1. Early Life and Background
อัลแฟรด ฟินปอกาซอน เกิดที่กรินดาวีก ประเทศไอซ์แลนด์ และใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนหนึ่งในเอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์
1.1. Childhood and Youth Career
ในวัยเด็ก อัลแฟรด ฟินปอกาซอนได้เล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชนของอุงเมนนัฟฟอลาค กรินดาวีกูร์ และใช้เวลาสองปีในวัยเด็กที่เอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ในช่วงที่พ่อของเขากำลังศึกษาอยู่ในเมืองนั้น เขาได้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเยาวชนที่มีชื่อเสียงอย่าง ฮัตชิสัน เวล และกลายเป็นแฟนคลับของสโมสรฟุตบอลฮิเบอร์เนียน นอกจากนี้เขายังเคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมเยาวชนของฟีออลเนอร์
ในปี ค.ศ. 2007 อัลแฟรดใช้เวลาห้าเดือนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี ซึ่งในระหว่างนั้นเขาได้เล่นให้กับสโมสรซัสซารี ตอร์เรส และสามารถทำประตูได้ในเกมที่ชนะทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี
2. Club Career
เส้นทางอาชีพนักฟุตบอลระดับอาชีพของอัลแฟรด ฟินปอกาซอน เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 2008 กับสโมสรเบรย์ดาบลิก และได้พัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่องในลีกต่างๆ ทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเบลเยียม สวีเดน เนเธอร์แลนด์ สเปน กรีซ เดนมาร์ก และเยอรมนี
2.1. Breiðablik

อัลแฟรด ฟินปอกาซอน เข้าร่วมสโมสรเบรย์ดาบลิกในปี ค.ศ. 2005 และเป็นส่วนหนึ่งของทีมเยาวชนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ร่วมกับนักเตะที่จะเป็นผู้เล่นทีมชาติในอนาคตหลายคน เช่น กิลวี ซีกืร์ดซอน, โยฮันน์ แบร์ก กวึดมึนต์ซอน, เอลฟาร์ แฟรร์ เฮลกาซอน, กวึดมึนต์ซอน คริสเตียนซอน, คริสติน สไตน์ดอร์ซอน และคริสติน โยนซอน เขาได้ประเดิมสนามในฐานะนักเตะอาชีพให้กับเบรย์ดาบลิกในปี ค.ศ. 2008
ในฤดูกาล อูร์วาลสเดลด์ 2009 อัลแฟรดทำประตูได้ 13 ประตูจากการลงเล่น 18 นัดในลีกให้กับเบรย์ดาบลิก และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีโดยเพื่อนร่วมอาชีพ ซึ่งในปีเดียวกันนั้น เบรย์ดาบลิกยังสามารถคว้าแชมป์ไอซ์แลนดิกคัพ ซึ่งเป็นแชมป์รายการแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
หลังจบฤดูกาล 2009 เขามีโอกาสทดสอบฝีเท้ากับสโมสรต่างๆ ได้แก่ สโมสรฟุตบอลไวกิงในทิปเปลิแกเอ็นของนอร์เวย์ และสโมสรฟุตบอลแบล็กพูลในแชมเปียนชิปของอังกฤษ รวมถึงสโมสรฟุตบอลเกงก์ในจูปีแลร์ลีกของเบลเยียม
ในปี ค.ศ. 2010 อัลแฟรดเป็นผู้ทำประตูสูงสุดร่วมในลีกด้วยจำนวน 14 ประตู และยังได้รับโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีโดยเพื่อนร่วมอาชีพ ส่งผลให้เบรย์ดาบลิกคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และได้เข้าร่วมแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีกเป็นครั้งแรก โดยพบกับสโมสรฟุตบอลมาเธอร์เวลล์จากสกอตแลนด์
2.2. Lokeren
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 สโมสรเบรย์ดาบลิกยืนยันว่าได้ตอบรับข้อเสนอจากสโมสรโลเคอเรนในเบลเยียมเพื่อขอซื้ออัลแฟรด ฟินปอกาซอน หลังจากผ่านการตรวจร่างกายแล้ว อัลแฟรดได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 2 ปีครึ่งกับสโมสรเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010
เขาได้ประเดิมสนามกับสโมสรแห่งนี้เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2011 ในฐานะตัวสำรองในนัดที่พบกับสโมสรฟุตบอลคาเอเอ เกนต์ และทำประตูแรกให้กับโลเคอเรนได้ในนัดที่เสมอกับสโมสรฟุตบอลชาร์เลอรอยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012
2.3. Helsingborgs IF (loan)
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2012 อัลแฟรด ฟินปอกาซอน ย้ายไปร่วมทีมเฮลซิงบอร์ย ไอเอฟ แชมป์ลีกสวีเดนด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2012
ในระหว่างที่ถูกยืมตัว อัลแฟรดมีบทบาทสำคัญในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2012-13 รอบคัดเลือกที่สาม โดยทำ 1 ประตูและ 5 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมชนะสโมสรฟุตบอล ชลอนส์ก วรอตสวัฟแชมป์จากโปแลนด์ด้วยสกอร์รวม 6-1 เมื่อสิ้นสุดสัญญายืมตัว อัลแฟรดเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของเฮลซิงบอร์ยในปี ค.ศ. 2012 ด้วยการทำ 12 ประตูจากการลงเล่น 17 นัดในทุกรายการ
2.4. SC Heerenveen
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2012 อัลแฟรด ฟินปอกาซอน ได้เซ็นสัญญา 3 ปีกับสโมสรฮีเรนวีนในลีกเอเรอดีวีซีของเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่สโมสรได้บรรลุข้อตกลงการย้ายทีมกับโลเคอเรน
เขาเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ โดยทำ 2 ประตูในการประเดิมสนามในบ้านนัดที่เสมอกับสโมสรฟุตบอลอายักซ์ 2-2 และต่อมาก็ทำ 4 ประตูในเกมเยือนที่พบกับโคแซกเกน บอยส์ ในKNVB คัพ ในฤดูกาลนั้น อัลแฟรดจบฤดูกาลในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสามของเอเรอดีวีซี โดยทำ 24 ประตูจาก 50 ประตูในลีกของฮีเรนวีน
ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2013 อัลแฟรดสร้างสถิติใหม่สำหรับการทำประตูมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลโดยนักฟุตบอลชาวไอซ์แลนด์ที่เล่นในลีกสูงสุดของประเทศใดๆ หลังจากที่เขาทำประตูที่ 24 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นประตูสุดท้ายของฤดูกาลนั้นด้วย ผู้ทำสถิติคนก่อนหน้าคือเปตูร์ เปตูร์ซอน ซึ่งเคยเล่นในเนเธอร์แลนด์เช่นกัน โดยทำ 23 ประตูจาก 33 นัดให้กับสโมสรฟุตบอลไฟเยอโนร์ดในฤดูกาล เอเรอดีวีซี 1979-80
2.5. Real Sociedad
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 อัลแฟรด ฟินปอกาซอน ได้เซ็นสัญญากับสโมสรเรอัลโซซิเอดาดในลีกสูงสุดของสเปน ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 7.50 M EUR ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 10.00 M EUR พร้อมเงื่อนไขเพิ่มเติม เขาได้ประเดิมสนามให้กับสโมสรในเดือนนั้น โดยลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมที่ชนะสโมสรฟุตบอลแอเบอร์ดีน 2-0 ในการแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีกของฤดูกาลนั้น
2.6. Olympiacos (loan)
ก่อนหน้านี้ สโมสรโอลิมเปียกอส แชมป์ลีกกรีซ ได้พยายามเซ็นสัญญากับอัลแฟรด ฟินปอกาซอน วัย 26 ปี แต่ไม่สามารถตกลงกับสโมสรเก่าของเขา ฮีเรนวีนได้ แม้จะได้รับความสนใจจากสโมสรฟุตบอลพีเอโอเค แต่ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 โอลิมเปียกอสได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญายืมตัวอัลแฟรดจากเรอัลโซซิเอดาด
เขาทำประตูแรกได้ในเกมกระชับมิตรที่พบกับสโมสรฟุตบอลเบชิกทัช เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 อัลแฟรดทำประตูแรกในเกมอย่างเป็นทางการ และเป็นประตูชัยให้กับโอลิมเปียกอสในเกมที่พบกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลเมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2015 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2015-16 รอบแบ่งกลุ่ม เอฟ ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกของโอลิมเปียกอสในดินแดนอังกฤษ ด้วยสกอร์ 3-2 ที่เอมิเรตส์สเตเดียม
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เขาทำประตูแรกในซูเปอร์ลีก กรีซจากการยิงจุดโทษในเกมเยือนที่ชนะสโมสรฟุตบอลปันตราคิกอส 4-3
2.7. FC Augsburg
อัลแฟรด ฟินปอกาซอน ถูกยืมตัวไปยังสโมสรฟุตบอลเอาก์สบวร์คเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขาได้ประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองในอีกห้าวันต่อมาในเกมที่พ่ายแพ้สโมสรฟุตบอลอิงกอลชตัต 04 2-1 เขาทำประตูแรกได้ในการลงเล่นนัดที่สามเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ช่วยให้เอาก์สบวร์คเสมอกับสโมสรโบรุสเซียเมินเชนกลัดบัค 2-2 เขาทำได้ 7 ประตูจากการลงเล่น 14 นัด และสัญญายืมตัวก็ถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาถาวรในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2016
ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2017 เขาทำแฮตทริกได้ในเกมบุนเดิสลีกาที่พบกับสโมสรฟุตบอลโคโลญ ซึ่งเอาก์สบวร์คชนะ 3-0 และในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2017 เขาทำแฮตทริกอีกครั้งในเกมที่เสมอกับสโมสรฟุตบอลไฟรบวร์ก 3-3
2.8. Lyngby Boldklub
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2022 ฟินปอกาซอนได้เซ็นสัญญาหนึ่งปีกับสโมสรลิงบีโบลด์คลับ ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นสู่เดนิชซูเปอร์ลีกา เขาได้ประเดิมสนามสามวันต่อมา โดยลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 64 แทนโทชี ชุกวานี ในเกมที่พ่ายแพ้ในบ้านต่อสโมสรฟุตบอลรันเดอร์ส 2-0 ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2023 เขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนของเดนิชซูเปอร์ลีกา
2.9. K.A.S. Eupen and Retirement
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2023 อัลแฟรดได้ย้ายไปร่วมทีมคาส ออยเปน ในลีกสูงสุดของเบลเยียม โดยมีสัญญาถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2025 เขาได้ประเดิมสนามให้กับสโมสรเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม โดยลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมเยือนที่ชนะเค.วี. คอร์ทไรก์ 3-1 เมื่อวันที่ 17 กันยายน เขาทำประตูแรกให้กับ "แพนด้าส์" (ชื่อเล่นของทีม) ซึ่งเป็นประตูปลอบใจในนาทีที่ 80 ของเกมที่พ่ายแพ้ในบ้านต่อสโมสรฟุตบอลสตองดาร์ ลีแยฌ 3-1
หลังจากที่ออยเปนตกชั้นสู่แชลเลนเจอร์โปรลีก อัลแฟรดได้ตกลงกับสโมสรเพื่อยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2024 และในที่สุด เขาก็ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024
3. International Career
เส้นทางอาชีพระดับทีมชาติของอัลแฟรด ฟินปอกาซอน เริ่มต้นตั้งแต่ระดับเยาวชนและก้าวขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ โดยมีส่วนร่วมในการแข่งขันสำคัญระดับนานาชาติที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับฟุตบอลไอซ์แลนด์
3.1. Youth National Team
อัลแฟรดลงเล่น 11 นัดและทำ 5 ประตูให้กับทีมชาติไอซ์แลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ประตูแรกของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2009 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2011 รอบคัดเลือกกลุ่ม 5 ซึ่งไอซ์แลนด์ชนะไอร์แลนด์เหนือรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 6-2 ที่สนามเดอะโชว์กราวด์ ในเมืองคอเลเรน
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 เขาทำได้ 2 ประตูในการแข่งขันรอบคัดเลือกกลุ่ม 5 ที่สนามสตาดิโอ โอลิมปิโก ในแซร์ราวัลเล ประเทศซานมารีโน ซึ่งไอซ์แลนด์ชนะซานมารีโนรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 6-0
3.2. Senior National Team
อัลแฟรด ฟินปอกาซอน ประเดิมสนามให้กับทีมชาติไอซ์แลนด์ชุดใหญ่ในปี ค.ศ. 2010 โดยลงสนามในฐานะตัวสำรองในเกมกระชับมิตรที่พบกับหมู่เกาะแฟโร และทำประตูแรกในการลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับไอซ์แลนด์ในเกมที่พ่ายแพ้อิสราเอล 3-2 ที่สนามกีฬาบลูมฟิลด์ ในเทลอาวีฟ
เขาถูกเรียกติดทีมชาติไอซ์แลนด์ชุดสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 และในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 เขามีชื่ออยู่ในทีมชาติไอซ์แลนด์ 23 คน สำหรับฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ในนัดแรกของรายการแข่งขัน อัลแฟรดทำประตูตีเสมอได้ในเกมที่ไอซ์แลนด์เสมอกับอาร์เจนตินา 1-1 ประตูนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นชาวไอซ์แลนด์คนแรกที่ทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 อัลแฟรดลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 73 นัด ทำได้ 18 ประตู และในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2024 อัลแฟรดได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลระดับทีมชาติ
4. Personal Life
ในเรื่องชีวิตส่วนตัว อัลแฟรด ฟินปอกาซอน มีความผูกพันกับฟุตบอลและสร้างสถิติที่สำคัญหลายอย่างในอาชีพของเขา
ญาติของเขา แบร์กลินด์ บัลดูร์สดอตติร์ ก็เป็นนักฟุตบอลเช่นกัน โดยเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับสโมสรเบรย์ดาบลิก นอกจากนี้ อัลแฟรดยังเป็นแฟนคลับของสโมสรฟุตบอลพาวเวอร์ ไดนาโมส์ เอฟซี ซึ่งเป็นแชมป์CAF คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1990 ที่เคยเอาชนะทีมบีซีซี ไลออนส์ของไนจีเรียได้
5. Career Statistics
5.1. Club Statistics
ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2023
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | การแข่งขันระดับทวีป | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | |||
อ็อกนาบลิก (ยืมตัว) | 2007 | 3. เดลด์ | 2 | 2 | - | - | - | - | - | - | 2 | 2 | |
เบรย์ดาบลิก | 2008 | อูร์วาลสเดลด์ | 4 | 1 | 1 | 0 | 3 | 0 | - | - | 8 | 1 | |
2009 | อูร์วาลสเดลด์ | 18 | 13 | 4 | 2 | 4 | 0 | - | - | 26 | 15 | ||
2010 | อูร์วาลสเดลด์ | 21 | 14 | 1 | 0 | 6 | 5 | 2 | 0 | 30 | 19 | ||
รวมกับเบรย์ดาบลิก | 43 | 28 | 6 | 2 | 13 | 5 | 2 | 0 | 64 | 35 | |||
โลเคอเรน | 2010-11 | เบลเจียนโปรลีก | 15 | 3 | - | - | - | - | - | - | 15 | 3 | |
2011-12 | เบลเจียนโปรลีก | 7 | 1 | 3 | 2 | - | - | - | - | 10 | 3 | ||
รวมกับโลเคอเรน | 22 | 4 | 3 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 25 | 6 | |||
เฮลซิงบอร์ย ไอเอฟ | 2012 | อัลสเวนสกัน | 17 | 12 | 1 | 0 | - | - | 4 | 1 | 22 | 13 | |
ฮีเรนวีน | 2012-13 | เอเรอดีวีซี | 33 | 24 | 2 | 4 | - | - | - | - | 35 | 28 | |
2013-14 | เอเรอดีวีซี | 32 | 29 | 3 | 2 | - | - | - | - | 35 | 31 | ||
รวมกับฮีเรนวีน | 65 | 53 | 5 | 6 | 0 | 0 | 0 | 0 | 70 | 59 | |||
เรอัลโซซิเอดาด | 2014-15 | ลาลิกา | 23 | 2 | 2 | 2 | - | - | 2 | 0 | 27 | 4 | |
โอลิมเปียกอส | 2015-16 | ซูเปอร์ลีก กรีซ | 7 | 1 | 3 | 0 | - | - | 3 | 1 | 13 | 2 | |
เอาก์สบวร์ค (ยืมตัว) | 2015-16 | บุนเดิสลีกา | 14 | 7 | 0 | 0 | - | - | - | - | 14 | 7 | |
เอาก์สบวร์ค | 2016-17 | บุนเดิสลีกา | 13 | 3 | 1 | 0 | - | - | - | - | 14 | 3 | |
2017-18 | บุนเดิสลีกา | 22 | 12 | 1 | 0 | - | - | - | - | 23 | 12 | ||
2018-19 | บุนเดิสลีกา | 18 | 10 | 2 | 1 | - | - | - | - | 20 | 11 | ||
2019-20 | บุนเดิสลีกา | 21 | 3 | 0 | 0 | - | - | - | - | 21 | 3 | ||
2020-21 | บุนเดิสลีกา | 17 | 0 | 1 | 1 | - | - | - | - | 18 | 1 | ||
2021-22 | บุนเดิสลีกา | 10 | 2 | 2 | 0 | - | - | - | - | 12 | 2 | ||
รวมกับเอาก์สบวร์ค | 115 | 37 | 7 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 122 | 39 | |||
ลิงบีโบลด์คลับ | 2022-23 | เดนิชซูเปอร์ลีกา | 17 | 5 | 0 | 0 | - | - | - | - | 17 | 5 | |
รวมอาชีพ | 311 | 143 | 27 | 14 | 13 | 5 | 11 | 2 | 362 | 164 |
5.2. International Statistics
ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
ไอซ์แลนด์ | 2010 | 2 | 1 |
2011 | 4 | 0 | |
2012 | 6 | 2 | |
2013 | 8 | 1 | |
2014 | 3 | 1 | |
2015 | 7 | 2 | |
2016 | 10 | 4 | |
2017 | 5 | 0 | |
2018 | 7 | 4 | |
2019 | 5 | 0 | |
2020 | 4 | 0 | |
2021 | 0 | 0 | |
2022 | 2 | 0 | |
2023 | 10 | 3 | |
รวม | 73 | 18 |
5.3. International Goals
ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2023 โดยสกอร์ของทีมชาติไอซ์แลนด์จะอยู่ฝั่งซ้ายของเครื่องหมายขีด
ลำดับ | วันที่ | สนาม | ลงเล่นนัดที่ | พบกับ | สกอร์ | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 | สนามกีฬาบลูมฟิลด์, เทลอาวีฟ, อิสราเอล | 2 | อิสราเอล | 1-3 | 2-3 | กระชับมิตร |
2 | 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 | สนามกีฬานครพอดกอรีตซา, พอดกอรีตซา, มอนเตเนโกร | 7 | มอนเตเนโกร | 1-1 | 1-2 | กระชับมิตร |
3 | 7 กันยายน ค.ศ. 2012 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 9 | นอร์เวย์ | 2-0 | 2-0 | ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก |
4 | 7 มิถุนายน ค.ศ. 2013 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 15 | สโลวีเนีย | 2-1 | 2-4 | ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก |
5 | 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 | สนามกีฬาพระเจ้าโบดวง, บรัสเซลส์, เบลเยียม | 23 | เบลเยียม | 1-1 | 1-3 | กระชับมิตร |
6 | 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 | สนามกีฬาแห่งชาติวอร์ซอ, วอร์ซอ, โปแลนด์ | 29 | โปแลนด์ | 2-2 | 2-4 | กระชับมิตร |
7 | 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 | ชตาดิโอน พอต ดุบนอม, จิลินา, สโลวาเกีย | 30 | สโลวาเกีย | 1-0 | 1-3 | กระชับมิตร |
8 | 6 มิถุนายน ค.ศ. 2016 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 34 | ลิกเตนสไตน์ | 3-0 | 4-0 | กระชับมิตร |
9 | 5 กันยายน ค.ศ. 2016 | สนามกีฬาโอลิมปิสกี เนชันแนล สปอร์ตส์ คอมเพล็กซ์, เคียฟ, ยูเครน | 38 | ยูเครน | 1-0 | 1-1 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
10 | 6 ตุลาคม ค.ศ. 2016 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 39 | ฟินแลนด์ | 2-2 | 3-2 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
11 | 9 ตุลาคม ค.ศ. 2016 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 40 | ตุรกี | 2-0 | 2-0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
12 | 2 มิถุนายน ค.ศ. 2018 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 46 | นอร์เวย์ | 1-1 | 2-3 | กระชับมิตร |
13 | 7 มิถุนายน ค.ศ. 2018 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 47 | กานา | 2-0 | 2-2 | กระชับมิตร |
14 | 16 มิถุนายน ค.ศ. 2018 | โอตครีตีเย อารีนา, มอสโก, รัสเซีย | 48 | อาร์เจนตินา | 1-1 | 1-1 | ฟุตบอลโลก 2018 |
15 | 15 ตุลาคม ค.ศ. 2018 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 52 | สวิตเซอร์แลนด์ | 1-2 | 1-2 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2018-19 ลีกเอ |
16 | 17 มิถุนายน ค.ศ. 2023 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 66 | สโลวาเกีย | 1-1 | 1-2 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบคัดเลือก |
17 | 11 กันยายน ค.ศ. 2023 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 69 | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | 1-0 | 1-0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบคัดเลือก |
18 | 16 ตุลาคม ค.ศ. 2023 | ลัวการ์ตัลสเวลลูร์, เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์ | 71 | ลิกเตนสไตน์ | 2-0 | 4-0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบคัดเลือก |
6. Honours
อัลแฟรด ฟินปอกาซอน ได้รับเกียรติยศมากมายตลอดเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของเขา ทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนบุคคลที่สะท้อนถึงความสามารถอันโดดเด่นของเขา
6.1. Club Honours
- เบรย์ดาบลิก: 2010
- เบรย์ดาบลิก: 2009
- โอลิมเปียกอส: 2015-16
6.2. Individual Honours
- อูร์วาลสเดลด์ ผู้เล่นแห่งปี: 2010
- อูร์วาลสเดลด์ ผู้เล่นเยาวชนแห่งปี: 2009
- อูร์วาลสเดลด์ รางวัลรองเท้าเงิน: 2010
- อูร์วาลสเดลด์ รางวัลรองเท้าทองแดง: 2009
- อูร์วาลสเดลด์ ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี: 2009, 2010
- เอเรอดีวีซี ผู้ทำประตูสูงสุด: 2013-14 (29 ประตู)
- เดนิชซูเปอร์ลีกา ทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน: กรกฎาคม ค.ศ. 2023