1. ภาพรวม
ฮัน อิก-ซู (한익수ภาษาเกาหลี) เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1912 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1978 เป็นทั้งนักการเมืองและทหารชาวเกาหลีเหนือ รวมถึงเป็นนักปฏิวัติผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กองโจรต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งสำคัญมากมายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) หลังได้รับการปลดปล่อย เขามีส่วนร่วมในการก่อตั้งรัฐบาลเกาหลีเหนือ และได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญในกองทัพประชาชนเกาหลี รวมถึงเป็นนักการทูตในต่างประเทศและเป็นสมาชิกคณะผู้บริหารระดับสูงของพรรคแรงงานเกาหลี บทบาทของฮัน อิก-ซูสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากนักต่อสู้เพื่อเอกราชไปสู่ผู้นำในระบอบการปกครองใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะสมาชิกคนสำคัญของกลุ่มแมนจู ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจหลักภายในพรรคแรงงาน
2. ช่วงชีวิตตอนต้นและกิจกรรมต่อต้านญี่ปุ่น
ฮัน อิก-ซูมีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวนาที่ยากจน และได้อุทิศตนเข้าร่วมขบวนการต่อสู้ด้วยอาวุธเพื่อปลดปล่อยเกาหลีจากการยึดครองของญี่ปุ่นตั้งแต่ยังเยาว์วัย
2.1. การเกิดและภูมิหลังการเติบโต
ฮัน อิก-ซูเกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1912 ในครอบครัวชาวนาที่ยากจน ณ เมืองหลงจิ่ง มณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวเกาหลีจำนวนมากอพยพไปพำนัก
2.2. การเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติประชาชนเกาหลีและการต่อสู้ที่สำคัญ
ในปี ค.ศ. 1931 ฮัน อิก-ซูได้เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติประชาชนเกาหลี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น โดยมีบทบาทเป็นพลแตรในกองทัพนี้ ในปี ค.ศ. 1937 เขาได้เข้าร่วมในการยุทธการโพชอนโบ ซึ่งเป็นการสู้รบครั้งสำคัญที่นำโดยคิม อิล-ซุงและกลุ่มนักรบกองโจรต่อต้านญี่ปุ่นอื่นๆ การเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วยอาวุธเหล่านี้เป็นการปูทางไปสู่บทบาทสำคัญของเขาในอนาคต
3. กิจกรรมทางการทหารและการเมืองหลังการปลดปล่อย
หลังจากการปลดปล่อยเกาหลีจากการปกครองของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1945 ฮัน อิก-ซูได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการก่อร่างสร้างรัฐบาลเกาหลีเหนือและรับผิดชอบตำแหน่งสำคัญในกองทัพ
3.1. การมีส่วนร่วมในการก่อตั้งรัฐบาลและตำแหน่งทางทหารช่วงแรก
หลังญี่ปุ่นยอมจำนนในปี ค.ศ. 1945 และสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ฮัน อิก-ซูได้เดินทางกลับเกาหลีและมีส่วนสำคัญในการก่อตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เขาเริ่มต้นอาชีพทางทหารด้วยการเป็นผู้บังคับกองร้อย และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนนายร้อยคัง กอน (강건 종합 군관 학교ภาษาเกาหลี) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาทางทหารที่สำคัญ ก่อนเกิดสงครามเกาหลี เขาได้รับการเลื่อนยศเป็นพลเอก
3.2. การเข้าร่วมสงครามเกาหลีและตำแหน่งทางทหารที่สำคัญ
ฮัน อิก-ซูได้เข้าร่วมในสงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950-1953) ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงสงครามและหลังสงคราม เขาได้ดำรงตำแหน่งทางทหารที่สำคัญหลายตำแหน่ง เช่น รองเสนาธิการกองทัพประชาชนเกาหลี และรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเขาในโครงสร้างอำนาจทางทหารของเกาหลีเหนือ
4. ตำแหน่งสำคัญในพรรคและรัฐ
ฮัน อิก-ซูมีเส้นทางอาชีพที่โดดเด่นในทั้งพรรคและรัฐของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี โดยได้ดำรงตำแหน่งที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางของประเทศ
4.1. กิจกรรมสภาประชาชนสูงสุดและกิจกรรมทางการทูต
ในปี ค.ศ. 1962 ฮัน อิก-ซูได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนสภาประชาชนสูงสุด ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยเขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนสมัยที่ 3 นอกจากบทบาททางการเมืองภายในประเทศแล้ว เขายังได้รับมอบหมายให้เป็นเอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปี ค.ศ. 1962 ถึง ค.ศ. 1964 ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศคอมมิวนิสต์
4.2. ตำแหน่งหลักในพรรคแรงงานเกาหลีและกองทัพ
ฮัน อิก-ซูได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในพรรคแรงงานเกาหลีและกองทัพประชาชนเกาหลี ตลอดช่วงชีวิตทางการเมืองของเขา:
- ในปี ค.ศ. 1961 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลี
- ในปี ค.ศ. 1968 ฮัน อิก-ซูได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการเมืองทั่วไปของกองทัพประชาชนเกาหลี (General Political Bureau of the Korean People's Army) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจสูงในการกำกับดูแลและควบคุมกองทัพ ตำแหน่งนี้เดิมทีเป็นของโอ ชิน-อู (오진우ภาษาเกาหลี) และต่อมาในปี ค.ศ. 1973 ตำแหน่งนี้ตกเป็นของอี ยง-มู (이용무ภาษาเกาหลี)
- ในปี ค.ศ. 1969 เขาได้รับเลือกเป็นผู้สมัครสมาชิกคณะกรรมการบริหารทางการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรค (Politburo of the Central Committee of the Workers' Party of Korea) และต่อมาในปี ค.ศ. 1970 ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นสมาชิกเต็มตัวของคณะกรรมการบริหารทางการเมืองนี้
- ในปี ค.ศ. 1973 เขายังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการหน่วยงานของคณะกรรมการกลางพรรค
- ในปี ค.ศ. 1977 เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตรวจสอบของคณะกรรมการกลางพรรค
5. ผลงานเขียน
ฮัน อิก-ซูได้ถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดของตนเองผ่านงานเขียน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจการต่อสู้เพื่อการปฏิวัติในเกาหลี
5.1. บันทึกความทรงจำของกองโจรต่อต้านญี่ปุ่น
ในปี ค.ศ. 1968 ฮัน อิก-ซูได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ 'บันทึกความทรงจำของกองโจรต่อต้านญี่ปุ่น' (Reminiscences of the Anti-Japanese GuerillasReminiscences of the Anti-Japanese Guerillasภาษาอังกฤษ) ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ภาษาต่างประเทศ (Foreign Languages Publishing House) ในเปียงยาง หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในฐานะนักรบกองโจรในช่วงสงครามต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการต่อสู้และชีวิตของนักปฏิวัติในยุคนั้น
6. การเสียชีวิตและการประเมินหลังมรณกรรม
ฮัน อิก-ซูเสียชีวิตหลังจากประกอบคุณงามความดีให้กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเป็นเวลาหลายปี และได้รับการเชิดชูเกียรติหลังมรณกรรมอย่างสมเกียรติจากรัฐบาล
6.1. การเสียชีวิต
ฮัน อิก-ซูเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1978 ด้วยวัย 65 ปี ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดบทบาททางการเมืองและทางทหารอันยาวนานของเขาในเกาหลีเหนือ
6.2. เกียรติยศและการรำลึกหลังมรณกรรม
หลังการเสียชีวิต รัฐบาลเกาหลีเหนือได้จัดพิธีศพอย่างสมเกียรติและมีการรำลึกถึงฮัน อิก-ซูอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการของเขาในการต่อสู้เพื่อเอกราชและการสร้างชาติ เขาได้รับการฝังที่สุสานวีรชนปฏิวัติแทซองซาน (대성산혁명렬사릉ภาษาเกาหลี) ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพวีรบุรุษและนักปฏิวัติคนสำคัญของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างรูปปั้นครึ่งตัวเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงเขา และเขายังได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์คิม อิล-ซุง และเครื่องอิสริยาภรณ์ธงชาติชั้นที่ 1 ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์สูงสุดบางส่วนที่มอบให้แก่ผู้ทำคุณความดีแก่ประเทศ
7. กลุ่มการเมือง
ฮัน อิก-ซูมีบทบาทสำคัญในกลุ่มการเมืองหลักภายในพรรคแรงงานเกาหลี ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อโครงสร้างอำนาจของประเทศ
7.1. สังกัดกลุ่มแมนจู
ฮัน อิก-ซูเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ 'กลุ่มแมนจู' (만주파ภาษาเกาหลี) ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจหลักภายในพรรคแรงงานเกาหลี กลุ่มนี้ประกอบด้วยอดีตนักรบกองโจรชาวเกาหลีที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคิม อิล-ซุงในเขตแมนจูเรียระหว่างการต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น การสังกัดในกลุ่มนี้บ่งชี้ถึงความจงรักภักดีและความใกล้ชิดกับคิม อิล-ซุง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในพรรคและรัฐบาลเกาหลีเหนือหลังการปลดปล่อยได้