1. Overview
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์มาเลเซียและรัฐเซอลาโงร์ ด้วยพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นทั้งในฐานะสุลต่านแห่งรัฐเซอลาโงร์เป็นเวลา 41 ปี และการขึ้นดำรงตำแหน่งยังดีเปอร์ตวนอากงพระองค์ที่ 11 แห่งมาเลเซียในบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายที่เสด็จสวรรคตในระหว่างทรงครองราชย์ พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและกายภาพของรัฐเซอลาโงร์ โดยเฉพาะการตัดสินใจอันเป็นที่จดจำในการโอนกัวลาลัมเปอร์ให้เป็นดินแดนสหพันธ์และการก่อตั้งเมืองชาห์อาลัมเป็นเมืองหลวงใหม่ของรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของพระองค์ในการส่งเสริมการเติบโตของรัฐให้มีความทันสมัย และแม้จะทรงมีความรักและผูกพันกับกัวลาลัมเปอร์อย่างมาก แต่ก็ทรงยอมเสียสละเพื่อประโยชน์ของชาติ พระราชกรณียกิจของพระองค์ยังรวมถึงการเป็นประมุขของกองทัพมาเลเซีย และการสนับสนุนงานด้านศาสนาและสังคม
2. Early Life
พระชนม์ชีพช่วงต้นของสมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงถูกหล่อหลอมด้วยการศึกษาในโรงเรียนและการฝึกฝนทางทหาร ซึ่งวางรากฐานสำหรับบทบาทสำคัญในอนาคตในฐานะผู้นำของรัฐเซอลาโงร์และมาเลเซีย
2.1. Birth and Education
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2469 เวลา 15:30 น. ณ อิสตานาบันดาร์เตมาชา (Istana Bandar Temasha) ที่จูกรา (Jugra) ในกัวลาลังกัต รัฐเซอลาโงร์ พระนามเดิมคือ เต็งกู อับดุล อาซิซ ชาห์ (Tengku Abdul Aziz Shah) พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์โตของสมเด็จพระราชาธิบดีฮีซามุดดิน อาลัม ชาห์ สุลต่านแห่งรัฐเซอลาโงร์ และพระมเหสี เต็งกู อัมปวน เจมาอาห์ (Tengku Ampuan Jemaah) บินตี อัล-มาร์ฮูม รายา อะหมัด
พระองค์ทรงได้รับการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนปังกาลันบาตู มาลายู (Pengkalan Batu Malay School) ในกลัง (Klang) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2479 หลังจากการศึกษาขั้นต้น พระองค์ทรงศึกษาต่อที่วิทยาลัยมาลายู กัวลากังซาร์ (Malay College Kuala Kangsar) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 จนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2484 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ในปี พ.ศ. 2490 พระองค์ได้เสด็จไปยังประเทศอังกฤษและทรงศึกษาต่อที่วิทยาลัยการศึกษาตะวันออกและแอฟริกาศึกษา (School of Oriental and African Studies) มหาวิทยาลัยลอนดอน (University of London) เป็นเวลาสองปี
2.2. Early Career and Military Service
หลังจากเสด็จกลับจากสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงเริ่มต้นพระราชกรณียกิจในกรมข้าราชการพลเรือน ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝึกหัดประจำกรมสำรวจรัฐเซอลาโงร์ (Selangor Survey Department) ต่อมาพระองค์ทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ตรวจราชการโรงเรียนเป็นเวลาแปดปี
ในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ทรงเข้ารับการฝึกอบรมระยะสั้นที่กองทหารมาลายู (Malay Military Troop) ในพอร์ตดิกสัน (Port Dickson) เป็นเวลาหกเดือน และได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตรในกองทัพมาลายูด้วยยศร้อยเอก (Captain) ซึ่งเป็น "Queen Commission" หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ก็ทรงได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรี (Major) ประสบการณ์ทางทหารนี้เป็นส่วนสำคัญในการวางรากฐานสำหรับบทบาทผู้นำทางทหารที่พระองค์จะทรงดำรงในอนาคต
3. Reign as Sultan of Selangor
ในช่วงที่สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงปกครองในฐานะสุลต่านแห่งรัฐเซอลาโงร์ พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเชิงนโยบายและพัฒนาการที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อภูมิประเทศและสังคมของรัฐ
3.1. Accession to the Throne
เต็งกู อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเต็งกูลักษมณาแห่งเซอลาโงร์ (Tengku Laksamana of Selangor) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2489 และต่อมาทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรายามูดา (Raja Muda) หรือมกุฎราชกุมารแห่งรัฐเซอลาโงร์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
เมื่อพระบิดาของพระองค์คือ สมเด็จพระราชาธิบดีฮีซามุดดิน อาลัม ชาห์ สวรรคต เต็งกู อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงขึ้นครองราชย์เป็นสุลต่านแห่งรัฐเซอลาโงร์ลำดับที่ 8 โดยทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า สุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2503 และทรงเข้าพิธีขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2504
3.2. Major Decisions and Developments
ในฐานะสุลต่านแห่งรัฐเซอลาโงร์ สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน ทรงมีพระราชวินิจฉัยและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการลงพระปรมาภิไธยในสนธิสัญญาดินแดนสหพันธ์กัวลาลัมเปอร์ พ.ศ. 2517 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นการโอนกัวลาลัมเปอร์จากรัฐเซอลาโงร์ให้แก่รัฐบาลกลางเพื่อจัดตั้งเป็นดินแดนสหพันธ์ แม้ว่าพระองค์จะทรงรักและภาคภูมิใจในเมืองนี้อย่างมากจนถึงกับทรงกันแสงหลังจากการลงนาม แต่พระองค์ก็ทรงยอมรับการตัดสินใจนี้เพื่อประโยชน์ของชาติ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ ซุ้มประตูโกตาดารุลเอห์ซาน (Kota Darul Ehsan) ได้ถูกสร้างขึ้นตามแนวทางหลวงสหพันธ์บริเวณชายแดนระหว่างกัวลาลัมเปอร์กับรัฐเซอลาโงร์ในปี พ.ศ. 2524
นอกจากนี้ สุลต่านซาลาฮุดดีนยังทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองชาห์อาลัมให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของรัฐเซอลาโงร์ในปี พ.ศ. 2521 โดยทรงเล็งเห็นว่าการที่กัวลาลัมเปอร์กลายเป็นดินแดนสหพันธ์นั้น ทำให้รัฐเซอลาโงร์จำเป็นต้องมีเมืองหลวงใหม่เพื่อก้าวสู่ความเป็นรัฐที่ทันสมัย ก่อนหน้านั้น กลัง เคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวระหว่างการโอนกัวลาลัมเปอร์และการก่อตั้งชาห์อาลัม อาคารและถนนหลายแห่งในชาห์อาลัมได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของพระองค์
ในด้านการพัฒนาชุมชน พระองค์ยังทรงมีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างมัสยิดสุลต่านอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Abdul Aziz) ที่กัมปุงเปอรีกีเนอนัส (Kampung Perigi Nenas) ปูเลาอินดาห์ (Pulau Indah) ซึ่งมีมูลค่าก่อสร้างประมาณ 4.00 M MYR ในปี พ.ศ. 2540 และเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ มัสยิดชาห์อาลัม (Masjid Shah Alam) ก็ได้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530 ในช่วงที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสุลต่าน พระองค์ยังทรงมีพระประสงค์ที่จะพัฒนาพื้นที่ปูเลาอินดาห์ (เดิมคือปูเลาลุมุต) และปูเลาเกตาม (Pulau Ketam) อีกด้วย
3.3. Military Leadership Roles
ในระหว่างที่ทรงเป็นสุลต่านแห่งรัฐเซอลาโงร์ สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญทางทหารหลายตำแหน่ง โดยเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2527 พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารเรือสูงสุด (Commodore-in-Chief) ของราชนาวีมาเลเซีย โดยกองทัพมาเลเซีย ซึ่งเป็นการรับตำแหน่งต่อจากเดิมที่ทรงเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศสูงสุด (Colonel-in-Chief) ของกองทัพอากาศมาเลเซียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509
นอกจากนี้ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พระองค์ยังทรงดำรงยศเป็นจอมพลอากาศแห่งกองทัพอากาศมาเลเซีย, จอมพลแห่งกองทัพบกมาเลเซีย และพลเรือเอกทัพเรือแห่งราชนาวีมาเลเซีย ทำให้พระองค์ทรงเป็นนายทหารเชื้อพระวงศ์พระองค์ที่สองที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพ
4. Reign as Yang di-Pertuan Agong
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงมีพระราชกรณียกิจและบทบาทสำคัญในฐานะยังดีเปอร์ตวนอากงแห่งมาเลเซีย ซึ่งเป็นตำแหน่งประมุขแห่งรัฐสูงสุดของประเทศ
4.1. Election and Installation
สุลต่านซาลาฮุดดีน ทรงได้รับการเลือกตั้งให้เป็นยังดีเปอร์ตวนอากง (สมเด็จพระราชาธิบดี) ลำดับที่ 11 แห่งมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2542 ซึ่งทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สองที่ทรงมีพระชนม์ชีพมากที่สุดเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่ตำแหน่งนี้
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2542 (ตามปฏิทินตะวันตก) หรือวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2542 (ตามปฏิทินอิสลาม) หลังจากทรงได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ยังดีเปอร์ตวนอากงแล้ว พระองค์ได้ทรงประกาศแต่งตั้งเต็งกู อิดริส ชาห์ (Tengku Idris Shah) ซึ่งต่อมาคือสุลต่านชะรอฟุดดีน อิดริส ชาห์ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งรัฐเซอลาโงร์ เพื่อบริหารราชการแผ่นดินในระหว่างที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะประมุขของประเทศมาเลเซีย
4.2. Key Events During Reign
ในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ในฐานะยังดีเปอร์ตวนอากง ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญระดับชาติขึ้น นั่นคือการโอนพื้นที่ปูตราจายา (Putrajaya) จากรัฐเซอลาโงร์ให้แก่รัฐบาลกลางในปี พ.ศ. 2544 เพื่อจัดตั้งเป็นดินแดนสหพันธ์แห่งใหม่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างที่พระองค์ทรงครองราชย์ และเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระองค์ เปอเซียร์รันสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Persiaran Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญในปูตราจายา ก็ได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของพระองค์
5. Personal Life and Interests
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงมีพระชนม์ชีพส่วนพระองค์ที่หลากหลาย ทั้งในด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวที่กว้างขวาง และความสนพระทัยในงานอดิเรกและกิจกรรมการกุศล
5.1. Family and Marriages
สุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงมีพระมเหสีและพระชายารวมอย่างน้อยสี่พระองค์
พระมเหสีพระองค์แรกและพระญาติของพระองค์คือ ปาดูกา บอนดา รายา (Paduka Bonda Raja) รายา นูร์ ซาอิดาตุล อิห์ซัน บินตี อัล มาร์ฮูม รายา เบินดาฮารา (Raja Bendahara) เต็งกู บาดาร์ ชาห์ (Tengku Badar Shah) ซึ่งต่อมาทรงหย่าร้างกัน มีพระโอรสธิดาด้วยกันเก้าพระองค์ ได้แก่
- เต็งกู นอร์ ฮาลิยา (Tengku Nor Halija)
- เต็งกู อิดริส ชาห์ (Tengku Idris Shah) ซึ่งต่อมาคือ สุลต่านชะรอฟุดดีน อิดริส ชาห์
- เต็งกู ปูเตอรี โซเฟีย (Tengku Puteri Sofiah) (สิ้นพระชนม์ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560)
- เต็งกูลักษมณา เต็งกู สุไลมาน ชาห์ (Tengku Sulaiman Shah)
- เต็งกู ปูเตอรี ซาฮาเรียะห์ (Tengku Puteri Zahariah หรือ Ku Yah)
- เต็งกู ฟาติมะห์ (Tengku Fatimah)
- เต็งกูปังลิมาเบอซาร์ เต็งกู อับดุล ซามัด (Tengku Abdul Samad)
- เต็งกู ปูเตอรี อาราเฟียะห์ (Tengku Puteri Arafiah)
- เต็งกู ปูเตอรี ไอชาห์ (Tengku Puteri Aishah) (สิ้นพระชนม์ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555)
พระมเหสีพระองค์ที่สองคือ ชีค มาเฮราม บินตี มูฮัมหมัด ราอิส (Che Maheram binti Muhammad Rais) ทรงมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ ได้แก่
- เต็งกูปังลิมารายา เต็งกู อาห์มัด ชาห์ (Tengku Ahmad Shah)
พระมเหสีในพระองค์คือ เต็งกู อัมปวน ราฮิมาห์ (Tengku Ampuan Rahimah) บินตี สุลต่าน อับดุล อาซิซ ชาห์ จากราชวงศ์ลังกัตในสุมาตรา ทรงสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2536 ก่อนที่พระองค์จะทรงได้รับการเลือกตั้งเป็นยังดีเปอร์ตวนอากง พระองค์ทรงมีพระธิดาสองพระองค์กับพระมเหสีพระองค์นี้ ได้แก่
- เต็งกู ปูเตอรี นอร์ มารีนา (Tengku Puteri Nor Marina)
- เต็งกู ปูเตอรี นอร์ เซฮัน (Tengku Puteri Nor Zehan)
พระมเหสีพระองค์สุดท้ายของพระองค์คือ ตวนกู ซีตี ไอชาห์ บินตี อับดุล เราะห์มัน (Tuanku Siti Aishah binti Abdul Rahman) ซึ่งเป็นสามัญชน ทรงดำรงตำแหน่งรายาเปอร์ไมซูรีอากง พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพน้อยกว่าสุลต่านถึง 50 ปี และทรงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนี้ที่มีพระชนม์ชีพน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยพระชนม์เพียง 29 ปีเมื่อขึ้นครองราชย์ พระองค์กับตวนกู ซีตี ไอชาห์ ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
5.2. Hobbies and Philanthropy
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงเป็นนักกีฬาตัวยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงสนพระทัยในกีฬากอล์ฟเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในและนอกประเทศ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงโปรดการล่องเรือ การสะสมรถยนต์โบราณ การเลี้ยงสัตว์ และการปลูกกล้วยไม้ในเวลาว่าง
พระองค์ยังทรงชื่นชอบการเสด็จประพาสต่างประเทศเพื่อขยายพูนความรู้และประสบการณ์ เช่น ทรงเคยเสด็จไปยังเพิร์ท ในออสเตรเลียตะวันตก, บาหลี และเมดัน ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงลอนดอน และทรงเล่นกอล์ฟที่ฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา
ในด้านการกุศลและการช่วยเหลือสังคม พระองค์ทรงสนับสนุนการก่อสร้างและพัฒนาศาสนสถานหลายแห่ง เช่น มัสยิดสุลต่านอับดุลอาซิซ ที่กัมปุงเปอรีกีเนอนัส ปูเลาอินดาห์ ซึ่งพระองค์ทรงบริจาคเงินจำนวนมากในการก่อสร้าง แสดงให้เห็นถึงความใส่พระทัยในความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและพัฒนาการทางศาสนาและสังคม
6. Death and Funeral
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ เสด็จสวรรคตในระหว่างทรงครองราชย์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 เวลา 11:57 น. (ตรงกับวันที่ 5 ของเดือนเราะมะฎอน ฮ.ศ. 1422) ณ ศูนย์การแพทย์กลีนอีเกิลส์ อินตัน (Gleneagles Intan Medical Centre) บนถนนอัมปัง ในกัวลาลัมเปอร์ ด้วยพระชนม์ชีพ 75 พรรษา สาเหตุการสวรรคตสืบเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับพระหทัย ซึ่งก่อนหน้านั้นสองเดือน พระองค์ได้ทรงเข้ารับการผ่าตัดเพื่อใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ แต่พระอาการไม่ดีขึ้นเต็มที่
ก่อนเสด็จสวรรคตเพียงสองเดือน พระองค์ทรงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องล้างไต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2544 พระองค์ทรงเข้ารับการผ่าตัดเล็กที่ประเทศสิงคโปร์ และทรงได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเมาท์เอลิซาเบธ (Mount Elizabeth Hospital) ในประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลาสองเดือน
การสวรรคตของพระองค์ได้รับการประกาศโดยนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮามัด ผ่านทางสถานีโทรทัศน์และวิทยุ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศการไว้ทุกข์ทั่วประเทศเป็นเวลา 7 วัน และสั่งให้ธงชาติถูกลดลงครึ่งเสาตลอดช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ ที่ทำการทางการของนายกรัฐมนตรีในปูตราจายาได้ปิดทำการเป็นเวลาสองวันเพื่อแสดงความอาลัย
พิธีละหมาดพระบรมศพจัดขึ้นที่มัสยิดเนการา (Masjid Negara) โดยมีมุฟตีแห่งดินแดนสหพันธ์ ดาตุก ฮาชิม ยะฮ์ยา เป็นผู้นำการละหมาด ผู้เข้าร่วมพิธีประกอบด้วยตวนกู มีซัน ไซนัล อาบิดีน รองยังดีเปอร์ตวนอากงในขณะนั้น, ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งรัฐเซอลาโงร์ เต็งกู อิดริส ชาห์ (ปัจจุบันคือสุลต่านชะรอฟุดดีน อิดริส ชาห์) และสมาชิกพระราชวงศ์เซอลาโงร์ รวมถึงนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮามัด
ประชาชนและบุคคลสำคัญได้ร่วมถวายความเคารพพระบรมศพครั้งสุดท้ายที่อิสตานาเนการา (Istana Negara), มัสยิดเนการา, ดาตารันเมอร์เดกา (Dataran Merdeka) และมัสยิดสุลต่านสุไลมาน (Masjid Sultan Sulaiman) ในกลัง มีประชาชนประมาณ 20,000 คน มารวมตัวกันที่จาลันรายา (Jalan Raja) หน้าอาคารสุลต่านอับดุลซามัด (Bangunan Sultan Abdul Samad) เพื่อแสดงความไว้อาลัย พิธีพระเกียรติยศทางทหารเต็มรูปแบบจัดขึ้นที่ดาตารันเมอร์เดกา นำโดยกองพันที่ 1 ของกรมทหารมาลายูราชินี (Royal Malay Regiment) ภายใต้การนำของพันตรี ฮัมดาน มูซา
พระบรมศพของพระองค์ถูกฝังไว้ที่สุสานหลวงกลัง (Makam Diraja Klang) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากอิสตานาอาลัมชาห์ (Istana Alam Shah) และมัสยิดสุลต่านสุไลมาน ประมาณ 1.5 km โดยพระบรมศพของพระองค์ถูกฝังอยู่ข้างพระบรมศพของพระบิดาคือสมเด็จพระราชาธิบดีฮีซามุดดิน อาลัม ชาห์ มุฟตีแห่งรัฐเซอลาโงร์ ดาตุก โมห์ด ตามเยส อับดุล วาฮิด เป็นผู้ประกอบพิธีตาลกินและดูอา (Talkin and Dua) และมัสยิดทุกแห่งในรัฐเซอลาโงร์ได้จัดพิธีตะฮฺลิลและการอ่านบทยาซีนทุกคืนเป็นเวลา 40 วันของการไว้ทุกข์
ผู้นำระดับสูงที่มาร่วมพิธีถวายความเคารพครั้งสุดท้าย ได้แก่ ตวนกู มีซัน ไซนัล อาบิดีน รองยังดีเปอร์ตวนอากง และพระมเหสี ตวนกู นูร์ ซาฮิราห์ (Tuanku Nur Zahirah), สุลต่านอับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ชาห์ สุลต่านแห่งรัฐเกดะห์, สุลต่าน อิสมาอิล เปตรา สุลต่านแห่งรัฐกลันตัน, สุลต่านอัซลัน มูฮิบุดดิน ชาห์ สุลต่านแห่งรัฐเประ และสมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน นอกจากนี้ยังมีผู้นำต่างประเทศเข้าร่วม ได้แก่ ประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนปูตรี จากประเทศอินโดนีเซีย, ประธานาธิบดี เอส.อาร์. นาธาน (S.R. Nathan) จากประเทศสิงคโปร์ และรองนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง (Lee Hsien Loong) จากประเทศสิงคโปร์ รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีศุภชัย พานิชภักดิ์ จากประเทศไทย รัฐบาลประเทศไทยและบรูไนได้สั่งให้หน่วยงานราชการลดธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อแสดงความไว้อาลัย
7. Legacy and Evaluation
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงทิ้งมรดกอันสำคัญไว้มากมาย และทรงมีอิทธิพลอย่างมากต่อคนรุ่นหลัง ทั้งจากการก่อสร้างสาธารณูปโภคและสถาบันต่าง ๆ ที่ได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของพระองค์ และการประเมินทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระชนม์ชีพและพระราชกรณียกิจของพระองค์
7.1. Named Institutions and Public Works
โครงการและสถาบันหลายแห่งได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของสุลต่านซาลาฮุดดีน เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชกรณียกิจของพระองค์:
- สถาบันการศึกษา:**
- โรงเรียนมัธยมศึกษา สุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (SMK Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) ในชาห์อาลัม รัฐเซอลาโงร์
- โรงเรียนมัธยมศึกษา สุลต่านอับดุล อาซิซ ชาห์ (SMK Sultan Abdul Aziz Shah) ในกาจัง (Kajang) รัฐเซอลาโงร์
- โรงเรียนมัธยมศึกษาศาสนา สุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (SAMT Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) ในซาบักเบอร์นาม (Sabak Bernam) รัฐเซอลาโงร์
- วิทยาลัยโปลีเทคนิคสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Politeknik Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) ในชาห์อาลัม รัฐเซอลาโงร์
- อาคารและสิ่งก่อสร้าง:**
- อาคารสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Building) อาคารสำนักเลขาธิการรัฐเซอลาโงร์ ในชาห์อาลัม
- มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Mosque) มัสยิดประจำรัฐเซอลาโงร์ ในชาห์อาลัม
- อาคารศาลสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Court Building) ในชาห์อาลัม
- มัสยิดจาเมกสุลต่านอับดุลอาซิซ ชาห์ (Sultan Abdul Aziz Shah Jamek Mosque) ในเปอตาลิงจายา (Petaling Jaya) รัฐเซอลาโงร์
- ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซ ชาห์ (Sultan Abdul Aziz Shah Airport) ในซูบัง (Subang) รัฐเซอลาโงร์
- ฐานทัพเรือ KD Sultan Abdul Aziz Shah ในปูเลาอินดาห์ (Pulau Indah) กลัง รัฐเซอลาโงร์
- โรงไฟฟ้าสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Salahuddin Abdul Aziz Power Station) ในกาปาร์ (Kapar) รัฐเซอลาโงร์
- ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Arts and Cultural Centre) ที่มหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซีย (Universiti Putra Malaysia - UPM) ในเซอดัง (Serdang) รัฐเซอลาโงร์
- โรงพยาบาลสุลต่านอับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Abdul Aziz Shah Hospital) ที่มหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซีย (UPM) เซอดัง รัฐเซอลาโงร์
- ถนนและสะพาน:**
- เปอเซียร์รันสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Persiaran Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) ถนนสายหลักในปูตราจายา
- จาลันสุลต่านซาลาฮุดดีน (Jalan Sultan Salahuddin) และเปอเซียร์รันสุลต่านซาลาฮุดดีน (Persiaran Sultan Salahuddin) ถนนสายสำคัญในกัวลาลัมเปอร์
- จาลันรายามูดาอับดุลอาซิซ (Jalan Raja Muda Abdul Aziz) ถนนสายสำคัญในกัวลาลัมเปอร์
- สะพานสุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Bridge) ในกัวลาเซอลาโงร์ (Kuala Selangor)
- อื่น ๆ:**
- สนามกอล์ฟและคันทรีคลับสุลต่านอับดุลอาซิซ ชาห์ (Sultan Abdul Aziz Shah Golf and Country Club - KGSAAS) สโมสรกอล์ฟที่สำคัญในชาห์อาลัม รัฐเซอลาโงร์
- หอศิลป์หลวงสุลต่านอับดุลอาซิซ (Sultan Abdul Aziz Royal Gallery) หอศิลป์หลวงที่ตั้งอยู่ในกลัง รัฐเซอลาโงร์
หอศิลป์หลวงสุลต่านอับดุลอาซิซ ในเมืองกลัง
7.2. Historical Assessment
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงได้รับการประเมินทางประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ปกครองที่มีพระราชหฤทัยอยู่กับประชาชน (Ruler with 'heart of the people') และเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่ประเทศชาติไว้อาลัย (The Nation Mourns The Passing Of A Great Ruler) พระองค์ทรงเป็นสุลต่านที่กล้าหาญในการตัดสินใจที่สำคัญเพื่ออนาคตของรัฐและประเทศ โดยเฉพาะการลงนามโอนกัวลาลัมเปอร์ให้เป็นดินแดนสหพันธ์ ซึ่งแม้จะเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดสำหรับพระองค์ ทรงหลั่งพระเนตรด้วยความผูกพันและภาคภูมิใจในเมืองนี้ แต่ก็ทรงยอมเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของการพัฒนาประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
พระราชกรณียกิจในการก่อตั้งเมืองชาห์อาลัมเป็นเมืองหลวงใหม่ของรัฐเซอลาโงร์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ในการทำให้รัฐเซอลาโงร์ก้าวสู่ความเป็นรัฐที่ทันสมัยและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนโครงการสาธารณะและศาสนสถานต่าง ๆ เช่น มัสยิดสุลต่านอับดุลอาซิซ ที่ปูเลาอินดาห์ และมัสยิดชาห์อาลัม ยืนยันถึงบทบาทของพระองค์ในการดูแลสวัสดิภาพทางจิตวิญญาณและสังคมของพสกนิกร
นอกจากนี้ การตัดสินพระทัยของพระองค์ในการอภิเษกสมรสกับตวนกู ซีตี ไอชาห์ ซึ่งเป็นสามัญชนและมีพระชนม์ชีพน้อยกว่าพระองค์มาก ได้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นการ "สุลต่านผู้แหกม่านประเพณีของสถาบันกษัตริย์" (Sultan who broke the tradition of royal institution constraints) ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปรับตัวและความก้าวหน้าของสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยรวมแล้ว พระชนม์ชีพและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน สะท้อนถึงผู้นำที่ใส่ใจในประชาชนและมองการณ์ไกลเพื่อการพัฒนาของประเทศชาติ
8. Honours and Awards
สมเด็จพระราชาธิบดีซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ ทรงได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเกียรติยศมากมาย ทั้งจากภายในประเทศมาเลเซียและจากต่างประเทศ ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
8.1. Malaysian Honours
- เซอลาโงร์:
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์เซอลาโงร์ (Royal Family Order of Selangor) (ตั้งแต่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2504)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎแห่งเซอลาโงร์ (Order of the Crown of Selangor) (ตั้งแต่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2504)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สุลต่านซาลาฮุดดีน อับดุล อาซิซ ชาห์ (Order of Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) (ตั้งแต่ 30 กันยายน พ.ศ. 2528)
เหรียญบริการดีเด่น (Meritorious Service Medal - PJK)
- มาเลเซีย: (ในฐานะยังดีเปอร์ตวนอากง ระหว่าง 26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544):
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์แห่งมาเลเซีย (Order of the Royal House of Malaysia - DKM) (26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎแห่งราชอาณาจักร (Order of the Crown of the Realm - DMN) (ได้รับเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2504, ในฐานะประธานและผู้รับ) (26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ผู้พิทักษ์ราชอาณาจักร (Order of the Defender of the Realm - PMN) (26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ภักดีต่อมงกุฎแห่งมาเลเซีย (Order of Loyalty to the Crown of Malaysia - SSM) (26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งมาเลเซีย (Order of Merit of Malaysia - DB) (26 เมษายน พ.S. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบริการอันสำคัญ (Order for Important Services - PJN) (26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์แห่งมาเลเซีย (Order of the Royal Household of Malaysia - PSD) (26 เมษายน พ.ศ. 2542 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544)
- ปะหัง:
สมาชิกชั้นที่ 1 แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์มงกุฎอินทราแห่งปะหัง (Family Order of the Crown of Indra of Pahang - DK I) (14 กรกฎาคม พ.ศ. 2530)
- ยะโฮร์:
ชั้นที่ 1 แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์ยะโฮร์ (Royal Family Order of Johor - DK I) (พ.ศ. 2518)
- เกดะห์:
สมาชิกแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์เกดะห์ (Royal Family Order of Kedah - DK)
- กลันตัน:
ผู้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์ (Royal Family Order) หรือ ดาราอัล-ยูนุส (Star of Yunus - DK) (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2509)
- เนอเกอรีเซิมบีลัน:
สมาชิกแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์เนอเกอรีเซิมบีลัน (Royal Family Order of Negeri Sembilan - DKNS)
- เประ:
ผู้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์เประ (Royal Family Order of Perak - DK) (ปัจจุบัน) (19 เมษายน พ.ศ. 2529)
- ปะลิส:
ผู้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์เจ้าชายผู้กล้าหาญซัยยิด ปุตรา จามาลุลไลล์ แห่งปะลิส (Perlis Family Order of the Gallant Prince Syed Putra Jamalullail - DK)
- ตรังกานู:
สมาชิกชั้นที่ 1 แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์ตรังกานู (Family Order of Terengganu - DK I) (21 มิถุนายน พ.ศ. 2507)
- ซาบาห์:
มหาอัศวินแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์คินาบาลู (Grand Commander of the Order of Kinabalu - SPDK) - ดาตุก ซีรี ปังลิมา (Datuk Seri Panglima)
- ซาราวัก:
อัศวินมหาอัศวินแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดารานกเงือกแห่งซาราวัก (Knight Grand Commander of the Order of the Star of Hornbill Sarawak - DP) - ดาตุก ปาติงกี้ (Datuk Patinggi) (29 เมษายน พ.ศ. 2519)
- รัฐมะละกา:
มหาอัศวินแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งแห่งมะละกา (Grand Commander of the Exalted Order of Malacca - DUNM) - ดาตุก ซีรี อุตมะ (Datuk Seri Utama) (1 สิงหาคม พ.ศ. 2530)
8.2. Foreign Honours
- บรูไน:
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวงศ์มงกุฎแห่งบรูไน (Royal Family Order of the Crown of Brunei - DKMB) (28 มิถุนายน พ.ศ. 2504)
- บาห์เรน:
เครื่องประดับเหรียญอัล-คาลิฟาห์ (Al Khalifah Medal Decoration) (28 ตุลาคม พ.ศ. 2543)
- โคลอมเบีย:
มหาพู่กันแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์โบยากา (Grand Collar of the Order of Boyaca)
- ไทย:
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ (Knight of the Order of the Rajamitrabhorn) (พ.ศ. 2543)