1. ภาพรวม

อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช (Yvonne Snir-Bönischอีวอนน์ สนีร์-เบอนิชภาษาเยอรมัน นามสกุลเดิม เบอนิช) เป็นอดีตนักยูโดชาวเยอรมนีและปัจจุบันเป็นโค้ชยูโด เธอเป็นที่รู้จักจากการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ในรุ่นน้ำหนัก 57 กิโลกรัม ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นนักยูโดหญิงชาวเยอรมนีคนแรกที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิก นอกจากนี้ เธอยังเป็นรองแชมป์โลกสองสมัย (ปี 2003 และ 2005) และรองแชมป์ยุโรปสองสมัย (ปี 2002 และ 2007)
หลังจากเลิกเล่นกีฬาในปี 2008 เธอก็หันมาเป็นโค้ช โดยเริ่มต้นที่สโมสร UJKC พ็อทซ์ดัม ก่อนจะย้ายไปเป็นโค้ชทีมชาติหญิงอิสราเอล และตั้งแต่ปี 2021 เธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมชาติยูโดออสเตรีย ซึ่งเธอได้นำพานักกีฬาประสบความสำเร็จในการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียว 2020 และปารีส 2024
2. ชีวิต
อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช มีพื้นเพและได้รับการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับกีฬา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวเข้าสู่วงการยูโดทั้งในฐานะนักกีฬาและโค้ช
2.1. วัยเด็กและการศึกษา
อีวอนน์ เบอนิช เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1980 ที่เมืองลุดวิกส์เฟลเดอ ในเยอรมนีตะวันออก ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐบรันเดินบวร์ค เธอเริ่มต้นฝึกยูโดตั้งแต่วัยเด็กที่สโมสร JV ลุดวิกส์เฟลเดอ และต่อมาได้ศึกษาด้านการจัดการกีฬาที่มหาวิทยาลัย FH สำหรับกีฬาและการจัดการพ็อทซ์ดัม (FH für Sport and Management Potsdam)
3. อาชีพนักกีฬา
ตลอดอาชีพนักยูโด อีวอนน์ เบอนิช ได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติมากมาย และประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สำหรับนักยูโดหญิงชาวเยอรมนี
3.1. ผลการแข่งขันรายการสำคัญ
อีวอนน์ เบอนิช มีผลงานที่โดดเด่นในการแข่งขันยูโดระดับนานาชาติหลายรายการ:
- การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป ปี 2002 ที่มารีบอร์ เธอคว้าเหรียญเงินในรุ่น 57 กิโลกรัม
- การแข่งขันชิงแชมป์โลก ปี 2003 ที่โอซากะ เธอเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรุ่น 57 กิโลกรัม แต่พ่ายแพ้ต่อคเย ซุน-ฮุย นักยูโดจากเกาหลีเหนือ ทำให้เธอได้เหรียญเงิน
- ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่กรุงเอเธนส์ เธอคว้าเหรียญทองในรุ่น 57 กิโลกรัม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่สุดในอาชีพของเธอ ในการแข่งขันนี้ เธอเอาชนะอิซาเบล เฟร์นันเดซ จากสเปนด้วยท่าวาซา-อาริ และเอาชนะคิเอะ คุซากาเบะ จากญี่ปุ่นด้วยท่าอาวาเซะ-วาซา ก่อนที่จะเอาชนะคเย ซุน-ฮุย ในรอบชิงชนะเลิศด้วยคะแนนชิโด 1 ทำให้เธอเป็นนักยูโดหญิงชาวเยอรมนีคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก
- การแข่งขันชิงแชมป์โลก ปี 2005 ที่ไคโร เธอเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งในรุ่น 57 กิโลกรัม แต่ก็พ่ายแพ้ต่อคเย ซุน-ฮุย ด้วยท่าอุจิ-มาตะ ทำให้ได้เหรียญเงินเป็นครั้งที่สอง
- การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป ปี 2007 ที่เบลเกรด เธอคว้าเหรียญเงินอีกครั้งในรุ่น 57 กิโลกรัม
- ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง เธอจบอันดับที่ 9 โดยพ่ายแพ้ต่อจูเลีย ควินตาวัลเล จากอิตาลี (ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศในรายการนี้) และพ่ายแพ้ต่อบาร์บารา ฮาเรล จากฝรั่งเศสในรอบแก้ตัว
3.2. ผลการแข่งขันรายการอื่นๆ
นอกเหนือจากการแข่งขันสำคัญข้างต้น อีวอนน์ เบอนิช ยังมีผลงานในการแข่งขันระดับนานาชาติและในประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเธอมีส่วนสูง 168 cm
| ปี | รายการ | ผลการแข่งขัน |
|---|---|---|
| 2001 | Czech International | 2 |
| 2001 | Dutch International | 3 |
| 2001 | Korea International | 1 |
| 2002 | German International | 3 |
| 2002 | Belgian International | 2 |
| 2002 | European Championships | 2 |
| 2003 | Russian International | 5 |
| 2003 | German International | 3 |
| 2003 | Czech International | 1 |
| 2003 | World Championships | 2 |
| 2004 | Polish International | 1 |
| 2004 | Athens Olympics | 1 |
| 2005 | World Championships | 2 |
| 2006 | German International | 3 |
| 2006 | European Championships | 7 |
| 2007 | French International | 3 |
| 2007 | German International | 2 |
| 2007 | European Championships | 2 |
| 2007 | World Championships | 7 |
| 2007 | Dutch International | 1 |
| 2008 | Beijing Olympics | 9 |
3.3. การปฏิเสธเข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกปักกิ่ง
ในช่วงโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง อีวอนน์ เบอนิช ได้ตัดสินใจปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน โดยเป็นการประท้วงต่อการปราบปรามการจลาจลในทิเบต ที่เกิดขึ้นในปีเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงจุดยืนทางการเมืองและจริยธรรมของเธอ
4. อาชีพโค้ช
หลังจากการเลิกเล่นกีฬา อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช ได้ผันตัวมาเป็นโค้ชยูโดและประสบความสำเร็จในการนำนักกีฬาไปสู่ชัยชนะในระดับสูงสุด
4.1. ทีมโค้ชที่สังกัด
อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช เริ่มต้นอาชีพโค้ชที่สโมสรเดิมของเธอคือ UJKC พ็อทซ์ดัม หลังจากนั้นในเดือนมกราคม ปี 2017 เธอย้ายไปอิสราเอลและรับตำแหน่งโค้ชทีมชาติยูโดหญิงของอิสราเอลจนถึงสิ้นปี 2020 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2021 เธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมชาติยูโดออสเตรีย (Judo Austria) โดยรับผิดชอบทั้งนักกีฬาชายและหญิง
4.2. ความสำเร็จของนักกีฬาทีมโค้ช
ในฐานะโค้ช อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช ได้นำพานักกีฬาของเธอประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น:
- ในการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียว 2020 นักกีฬาภายใต้การดูแลของเธอคว้าได้ 2 เหรียญ:
- มิคาเอลา พอลเลเรส คว้าเหรียญเงินในรุ่น 70 กิโลกรัม
- ชามิล บอร์ชาชวิลี คว้าเหรียญทองแดงในรุ่น 81 กิโลกรัม
- ในการแข่งขันโอลิมปิกปารีส 2024 นักกีฬาของเธอ มิคาเอลา พอลเลเรส คว้าเหรียญทองแดงในรุ่น 70 กิโลกรัม
5. ชีวิตส่วนตัว
อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช แต่งงานกับสตรีชาวอิสราเอล
6. รางวัลและเกียรติยศ
จากความสำเร็จในการนำนักกีฬาคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกปารีส 2024 อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช ได้รับการเลื่อนระดับเป็นสายดำระดับ 7 ดั้ง จากสมาคมยูโดออสเตรีย (Judo Austria)
7. การประเมินและอิทธิพล
อีวอนน์ สนีร์-เบอนิช ได้สร้างอิทธิพลอย่างมากในวงการยูโด ทั้งในฐานะนักกีฬาและโค้ช ในฐานะนักกีฬา เธอเป็นผู้บุกเบิกด้วยการเป็นนักยูโดหญิงชาวเยอรมนีคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นหลังจำนวนมาก การที่เธอปฏิเสธเข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกปักกิ่งในปี 2008 ยังแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แข็งกร้าวในประเด็นสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการใช้แพลตฟอร์มกีฬาเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อมั่นส่วนบุคคล
ในฐานะโค้ช เธอได้พิสูจน์ความสามารถในการพัฒนานักกีฬาให้ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนักกีฬาออสเตรียคว้าเหรียญโอลิมปิกหลายเหรียญ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์ของเธอในการพัฒนานักกีฬา การเลื่อนระดับเป็นสายดำ 7 ดั้ง ถือเป็นการยกย่องอย่างสูงในวงการยูโด ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับในความสำเร็จและคุณูปการที่เธอมีต่อกีฬายูโดในระดับสากล