1. ภาพรวม
ซาโอริ คิตากาเซะ (北風 沙織Kitakaze Saoriภาษาญี่ปุ่น) เป็นนักวิ่งระยะสั้นชาวญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1985 ที่เมืองคูชิโระ จังหวัดฮอกไกโด เธอเชี่ยวชาญการแข่งขันระยะ 100 เมตร และเคยเป็นหนึ่งในผู้ถือสถิติประเทศญี่ปุ่นสำหรับการวิ่งผลัด 4x100 เมตร ด้วยเวลา 43.39 วินาที นอกจากนี้ เธอยังประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยได้รับเหรียญเงินหลายเหรียญจากการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียและเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาเอเชียตะวันออก ในช่วงบั้นปลายอาชีพ เธอเผชิญกับอาการบาดเจ็บหนักและสามารถกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง ก่อนจะหันมามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ฝึกสอนกรีฑา โดยได้ก่อตั้งสโมสรและเป็นหัวหน้าโค้ชให้กับมหาวิทยาลัยบ้านเกิดของเธอ.
2. ชีวิตช่วงต้น
ซาโอริ คิตากาเซะ มีภูมิหลังครอบครัวที่ส่งเสริมด้านกรีฑามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในเส้นทางอาชีพนักกีฬาของเธอ.
2.1. การเกิดและภูมิหลังครอบครัว
ซาโอริ คิตากาเซะ เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1985 ที่เมืองคูชิโระ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เธอเติบโตในเมืองเอเบ็ตสึ จังหวัดฮอกไกโด ครอบครัวของเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับกีฬากรีฑาอย่างมาก โดยทั้งพ่อแม่และพี่สาวสองคนของเธอล้วนเป็นอดีตนักกรีฑา ทำให้เธอเริ่มเล่นกรีฑาตั้งแต่ยังเด็ก ชื่อ "ซาโอริ" ของเธอมีที่มาจากความชื่นชอบของพ่อแม่ในตัวนักร้องชื่อดังชาวญี่ปุ่น ซาโอริ มินามิ (南沙織Minami Saoriภาษาญี่ปุ่น) เธอมีหมู่เลือด A.
2.2. ชีวิตในวัยเรียนและการเข้าสู่วงการกรีฑา
คิตากาเซะเริ่มต้นเส้นทางกรีฑาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประถมศึกษาโออาซะ เอเบ็ตสึ (Ebetsu Oasa Elementary School) นอกจากกรีฑาแล้ว เธอยังเคยเป็นสมาชิกชมรมบาสเกตบอลในช่วงประถม และได้รับตำแหน่งกัปตันทีมบาสเกตบอลเยาวชนมินิบาสของโออาซะในปี ค.ศ. 1997 ขณะอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ในช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปี ค.ศ. 2000 เธอประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น ด้วยการคว้าแชมป์วิ่ง 100 เมตรหญิงในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์มัธยมศึกษาทั่วประเทศญี่ปุ่น (National Junior High Championships) และการแข่งขันจูเนียร์โอลิมปิก (Junior Olympics)
แม้ว่าผลงานของเธอจะลดลงในช่วงมัธยมปลายปีที่ 1 และ 2 แต่การเสียชีวิตของคุณปู่ได้เป็นแรงผลักดันให้เธอกลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 2003 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของมัธยมปลาย เธอสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์สามรายการในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร ได้แก่ รายการกรีฑาชิงแชมป์เยาวชนญี่ปุ่น (Junior Japan Championships), รายการอินเตอร์ไฮ (Inter-High School Championships) และรายการมหกรรมกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น (National Sports Festival) ประเภทเยาวชนหญิง A
หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย เธอได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮอกุโชะ (Hokusho University) (เดิมชื่อ Hokkaido Asai Gakuen University) โดยสำเร็จการศึกษาจากคณะระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตในปี ค.ศ. 2008 การเลือกเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นไปเพื่อที่จะได้ฝึกซ้อมภายใต้การดูแลของโค้ชฮิโรยูกิ นากามูระ (中村宏之Nakamura Hiroyukiภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นโค้ชของเธอตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย.
3. อาชีพนักกีฬา
ซาโอริ คิตากาเซะมีอาชีพนักกีฬาที่ยาวนานและประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในระยะ 100 เมตรและวิ่งผลัด 4x100 เมตร เธอได้แสดงความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ.
3.1. ความสำเร็จช่วงต้นและกิจกรรมในประเทศ
ในช่วงที่เธอยังคงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮอกุโชะ (เดิมชื่อ Hokkaido Asai Gakuen University) คิตากาเซะได้สร้างสถิติฮอกไกโดในการวิ่ง 100 เมตร ด้วยเวลา 11.56 วินาที ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 และทำลายสถิติของตัวเองเป็น 11.52 วินาที ในรอบคัดเลือกของการแข่งขันชิซูโอกะ อินเตอร์เนชันแนล แอทเลติกส์ (Shizuoka International Athletics) ปี ค.ศ. 2007.
ในการแข่งขันในประเทศ เธอยังคงทำผลงานได้อย่างต่อเนื่อง ในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์ญี่ปุ่นปี ค.ศ. 2007 เธอได้อันดับสองในรายการ 100 เมตร โดยเป็นรองเพียง โมโมโกะ ทากาฮาชิ (高橋萌木子Momoko Takahashiภาษาญี่ปุ่น) อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถแก้ตัวได้สำเร็จในการแข่งขันกรีฑานัมบุคอมเมโมเรทีฟ (Nambu Commemorative Athletics) ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน โดยคว้าแชมป์ 100 เมตรด้วยเวลา 11.64 วินาที ซึ่งเป็นสถิติที่ได้รับแรงลมช่วย และมีเวลาเท่ากับทากาฮาชิแต่เข้าเส้นชัยก่อน
ในปี ค.ศ. 2008 ในการแข่งขันกรีฑาโอดะมิคิโอะคอมเมโมเรทีฟ อินเตอร์เนชันแนล (Oda Mikio Memorial International Athletics) ซึ่งเป็นการแข่งขันแรกของเธอในฐานะนักกีฬาอาชีพ เธอบันทึกสถิติส่วนบุคคลที่ดีที่สุดในระยะ 100 เมตร ด้วยเวลา 11.42 วินาที อย่างไรก็ตาม เธอได้อันดับสอง เนื่องจากชิซาโตะ ฟูกูชิมะ (福島千里Chisato Fukushimaภาษาญี่ปุ่น) เพื่อนร่วมทีมของเธอได้สร้างสถิติญี่ปุ่นใหม่ด้วยเวลา 11.36 วินาที.
ตารางผลการแข่งขันระดับประเทศที่สำคัญ:
ปี | การแข่งขัน | รายการ | อันดับ | เวลา | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
2000 | กรีฑาชิงแชมป์มัธยมศึกษาทั่วประเทศญี่ปุ่น | 100 เมตร | 1 | 12.13 วินาที | |
2000 | จูเนียร์โอลิมปิก | 100 เมตร | 1 | 12.48 วินาที | |
2003 | กรีฑาชิงแชมป์เยาวชนญี่ปุ่น | 100 เมตร | 1 | 11.71 วินาที | ลมช่วย |
2003 | อินเตอร์ไฮ | 100 เมตร | 1 | 11.73 วินาที | สถิติสูงสุดอันดับ 3 ของโรงเรียนมัธยมในขณะนั้น |
2003 | มหกรรมกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น | 100 เมตร | 1 | 11.84 วินาที | |
2006 | กรีฑาชิงแชมป์ญี่ปุ่น | 100 เมตร | 5 | 11.97 วินาที | |
2006 | กรีฑานัมบุคอมเมโมเรทีฟ | 100 เมตร | 2 | 11.56 วินาที | |
2007 | กรีฑาชิงแชมป์ญี่ปุ่น | 100 เมตร | 2 | 11.66 วินาที | |
2007 | กรีฑานัมบุคอมเมโมเรทีฟ | 100 เมตร | 1 | 11.64 วินาที | ลมช่วย |
2008 | กรีฑาโอดะมิคิโอะคอมเมโมเรทีฟ อินเตอร์เนชันแนล | 100 เมตร | 2 | 11.42 วินาที | สถิติส่วนบุคคลที่ดีที่สุด |
2013 | กรีฑาชิงแชมป์ญี่ปุ่น | 100 เมตร | 3 | 11.74 วินาที | |
2016 | กรีฑานัมบุคอมเมโมเรทีฟ | 100 เมตร | 1 | 11.96 วินาที |
3.2. การเปิดตัวในเวทีนานาชาติและความสำเร็จที่สำคัญ
คิตากาเซะเริ่มการแข่งขันระดับนานาชาติครั้งแรกในปี ค.ศ. 2004 โดยคว้าเหรียญทองแดงในรายการ 60 เมตร ณ การแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียในร่ม 2004 ที่เตหะราน ประเทศอิหร่าน ด้วยเวลา 7.52 วินาที และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในรายการ 100 เมตรที่กรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลกในปีเดียวกัน ณ กรอสเซโต ประเทศอิตาลี (เวลา 12.00 วินาที) ทีมวิ่งผลัด 4x100 เมตรหญิงของเธอจบในรอบคัดเลือกด้วยเวลา 45.80 วินาที ซึ่งเป็นสถิติเยาวชนแห่งชาติในขณะนั้น.
ในปี ค.ศ. 2005 ในการแข่งขันกีฬาเอเชียตะวันออกที่มาเก๊า เธอยังคงทำผลงานได้ดี โดยได้อันดับที่ 4 ในรายการ 100 เมตร (เวลา 12.02 วินาที) และเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิ่งผลัด 4x100 เมตรหญิงที่คว้าเหรียญทองด้วยเวลา 44.88 วินาที.
ในปี ค.ศ. 2006 คิตากาเซะได้เข้าร่วมกีฬาเอเชียนเกมส์ 2006ที่โดฮา ประเทศกาตาร์ และได้อันดับที่ 7 ในรอบชิงชนะเลิศ 100 เมตร (เวลา 11.94 วินาที) และในปี ค.ศ. 2007 เธอได้รับเหรียญเงินในรายการวิ่งผลัด 4x100 เมตร ณ การแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียที่อัมมาน ประเทศจอร์แดน (เวลา 45.06 วินาที) นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน เธอยังได้รับเลือกให้ติดทีมชาติญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในการแข่งขันระดับโลกที่กรีฑาชิงแชมป์โลก 2007ที่โอซากะ ประเทศญี่ปุ่น แต่ทีมวิ่งผลัดของเธอถูกปรับแพ้ฟาวล์ในรอบคัดเลือก.
เธอสามารถคว้าเหรียญเงินเพิ่มได้อีกสองเหรียญจากการแข่งขันวิ่งผลัด 4x100 เมตร ในกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย 2013ที่ปูเน ประเทศอินเดีย (เวลา 44.38 วินาที) และในกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย 2015ที่อู่ฮั่น ประเทศจีน (เวลา 44.14 วินาที) ในปี ค.ศ. 2014 เธอยังเข้าร่วมการแข่งขันผลัดชิงแชมป์โลกที่แนสซอ ประเทศบาฮามาส โดยทีมวิ่งผลัด 4x100 เมตรหญิงของเธอได้อันดับที่ 18 ในรอบคัดเลือก (เวลา 44.66 วินาที).
3.3. สถิติส่วนบุคคลที่ดีที่สุดและสถิติประเทศญี่ปุ่น
ซาโอริ คิตากาเซะสร้างสถิติส่วนบุคคลที่ดีที่สุดในอาชีพดังนี้:
- 100 เมตร: 11.42 วินาที (ที่ฮิโรชิมะ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2008)
- 200 เมตร: 24.55 วินาที (ที่ซัปโปะโระ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2007)
- 60 เมตร (ในร่ม): 7.52 วินาที (ที่เตหะราน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004)
เธอยังเป็นหนึ่งในผู้ถือสถิติประเทศญี่ปุ่นร่วมกันในรายการวิ่งผลัด 4x100 เมตร ด้วยเวลา 43.39 วินาที สถิตินี้ทำขึ้นที่คาวาซากิ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้แก่ โมโมโกะ ทากาฮาชิ, ชิซาโตะ ฟูกูชิมะ และคานะ อิจิกาวะ.
3.4. อาการบาดเจ็บและการกลับคืนสู่สนาม
ในช่วงอาชีพนักกีฬา ซาโอริ คิตากาเซะต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บร้ายแรง โดยเฉพาะอาการกระดูกร้าวจากความเครียดที่กระดูกหน้าแข้งซ้าย เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงสามครั้ง และต้องใช้เวลาในการกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูร่างกายอย่างยาวนานและหนักหน่วง.
อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายาม เธอสามารถกลับมาแข่งขันได้สำเร็จอีกครั้ง โดยในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรที่จัดโดยสมาคมกรีฑาเมืองซัปโปะโระ ณ สนามซัปโปะโระ แอทสึเบ็ตสึ พาร์ค สเตเดียม (Sapporo Atsubetsu Park Stadium) และสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ด้วยเวลา 11.94 วินาที ถือเป็นการกลับคืนสู่สนามแข่งขันที่น่าประทับใจหลังจากการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บหนัก.
4. กิจกรรมหลังเกษียณและอาชีพโค้ช
หลังจากการเกษียณจากการเป็นนักกีฬา ซาโอริ คิตากาเซะได้หันมาทุ่มเทให้กับบทบาทใหม่ในวงการกรีฑา โดยเฉพาะการเป็นผู้ฝึกสอน เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับนักกีฬารุ่นใหม่.
4.1. การเกษียณจากวงการและการกลับมา
ซาโอริ คิตากาเซะได้ประกาศเกษียณจากการแข่งขันกรีฑาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2016 อย่างไรก็ตาม หลังจากการให้กำเนิดบุตรชายคนแรกในปี ค.ศ. 2019 เธอได้ตัดสินใจกลับมาเป็นนักกีฬาอีกครั้ง โดยได้หวนคืนสู่สนามแข่งขัน.
4.2. กิจกรรมในฐานะโค้ช
บทบาทของซาโอริ คิตากาเซะในฐานะผู้ฝึกสอนนั้นหลากหลายและสำคัญ เธอเริ่มต้นจากการเป็นทั้งนักกีฬาและผู้จัดการทีม (Player-Coach) ให้กับทีม ฮอกไกโด ไฮ-เทค เอซี (Hokkaido High-Tech AC) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 โดยรับช่วงต่อจากโค้ชฮิโรยูกิ นากามูระ ผู้เป็นที่ปรึกษาของเธอมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม เธอได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมจากฮอกไกโด ไฮ-เทค เอซี ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021.
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2021 เธอได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการก่อตั้งชมรมกรีฑาของตัวเองชื่อว่า "ชมรมกรีฑาฮอกไกโด เบรเมนส์" (北海道ブレーメンズ陸上部Hokkaidō Burēmenzu Rikujōbuภาษาญี่ปุ่น) โดยมุ่งเน้นการฝึกซ้อมสำหรับกรีฑามาสเตอร์ส (Masters Athletics).
และในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022 คิตากาเซะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโค้ชทีมกรีฑาของมหาวิทยาลัยฮอกุโชะ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่เธอเคยจบการศึกษามาอีกด้วย.
5. การประเมินและผลกระทบ
ซาโอริ คิตากาเซะได้สร้างมรดกที่สำคัญให้กับวงการกรีฑาของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิ่งระยะสั้น อาชีพของเธอโดดเด่นด้วยความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ รวมถึงการเป็นหนึ่งในผู้ถือสถิติประเทศญี่ปุ่นในรายการวิ่งผลัด 4x100 เมตร ความสามารถในการเอาชนะอาการบาดเจ็บร้ายแรงและการกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจและความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อของเธอ.
หลังจากแขวนสตั๊ดในฐานะนักกีฬาอาชีพ เธอยังคงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการกรีฑาญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้ฝึกสอน การเป็นผู้จัดการทีม การก่อตั้งสโมสรกีฬา และการเป็นโค้ชให้กับมหาวิทยาลัย แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องของเธอในการบ่มเพาะนักกีฬารุ่นใหม่และส่งเสริมกีฬาในภูมิภาคของเธอ.
6. ชีวิตส่วนตัว
นอกเหนือจากอาชีพนักกีฬา ซาโอริ คิตากาเซะยังมีชีวิตส่วนตัวที่สำคัญต่อเธอ เธอได้แต่งงานกับอดีตรุ่นน้องจากมหาวิทยาลัยฮอกุโชะ ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป ไม่ใช่นักกีฬา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ก่อนที่เธอจะกลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้งในปี ค.ศ. 2019 เธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรก.