1. ภาพรวม

เคอิจิโร นางาชิมะ (長島 圭一郎, ながしま けいいちろうภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1982 เป็นอดีตนัก สปีดสเก็ตชาว ญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านระยะสปรินต์ โดยเฉพาะระยะ 500 m และ 1.00 K m เขาเป็นหนึ่งในนักสปีดสเก็ตที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่นในยุคของเขา ด้วยผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
นางาชิมะคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันสปีดสเก็ตชายระยะ 500 m ในโอลิมปิกฤดูหนาว 2010 ที่แวนคูเวอร์ และยังเคยคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันชิงแชมป์โลกสปรินต์อีกด้วย หลังจากการเกษียณจากการแข่งขัน เขายังคงมีส่วนร่วมในวงการสเก็ตน้ำแข็ง โดยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติญี่ปุ่นในกีฬาสปีดสเก็ตระยะสั้น (ชอร์ตแทร็ก) และได้แต่งงานกับอายากะ คิกูจิ อดีตนักสปีดสเก็ตทีมชาติญี่ปุ่น
2. ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
เคอิจิโร นางาชิมะเริ่มเส้นทางในวงการสเก็ตตั้งแต่วัยเด็ก โดยมีพื้นฐานจากครอบครัวและแรงบันดาลใจจากพี่สาวของเขา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำพาเขาไปสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลก
2.1. วัยเด็กและภูมิหลังครอบครัว
เคอิจิโร นางาชิมะ เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1982 ที่เมืองอิเกดะ จังหวัดฮอกไกโด ญี่ปุ่น ครอบครัวของเขาประกอบอาชีพปศุสัตว์ นางาชิมะเริ่มเล่นสเก็ตตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยเดินตามรอยพี่สาวสองคนของเขา ในช่วงมัธยมต้น นอกจากเป็นสมาชิกของชมรมสเก็ตแล้ว เขายังเป็นสมาชิกของชมรมเบสบอลในตำแหน่งเบสสามอีกด้วย แม้ว่าเขาจะมีความปรารถนาที่จะเล่นเบสบอลต่อในระดับมัธยมปลาย แต่เขาไม่ได้รับข้อเสนอการเข้าเรียนต่อด้วยโควตานักกีฬาเบสบอล จึงตัดสินใจเลือกเส้นทางสเก็ตน้ำแข็งแทน
2.2. อาชีพนักเรียนและมือสมัครเล่น
นางาชิมะเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายฮอกไกโดอิเกดะ ในช่วงแรกเขาเน้นการแข่งขันระยะไกล แต่ผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เขาจึงเปลี่ยนมาแข่งขันระยะสปรินต์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีที่สามของการศึกษา เพียง 3 เดือนหลังจากเปลี่ยนมาแข่งขันระยะสั้น เขาก็สามารถคว้าแชมป์ 500 m ในการแข่งขันสปีดสเก็ตเยาวชนชิงแชมป์ญี่ปุ่น และแชมป์ 1.00 K m ในรายการ อินเตอร์ไฮ (การแข่งขันกีฬาโรงเรียนมัธยมแห่งชาติ) ได้สำเร็จ
หลังจากนั้น เขาได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนิฮง คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาพลศึกษา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาโดดเด่นในการแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งระดับนักศึกษา และในปี ค.ศ. 2005 เขาสามารถคว้าแชมป์ 500 m ในกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูหนาว 2005 ที่อินส์บรุค ออสเตรีย
3. อาชีพสปีดสเก็ต
หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิฮงในปี ค.ศ. 2005 เคอิจิโร นางาชิมะได้เข้าร่วมกับบริษัท นิเด็ค ซันเคียว (日本電産サンキョーภาษาญี่ปุ่น) และเริ่มอาชีพนักสปีดสเก็ตมืออาชีพอย่างเต็มตัว โดยเน้นการแข่งขันในระยะสปรินต์
3.1. การพัฒนาอาชีพช่วงต้นและความสำเร็จในประเทศ
หลังจากร่วมกับบริษัท นิเด็ค ซันเคียว นางาชิมะก็คว้าแชมป์การแข่งขันสปีดสเก็ตสปรินต์ชิงแชมป์ญี่ปุ่นในประเภทบุคคลรวม เขาใช้เวลาสามปีในการแข่งขันภายในประเทศญี่ปุ่นก่อนที่จะได้รับเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์คัพประเภทสปรินต์ที่นางาโนะในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2004
ก่อนการเปิดตัวในเวิลด์คัพ เขาเคยจบอันดับที่สี่หลายครั้งในการแข่งขันชิงแชมป์ญี่ปุ่น และในการแข่งขันชิงแชมป์ 2x500 เมตร เดือนตุลาคม ค.ศ. 2004 เขาพลาดอันดับที่สามไปเพียงเล็กน้อยให้กับฮิโรยาสุ ชิมิสุ ซึ่งในขณะนั้นเป็นเจ้าของสถิติโลก
ในการแข่งขันเวิลด์คัพนัดแรกที่นางาโนะ ซึ่งเป็นการแข่งขันสปรินต์ครั้งแรกของฤดูกาล นางาชิมะจบอันดับที่สาม โดยตามหลังผู้ชนะร่วมอย่างฮิโรยาสุ ชิมิสุ และเจเรมี วอเธอร์สปูน เพียง 0.05 วินาที อย่างไรก็ตาม เขาล้มเหลวในการรักษาผลงานในระดับนี้ในรายการที่เหลือของฤดูกาล โดยทำผลงานได้ดีที่สุดคืออันดับที่ 13 ที่แอร์ฟูร์ท และแม้ว่าจะไม่ถูกลดชั้นลงสู่ดิวิชัน B ในระยะ 500 m แต่เขาก็จบอันดับที่ 18 ในการจัดอันดับเวิลด์คัพโดยรวม และไม่ผ่านเข้ารอบสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์โลกประเภทระยะ แต่เขาสามารถจบอันดับที่เจ็ดในการแข่งขันเวิลด์คัพระยะ 100 m หลังจากคว้าอันดับที่ห้าในฮีเรนวีน
เขาเริ่มต้นฤดูกาล 2006 ด้วยการคว้าเหรียญรางวัลในประเทศครั้งแรก โดยได้เหรียญทองแดงในการแข่งขันชิงแชมป์ญี่ปุ่นประเภท 2x500 เมตร โดยมีคะแนนตามหลังโจจิ คาโตะ 0.610 แต้ม นางาชิมะได้รับเลือกเข้าสู่เวิลด์คัพเซอร์กิตอีกครั้ง โดยจบในสิบอันดับแรกถึงสี่ครั้ง เขากลับบ้านในเดือนธันวาคม โดยไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์คัพสปรินต์ที่อินเซลล์เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติหลายคน เพื่อคว้าแชมป์ชิงแชมป์สปรินต์ญี่ปุ่นที่จัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม ค.ศ. 2005 ด้วยคะแนนรวม 141.985 แต้ม นำหน้ายูสุเกะ อิมาอิผู้ได้เหรียญเงินเพียง 0.05 แต้ม โดยที่โจจิ คาโตะซึ่งเป็นเจ้าของสถิติ 500 m และแชมป์ญี่ปุ่นในขณะนั้นไม่ได้เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ในชิงแชมป์โลกสปรินต์ที่ฮีเรนวีนหนึ่งเดือนต่อมา อิมาอิมีผลงานที่เหนือกว่านางาชิมะมาก โดยนางาชิมะจบอันดับที่ 22 ในการจัดอันดับรวม และไม่ติดสิบอันดับแรกในระยะใดๆ แต่เขาก็สามารถเอาชนะคาโตะและชิมิสุได้ในการแข่งขันนี้
ฤดูกาล 2006-2007 เริ่มต้นได้ดีสำหรับนางาชิมะ ซึ่งคว้าแชมป์การแข่งขันสำคัญสี่รายการ ก่อนอื่นเขาชนะทั้งการแข่งขัน 2x500 เมตร และ 1.00 K m ในการแข่งขันสปีดสเก็ตชิงแชมป์ญี่ปุ่นประเภทระยะในเดือนตุลาคม ทำให้เขาสามารถเดินทางไปที่ไธอาล์ฟ ฮีเรนวีน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์คัพเปิดฤดูกาล เขาชนะทั้งสองรายการ 500 m ทำให้เขานำในการจัดอันดับเวิลด์คัพโดยรวม แม้ว่าเวลาของเขา (35.10 วินาที และ 35.24 วินาที) จะยังห่างไกลจากสถิติสนามในขณะนั้น (34.82 วินาที โดยอี คัง-ซ็อก) นอกจากนี้ เขายังทำผลงานได้ดีที่สุดในระยะ 1.00 K m โดยจบอันดับที่ 12 ในการแข่งขันครั้งแรก และจบอันดับที่ 2 โดยรวมในการแข่งขันเวิลด์คัพ 500 m ฤดูกาล 2006-2007
3.2. การเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก
เคอิจิโร นางาชิมะมีประวัติการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวหลายครั้ง โดยมีผลงานที่โดดเด่นและน่าจดจำ:
- โอลิมปิกฤดูหนาว 2006 ที่ตูริน**: นางาชิมะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ แต่ไม่สามารถติดสิบอันดับแรกได้ เขาจบอันดับที่ 13 ในรายการ 500 m โดยเป็นนักสเก็ตญี่ปุ่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับสาม รองจากฮิโรยาสุ ชิมิสุ, โจจิ คาโตะ และยู โออิกาวะ (ซึ่งทำผลงานได้อันดับ 4) โดยมีคะแนนตามหลังโจอี้ ชีค ผู้ชนะเกือบ 1.5 แต้มในระยะ 2x500 เมตร ส่วนในระยะ 1.00 K m เขาจบอันดับที่ 32 จากทั้งหมด 37 คนที่เข้าเส้นชัย โดยตามหลังผู้ชนะเกือบสามวินาที
- โอลิมปิกฤดูหนาว 2010 ที่แวนคูเวอร์**: นี่คือการแข่งขันโอลิมปิกที่นางาชิมะสร้างชื่อเสียงสูงสุด เขาเป็นตัวแทนของญี่ปุ่นในรายการสปีดสเก็ตชาย 500 m และคว้าเหรียญเงินมาครองได้สำเร็จ โดยมีผลรวมตามหลังโม แท-บ็อม จากเกาหลีใต้ เพียง 0.16 วินาที ในการรวมผลสองรอบ อย่างไรก็ตาม ในรายการ 1.00 K m เขากลับทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยจบอันดับที่ 37 เนื่องจากประสบปัญหาที่จุดสตาร์ทถึงสองครั้ง ซึ่งทำให้เสียจังหวะและทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาเสียไป
- โอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ที่โซชี**: ในการแข่งขันสปีดสเก็ตชาย 500 m เขาสามารถจบในอันดับที่ 6 ซึ่งถือเป็นการติดอันดับในกลุ่มผู้เล่นชั้นนำของโลกอีกครั้ง แม้ว่าโจจิ คาโตะเพื่อนร่วมชาติจะจบอันดับที่ 5 และทีมฮอลแลนด์จะสามารถกวาดเหรียญรางวัลบนแท่นไปได้ทั้งหมด
3.3. การแข่งขันชิงแชมป์โลกและเอเชีย
ตลอดอาชีพการแข่งขัน เคอิจิโร นางาชิมะได้เข้าร่วมการแข่งขันสำคัญระดับโลกและระดับเอเชียหลายรายการ โดยมีผลงานที่โดดเด่นดังนี้:
- การแข่งขันชิงแชมป์โลกสปรินต์**:
- ค.ศ. 2009 ที่มอสโก: เขาคว้าเหรียญเงินในการจัดอันดับรวม
- ค.ศ. 2010 ที่โอบิฮิโระ: เขาคว้าเหรียญทองแดงในการจัดอันดับรวม
- ในค.ศ. 2006 ที่ฮีเรนวีน เขาสามารถเอาชนะนักสเก็ตอย่างโจจิ คาโตะและฮิโรยาสุ ชิมิสุได้ แม้ว่าสุดท้ายจะจบอันดับที่ 22 โดยรวม
- การแข่งขันเวิลด์คัพ (ผลงานรวม)**:
- ในฤดูกาล 2006-2007 เขาสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจบอันดับที่ 2 โดยรวมในการจัดอันดับเวิลด์คัพ 500 m
- การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว**:
- ค.ศ. 2011 ที่อัสตานา/อัลมาตี: เขาคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันสปีดสเก็ตชายระยะ 500 m
4. การเกษียณและการทำกิจกรรมหลังการแข่งขัน
หลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพนักสปีดสเก็ต เคอิจิโร นางาชิมะได้ประกาศเกษียณตัวเองจากการแข่งขัน และผันตัวไปมีบทบาทใหม่ในวงการกีฬาสเก็ต
4.1. การเกษียณและการพยายามกลับมาแข่งขัน
เคอิจิโร นางาชิมะ ได้ประกาศเกษียณจากการแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2015 อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและความรักในกีฬา เขาได้พยายามกลับมาลงสนามอีกครั้งโดยมีเป้าหมายเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่พย็องชัง แต่ความพยายามครั้งนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากเขาไม่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ทีมชาติสำหรับการแข่งขันที่พย็องชัง ทำให้เขาตัดสินใจเกษียณจากการแข่งขันอย่างถาวรอีกครั้ง
4.2. อาชีพโค้ช
หลังจากเกษียณจากการเป็นนักกีฬา นางาชิมะได้เปลี่ยนผ่านสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้ฝึกสอน เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2018 สหพันธ์สเก็ตญี่ปุ่นได้อนุมัติแต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน (Head Coach) ของทีมชาติญี่ปุ่นในกีฬาสปีดสเก็ตระยะสั้น (ชอร์ตแทร็ก) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสายอาชีพที่สำคัญและเป็นการส่งต่อประสบการณ์ให้กับนักกีฬารุ่นใหม่
4.3. ชีวิตส่วนตัวและการแต่งงาน
ในด้านชีวิตส่วนตัว เคอิจิโร นางาชิมะ ได้ประกาศข่าวการแต่งงานกับอายากะ คิกูจิ (菊池彩花ภาษาญี่ปุ่น) อดีตนักสปีดสเก็ตทีมชาติญี่ปุ่นและหนึ่งในสมาชิกทีมไล่ล่าประเภททีมหญิงที่คว้าเหรียญทองในโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่พย็องชัง การแต่งงานของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2018 นับเป็นการรวมตัวของสองนักกีฬาสปีดสเก็ตโอลิมปิกชื่อดังของญี่ปุ่น
5. ลักษณะเฉพาะและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
เคอิจิโร นางาชิมะเป็นที่รู้จักไม่เพียงแค่จากผลงานการแข่งขัน แต่ยังรวมถึงบุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์และเรื่องราวที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นตลอดอาชีพของเขา
5.1. รูปแบบการเล่นสเก็ตและความสามารถพิเศษ
ในช่วงมัธยมปลาย นางาชิมะถือว่าเป็นนักสเก็ตที่มีรูปร่างผอมเพรียวเมื่อเทียบกับนักสเก็ตคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อโค้ชชมรมสเก็ตในเวลานั้นได้เห็นเขาฝึกซ้อมโรลเลอร์สเก็ต ก็รู้สึกตกใจอย่างมากกับทักษะของเขา เขามีการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และมีสมดุลที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะมองจากมุมใด โค้ชถึงกับรู้สึกว่าเขาเป็น "อัจฉริยะ" และมีเรื่องเล่าว่าที่ปรึกษาอีกคนถึงกับกล่าวกับโค้ชว่า "อย่าไปยุ่งกับนางาชิมะ เขาคือคนที่มีบางสิ่งบางอย่างที่น่าทึ่ง" จึงไม่ได้มีการแนะนำการปรับเปลี่ยนท่าทางของเขาแต่อย่างใด จนกระทั่งปัจจุบัน รูปแบบการเล่นสเก็ตของเขายังคงได้รับการยกย่องจากโค้ชจากหลายประเทศ
5.2. บุคลิกภาพและภาพลักษณ์สาธารณะ
นางาชิมะเป็นคนที่มีบุคลิกร่าเริงแจ่มใส ชอบออกไปรับประทานอาหารและพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมจากทีมอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเป็นมิตรของเขา ในระหว่างการฝึกซ้อมในช่วงโอลิมปิก เขายังเคยเล่นฟุตบอลกับมิโฮะ ทากากิ ซึ่งเป็นนักกีฬาสปีดสเก็ตชื่อดังอีกคนหนึ่ง
5.3. เหตุการณ์สำคัญและเกียรติยศ
หลังจากการแข่งขันโอลิมปิกที่แวนคูเวอร์ บริษัทที่เขาสังกัด (นิเด็ค ซันเคียว) ได้ประกาศเลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็น "คากาชิโช" (係長) หรือหัวหน้าหน่วย/ผู้ควบคุม ซึ่งเป็นการเลื่อนตำแหน่งพิเศษถึงสองขั้น ในการแถลงข่าวในครั้งนั้น ประธานบริษัทได้กล่าวติดตลกไว้ว่า หากนางาชิมะคว้าเหรียญทองได้ทุกครั้งในอนาคต เขาก็จะสามารถขึ้นเป็นประธานบริษัทได้ ซึ่งนางาชิมะก็ได้ตอบกลับอย่างติดตลกว่า "สวัสดีครับ ผมนางาชิมะ ว่าที่ประธานบริษัทคนต่อไป"
6. มรดกและการประเมินผล
เคอิจิโร นางาชิมะ ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ในวงการสปีดสเก็ตของญี่ปุ่น ในฐานะนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ เขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นน้องมากมาย ด้วยความมุ่งมั่นและผลงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะเหรียญเงินโอลิมปิกที่แวนคูเวอร์ ได้ตอกย้ำสถานะของญี่ปุ่นในฐานะชาติที่มีศักยภาพในกีฬาสปีดสเก็ตระยะสปรินต์ นอกจากนี้ การผันตัวไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการพัฒนาวงการสเก็ตน้ำแข็งของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการยอมรับและเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในฐานะนักกีฬาและผู้ให้การสนับสนุนวงการกีฬา