาจะสร้างความอันตรายให้กับคู่ต่อสู้ และสามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมรวมถึงทำประตูได้ด้วยตนเอง
2.2.2. การบาดเจ็บและฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาล 2000-01 ได้อย่างน่าประทับใจ โดยทำไป 6 ประตูในตำแหน่งกองหน้า มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้ถูกปรับให้กลับไปเล่นในบทบาทที่ต่ำลง ทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาตกลง เขายังคงเป็นผู้เล่นที่สร้างความอันตรายและสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ แต่ฟอร์มของเขากลับไม่สม่ำเสมอ และทำประตูได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น ทำให้ยอดรวมในฤดูกาลนั้นอยู่ที่ 9 ประตู
ในฤดูกาลถัดมา หลังจากเริ่มต้นอย่างไม่สู้ดีนัก เขาสามารถลงมาจากม้านั่งสำรองเพื่อทำประตูชัยในเกมเยือนที่พบกับโบลตันวอนเดอเรอส์เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2001 เขายิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอในช่วงสามเดือนถัดมา ซึ่งรวมถึงประตูชัยในเกมที่ชนะชาร์ลตันแอทเลติก 1-0 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นชัยชนะนัดแรกของเซาแทมป์ตันที่สนามกีฬาเซนต์แมรีแห่งใหม่ อย่างไรก็ตาม หลังปีใหม่ จำนวนประตูของเขาก็ลดลงอีกครั้ง แต่เขาก็จบฤดูกาลด้วยผลงานที่ดีที่สุดในอาชีพกับเซาแทมป์ตัน โดยทำได้ 16 ประตูในลีกและเอฟเอคัพ ซึ่งการทำ 16 ประตูของพาฮาร์ส ร่วมกับ 14 ประตูจากคู่หูในแนวรุกอย่างเจมส์ บีตตี ทำให้คู่กองหน้าของเซาแทมป์ตันมีอัตราการทำประตูที่ดีเป็นอันดับสองในพรีเมียร์ลีก
ในฤดูร้อนปี 2002 พาฮาร์สต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้เลื่อน ซึ่งทำให้เขาพลาดการฝึกซ้อมช่วงปรีซีซันทั้งหมด แม้เขาจะทำประตูจากจุดโทษได้ในเกมเหย้าที่ชนะเอฟเวอร์ตัน 1-0 เมื่อวันที่ 11 กันยายน แต่เขาก็ไม่สามารถฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้อย่างเต็มที่ การเริ่มต้นฤดูกาลของเขาเต็มไปด้วยการหยุดพักและกลับมาเล่นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากโทษแบนจากการได้รับใบแดงในเกมเหย้าที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2002 เขาได้รับบาดเจ็บข้อเท้าอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เขาต้องพักยาวเกือบตลอดฤดูกาลที่เหลือ และต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งในช่วงก่อนรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ 2003 ซึ่งเป็นการปิดท้ายฤดูกาล 2002-03 ที่น่าผิดหวัง
การเริ่มต้นฤดูกาล 2003-04 ของเขาก็ยังคงถูกขัดขวางด้วยอาการบาดเจ็บ และการกลับมาลงเล่นให้ทีมสำรองก็ถูกทำลายลงด้วยอาการบาดเจ็บที่กำเริบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาสามารถลงเล่นในช่วงท้ายเกมได้ในนัดที่ทีมชาติลัตเวียคว้าตั๋วไปยูโร 2004 ซึ่งเป็นแรงจูงใจเพิ่มเติมให้เขากลับมาฟิตสมบูรณ์ และเขาก็กลับมาอยู่ในรายชื่อ 11 ตัวจริงของเซาแทมป์ตันในสามเกมติดต่อกัน ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะทั้งหมด ประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นประตูแรกในรอบกว่าหนึ่งปี เกิดขึ้นในเกมเหย้าที่พบกับคู่แข่งร่วมท้องถิ่นอย่างพอร์ตสมัทเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2003 ในเกมที่ชนะ 3-0 โดยเขายิงด้วยเท้าขวาที่ยอดเยี่ยมโค้งเข้ามุมล่างขวาของประตู
หลังจากฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ เขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในช่วงปรีซีซันของฤดูกาล 2004-05 ในเกมเยือนที่พบกับสวินดอน ทาวน์ การเข้าสกัดที่รุนแรงและช้าที่ข้อเท้าข้างเดิมที่เคยผ่าตัดมาแล้วถึงสามครั้ง ทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามในช่วงต้นฤดูกาล การกลับมาลงเล่นให้กับทีมสำรองดูมีความหวัง จนกระทั่งปัญหาเดิมกลับมาอีกครั้ง ทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามตลอดทั้งฤดูกาลท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าหงุดหงิด เนื่องจากเซาแทมป์ตันตกชั้นหลังจากอยู่ในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษมา 28 ปี
ฤดูกาล 2005-06 ของเขาก็ยังคงเป็นฤดูกาลที่น่าหงุดหงิดอีกครั้ง ด้วยอาการบาดเจ็บซ้ำซากที่ทำให้การกลับมาลงสนามต้องหยุดชะงักลง เขาสามารถลงสนามได้ 10 นัดในฤดูกาลนั้น ทำได้ 1 ประตู แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะรักษาอาชีพการค้าแข้งกับเซาแทมป์ตันไว้ได้ และในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 หลังจากอยู่กับสโมสรมาเจ็ดปี โดยลงสนามไป 156 นัดและทำได้ 45 ประตู สโมสรก็ได้ประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญาของเขาสำหรับฤดูกาลถัดไป
หลังจากการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาลในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2006 พาฮาร์สได้เข้าร่วม "รอบขอบคุณ" ของนักเตะเซาแทมป์ตันรอบสนามสนามกีฬาเซนต์แมรี ซึ่งเป็นการกล่าวอำลาที่เต็มไปด้วยอารมณ์สำหรับนักเตะและแฟนบอลเซาแทมป์ตันจำนวนมากที่อยู่ในสนาม
2.2.3. การอำลาเซาแทมป์ตัน
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้เซ็นสัญญากับอานอร์โธซิส ฟามากุสต้า ซึ่งเป็นทีมจากประเทศไซปรัสที่บริหารจัดการโดยอดีตนักฟุตบอลทีมชาติจอร์เจียอย่างเทมูรี เคตส์บายา อย่างไรก็ตาม ปัญหาการบาดเจ็บของเขามีอาการบ่อยครั้งในระหว่างที่อยู่กับสโมสร และส่งผลให้เขาถูกปล่อยตัวในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008
2.3. อาชีพนักฟุตบอลสโมสรช่วงหลัง

ในปี ค.ศ. 2008 มาริอันส์ พาฮาร์สได้กลับมาร่วมทีมสคอนโต เอฟซี ซึ่งเป็นสโมสรเก่าของเขาอีกครั้ง โดยเล่นให้กับทีมเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาลและช่วยให้สโมสรทำผลงานได้ดีในการแข่งขันระดับประเทศ หลังจากฤดูกาลนั้น เขาก็ได้ออกจากสคอนโต และย้ายไปร่วมทีมเอฟเค ยูร์มาลา (FK Jūrmala) ซึ่งเขาได้ลงสนามเพียงสองนัดในลีกสูงสุดของประเทศ ก่อนที่จะตัดสินใจยุติอาชีพนักฟุตบอลในที่สุด
3. อาชีพนักฟุตบอลระดับทีมชาติ
มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้รับโอกาสติดทีมชาติลัตเวียในช่วงต้นปี ค.ศ. 1996 โดยลงสนามเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1996 ในเกมกระชับมิตรที่แพ้ทีมชาติไซปรัส 1-0 ประตูแรกของเขาในนามทีมชาติเกิดขึ้นในนัดที่เก้าที่ลงสนาม ในเกมกระชับมิตรที่พ่ายแพ้ต่อทีมชาติโปแลนด์ 3-2 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997
ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 2006 เขาได้กลับมาติดทีมชาติลัตเวียอีกครั้งเพื่อลงสนามในเกมที่พบกับทีมชาติสวีเดน โดยรวมแล้ว เขาลงสนามให้กับทีมชาติลัตเวียไปทั้งสิ้น 75 นัด และทำได้ 15 ประตู
แม้ว่าทีมชาติลัตเวียจะไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกได้ แต่พวกเขาก็ประสบความสำเร็จในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2001 เมื่อเอาชนะทีมชาติเอสโตเนียและทีมชาติลิทัวเนีย คว้าแชมป์บอลติกคัพมาครองได้สำเร็จ โดยพาฮาร์สเป็นผู้ทำประตูในทั้งสองเกม และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001 พาฮาร์สยังได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของลัตเวียเป็นปีที่สามติดต่อกัน
ในช่วงที่ประสบปัญหาบาดเจ็บ เขาสามารถลงสนามในช่วงท้ายเกมได้ในนัดที่ทีมชาติลัตเวียคว้าตั๋วไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 โดยทำผลงานเสมอทีมชาติตุรกี 2-2 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003
เขายังคงต้องต่อสู้เพื่อให้ร่างกายกลับมาฟิตเต็มที่ ก่อนที่จะทำประตูแรกให้กับลัตเวียได้อีกครั้งในเกมกระชับมิตรที่ชนะทีมชาติคาซัคสถาน 3-1 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นประตูแรกในระดับนานาชาติของเขาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2002 ด้วยปัญหาการบาดเจ็บมากมายตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้เขาต้องลงสนามในฐานะตัวสำรองในทั้งสามนัดของรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า ยูโร 2004ของลัตเวีย แม้ว่าเขาจะได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันระดับสูงนี้จากการลงเล่นเป็นตัวสำรองในทั้งสามเกมก็ตาม
4. สไตล์การเล่น
มาริอันส์ พาฮาร์ส เป็นนักฟุตบอลที่โดดเด่นด้วยสไตล์การเล่นที่คล่องตัวและดุดัน ตำแหน่งหลักของเขาคือกองหน้า แต่เขาก็ยังสามารถเล่นในตำแหน่งปีกได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งสองข้าง สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำคือความเร็วที่สูงเป็นธรรมชาติ และทักษะการเลี้ยงลูกฟุตบอลที่พลิ้วไหว นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถในการรักษาสมดุลของร่างกายได้ดีเยี่ยม ทำให้เขาสามารถหลบหลีกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้แม้ในพื้นที่จำกัด ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เขาจึงได้รับฉายาว่า "ไมเคิล โอเวนแห่งลัตเวีย" ซึ่งเปรียบเทียบกับนักฟุตบอลชาวอังกฤษชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและการจบสกอร์
5. อาชีพผู้จัดการทีม
หลังจากการยุติบทบาทในฐานะนักฟุตบอล มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้เริ่มต้นเส้นทางใหม่ในอาชีพผู้จัดการทีมทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
5.1. สคอนโต เอฟซี
ในปี ค.ศ. 2010 มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้ตอบรับข้อเสนอเพื่อเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้กับอาเล็กซันดร์ส สตาร์คอฟส์ ที่สโมสรสคอนโต เอฟซี โดยทำงานร่วมกับวิตาลิส อัสตาฟเยฟส์ ตำนานนักฟุตบอลลัตเวีย ในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีม เขาสามารถพาสคอนโตคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของลัตเวียได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 2010
ในปี ค.ศ. 2011 อาเล็กซันดร์ส สตาร์คอฟส์ ได้ย้ายไปคุมทีมเอฟเค บากูในประเทศอาเซอร์ไบจาน ทำให้พาฮาร์สได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมของสโมสรแทน เขาคุมทีมเป็นเวลาสองฤดูกาล และช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์บอลติกลีกในปี ค.ศ. 2011 และคว้าแชมป์ลัตเวียนคัพได้สำเร็จ นอกจากนี้ สคอนโตยังจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ลัตเวียนไฮเออร์ลีกในปี ค.ศ. 2012 ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 พาฮาร์สได้ออกจากสคอนโต และถูกแทนที่โดยทามัซ เพอร์เทีย
5.2. ทีมชาติลัตเวีย
มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้รับโอกาสให้กลับมาทำหน้าที่โค้ชอีกครั้ง เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลลัตเวีย (LFF) ได้เสนอตำแหน่งผู้จัดการทีมทีมชาติลัตเวียรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีให้กับเขา ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 พาฮาร์สก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการทีมทีมชาติลัตเวียชุดใหญ่ หลังจากที่อาเล็กซันดร์ส สตาร์คอฟส์ออกจากตำแหน่งไป
ในฐานะผู้จัดการทีมชาติ พาฮาร์สได้พาทีมลัตเวียคว้าแชมป์บอลติกคัพ 2014 และบอลติกคัพ 2016 ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เขาล้มเหลวในการนำพาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2014 และฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายของยูฟ่า ยูโร 2016ได้
5.3. เอฟเค เยลกาวา
มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้กลับมาทำงานในวงการฟุตบอลภายในประเทศลัตเวียอีกครั้ง โดยเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของเอฟเค เยลกาวา (FK Jelgava) ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2018 ของลัตเวียนไฮเออร์ลีก ในฤดูกาลแรกที่เขารับผิดชอบ เขาพาทีมจบอันดับที่หกของตาราง ในฤดูกาลที่สองภายใต้การคุมทีมของเขา เยลกาวาจบอันดับที่เจ็ดในลัตเวียนไฮเออร์ลีก ซึ่งเป็นอันดับที่ลดลงเล็กน้อยจากฤดูกาลก่อนหน้า และพาฮาร์สได้ออกจากสโมสรเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนั้น
5.4. ซีเอนา
เมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2021 มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้จัดการทีมของสโมสรเอซีเอน ซีเอนา 1904 (A.C.N. Siena 1904) ซึ่งเป็นสโมสรจากประเทศอิตาลีที่ขณะนั้นอยู่ในดิวิชันสี่ของเซเรีย ดี เนื่องจากปัญหาการล้มละลายก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เขาลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนต่อมา ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ทีมมีผลการแข่งขันที่ไม่ดีนัก
6. กิจกรรมนอกวงการฟุตบอล
นอกเหนือจากอาชีพในวงการฟุตบอล มาริอันส์ พาฮาร์ส ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและการเมือง โดยเขาสามารถสะท้อนการมีส่วนร่วมในชีวิตพลเมืองโดยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเมืองรีกา ในการเลือกตั้งสภาเทศบาลเมืองรีกา 2020 ในนามของพรรคเกียรติยศในการรับใช้รีกา (Honoured to serve Riga) อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนั้น
7. เกียรติประวัติและความสำเร็จ
มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้รับเกียรติประวัติและรางวัลสำคัญทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม
7.1. ในฐานะนักฟุตบอล
สคอนโต เอฟซี
- ลัตเวียนไฮเออร์ลีก (Virslīga): 1995, 1996, 1997, 1998
- ลัตเวียนคัพ (Latvian Football Cup): 1995, 1997, 1998
รางวัลส่วนตัว
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของลัตเวีย (Latvian Footballer of the Year): 1999, 2000, 2001
7.2. ในฐานะผู้จัดการทีม
- บอลติกคัพ (Baltic Cup): 2014, 2016
8. สถิติอาชีพ
นี่คือสถิติการลงสนามและทำประตูของมาริอันส์ พาฮาร์สในระดับสโมสรและทีมชาติ รวมถึงสถิติการคุมทีมในฐานะผู้จัดการทีม
8.1. สโมสร
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วยภายในประเทศ | ลีกคัพ | ยุโรป | รวม | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | |||||||
พาร์เดากาวา รีกา | 1994 | ลัตเวียนไฮเออร์ลีก | 17 | 3 | |||||||||||||
สคอนโต-เมตาฬส์ | 1995 | ลัตเวียนไฮเออร์ลีก | 16 | 4 | |||||||||||||
สคอนโต เอฟซี | 1995 | ลัตเวียนไฮเออร์ลีก | 9 | 8 | |||||||||||||
1996 | 28 | 12 | |||||||||||||||
1997 | 22 | 5 | |||||||||||||||
1998 | 26 | 19 | |||||||||||||||
รวม | 85 | 44 | |||||||||||||||
เซาแทมป์ตัน | 1998-99 | พรีเมียร์ลีก | 6 | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 6 | 3 | ||||||
1999-2000 | 33 | 13 | 2 | 0 | 3 | 0 | - | 38 | 13 | ||||||||
2000-01 | 31 | 9 | 4 | 0 | 2 | 0 | - | 37 | 9 | ||||||||
2001-02 | 36 | 14 | 1 | 1 | 2 | 1 | - | 39 | 16 | ||||||||
2002-03 | 9 | 1 | 0 | 0 | 1 | 0 | - | 10 | 1 | ||||||||
2003-04 | 14 | 2 | 1 | 0 | 1 | 0 | - | 16 | 2 | ||||||||
2004-05 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 0 | 0 | ||||||||
2005-06 | แชมเปียนชิป | 8 | 1 | 2 | 0 | 0 | 0 | - | 10 | 1 | |||||||
รวม | 137 | 43 | 10 | 1 | 9 | 1 | 0 | 0 | 156 | 45 | |||||||
อานอร์โธซิส ฟามากุสต้า | 2006-07 | เฟิสต์ดิวิชัน | 17 | 4 | |||||||||||||
2007-08 | 2 | 0 | |||||||||||||||
รวม | 19 | 4 | |||||||||||||||
สคอนโต | 2008 | ลัตเวียนไฮเออร์ลีก | 19 | 8 | |||||||||||||
เอฟเค ยูร์มาลา | 2009 | ลัตเวียนไฮเออร์ลีก | 2 | 0 | |||||||||||||
รวมอาชีพ | 295 | 106 |
8.2. ทีมชาติ
ทีมชาติ | ปี | ลงสนาม | ประตู |
---|---|---|---|
ทีมชาติลัตเวีย | 1996 | 5 | 0 |
1997 | 13 | 2 | |
1998 | 11 | 5 | |
1999 | 6 | 2 | |
2000 | 6 | 0 | |
2001 | 8 | 4 | |
2002 | 6 | 1 | |
2003 | 1 | 0 | |
2004 | 6 | 1 | |
2005 | 0 | 0 | |
2006 | 3 | 0 | |
2007 | 9 | 0 | |
รวม | 75 | 15 |
:คะแนนและผลลัพธ์แสดงจำนวนประตูของลัตเวียก่อน โดยคอลัมน์คะแนนระบุคะแนนหลังจากแต่ละประตูของพาฮาร์ส
ลำดับ | วันที่ | สถานที่ | คู่แข่ง | คะแนน | ผลลัพธ์ | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 17 กุมภาพันธ์ 1997 | เทรเนีย, ประเทศไซปรัส | ทีมชาติโปแลนด์ | 1-2 | 2-3 | ไซปรัสอินเตอร์เนชันแนลฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ 1997 |
2. | 10 กรกฎาคม 1997 | วิลนีอัส, ประเทศลิทัวเนีย | ทีมชาติเอสโตเนีย | 2-1 | 2-1 | บอลติกคัพ 1997 |
3. | 25 มิถุนายน 1998 | วัลกา, ประเทศเอสโตเนีย | ทีมชาติเอสโตเนีย | 1-0 | 2-0 | บอลติกคัพ 1998 |
4. | 8 กุมภาพันธ์ 1998 | ตาอาลี, ประเทศมอลตา | ทีมชาติมอลตา | 1-1 | 1-2 | มอลตาอินเตอร์เนชันแนลฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ 1998 |
5. | 10 กุมภาพันธ์ 1998 | ทีมชาติแอลเบเนีย | 1-0 | 2-2 | ||
6. | 2-2 | |||||
7. | 6 กันยายน 1998 | ออสโล, ประเทศนอร์เวย์ | ทีมชาตินอร์เวย์ | 1-0 | 3-1 | ยูฟ่า ยูโร 2000 รอบคัดเลือก กลุ่ม 2 |
8. | 5 มิถุนายน 1999 | รีกา, ลัตเวีย | ทีมชาติสโลวีเนีย | 1-0 | 1-2 | |
9. | 9 ตุลาคม 1999 | ทีมชาตินอร์เวย์ | 1-1 | 1-2 | ||
10. | 25 เมษายน 2001 | ทีมชาติซานมารีโน | 1-0 | 1-1 | ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก - โซนยุโรป กลุ่ม 6 | |
11. | 2 มิถุนายน 2001 | บรัสเซลส์, ประเทศเบลเยียม | ทีมชาติเบลเยียม | 1-3 | 1-3 | |
12. | 3 กรกฎาคม 2001 | รีกา, ลัตเวีย | ทีมชาติเอสโตเนีย | 2-1 | 3-1 | บอลติกคัพ 2001 |
13. | 5 กรกฎาคม 2001 | ทีมชาติลิทัวเนีย | 2-1 | 4-1 | ||
14. | 22 พฤษภาคม 2002 | เฮลซิงกิ, ประเทศฟินแลนด์ | ทีมชาติฟินแลนด์ | 1-0 | 1-2 | กระชับมิตร |
15. | 18 กุมภาพันธ์ 2004 | ลาร์นากา, ประเทศไซปรัส | ทีมชาติคาซัคสถาน | 1-1 | 3-1 | ไซปรัสอินเตอร์เนชันแนลฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ 2004 |
8.3. ผู้จัดการทีม
ทีม | จาก | ถึง | สถิติ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เกม | ชนะ | เสมอ | แพ้ | % ชนะ | |||
สคอนโต | 11 มกราคม 2011 | 21 ธันวาคม 2012 | 44|20|14|56.41 | ||||
ลัตเวีย | 11 กรกฎาคม 2013 | 1 มิถุนายน 2017 | 7|11|15|21.21 | ||||
เยลกาวา | 27 มีนาคม 2018 | 9 พฤศจิกายน 2019 | 15|14|31|25.00 | ||||
ซีเอนา | 25 มกราคม 2021 | 10 กุมภาพันธ์ 2021 | 0|1|4|0.00 | ||||
รวม | 66|46|64|37.50 |
9. มรดกและการประเมิน
มาริอันส์ พาฮาร์ส ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศลัตเวีย เขาเป็นที่จดจำในฐานะนักฟุตบอลที่มีความเร็วและความสามารถในการทำประตู แม้จะต้องเผชิญกับการบาดเจ็บรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดอาชีพการค้าแข้ง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขา ความสำเร็จกับเซาแทมป์ตัน โดยเฉพาะการช่วยให้ทีมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกและการเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรในบางฤดูกาล ได้ตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะผู้เล่นคนสำคัญ
หลังจากการผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม พาฮาร์สได้นำประสบการณ์และความรู้ของเขามาพัฒนาวงการฟุตบอลลัตเวียต่อไป เขานำทีมชาติคว้าแชมป์บอลติกคัพได้สองสมัย ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สำคัญในระดับภูมิภาค แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการนำพาทีมผ่านเข้ารอบการแข่งขันระดับนานาชาติที่ใหญ่ขึ้นก็ตาม การที่เขามีส่วนร่วมในการเมืองท้องถิ่นยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมทางสังคม และความสนใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชน นอกเหนือจากบทบาทในโลกของฟุตบอล ซึ่งตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของเขาในฐานะบุคคลที่สนใจในประเด็นสาธารณะ และพร้อมที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม ความนิยมที่ยั่งยืนของเขาทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม และการที่เขายังคงมุ่งมั่นพัฒนาวงการฟุตบอลของลัตเวีย ทำให้เขายังคงเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อวงการกีฬาของประเทศต่อไป