1. ภาพรวม
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนตะวันออก ประกอบด้วยเกาะเซนต์วินเซนต์ซึ่งเป็นเกาะหลักและหมู่เกาะเกรนาดีนส์ทางตอนเหนือ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนอาณานิคม ผ่านการต่อสู้ระหว่างมหาอำนาจยุโรป การนำเข้าทาสชาวแอฟริกัน และการต่อต้านของชนพื้นเมือง จนได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 1979 ประเทศนี้ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาภายใต้ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีพระมหากษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขแห่งรัฐ เศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาเกษตรกรรม โดยเฉพาะกล้วย และการท่องเที่ยวเป็นหลัก สังคมประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้มีเชื้อสายแอฟริกัน วัฒนธรรมของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์สะท้อนมรดกทางประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย ทั้งดนตรี กีฬา และเทศกาลต่างๆ บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับพัฒนาการทางประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และผลกระทบทางสังคมต่อกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบาง ตามแนวทางศูนย์ซ้าย-เสรีนิยมสังคม
2. ชื่อประเทศ
ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการคือ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ (Saint Vincent and the Grenadinesเซนต์วินเซนต์แอนด์เดอะเกรนาดีนส์ภาษาอังกฤษ) มักเรียกโดยย่อว่า เซนต์วินเซนต์ หรือใช้ตัวย่อว่า SVG ชื่อ "เซนต์วินเซนต์" ตั้งโดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งเป็นชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางมาถึงเกาะนี้ในปี 1498 เขาตั้งชื่อเกาะตามนักบุญบิเซนเตแห่งซาราโกซา (San Vicente de Zaragozaซันบิเซนเตเดซาราโกซาภาษาสเปน) ซึ่งวันฉลองของนักบุญท่านนี้ตรงกับวันที่โคลัมบัสเห็นเกาะเป็นครั้งแรก (22 มกราคม) ส่วนชื่อ "เกรนาดีนส์" หมายถึงเมืองกรานาดาในประเทศสเปน แต่ใช้ในรูปคำย่อเพื่อแยกความแตกต่างจากเกาะเกรเนดาซึ่งมีชื่อคล้ายกัน
ก่อนการมาถึงของชาวสเปน ชนพื้นเมืองชาวคาลินาโก (หรือชาวแคริบ) ที่อาศัยอยู่บนเกาะเซนต์วินเซนต์ เรียกเกาะนี้ว่า ยูโลวเมน (YouloumainยูโลวเมนGalibi Carib) เพื่อเป็นเกียรติแก่ยูโลวคา (Youlouca) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสายรุ้งที่พวกเขาเชื่อว่าสถิตอยู่บนเกาะ
3. ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานของชนพื้นเมือง การเข้ามาของชาวยุโรป การต่อสู้เพื่อเอกราช และพัฒนาการในยุคหลังเอกราช โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบทางสังคม การต่อสู้ของชนพื้นเมืองและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และการพัฒนาสู่ความเป็นประชาธิปไตย
3.1. ยุคก่อนอาณานิคม
ก่อนการมาถึงของชาวยุโรปและชาวแอฟริกันในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เกาะเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นที่อยู่อาศัยและทางผ่านของกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนหลายกลุ่ม รวมถึงชาวซิโบนีย์ ชาวอาราวัก และชาวคาลินาโก (หรือชาวแคริบหมู่เกาะ) ชนพื้นเมืองคาลินาโกเรียกเกาะเซนต์วินเซนต์ว่า "ยูโลวเมน" พวกเขามีโครงสร้างทางสังคมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ และได้ต่อต้านการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรปอย่างแข็งขัน
3.2. การเข้ามาของชาวยุโรปและยุคอาณานิคมช่วงต้น
เชื่อกันว่าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มองเห็นเกาะนี้ในปี 1498 และตั้งชื่อว่าเซนต์วินเซนต์ อย่างไรก็ตาม ชาวคาลินาโกได้ต่อต้านการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรปอย่างรุนแรง ความพยายามหลายครั้งของชาวอังกฤษและชาวดัตช์ในการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งชาวฝรั่งเศสสามารถเข้ามาตั้งอาณานิคมบนเกาะได้เป็นกลุ่มแรก โดยตั้งถิ่นฐานที่เมืองบาร์รูอัลลีทางฝั่งตะวันตก (leeward sideลีเวิร์ดไซด์ภาษาอังกฤษ) ของเกาะเซนต์วินเซนต์ในปี 1719 ชาวฝรั่งเศสได้นำทาสชาวแอฟริกันเข้ามาเพื่อทำงานในไร่เพาะปลูกอ้อย กาแฟ คราม ยาสูบ ฝ้าย และโกโก้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งพาทาสที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อโครงสร้างทางสังคมและสิทธิมนุษยชนบนเกาะ
3.3. การปกครองอาณานิคมของฝรั่งเศสและอังกฤษ และการต่อต้านของชนพื้นเมือง

ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เซนต์วินเซนต์กลายเป็นสมรภูมิแย่งชิงอำนาจระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษ ในช่วงสงครามเจ็ดปี อังกฤษได้เข้ายึดเกาะและขับไล่ฝรั่งเศสออกจากบาร์รูอัลลี ซึ่งได้รับการยืนยันตามสนธิสัญญาปารีส ปี 1763 เมื่ออังกฤษเข้าควบคุมเกาะในปี 1763 พวกเขาได้วางรากฐานของป้อมชาร์ลอตต์ และยังคงนำเข้าทาสชาวแอฟริกันเพื่อทำงานในไร่อ้อย การเข้ามาของอังกฤษและการขยายตัวของระบบไร่นาขนาดใหญ่ได้สร้างความขัดแย้งกับชาวการีฟูนา (หรือ "ชาวแคริบดำ" ซึ่งเป็นกลุ่มลูกผสมระหว่างชาวแอฟริกันและชาวแคริบพื้นเมือง) ที่ต่อต้านการปรากฏตัวของอังกฤษอย่างรุนแรง นำไปสู่สงครามแคริบครั้งที่หนึ่ง (First Carib War) ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1772 ถึง 1773 และสะท้อนถึงการต่อสู้เพื่อที่ดินและสิทธิของชนพื้นเมือง
ในช่วงสงครามอังกฤษ-ฝรั่งเศส (1778-1783) ฝรั่งเศสสามารถยึดเซนต์วินเซนต์คืนได้ในปี 1779 อย่างไรก็ตาม อังกฤษได้กลับมาควบคุมเกาะอีกครั้งภายใต้สนธิสัญญาแวร์ซายส์ ปี 1783
สันติภาพที่ไม่มั่นคงระหว่างอังกฤษและชาวการีฟูนาได้ปะทุขึ้นเป็นสงครามแคริบครั้งที่สอง (Second Carib War) ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1795 ถึง 1797 ชาวการีฟูนา นำโดยหัวหน้าเผ่าคนสำคัญ โจเซฟ ชาโตเยร์ และได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากวิกตอร์ อูกส์ ซึ่งประจำอยู่ที่เกาะมาร์ตินีก ในที่สุด ชาวการีฟูนาก็พ่ายแพ้ต่อกองกำลังอังกฤษภายใต้การบัญชาการของเซอร์ราล์ฟ อเบอร์ครอมบี ในปี 1797 มีการทำข้อตกลงสันติภาพซึ่งส่งผลให้ชาวการีฟูนาเกือบ 5,000 คนถูกเนรเทศไปยังโรอาตาน เกาะนอกชายฝั่งฮอนดูรัส รวมถึงบางส่วนไปยังเบลีซและบาลิโซในหมู่เกาะเกรนาดีนส์ การเนรเทศครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่และส่งผลกระทบต่อชุมชนชาวการีฟูนาอย่างยั่งยืน
ในปี 1806 การก่อสร้างป้อมชาร์ลอตต์เสร็จสมบูรณ์ ภูเขาไฟลาซูฟรีแยร์เกิดการปะทุครั้งใหญ่ในปี 1812 สร้างความเสียหายอย่างมาก อังกฤษยกเลิกการค้าทาสในเซนต์วินเซนต์ (เช่นเดียวกับในอาณานิคมบริติชเวสต์อินดีสอื่นๆ) ในปี 1834 ตามด้วยช่วงเวลาการฝึกงานซึ่งสิ้นสุดลงในปี 1838 หลังจากนั้น เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในไร่นา ซึ่งในระยะแรกแก้ไขโดยการนำเข้าผู้ใช้แรงงานตามสัญญา เริ่มตั้งแต่ปี 1845 ผู้อพยพชาวโปรตุเกสคาทอลิกจำนวนมากเดินทางมาจากมาเดรา โดยมีบันทึกว่ามีชาวโปรตุเกสประมาณ 2,100 คนเดินทางมาถึงระหว่างปี 1845 ถึง 1850 ระหว่างปี 1861 ถึง 1888 มีการอพยพเข้ามาของแรงงานชาวอินเดียจำนวนมาก
3.4. คริสต์ศตวรรษที่ 20

ในปี 1902 ภูเขาไฟลาซูฟรีแยร์ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไป 1,500-2,000 คน พื้นที่การเกษตรจำนวนมากได้รับความเสียหาย และเศรษฐกิจของเกาะก็เสื่อมถอยลงอย่างหนัก
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ผ่านสถานะอาณานิคมหลายขั้นตอนภายใต้การปกครองของอังกฤษ มีการอนุญาตให้จัดตั้งสภานิติบัญญัติในปี 1776 รัฐบาลอาณานิคมของพระมหากษัตริย์ (Crown Colony government) ได้รับการสถาปนาในปี 1877 มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติขึ้นในปี 1925 โดยมีสิทธิออกเสียงที่จำกัด และมีการให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไปสำหรับผู้ใหญ่ทุกคนในปี 1951 ในช่วงที่อังกฤษควบคุมเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ อังกฤษได้พยายามหลายครั้งที่จะรวมเกาะนี้เข้ากับหมู่เกาะวินด์เวิร์ดอื่นๆ เป็นหน่วยงานเดียว เพื่อลดความซับซ้อนในการควบคุมของอังกฤษในภูมิภาคย่อยผ่านการบริหารแบบรวมศูนย์ ในช่วงทศวรรษ 1960 อังกฤษพยายามอีกครั้งที่จะรวมเกาะในภูมิภาคทั้งหมด รวมถึงเซนต์วินเซนต์ เข้าเป็นหน่วยงานทางการเมืองที่เป็นเอกภาพภายใต้การควบคุมของอังกฤษ การรวมตัวครั้งนี้เรียกว่าสหพันธรัฐอินเดียตะวันตก (West Indies Federation) และได้รับแรงผลักดันจากความปรารถนาที่จะได้รับเอกราชจากรัฐบาลอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ความพยายามดังกล่าวล้มเหลวในปี 1962
เซนต์วินเซนต์ได้รับสถานะ "รัฐสมทบ" (associate statehood) จากอังกฤษเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1969 สถานะนี้ทำให้เซนต์วินเซนต์มีอำนาจควบคุมกิจการภายในประเทศอย่างสมบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงขั้นได้รับเอกราชอย่างเต็มที่ตามกฎหมาย
ในเดือนเมษายน 1979 ภูเขาไฟลาซูฟรีแยร์ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพ และเกิดความเสียหายทางการเกษตรอย่างกว้างขวาง การปะทุของภูเขาไฟซ้ำๆ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของเกาะ
3.5. สมัยหลังเอกราช
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1979 เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์จากสหราชอาณาจักร วันดังกล่าวจึงกลายเป็นวันประกาศอิสรภาพของประเทศและเป็นวันหยุดราชการ ประเทศเลือกที่จะยังคงอยู่ในเครือจักรภพแห่งชาติ โดยยังคงให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (ในขณะนั้น) เป็นพระประมุข ซึ่งมีผู้สำเร็จราชการเป็นผู้แทนพระองค์ในประเทศ
มิลตัน คาโต จากพรรคแรงงานเซนต์วินเซนต์ (Saint Vincent Labour Party - SVLP) ซึ่งมีแนวคิดศูนย์ซ้าย เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ (เขาดำรงตำแหน่งมุขมนตรี (Premier) มาตั้งแต่ปี 1974) และปกครองประเทศจนกระทั่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 1984 ให้แก่เจมส์ ฟิตซ์-อัลเลน มิตเชลล์ จากพรรคประชาธิปไตยใหม่ (New Democratic Party - NDP) ซึ่งมีแนวคิดศูนย์ขวา ในระหว่างที่คาโตดำรงตำแหน่ง เกิดการกบฏสั้นๆ บนเกาะยูเนียนในเดือนธันวาคม 1979 นำโดยเลนน็อกซ์ 'บัมบา' ชาร์ลส์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติที่เพิ่งเกิดขึ้นในเกรเนดา ชาร์ลส์กล่าวหาว่ารัฐบาลกลางละเลยเกาะยูเนียน อย่างไรก็ตาม การกบฏถูกปราบปรามอย่างรวดเร็วและชาร์ลส์ถูกจับกุม นอกจากนี้ ยังมีการนัดหยุดงานหลายครั้งในช่วงต้นทศวรรษ 1980
เจมส์ มิตเชลล์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 16 ปี จนถึงปี 2000 โดยชนะการเลือกตั้งติดต่อกันสามครั้ง เขาเป็นผู้นำในการพยายามปรับปรุงการรวมกลุ่มในระดับภูมิภาค ในปี 1980 (พายุเฮอร์ริเคนอัลเลน) และ 1987 พายุเฮอร์ริเคนได้สร้างความเสียหายแก่ไร่กล้วยและมะพร้าวจำนวนมาก ฤดูพายุเฮอร์ริเคนยังมีความรุนแรงมากในปี 1998 และ 1999 โดยพายุเฮอร์ริเคนเลนนีในปี 1999 ได้สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อชายฝั่งตะวันตกของเกาะ
ในปี 2000 อาร์นฮิม ยูสเตซ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค NDP ต่อจากการเกษียณอายุของมิตเชลล์ เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปีต่อมาให้กับราล์ฟ กอนซัลเวส จากพรรคแรงงานเอกภาพ (Unity Labour Party - ULP) ซึ่งเป็นพรรคที่สืบทอดมาจาก SVLP กอนซัลเวส ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายซ้ายและเป็นที่รู้จักในประเทศในชื่อ "สหายราล์ฟ" (Comrade Ralphคอมเรดราล์ฟภาษาอังกฤษ) ได้เรียกร้องให้ประเทศในยุโรปจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม (reparations) ให้แก่ประเทศในแคริบเบียนสำหรับบทบาทของพวกเขาในการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก กอนซัลเวสชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองในปี 2005 สมัยที่สามในปี 2010 สมัยที่สี่ในปี 2015 และสมัยที่ห้าติดต่อกันในปี 2020 ทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานคนหนึ่ง
ในปี 2009 มีการจัดประชามติเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะนำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้ ซึ่งจะทำให้ประเทศกลายเป็นสาธารณรัฐ โดยแทนที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในฐานะประมุขแห่งรัฐ ด้วยประธานาธิบดีที่ไม่มีอำนาจบริหาร ข้อเสนอนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีกอนซัลเวส แต่ต้องใช้เสียงข้างมากสองในสามจึงจะผ่าน ซึ่งผลการลงประชามติคือไม่เห็นชอบ ด้วยคะแนนเสียง 29,019 เสียง (55.64%) ต่อ 22,493 เสียง (43.13%)
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้รับเลือกเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติระหว่างปี 2020-2021
ในเดือนเมษายน 2021 ภูเขาไฟลาซูฟรีแยร์ได้ปะทุขึ้นหลายครั้ง โดยมี "เหตุการณ์ระเบิด" ต่อเนื่องเป็นเวลาสองสัปดาห์ ส่งผลให้ต้องอพยพประชาชน 16,000 คน ความช่วยเหลือและการสนับสนุนทางการเงินฉุกเฉินมาจากเกาะใกล้เคียงหลายแห่ง สหราชอาณาจักร และหน่วยงานต่างๆ เช่น สหประชาชาติ ข้อเสนอสำคัญแรกในการให้ทุนสนับสนุนระยะยาวจำนวน 20.00 M USD ประกาศเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2021 โดยธนาคารโลก เหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มเปราะบาง และเน้นย้ำถึงความท้าทายที่ประเทศต้องเผชิญในการฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงในระยะยาว
4. ภูมิศาสตร์
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ตั้งอยู่ทางตะวันตกของบาร์เบโดส ทางใต้ของเซนต์ลูเชีย และทางเหนือของเกรเนดา ในหมู่เกาะวินด์เวิร์ดของเลสเซอร์แอนทิลลีส ซึ่งเป็นแนวหมู่เกาะรูปโค้งของทะเลแคริบเบียน ประเทศประกอบด้วยเกาะหลักคือเกาะเซนต์วินเซนต์ (มีพื้นที่ประมาณ 344 km2) และสองในสามทางตอนเหนือของหมู่เกาะเกรนาดีนส์ (มีพื้นที่รวมประมาณ 45 km2) ซึ่งเป็นหมู่เกาะเล็กๆ ที่ทอดยาวจากทางใต้ของเกาะเซนต์วินเซนต์ไปจนถึงเกรเนดา พื้นที่รวมของประเทศคือ 369 km2 เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือคิงส์ทาวน์ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเซนต์วินเซนต์
4.1. ลักษณะภูมิประเทศและการประกอบเกาะ
เกาะเซนต์วินเซนต์มีลักษณะเป็นเกาะภูเขาไฟและมีป่าไม้หนาแน่น มีพื้นที่ราบน้อยมาก ชายฝั่งด้านรับลม (windward side) ค่อนข้างเป็นโขดหินและมีความลาดชันสูง ในขณะที่ชายฝั่งด้านอับลม (leeward side) มีชายหาดและอ่าวทรายมากกว่า ยอดเขาที่สูงที่สุดของเซนต์วินเซนต์คือภูเขาไฟลาซูฟรีแยร์ ซึ่งมีความสูง 1.23 K m ภูเขาสำคัญอื่นๆ บนเกาะเซนต์วินเซนต์ (จากเหนือจรดใต้) ได้แก่ ยอดเขาริชมอนด์ (Richmond Peak) สูง 1.08 K m ภูเขาบริสเบน (Mount Brisbane) ภูเขาโคโลนารี (Colonarie Mountain) ภูเขาแกรนด์บอนอม (Grand Bonhomme) ภูเขาเปอตีบอนอม (Petit Bonhomme) และภูเขาเซนต์แอนดรูว์ (Mount St Andrew) เกาะเซนต์วินเซนต์มีความยาวประมาณ 26 km และกว้าง 15 km
หมู่เกาะเกรนาดีนส์ประกอบด้วยเกาะและเกาะปะการัง (cays) 32 เกาะ ในจำนวนนี้มี 9 เกาะที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ได้แก่ เกาะยัง (Young Island) เบเควีย (Bequia) มัสตีก (Mustique) คานูอัน (Canouan) ยูเนียนไอแลนด์ (Union Island) เมโร (Mayreau) เปอตีเซนต์วินเซนต์ (Petit St Vincent) และปาล์มไอแลนด์ (Palm Island) เกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ที่โดดเด่นในหมู่เกาะเกรนาดีนส์ ได้แก่ เปอตีเนวิส (Petit Nevis) ซึ่งเคยใช้โดยนักล่าวาฬ และเปอตีมัสตีก (Petit Mustique) ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของเรื่องอื้อฉาวด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 รวมถึง โทบาโกเคย์ส (Tobago Cays) บาลิโซ (Baliceaux) แบตโทเวีย (Battowia) แคทร์ (Quatre) และซาวาน (Savan) หมู่เกาะเกรนาดีนส์ส่วนที่ขึ้นกับเซนต์วินเซนต์ทอดยาวเป็นระยะทาง 60.4 km
4.2. สภาพภูมิอากาศ
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีสภาพภูมิอากาศแบบเขตร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ระหว่าง 18 °C ถึง 32 °C โดยมีลมค้าตะวันออกเฉียงเหนือช่วยบรรเทาความร้อน ฤดูกาลแบ่งออกเป็น 2 ฤดูหลัก คือ ฤดูฝน ซึ่งโดยทั่วไปเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนถึงธันวาคม และฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน ปริมาณน้ำฝนแตกต่างกันไปตามระดับความสูง โดยบริเวณชายฝั่งมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1.50 K mm ต่อปี ในขณะที่บริเวณตอนในของเกาะซึ่งมีระดับความสูงมากกว่า อาจมีปริมาณน้ำฝนสูงถึง 4.50 K mm ต่อปี ประเทศนี้ตั้งอยู่ในแถบพายุเฮอร์ริเคนแอตแลนติก และได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนและพายุเฮอร์ริเคนเป็นระยะๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ในปี 2023 ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนเบรต (Tropical Storm Bret)
4.3. ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นที่ตั้งของระบบนิเวศบนบกและทางทะเลที่หลากหลาย ประเทศนี้มีเขตภูมิภาคนิเวศ (ecoregion) ทางบกสองแห่ง ได้แก่ ป่าชื้นหมู่เกาะวินด์เวิร์ด (Windward Islands moist forests) และป่าแล้งเลสเซอร์แอนทิลลีส (Lesser Antillean dry forests) ในปี 2019 ดัชนีความสมบูรณ์ของภูมิทัศน์ป่าไม้ (Forest Landscape Integrity Index) ของประเทศอยู่ที่ 6.95/10 ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 61 ของโลกจาก 172 ประเทศ แสดงให้เห็นว่ายังมีพื้นที่ป่าที่มีความสมบูรณ์อยู่พอสมควร แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนา และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น การปะทุของภูเขาไฟและพายุเฮอร์ริเคน
มีความพยายามในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน แม้ว่าข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์พืชและสัตว์เฉพาะถิ่นหรือการกระจายตัวของป่าไม้อย่างละเอียดอาจมีจำกัดในแหล่งข้อมูลสาธารณะ ปัญหาท้าทายทางสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับประเทศหมู่เกาะขนาดเล็กแห่งนี้
5. การเมือง
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาและเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญภายใต้เครือจักรภพแห่งชาติ โดยมีพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร (ปัจจุบันคือ พระเจ้าชาลส์ที่ 3) เป็นประมุขแห่งรัฐ ซึ่งทรงใช้พระราชอำนาจผ่านทางผู้สำเร็จราชการที่ได้รับการแต่งตั้ง
5.1. โครงสร้างรัฐบาล


ประมุขแห่งรัฐคือพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ (Governor-General) เป็นผู้แทนพระองค์ในประเทศ ผู้สำเร็จราชการคนปัจจุบันคือ คุณหญิงซูซาน ดูแกน (Dame Susan Dougan) (ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2019) โดยทั่วไปผู้สำเร็จราชการมีบทบาททางพิธีการเป็นส่วนใหญ่ เช่น การเปิดสมัยประชุมสภา และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างๆ

หัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรี (Prime Minister) ซึ่งโดยทั่วไปคือหัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากในสภาและได้รับการแต่งตั้งจากผู้สำเร็จราชการ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ ดร.ราล์ฟ กอนซัลเวส (Dr. Ralph Gonsalves) จากพรรคแรงงานเอกภาพ (Unity Labour Party - ULP) ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2001 คณะรัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งโดยผู้สำเร็จราชการตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นระบบสภาเดียว เรียกว่า สภาผู้แทนราษฎร (House of Assembly) ประกอบด้วยสมาชิก 21 คน ในจำนวนนี้ 15 คนมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตละหนึ่งคน และอีก 6 คนเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้ง สมาชิกสภามีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ทุกเมื่อ
ฝ่ายตุลาการ ประกอบด้วยศาลแขวง (District courts) ศาลสูงสุดแคริบเบียนตะวันออก (Eastern Caribbean Supreme Court) และคณะองคมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร (Privy Council) ในกรุงลอนดอน ซึ่งทำหน้าที่เป็นศาลอุทธรณ์สูงสุด
5.2. พรรคการเมืองและแนวโน้มทางการเมือง
พรรคการเมืองหลักที่มีผู้แทนในรัฐสภา ได้แก่
- พรรคแรงงานเอกภาพ (Unity Labour Party - ULP): เป็นพรรคแนวทางศูนย์ซ้าย ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวของพรรคแรงงานเซนต์วินเซนต์ (SVLP) และขบวนการเพื่อเอกภาพแห่งชาติ (Movement for National Unity - MNU) พรรค ULP ภายใต้การนำของราล์ฟ กอนซัลเวส ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2001 นโยบายของพรรคมักเน้นประเด็นทางสังคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการต่างประเทศที่กระตือรือร้น รวมถึงการเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากการค้าทาส
- พรรคประชาธิปไตยใหม่ (New Democratic Party - NDP): เป็นพรรคแนวทางศูนย์ขวา ซึ่งเคยเป็นพรรครัฐบาลมาก่อนภายใต้การนำของเซอร์เจมส์ ฟิตซ์-อัลเลน มิตเชลล์ ปัจจุบันเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ผู้นำฝ่ายค้านคนปัจจุบันคือ ก็อดวิน ฟรายเดย์ (Godwin Friday)
แนวโน้มทางการเมืองที่สำคัญคือการครองอำนาจอย่างยาวนานของพรรค ULP และนายกรัฐมนตรีกอนซัลเวส ซึ่งชนะการเลือกตั้งติดต่อกันหลายสมัย ในปี 2009 รัฐบาลได้จัดทำประชามติเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแทนพระมหากษัตริย์อังกฤษ ข้อเสนอนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีกอนซัลเวส แต่ไม่ผ่านการลงประชามติเนื่องจากไม่ได้รับเสียงสนับสนุนถึงสองในสามตามที่กำหนด เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ยังเป็นสมาชิกของพันธมิตรโบลิวาร์เพื่อประชาชนแห่งทวีปอเมริกาของเรา (ALBA) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีแนวคิดฝ่ายซ้ายในภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน
5.3. เขตการปกครอง
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์แบ่งการปกครองออกเป็น 6 เขต (parishแพริชภาษาอังกฤษ) ได้แก่
# เขตชาร์ลอตต์ (Charlotte)
# เขตเกรนาดีนส์ (Grenadines) - ครอบคลุมหมู่เกาะเกรนาดีนส์ทางตอนเหนือ
# เขตเซนต์แอนดรูว์ (Saint Andrew)
# เขตเซนต์เดวิด (Saint David)
# เขตเซนต์จอร์จ (Saint George) - เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง คิงส์ทาวน์
# เขตเซนต์แพทริก (Saint Patrick)
ห้าเขตแรกตั้งอยู่บนเกาะเซนต์วินเซนต์ ส่วนเขตเกรนาดีนส์ประกอบด้วยหมู่เกาะเกรนาดีนส์ทางตอนเหนือ เมืองหลวงคิงส์ทาวน์ตั้งอยู่ในเขตเซนต์จอร์จ และเป็นศูนย์กลางการบริหารของประเทศ จากข้อมูลสำมะโนประชากรปี 2000 เขตเซนต์จอร์จมีประชากรมากที่สุด (51,400 คน) ตามด้วยเขตชาร์ลอตต์ (38,000 คน)
5.4. การทหาร
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ไม่มีกองทัพประจำการอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม กองกำลังตำรวจแห่งชาติเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ (Royal Saint Vincent and the Grenadines Police Force) มีหน่วยบริการพิเศษ (Special Service Unit - SSU) และกองกำลังกึ่งทหาร (militia) ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนในประเทศ นอกจากนี้ยังมีหน่วยยามฝั่งเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ (Saint Vincent and the Grenadines Coast Guard) ซึ่งดูแลความมั่นคงทางทะเล
ประเทศเป็นสมาชิกของระบบความมั่นคงส่วนภูมิภาค (Regional Security System - RSS) ซึ่งเป็นข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคงระหว่างประเทศในแถบแคริบเบียนตะวันออก เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติในปี 2017 สะท้อนถึงจุดยืนในการสนับสนุนการลดอาวุธ ในอดีต สมัยนายกรัฐมนตรีเจมส์ มิตเชลล์ (เริ่มปี 1984) ประเทศเคยแสดงจุดยืนที่เป็นอิสระโดยไม่เข้าร่วมการซ้อมรบทางทหารร่วมกับสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศในแคริบเบียนตะวันออกอื่นๆ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงอธิปไตยของชาติ
5.5. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และให้ความร่วมมือกับองค์กรทางการเมืองและเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เช่น องค์การรัฐแคริบเบียนตะวันออก (OECS) และประชาคมแคริบเบียน (CARICOM) ประเทศนี้มีสถานทูตและคณะผู้แทนถาวรในหลายประเทศ รวมถึงสถานทูตในไทเป (สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)) ซึ่งเปิดทำการในปี 2019, คณะกรรมาธิการระดับสูงในลอนดอน, และสถานทูตในวอชิงตัน ดี.ซี. อาบานา การากัส และบรัสเซลส์ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังคงให้การรับรองทางการทูตแก่สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)
ประเทศนี้เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ (UN) เครือจักรภพแห่งชาติ องค์การนานารัฐอเมริกัน (OAS) สมาคมรัฐแคริบเบียน (ACS) พันธมิตรโบลิวาร์เพื่อประชาชนแห่งทวีปอเมริกาของเรา (ALBA) และประชาคมรัฐลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (CELAC) ในระหว่างปี 2019-2021 เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นับเป็นประเทศที่เล็กที่สุดที่เคยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนทางทะเลกับเวเนซุเอลา เกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ของเวเนซุเอลาเหนือเกาะอาเวส (Aves Island หรือ Bird Island) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการกำหนดเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ในทะเลแคริบเบียน
ในด้านความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชีย เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีใต้ในปี 1979 และเคยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1988 ที่กรุงโซล สำหรับเกาหลีเหนือ มีการสถาปนาความสัมพันธ์ในปี 1981 แต่ได้ตัดสัมพันธ์ในปี 1988 หลังเหตุการณ์ระเบิดเที่ยวบินโคเรียนแอร์ 858 ก่อนจะสถาปนาความสัมพันธ์อีกครั้งในปี 1990
นอกจากนี้ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ยังได้ลงนามในสนธิสัญญาการลดหย่อนภาษีซ้อนของ CARICOM (Double Taxation Relief (CARICOM) Treaty) ในปี 1994 และข้อตกลง FATCA Model 1 กับสหรัฐอเมริกาในปี 2014
5.5.1. สถานการณ์สิทธิมนุษยชน
ประเด็นสิทธิมนุษยชนในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นที่จับตามองทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสิทธิของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) กฎหมายของประเทศยังคงระบุว่า "การกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง" (acts of gross indecency) ซึ่งอาจตีความรวมถึงกิจกรรมทางเพศของคนเพศเดียวกัน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตามมาตรา 148 ของประมวลกฎหมายอาญา ผู้กระทำผิดอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและขัดต่อหลักการไม่เลือกปฏิบัติ
การเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงคราม (reparations) จากการตกเป็นอาณานิคมและการค้าทาสในอดีตเป็นอีกประเด็นสำคัญ นายกรัฐมนตรีราล์ฟ กอนซัลเวส ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าประเทศในยุโรปควรชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ประเทศในแถบแคริบเบียนสำหรับบทบาทในการค้าทาส ในปี 2013 เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้เรียกร้องให้ประเทศในยุโรปจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม และในเดือนเมษายน 2022 ระหว่างการเยือนของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและดัชเชสโซฟีแห่งสหราชอาณาจักร กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งรวมถึงนายโจโม โทมัส อดีตประธานคณะกรรมการค่าปฏิกรรมสงครามแห่งชาติของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ได้เผชิญหน้ากับเชื้อพระวงศ์อังกฤษเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากอดีตเจ้าอาณานิคม
ในเวทีระหว่างประเทศ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้แสดงจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชน เช่น ในปี 2017 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ นายกรัฐมนตรีของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ร่วมกับผู้นำจากหมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู และวานูอาตู ได้เรียกร้องให้สหประชาชาติดำเนินการเกี่ยวกับข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนพื้นเมืองปาปัวในนิวกินีตะวันตกโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย
ความพยายามในการพัฒนาประชาธิปไตยและการคุ้มครองสิทธิของชนกลุ่มน้อยและกลุ่มเปราะบางยังคงเป็นประเด็นที่รัฐบาลและภาคประชาสังคมให้ความสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมและยุติธรรมมากขึ้น
6. เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์จัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง โดยมีภาคเกษตรกรรม ซึ่งเน้นการผลิตกล้วย เป็นภาคส่วนที่สำคัญที่สุด และภาคบริการ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต ก็มีความสำคัญเช่นกัน การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง (ประมาณ 15% ในปี 2001 และ 22% ในปี 1997 ตามข้อมูลจากบางแหล่ง) ความท้าทายหลักคือการพึ่งพาพืชผลชนิดเดียว (กล้วย) ซึ่งเสี่ยงต่อความเสียหายจากพายุโซนร้อน
6.1. โครงสร้างและสถานะทางเศรษฐกิจ

จากข้อมูลในปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ที่ประมาณ 1.05 B USD และรายได้ต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 9.66 K USD (ข้อมูลจากธนาคารโลก) ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง อัตราเงินเฟ้อเคยอยู่ที่ประมาณ 2.2% (ปี 1999) โครงสร้าง GDP ในอดีต (ปี 2000) ประกอบด้วยภาคเกษตรกรรมประมาณ 10.6% ภาคอุตสาหกรรม 17.5% และภาคบริการ 71.9%
ความท้าทายทางเศรษฐกิจรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม การพึ่งพิงพืชผลเดียว ปัญหาแรงงาน และความจำเป็นในการส่งเสริมความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ ประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการขาดดุลการค้า ซึ่งมักจะได้รับการชดเชยจากรายได้การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ยังเป็นผู้ผลิตเท้ายายม่อมรายใหญ่ที่สุดของโลก
การค้า:
- สินค้าออกหลัก: กล้วย (เคยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 33-39% ของการส่งออกทั้งหมด) ธัญพืช เผือก แป้งมัน ไม้ตีเทนนิส
- ประเทศคู่ค้าส่งออกสำคัญ: สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา บาร์เบโดส ตรินิแดดและโตเบโก เซนต์ลูเชีย
- สินค้านำเข้าหลัก: อาหาร เครื่องจักร เคมีภัณฑ์ แร่ธาตุ เชื้อเพลิง เครื่องจักรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
- ประเทศคู่ค้านำเข้าสำคัญ: สหรัฐอเมริกา (เคยมีสัดส่วนสูงถึง 41.2%) ตรินิแดดและโตเบโก สหราชอาณาจักร บาร์เบโดส ญี่ปุ่น
6.2. อุตสาหกรรมหลัก
- เกษตรกรรม: เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ โดยมีกล้วยเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก นอกจากนี้ยังมีการเพาะปลูกมะพร้าว มันเทศ เครื่องเทศ และเท้ายายม่อม (Arrowroot) ซึ่งเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การทำปศุสัตว์ ได้แก่ วัว แกะ สุกร แพะ และการทำประมงก็มีความสำคัญเช่นกัน
- การท่องเที่ยว: เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน บนเกาะช่วยส่งเสริมให้ประเทศเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนมากขึ้น
- ภาคการเงิน: มีภาคการเงินนอกประเทศ (offshore financial sector) ขนาดเล็ก ซึ่งให้บริการแก่ธุรกิจระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม กฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับทางการเงินได้ก่อให้เกิดความกังวลในระดับนานาชาติ มีความต้องการบริการทางการเงินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น ตลาดหลักทรัพย์และกิจกรรมตัวกลางทางการเงิน
- อุตสาหกรรมการผลิต: มีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นการแปรรูปอาหาร การผลิตเฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ และแป้ง
- การล่าวาฬแบบดั้งเดิม: ชาวพื้นเมืองบนเกาะเบเควียได้รับอนุญาตให้ล่าวาฬหลังค่อมได้ไม่เกิน 4 ตัวต่อปีภายใต้โควตาการยังชีพของคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) การปฏิบัตินี้มีทั้งมิติทางวัฒนธรรมและผลกระทบต่อระบบนิเวศที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิแรงงานยังคงเป็นความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งต้องมีการจัดการที่ยั่งยืนเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
6.3. การคมนาคม
ระบบการคมนาคมของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ประกอบด้วยการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางทะเล
- ทางอากาศ: สนามบินหลักของประเทศคือท่าอากาศยานนานาชาติอาร์ไกล์ (Argyle International Airport - AIA) ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2017 แทนที่ท่าอากาศยานอี.ที. โจชัว (E.T. Joshua Airport) เดิม สนามบินอาร์ไกล์ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะเซนต์วินเซนต์ ห่างจากกรุงคิงส์ทาวน์ประมาณ 8.3 km (5.17 ไมล์) มีสายการบินระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศให้บริการ เช่น LIAT Caribbean Airlines และสายการบินขนาดเล็กที่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศไปยังหมู่เกาะเกรนาดีนส์ เช่น SVG Air และ Mustique Airways นอกจากนี้ยังมีสนามบินขนาดเล็กอีกหลายแห่งบนหมู่เกาะเกรนาดีนส์
- ทางบก: ประเทศนี้ไม่มีระบบรางรถไฟ การเดินทางบนเกาะส่วนใหญ่ใช้รถยนต์ส่วนตัว "แวน" (รถตู้โดยสารสาธารณะดัดแปลง) และแท็กซี่ รถแวนเป็นรูปแบบการขนส่งสาธารณะที่สำคัญและเข้าถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะหลัก โดยมีสถานีหลักอยู่ที่ตลาดปลาริเวอร์ไซด์ (เดิมเรียกว่า ลิตเติลโตเกียว) ในคิงส์ทาวน์ แท็กซี่ไม่มีรูปแบบตัวถังที่กำหนดไว้ตายตัว และมักไม่มีมิเตอร์ ต้องตกลงราคาก่อนเดินทาง
- ทางทะเล: กรุงคิงส์ทาวน์เป็นท่าเรือหลักของประเทศ มีบริการเรือเฟอร์รี่เชื่อมต่อระหว่างเกาะเซนต์วินเซนต์กับหมู่เกาะเกรนาดีนส์ต่างๆ เช่น เกาะเบเควีย (Bequia Express ให้บริการทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เกาะคานูอัน เกาะเมโร และเกาะยูเนียน (ให้บริการโดยเรือ Barracuda สัปดาห์ละสองเที่ยว)
6.4. การสื่อสาร
โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- โทรศัพท์พื้นฐาน: ในปี 2010 มีจำนวนสายโทรศัพท์พื้นฐานประมาณ 21,700 เลขหมาย ระบบโทรศัพท์พื้นฐานเป็นแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งเกาะเซนต์วินเซนต์และหมู่เกาะเกรนาดีนส์ที่มีผู้คนอาศัยอยู่
- โทรศัพท์เคลื่อนที่: จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 10,000 เลขหมายในปี 2002 เป็น 131,800 เลขหมายในปี 2010 บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเซนต์วินเซนต์และหมู่เกาะเกรนาดีนส์
- อินเทอร์เน็ต: มีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) หลัก 2 ราย คือ Digicel และ Flow ซึ่งให้บริการทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ต การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงกับโลกภายนอก
7. สังคม
ลักษณะทางสังคมของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันซับซ้อนและการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
7.1. ประชากรและกลุ่มชาติพันธุ์
จากข้อมูลประมาณการในปี 2023 ประชากรของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีประมาณ 103,698 คน (ตามข้อมูลจาก World Bank) แต่ข้อมูลจากแหล่งอื่นอาจแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น ประมาณ 110,872 คน ความหนาแน่นของประชากรมากกว่า 300 คนต่อตารางกิโลเมตร (ประมาณ 700 คนต่อตารางไมล์)
องค์ประกอบทางชาติพันธุ์มีความหลากหลาย โดยกลุ่มหลักคือ:
- ชาวแอฟริกัน (Afro-Vincentians): ประมาณ 66% ของประชากร เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากทาสชาวแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลางที่ถูกนำมาทำงานในไร่อ้อย
- ลูกผสม (Mixed descent): ประมาณ 19%
- ชาวอินเดียตะวันออก (Indo-Vincentian): ประมาณ 6% เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากแรงงานตามสัญญาที่ถูกนำมาจากอินเดียหลังการเลิกทาส
- ชาวยุโรป (Europeans): ประมาณ 4% ส่วนใหญ่เป็นชาวโปรตุเกสที่อพยพมาจากมาเดรา
- ชาวคาลินาโก (Kalinago) หรือชนพื้นเมืองแคริบ: ประมาณ 2%
- อื่นๆ: ประมาณ 3% รวมถึงประชากรชาวจีนที่กำลังเติบโต
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าทาส การนำเข้าแรงงานตามสัญญา และการย้ายถิ่นฐาน ได้หล่อหลอมให้สังคมของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมสูง ชาวเซนต์วินเซนต์มักเรียกตนเองว่า "วินซี" (Vincyวินซีภาษาอังกฤษ)
7.2. ภาษา
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการและใช้ในการศึกษา การปกครอง ศาสนา และในบริบทที่เป็นทางการอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่พูดภาษาครีโอลเซนต์วินเซนต์ (Vincentian Creole) ในชีวิตประจำวัน ภาษาครีโอลนี้มีพื้นฐานมาจากภาษาอังกฤษ แต่มีลักษณะทางไวยากรณ์ คำศัพท์ และสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้ในการสนทนาที่ไม่เป็นทางการ ที่บ้าน และในกลุ่มเพื่อน นอกจากนี้ ในบางส่วนของหมู่เกาะเกรนาดีนส์ยังมีการใช้ภาษาปัตวา (Patois) ซึ่งเป็นภาษาครีโอลที่มีอิทธิพลของภาษาฝรั่งเศส บางส่วนของประชากรอาจใช้ภาษาสเปนได้บ้าง
7.3. ศาสนา

ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาหลักในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ จากข้อมูลสำมะโนประชากรปี 2001 ประมาณ 81.5% ของประชากรระบุตนเองว่าเป็นคริสเตียน นิกายที่สำคัญได้แก่:
- แองกลิคัน (Anglicanism): ประมาณ 17.8% เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด
- เพนเทคอสต์ (Pentecostal): ประมาณ 17.6% เป็นกลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับสอง
- เมทอดิสต์ (Methodist): ประมาณ 10.9%
- เซเวนต์เดย์แอดเวนทิสต์ (Seventh-day Adventist): ประมาณ 10.2%
- แบปทิสต์ (Baptist): ประมาณ 10.0%
- โรมันคาทอลิก (Roman Catholic): ประมาณ 7.5%
- อีแวนเจลิคัล (Evangelicalism): ประมาณ 2.8%
- คริสตจักรแห่งพระเจ้า (Church of God): ประมาณ 2.5%
- คริสเตียนภราดรภาพ (Brethren Christian): ประมาณ 1.3%
- พยานพระยะโฮวา (Jehovah's Witnesses): ประมาณ 0.6%
- กองทัพ خلاص (Salvation Army): ประมาณ 0.3%
ระหว่างปี 1991 ถึง 2001 จำนวนผู้นับถือนิกายแองกลิคัน ภราดรภาพ เมทอดิสต์ และโรมันคาทอลิกลดลง ในขณะที่จำนวนผู้นับถือนิกายเพนเทคอสต์ อีแวนเจลิคัล และเซเวนต์เดย์แอดเวนทิสต์เพิ่มขึ้น
ศาสนาอื่นๆ ที่มีผู้นับถือในสัดส่วนที่น้อยกว่า ได้แก่ ขบวนการราสตาฟารี (ประมาณ 1.5%) ศาสนาฮินดู และศาสนาอิสลาม (รวมกันประมาณ 1.5%) ประชากรประมาณ 6.7% นับถือศาสนาอื่น และประมาณ 8.8% ไม่มีศาสนาหรือไม่ระบุศาสนา
8. วัฒนธรรม

วัฒนธรรมของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นการผสมผสานระหว่างอิทธิพลของชาวแอฟริกัน ยุโรป อินเดีย และชนพื้นเมืองแคริบ สะท้อนให้เห็นในดนตรี กีฬา เทศกาล และวิถีชีวิตประจำวัน
8.1. ดนตรี
ดนตรีเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ แนวเพลงที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่น ได้แก่ ดนตรีคาลิปโซ (Calypso) ดนตรีโซคา (Soca) เร็กเก (Reggae) และดนตรีบิ๊กกลอง (Big Drum) ซึ่งเป็นดนตรีพื้นเมืองที่มีรากฐานมาจากแอฟริกา นอกจากนี้ยังมีดนตรีสตริงแบนด์ (String band music) การเต้นควอดริลล์ (Quadrille) และการเล่านิทานแบบดั้งเดิมก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
เพลงชาติของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์คือ "เซนต์วินเซนต์ ดินแดนที่สวยงามเหลือเกิน" (Saint Vincent, Land so beautifulเซนต์วินเซนต์, แลนด์โซบิวติฟูลภาษาอังกฤษ) ซึ่งเริ่มใช้เมื่อได้รับเอกราชในปี 1979
เควิน ลิตเติล (Kevin Lyttle) เป็นหนึ่งในนักดนตรีชาวเซนต์วินเซนต์ที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตวัฒนธรรมของเกาะในปี 2013 เทศกาลโซคาประจำปีในคิงส์ทาวน์เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สำคัญ มีขบวนพาเหรดและการเฉลิมฉลองคล้ายกับเทศกาลคาร์นิวัลในประเทศอื่นๆ
8.2. กีฬา
กีฬาหลายประเภทเป็นที่นิยมในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ คริกเกตและฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ชาย ในขณะที่เน็ตบอลเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง บาสเกตบอล วอลเลย์บอล รักบี้ และเทนนิสก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
- ฟุตบอล: ลีกฟุตบอลชั้นนำของประเทศคือ เอ็นแอลเอ พรีเมียร์ลีก (NLA Premier League) ซึ่งเป็นแหล่งผู้เล่นหลักให้กับทีมชาติฟุตบอลเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ นักฟุตบอลชาวเซนต์วินเซนต์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งคือ เอซรา เฮนดริกสัน อดีตกัปตันทีมชาติ ซึ่งเคยเล่นให้กับหลายสโมสรในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (MLS) ในสหรัฐอเมริกา และเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชิคาโก ไฟร์
- คริกเกต: เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์เป็นส่วนหนึ่งของทีมคริกเกตหมู่เกาะอินเดียตะวันตก ซึ่งแข่งขันในระดับนานาชาติ
- บาสเกตบอล: ทีมชาติชายและหญิงเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์บาสเกตบอลแคริบเบียนเป็นประจำ
- กรีฑา: นักกีฬาจากเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ได้สร้างผลงานในระดับนานาชาติ เช่น
- นาตาชา เมเยอร์ส (Natasha Mayers) ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรหญิง ในกีฬาเครือจักรภพ 2010
- คิเนเก อเล็กซานเดอร์ (Kineke Alexander) ได้รับเหรียญทองแดงในการแข่งขันวิ่ง 400 เมตรหญิง ในกีฬาแพนอเมริกันเกมส์ 2015
- เอสวอร์ต คูมบ์ส (Eswort Coombs) ได้รับเหรียญทองแดงในการแข่งขันวิ่ง 400 เมตรชาย ในกีฬาแพนอเมริกันเกมส์ 1995
- ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ชาฟิควา มาโลนีย์ (Shafiqua Maloney) สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาชาวเซนต์วินเซนต์คนแรกที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในกีฬากรีฑาโอลิมปิก โดยได้อันดับที่ 4 ในการแข่งขันวิ่ง 800 เมตรหญิง
8.3. สื่อ
สื่อในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ประกอบด้วยสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์
- วิทยุ: มีสถานีวิทยุ FM หลายแห่ง เช่น 88.9 Adoration FM, 89.1 Jem Radio, 89.7 NBC Radio, 95.7 และ 105.7 Praise FM, 96.7 Nice Radio, 97.1 Hot 97, 98.3 Star FM, 99.9 We FM, 103.7 Hitz, 102.7 EZee radio, 104.3 Xtreme FM และ 106.9 Boom FM นอกจากนี้ยังมีสถานีวิทยุทางอินเทอร์เน็ต เช่น Chronicles Christian Radio
- โทรทัศน์: มีสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินหนึ่งแห่งคือ ZBG-TV (SVGTV) และมีผู้ให้บริการเคเบิลทีวีหนึ่งราย บริษัท St Vincent and the Grenadines Broadcasting Corporation เป็นบริษัทแม่ของ SVGTV และ Magic 103.7
- หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์: มีหนังสือพิมพ์และแพลตฟอร์มข่าวออนไลน์หลายฉบับที่ให้บริการข่าวสารและข้อมูลแก่ประชาชนในประเทศ
8.4. วันหยุดนักขัตฤกษ์
วันหยุดนักขัตฤกษ์ตามกฎหมายในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ได้แก่
วันที่ | ชื่อวันหยุด | หมายเหตุ |
---|---|---|
1 มกราคม | วันขึ้นปีใหม่ (New Year's Day) | |
14 มีนาคม | วันวีรบุรุษแห่งชาติ (National Heroes' Day) | |
(เปลี่ยนแปลง) | วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) | ตรงกับวันศุกร์ก่อนวันอีสเตอร์ |
(เปลี่ยนแปลง) | วันจันทร์อีสเตอร์ (Easter Monday) | ตรงกับวันจันทร์หลังวันอีสเตอร์ |
1 พฤษภาคม | วันแรงงาน (Labour Day) | |
(เปลี่ยนแปลง) | วันจันทร์วิทซัน (Whit Monday) | ตรงกับวันจันทร์ที่เจ็ดหลังวันอีสเตอร์ |
(เปลี่ยนแปลง, ปกติต้นเดือนกรกฎาคม) | วันจันทร์คาร์นิวัล (Carnival Monday / Vincy Mas Monday) | ส่วนหนึ่งของเทศกาลคาร์นิวัล (Vincy Mas) ที่สำคัญของประเทศ |
(เปลี่ยนแปลง, ปกติต้นเดือนกรกฎาคม) | วันอังคารคาร์นิวัล (Carnival Tuesday / Mardi Gras) | วันสุดท้ายของเทศกาลคาร์นิวัล |
1 สิงหาคม | วันปลดปล่อยทาส (Emancipation Day) | |
27 ตุลาคม | วันประกาศอิสรภาพ (Independence Day) | |
25 ธันวาคม | คริสต์มาส (Christmas Day) | |
26 ธันวาคม | วันเปิดกล่องของขวัญ (Boxing Day) |
หมายเหตุ: วันที่สำหรับวันศุกร์ประเสริฐ วันจันทร์อีสเตอร์ วันจันทร์วิทซัน และวันจันทร์/อังคารคาร์นิวัล จะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี เทศกาลคาร์นิวัล หรือ Vincy Mas เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศ โดยทั่วไปจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม
9. บุคคลสำคัญ
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์มีบุคคลสำคัญและผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายสาขา ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ การนำเสนอจะพิจารณาถึงผลงานและผลกระทบต่อสังคม ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความก้าวหน้าทางสังคมอย่างสมดุล
- ราล์ฟ กอนซัลเวส (Ralph Gonsalves): นักการเมืองและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งยาวนาน มีบทบาทสำคัญในการเมืองระดับชาติและภูมิภาค เป็นผู้สนับสนุนการเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากการค้าทาส และนำพาประเทศเข้าเป็นสมาชิก ALBA
- เซอร์เจมส์ ฟิตซ์-อัลเลน มิตเชลล์ (Sir James Fitz-Allen Mitchell): อดีตนายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศและส่งเสริมการรวมกลุ่มในภูมิภาคแคริบเบียน
- เควิน ลิตเติล (Kevin Lyttle): นักร้องเพลงโซคาที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เจ้าของเพลงฮิต "Turn Me On" ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรม
- เอซรา เฮนดริกสัน (Ezra Hendrickson): อดีตนักฟุตบอลอาชีพและกัปตันทีมชาติ เคยเล่นในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (MLS) และผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอน
- อะโดนัล ฟอยล์ (Adonal Foyle): อดีตนักบาสเกตบอลอาชีพในลีก NBA เป็นที่รู้จักในด้านการเล่นเกมป้องกันและกิจกรรมการกุศล
- ชาฟิควา มาโลนีย์ (Shafiqua Maloney): นักกรีฑา สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวเซนต์วินเซนต์คนแรกที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโอลิมปิก (วิ่ง 800 เมตรหญิง โอลิมปิก 2024)
- สกินนี แฟบูลัส (Skinny Fabulous): นักดนตรีและนักร้องเพลงโซคา เป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาคและนานาชาติ
- นิกสัน แม็คลีน (Nixon McLean): อดีตนักกีฬาคริกเกตทีมชาติหมู่เกาะอินเดียตะวันตก
- ดร. เค. ดไวต์ เวนเนอร์ (Dr. K. Dwight Venner): อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคริบเบียนตะวันออก (ECCB) มีบทบาทสำคัญในเสถียรภาพทางการเงินของภูมิภาค
- แฟรงคลิน ซีลส์ (Franklyn Seales): นักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ชาวอเมริกันเชื้อสายเซนต์วินเซนต์
การพิจารณาบุคคลเหล่านี้จะคำนึงถึงทั้งความสำเร็จส่วนบุคคลและผลกระทบในวงกว้างต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตย การรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน การสร้างแรงบันดาลใจผ่านผลงานทางวัฒนธรรมและกีฬา หรือการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและภูมิภาค