1. ภาพรวม

ลูเซียโน นาร์ซิงห์ (Luciano Narsinghภาษาดัตช์) เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1990 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรนีอา ซาลามินา โดยส่วนใหญ่เขาจะเล่นในตำแหน่งปีกขวาและมีความถนัดเท้าขวา แต่ก็สามารถเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายและกองกลางตัวรุกได้เช่นกัน นาร์ซิงห์เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับฮีเรนวีน ที่ซึ่งเขาโดดเด่นในฐานะดาวรุ่งด้วยทักษะการเลี้ยงลูกบอล ความเร็ว และการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม จนสามารถทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์สูงสุดในเอเรอดีวีซี ฤดูกาล 2011-12
หลังจากย้ายไปร่วมทีมพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน เขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์เอเรอดีวีซีได้ถึงสองสมัยติดต่อกัน และโยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์อีกสามสมัย แม้จะต้องเผชิญกับการบาดเจ็บรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่ออาชีพของเขาในระยะหนึ่ง นาร์ซิงห์ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถในการกลับมาลงสนามได้อย่างน่าประทับใจ เขายังได้เป็นตัวแทนของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดใหญ่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 รวมถึงการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 และการมีส่วนร่วมในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2014 บทความนี้จะสำรวจเส้นทางอาชีพของนาร์ซิงห์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น การเผชิญกับความท้าทาย และการประสบความสำเร็จที่สำคัญในโลกฟุตบอลอาชีพ
2. ชีวิตช่วงต้นและอาชีพเยาวชน
ลูเซียโน นาร์ซิงห์ เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1990 ที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขามีเชื้อสายอินโด-ซูรินาม วัยเด็กของนาร์ซิงห์ได้เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับสโมสรเยาวชนหลายแห่ง ได้แก่ ซีเบอร์เกีย, อาแซด, และอายักซ์ ก่อนที่จะเข้าร่วมทีมเยาวชนของเอสซี ฮีเรนวีน ในช่วงปี ค.ศ. 2006 ถึง ค.ศ. 2008 ที่ซึ่งเขาได้พัฒนาฝีเท้าเพื่อก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
3. อาชีพสโมสร
ลูเซียโน นาร์ซิงห์ได้สร้างเส้นทางอาชีพในสโมสรต่าง ๆ ทั้งในเนเธอร์แลนด์และต่างประเทศ โดยมีผลงานและประสบการณ์ที่โดดเด่นในแต่ละช่วงเวลา
3.1. สโมสรฟุตบอลฮีเรนวีน
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008 นาร์ซิงห์ได้เซ็นสัญญากับเอสซี ฮีเรนวีน จนถึงปี ค.ศ. 2013 และได้ประเดิมสนามอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2008 ในการแข่งขันเอเรอดีวีซี ภายใต้การคุมทีมของทรอนด์ ซอลลีด โดยเขาถูกส่งลงสนามแทนดานิเยล ปรานยิช ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมที่พ่ายให้กับวิเทสส์ 2-0 ประตู หนึ่งเดือนต่อมา เขาได้ลงสนามอีกครั้งในเกมเยือนที่พบกับเอฟซี ทเวนเต ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ 6-0 ประตู ในฤดูกาล 2009-10 นาร์ซิงห์ได้ลงสนามเพียงสองครั้ง อย่างไรก็ตาม ในปีถัดมา (ฤดูกาล 2010-11) เขาก็สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวภายใต้การคุมทีมของโค้ชรอน ยานส์ และกลายเป็นปรากฏการณ์ในเอเรอดีวีซี ด้วยทักษะการเลี้ยงลูกอันโดดเด่น ความเร็ว และการจ่ายบอลที่แม่นยำ ทำให้เขาสามารถเบียดรอย เบียร์เรนส์ ออกจากผู้เล่นตัวจริงได้สำเร็จ
ในฤดูกาล 2011-12 ของเอเรอดีวีซี นาร์ซิงห์ได้สร้างสถิติที่น่าประทับใจโดยทำแอสซิสต์ไปถึง 20 ครั้ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในลีกในปีนั้น จากผลงานที่ยอดเยี่ยมนี้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 เอสซี ฮีเรนวีนและสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเนเธอร์แลนด์อย่างพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ได้บรรลุข้อตกลงในการย้ายทีมของเขาด้วยค่าตัวประมาณ 4.10 M EUR
3.2. พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน
ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลแรกกับพีเอสวี นาร์ซิงห์เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำได้ 6 ประตูและ 5 แอสซิสต์ และพีเอสวีก็ขึ้นนำจ่าฝูงได้อย่างสบาย ๆ ด้วยสถิติชนะ 11 จาก 13 เกมที่ลงเล่น อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายฤดูกาล นาร์ซิงห์ต้องเผชิญกับการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าอย่างรุนแรงในการแข่งขันกับเอ็นเอซี เบรดา ซึ่งทำให้เขาต้องพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล เมื่อนาร์ซิงห์กลับมาฟิตพร้อมลงสนามอีกครั้งในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2013 ดิก แอดโวคาท ผู้จัดการทีมคนเดิมได้ถูกแทนที่ด้วยฟิลิป โคคู ซึ่งไม่กล้าที่จะเสี่ยงใช้นาร์ซิงห์ ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามน้อยลง
การกลับมาอย่างแท้จริงของนาร์ซิงห์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2014 ในการแข่งขันกับทีมแชมป์เก่าอย่างอายักซ์ โดยเขาเริ่มต้นด้วยการจ่ายบอลให้เมมฟิส เดปาย ทำประตูตีเสมอ และหลังจากนั้นก็ทำประตูเองในเกมที่พลิกล็อกชนะ 3-1 ประตู เมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2015 นาร์ซิงห์ได้สร้างสรรค์โอกาสทำประตูแรกภายในสามนาทีให้แก่ลืก เดอ ยอง และทำประตูสุดท้ายในเกมที่พีเอสวีเอาชนะฮีเรนวีน 4-1 ประตู ซึ่งส่งผลให้พีเอสวีคว้าแชมป์เอเรอดีวีซีสมัยที่ 22 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008
3.3. สวอนซีซิตี
เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2017 นาร์ซิงห์ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมสวอนซีซิตี สโมสรในพรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัว 4.00 M GBP ในช่วงแรกของการค้าแข้งกับสวอนซีซิตี เขาทำประตูได้เพียงหนึ่งลูก ซึ่งเป็นประตูชัยในเกมที่พบกับวัตฟอร์ด อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองปีแรกกับสวอนซี เขามักจะได้รับโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อสโมสรตกชั้นไปเล่นในอีเอฟแอลแชมเปียนชิปในฤดูกาล 2018-19 เขากลับได้รับโอกาสลงสนามเพียง 2 นัดเท่านั้น นาร์ซิงห์เคยกล่าวว่า "ภายนอกอาจจะมองว่าผมทำตัวยาก หรือมีปัญหากับโค้ช แต่ความจริงแล้วโค้ชอยากให้ผมลงเล่น แต่เจ้าของสโมสรไม่อนุญาต" เมื่อสัญญาของเขาหมดลง สโมสรได้ยืนยันเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 ว่าเขาจะถูกปล่อยตัวออกไป
3.4. ไฟเยอโนร์ด
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 นาร์ซิงห์ได้เซ็นสัญญาระยะเวลาสองปีกับสโมสรเอเรอดีวีซีอย่างไฟเยอโนร์ด เขาทำประตูแรกให้กับสโมสรในเกมที่ชนะเอฟซี ดีนาโม ทบิลิซี 4-0 ประตู ในรอบคัดเลือกรอบสามของยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2019-20
3.5. อาชีพสโมสรช่วงหลัง
หลังจากค้าแข้งกับไฟเยอโนร์ด นาร์ซิงห์ยังคงเดินทางในเส้นทางอาชีพฟุตบอลต่อไป โดยมีการย้ายทีมและยืมตัวไปยังสโมสรต่าง ๆ:
- เมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2021 นาร์ซิงห์ถูกส่งไปเล่นด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือนกับทเวนเต ซึ่งเป็นคู่แข่งในลีกเดียวกัน
- หลังจากนั้น เขาได้ย้ายไปร่วมทีมซิดนีย์ เอฟซีในเอ-ลีก เมนของออสเตรเลีย
- ต่อมาได้ย้ายไปยังมิเอซ เลกนิกา ในเอคส์ตราคลาซาของโปแลนด์ และยังเคยลงเล่นให้ทีมสำรองอย่างมิเอซ เลกนิกา II
- ปัจจุบันเขากำลังค้าแข้งอยู่กับนีอา ซาลามินา ฟามากุสตาในไซปรีออต เฟิร์สต์ ดิวิชั่นของไซปรัส
4. อาชีพระดับทีมชาติ
ลูเซียโน นาร์ซิงห์ เกิดในประเทศเนเธอร์แลนด์และมีเชื้อสายอินโด-ซูรินาม เขาได้เป็นตัวแทนของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดเยาวชนในหลายระดับ ได้แก่ ทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 18 ปี (2 นัด), ทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 19 ปี (10 นัด), ทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 20 ปี (1 นัด), และทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 21 ปี (10 นัด 1 ประตู)
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 นาร์ซิงห์ถูกเรียกตัวติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกโดยเบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ เพื่อเตรียมลงเล่นในเกมกับทีมชาติอังกฤษที่เวมบลีย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม เขาได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อนักเตะเบื้องต้น 36 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยังไม่เคยลงเล่นในนามทีมชาติถึง 9 คน เขาได้ประเดิมสนามอย่างไม่เป็นทางการในเกมกระชับมิตรกับบาเยิร์นมิวนิก ซึ่งเขาสามารถทำประตูได้หนึ่งลูก และในที่สุดก็ติดโผนักเตะ 23 คนสุดท้ายที่จะเป็นตัวแทนของเนเธอร์แลนด์ในการแข่งขันยูโร 2012 โดยเขาได้ประเดิมสนามอย่างเป็นทางการในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติสโลวาเกียเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม
นาร์ซิงห์ทำประตูแรกในนามทีมชาติได้ในเกมที่พ่ายให้กับทีมชาติเบลเยียม 4-2 ประตู เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เขามีส่วนร่วมในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โดยทำได้ 1 ประตูและ 3 แอสซิสต์ใน 4 เกม ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ นาร์ซิงห์ไม่สามารถเข้าร่วมฟุตบอลโลกได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และตำแหน่งของเขาถูกแทนที่โดยเลรอย เฟอร์ เขาเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดใหญ่รวมทั้งหมด 19 นัด และทำได้ 4 ประตู
5. รูปแบบการเล่น
ลูเซียโน นาร์ซิงห์เป็นผู้เล่นที่ถนัดเท้าขวา โดยส่วนใหญ่จะเล่นในตำแหน่งปีกขวา แต่ก็มีความสามารถในการเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายและกองกลางตัวรุกได้เช่นกัน จุดเด่นของเขาคือทักษะการเลี้ยงลูกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งช่วยให้เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในการดวลตัวต่อตัวได้ นอกจากนี้ เขายังมีความเร็วที่น่าประทับใจ ซึ่งเป็นทรัพย์สินสำคัญในการสร้างโอกาสจากพื้นที่กว้าง และมีทักษะการจ่ายบอลที่แม่นยำ ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างโอกาสทำประตูให้กับเพื่อนร่วมทีมได้หลายครั้ง ความสามารถเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นปีกที่อันตรายและมีประสิทธิภาพในแนวรุก
6. สถิติอาชีพ
ส่วนนี้รวบรวมข้อมูลสถิติการลงสนามและการทำประตูของลูเซียโน นาร์ซิงห์ ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ แสดงให้เห็นถึงเส้นทางอาชีพและผลงานที่ผ่านมาของเขา
6.1. สถิติสโมสร
ข้อมูลการลงสนามและทำประตูของลูเซียโน นาร์ซิงห์ในระดับสโมสรฟุตบอลอาชีพ
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ | ฟุตบอลลีกคัพ | อื่น ๆ | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | ||
เอสซี ฮีเรนวีน | 2008-09 | เอเรอดีวีซี | 2 | 0 | 0 | 0 | - | - | 2 | 0 | ||
2009-10 | เอเรอดีวีซี | 2 | 0 | 1 | 0 | - | - | 3 | 0 | |||
2010-11 | เอเรอดีวีซี | 24 | 5 | 2 | 0 | - | - | 26 | 5 | |||
2011-12 | เอเรอดีวีซี | 34 | 8 | 5 | 4 | - | - | 39 | 12 | |||
รวม | 62 | 13 | 8 | 4 | - | - | 70 | 17 | ||||
พีเอสวี | 2012-13 | เอเรอดีวีซี | 18 | 6 | 2 | 0 | - | 6 | 0 | 26 | 6 | |
2013-14 | เอเรอดีวีซี | 20 | 0 | 1 | 0 | - | 3 | 0 | 24 | 0 | ||
2014-15 | เอเรอดีวีซี | 32 | 6 | 3 | 1 | - | 11 | 1 | 46 | 8 | ||
2015-16 | เอเรอดีวีซี | 30 | 8 | 2 | 0 | - | 8 | 1 | 40 | 9 | ||
2016-17 | เอเรอดีวีซี | 15 | 1 | 2 | 1 | - | 6 | 1 | 23 | 3 | ||
รวม | 115 | 21 | 10 | 2 | - | 34 | 3 | 160 | 26 | |||
ยง พีเอสวี | 2013-14 | เอียร์สเตอดีวีซี | 3 | 3 | - | 3 | 3 | |||||
สวอนซีซิตี | 2016-17 | พรีเมียร์ลีก | 13 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 13 | 0 | |
2017-18 | พรีเมียร์ลีก | 18 | 1 | 4 | 1 | 2 | 0 | - | 24 | 2 | ||
2018-19 | อีเอฟแอลแชมเปียนชิป | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 2 | 0 | ||
รวม | 33 | 1 | 4 | 1 | 2 | 0 | - | 39 | 2 | |||
ไฟเยอโนร์ด | 2019-20 | เอเรอดีวีซี | 15 | 2 | 2 | 2 | - | 9 | 1 | 26 | 5 | |
2020-21 | เอเรอดีวีซี | 9 | 1 | 0 | 0 | - | 2 | 0 | 11 | 1 | ||
รวม | 24 | 3 | 2 | 2 | - | 11 | 1 | 37 | 6 | |||
ทเวนเต | 2020-21 | เอเรอดีวีซี | 17 | 1 | 0 | 0 | - | 0 | 0 | 17 | 1 | |
ซิดนีย์ เอฟซี | 2021-22 | เอ-ลีก เมน | 10 | 1 | 0 | 0 | - | 4 | 0 | 14 | 1 | |
มิเอซ เลกนิกา | 2022-23 | เอคส์ตราคลาซา | 29 | 5 | 2 | 0 | - | - | 31 | 5 | ||
มิเอซ เลกนิกา II | 2022-23 | III ลีกา | 1 | 0 | - | 1 | 0 | |||||
นีอา ซาลามินา ฟามากุสตา | 2023-24 | ไซปรีออต เฟิร์สต์ ดิวิชั่น | 37 | 8 | 2 | 0 | - | - | 39 | 8 | ||
รวมอาชีพ | 331 | 56 | 28 | 9 | 2 | 0 | 49 | 4 | 411 | 69 |
6.2. ประตูระดับทีมชาติ
ประตูที่ทำได้ให้แก่ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดยสกอร์จะระบุถึงประตูที่นาร์ซิงห์ทำได้
ประตู | วันที่ | สนาม | คู่แข่ง | สกอร์ | ผลการแข่งขัน | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 15 สิงหาคม ค.ศ. 2012 | สนามกีฬาคิงโบดวง, บรัสเซลส์, เบลเยียม | เบลเยียม | 1-1 | 2-4 | กระชับมิตร |
2. | 7 กันยายน ค.ศ. 2012 | อัมสเตอร์ดัมอาเรนา, อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ | ตุรกี | 2-0 | 2-0 | ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก |
3. | 12 มิถุนายน ค.ศ. 2015 | สกอนโตสเตเดียม, รีกา, ลัตเวีย | ลัตเวีย | 2-0 | 2-0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก |
4. | 29 มีนาคม ค.ศ. 2016 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ | อังกฤษ | 2-1 | 2-1 | กระชับมิตร |
7. เกียรติประวัติ
ลูเซียโน นาร์ซิงห์ได้รับเกียรติประวัติสำคัญทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนตัวตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา
สโมสร
- พีเอสวี
- เอเรอดีวีซี: 2014-15, 2015-16
- โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์: 2012, 2015, 2016
ส่วนตัว
- ทำแอสซิสต์สูงสุดในเอเรอดีวีซี ฤดูกาล 2011-12 (22 ครั้ง)
8. การประเมินและมรดก
ตลอดอาชีพการเป็นนักฟุตบอล ลูเซียโน นาร์ซิงห์ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถเฉพาะตัวในฐานะปีกที่มีความเร็ว ทักษะการเลี้ยงบอล และการจ่ายบอลที่แม่นยำ ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในหลายสโมสรที่สังกัด การแจ้งเกิดกับฮีเรนวีนและพีเอสวี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของเขาในการเป็นผู้สร้างสรรค์เกมและทำแอสซิสต์ให้กับทีม อย่างไรก็ตาม อาชีพของเขาต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญจากการบาดเจ็บรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงพีคของฟอร์มการเล่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อโอกาสในการลงสนามและความต่อเนื่องในการพัฒนาฝีเท้า
แม้จะมีการย้ายทีมบ่อยครั้งในช่วงหลังของอาชีพ นาร์ซิงห์ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเป็นมืออาชีพในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีมในระดับสูงสุด การมีส่วนร่วมกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ รวมถึงการได้ไปเล่นในยูโร 2012 ถือเป็นจุดสูงสุดในเส้นทางอาชีพระดับนานาชาติของเขา โดยรวมแล้ว ลูเซียโน นาร์ซิงห์เป็นนักฟุตบอลที่ทิ้งมรดกในฐานะปีกผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และเป็นแบบอย่างของความพยายามในการก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดเส้นทางอาชีพอันยาวนานในวงการฟุตบอล