1. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
อะเลคซันดร์ มอสโตวอย เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1968 ที่เมืองโลโมโนซอฟ ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตในเขตเลนินกราด (ปัจจุบันคือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ในช่วงวัยเด็ก เขาได้เข้าเรียนฟุตบอลที่สโมสรเอฟซี เปอร์สเนีย มอสโก แต่ภายหลังได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอาชีวศึกษาในฐานะช่างไฟฟ้า ก่อนที่จะเข้าสู่สถาบันกีฬาในมอสโก ซึ่งเปิดสอนการเป็นผู้ฝึกสอนให้กับนักฟุตบอลเยาวชนที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
1.1. วัยเด็กและการศึกษา
สภาพแวดล้อมในวัยเด็กของมอสโตวอยในโลโมโนซอฟมีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลของเขา เขาได้ฝึกฝนทักษะฟุตบอลเบื้องต้นที่เอฟซี เปอร์สเนีย มอสโก ซึ่งเป็นก้าวแรกที่สำคัญในอาชีพของเขา แม้ว่าจะมีความสนใจในกีฬาฟุตบอลอย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นกับการศึกษา โดยสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยในสาขาช่างไฟฟ้า สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในด้านต่างๆ นอกเหนือจากฟุตบอล
1.2. การพัฒนาอาชีพช่วงต้น
จุดเริ่มต้นในอาชีพนักฟุตบอลของมอสโตวอยเกิดขึ้นเมื่อเขาเซ็นสัญญากับเอฟซี เปอร์สเนีย มอสโกในโซเวียตเซคันด์ลีก หลังจากนั้นไม่นานในปี 1987 เขาก็ได้ย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่แห่งประเทศอย่างเอฟซี สปาร์ตัก มอสโก ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำในโซเวียตท็อปลีก มอสโตวอยสร้างความประทับใจได้อย่างรวดเร็วและเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมสปาร์ตัก มอสโก คว้าแชมป์โซเวียตท็อปลีกได้ในปี 1987 และ 1989 ในช่วงเวลาที่อยู่กับสปาร์ตัก มอสโก เขายังคงพัฒนาฝีเท้าและได้รับบทบาทสำคัญในฐานะผู้เล่นที่มีความสามารถโดดเด่น
2. อาชีพสโมสร
เส้นทางอาชีพสโมสรของอะเลคซันดร์ มอสโตวอย มีความโดดเด่นและหลากหลาย โดยเขาได้สร้างชื่อเสียงทั้งในประเทศบ้านเกิดและในยุโรปกับสโมสรชั้นนำหลายแห่ง
2.1. อาชีพช่วงต้นในสหภาพโซเวียต
มอสโตวอยเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับเอฟซี เปอร์สเนีย มอสโกในโซเวียตเซคันด์ลีก ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมเอฟซี สปาร์ตัก มอสโกในโซเวียตท็อปลีกเมื่อปี 1987 ที่สปาร์ตัก มอสโก เขาสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจและมีส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโซเวียตได้ถึงสองครั้งในปี 1987 และ 1989 ในช่วงเวลาห้าฤดูกาลที่สปาร์ตัก มอสโก มอสโตวอยลงเล่นในลีก 106 นัด ยิงได้ 34 ประตู แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำประตูและความเป็นตัวรุกที่โดดเด่น
2.2. การค้าแข้งต่างประเทศช่วงแรก (โปรตุเกสและฝรั่งเศส)
ในเดือนมกราคม 1992 มอสโตวอยได้ย้ายไปร่วมทีมสปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา (SL Benfica) ในโปรตุเกส โดยสมทบกับเพื่อนร่วมชาติอย่างวาซีลี คุลคอฟและเซียร์เกย์ ยูรัน ก่อนหน้าที่จะย้ายทีมไม่กี่เดือน เขาได้รับสัญชาติโปรตุเกสอย่างเป็นที่ถกเถียงผ่านการแต่งงาน อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นในทีมชุดใหญ่ได้ และลงสนามในลีกไปเพียง 9 นัด ยิงประตูไม่ได้ในช่วงสองฤดูกาลที่อยู่กับสโมสร
ในช่วงกลางฤดูกาล 1993-94 มอสโตวอยย้ายไปร่วมทีมก็อง (SM Caen) ในลีกเอิง และหลังจากนั้นหนึ่งฤดูกาล เขาก็ย้ายไปร่วมทีมสตราสบูร์ (RC Strasbourg) โดยได้กลับมาร่วมงานกับผู้จัดการทีมดาเนียล ชองดูเปออีกครั้ง ที่สตราสบูร์ เขาเริ่มฉายแววความสามารถที่โดดเด่น และในปี 2006 แฟนบอลของสโมสรได้โหวตให้มอสโตวอยเป็น "ผู้เล่นแห่งศตวรรษ" (Player of the Century) ของสตราสบูร์ ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลและผลงานที่เขามีต่อสโมสรแห่งนี้
2.3. เซลตาเดบีโก: ซาร์แห่งบาไลดอส

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของมอสโตวอยมาถึงเมื่อเขาเซ็นสัญญากับเซลตา (Celta de Vigo) ในปี 1996 ด้วยค่าตัว 325.00 M ESP (ประมาณ 1.95 M EUR) เขาลงประเดิมสนามให้กับทีมในกาลิเซียด้วยความพ่ายแพ้ในบ้าน 2-0 ต่อเรอัลเบติส แต่ด้วยการเล่นที่สร้างสรรค์และการยิงประตูสำคัญ ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลที่สนามบาไลดอส ทีมเซลตาไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดใกล้เคียงกับทีมชั้นนำในลีกสูงสุดในแต่ละปี
แฟนบอลเรียกขานมอสโตวอยด้วยความรักว่า "ซาร์แห่งบาไลดอส" เขาสร้างสรรค์เกมรุกร่วมกับวาเลรี คาร์ปินเพื่อนร่วมชาติ และช่วยให้เซลตาคว้าแชมป์ยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ ในปี 2000 โดยเอาชนะเซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นสโมสรบ้านเกิดของเขาด้วยสกอร์รวม 4-3 อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถช่วยทีมได้เมื่อทีมประสบปัญหาอย่างหนักในฤดูกาล 2003-04 ทำให้ทีมตกชั้นสู่ดิวิชันสอง หลังจากที่เขาลงสนามไปเพียง 24 นัด ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดในอาชีพของเขากับเซลตา มอสโตวอยสร้างสถิติการลงสนามในลีกสูงสุด 235 นัดให้กับเซลตา ซึ่งเป็นสถิติสโมสรจนกระทั่งอูโก มาโยทำลายสถิตินี้ในปี 2021
2.4. อาชีพช่วงปลายและการแขวนสตั๊ดจากฟุตบอลสโมสร
หลังจากที่ไม่ได้ลงเล่นมานานกว่าแปดเดือน อะเลคซันดร์ มอสโตวอยในวัย 36 ปี ได้เซ็นสัญญากับอาลาเบส (Deportivo Alavés) ของดมีตรี เปียเตอร์มัน ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2005 โดยมีสัญญาเริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดฤดูกาล ดิวิชันสอง นัดแรกและนัดเดียวของเขาเกิดขึ้นในเกมลีกที่พบกับกาดิซ โดยเขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 78 และยิงประตูเดียวให้กับทีมในบาสก์ในเกมที่พ่ายแพ้ 1-3 และเกือบจะทำประตูที่สองได้
หลังจากอยู่กับสโมสรเพียง 30 วัน มอสโตวอยได้แจ้งความประสงค์ที่จะเลิกเล่นฟุตบอล โดยอ้างว่าเขาประสบปัญหาอาการปวดหลัง ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจแขวนสตั๊ดจากฟุตบอลสโมสรในที่สุด
3. อาชีพระหว่างประเทศ
มอสโตวอยลงเล่นให้กับทีมชาติในระดับนานาชาติให้กับสหภาพโซเวียต เครือรัฐเอกราช (CIS) และรัสเซีย เขาลงสนามให้กับทีมชาติสหภาพโซเวียต 13 นัด ยิงได้ 3 ประตู (ระหว่างปี 1990-1991) ให้กับทีมชาติเครือรัฐเอกราช 2 นัด (ในปี 1992) และให้กับทีมชาติรัสเซีย 50 นัด ยิงได้ 10 ประตู (ระหว่างปี 1992-2004)
มอสโตวอยมีส่วนร่วมในการแข่งขันสำคัญหลายรายการ รวมถึงฟุตบอลโลก 1994 และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 เขายังถูกเรียกตัวติดทีมสำหรับฟุตบอลโลก 2002 แต่ไม่ได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นั้นเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ซึ่งจัดขึ้นในโปรตุเกส มอสโตวอยถูกส่งกลับบ้านโดยผู้จัดการทีมเกออร์กี ยาร์ตเซฟ หลังจากที่เขาตั้งคำถามถึงวิธีการของโค้ช เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังเกมที่รัสเซียแพ้สเปน 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม มีข่าวลือว่านักเตะได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ายาร์ตเซฟไม่ใช่โค้ชที่ดีและไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ภายหลังมอสโตวอยได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงว่า เขาเพียงแค่บอกว่ายาร์ตเซฟให้ผู้เล่นฝึกซ้อมหนักเกินไป ทำให้พวกเขาไม่มีพลังงานที่จำเป็นในการเล่นได้ดีในระหว่างการแข่งขัน ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ขวัญกำลังใจของทีมก็ลดลงหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และรัสเซียแพ้เกมที่สองให้กับเจ้าภาพโปรตุเกส และตกรอบในที่สุด
ในปี 2009 มอสโตวอยเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติรัสเซียที่ชนะเลเจนด์ส คัพ
4. รูปแบบการเล่น
มอสโตวอยเป็นกองกลางตัวรุกที่มีพรสวรรค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความสามารถทางเทคนิคที่โดดเด่น รวมถึงลักษณะนิสัยที่ฉุนเฉียว เขามีความรวดเร็ว ว่องไว สร้างสรรค์ และเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่เคลื่อนที่ได้ดี มอสโตวอยยังมีความยืดหยุ่นทางแท็กติก และสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งทั้งในกองกลางและเกมรุก ตำแหน่งที่เขาชื่นชอบคือบทบาทอิสระในฐานะหมายเลข 10 แบบคลาสสิก แต่บางครั้งเขาก็ถูกใช้ในตำแหน่งกองกลางตัวกลางและปีกด้วย
มอสโตวอยได้รับการยกย่องเป็นพิเศษในเรื่องการสัมผัสบอลแรกและความเร็วในการครองบอล รวมถึงจังหวะ การตีความพื้นที่ และทักษะการเลี้ยงลูก ซึ่งช่วยให้เขาสามารถผ่านคู่ต่อสู้ได้ เขายังได้รับการยกย่องอย่างสูงในเรื่องวิสัยทัศน์และการจ่ายบอลที่แม่นยำ ด้วยความสามารถทั้งในการทำประตูและการจ่ายบอล มักจะทำประตูได้จากระยะไกล
5. อาชีพหลังแขวนสตั๊ด
หลังจากการแขวนสตั๊ดในฐานะนักฟุตบอล มอสโตวอยได้รับการชักชวนจากชามิล ทาร์ปิเชฟ ประธานสหพันธ์เทนนิสรัสเซียในขณะนั้น ให้มาเล่นให้กับทีมชาติฟุตบอลชายหาดรัสเซียในปี 2005
มอสโตวอยได้กล่าวซ้ำๆ ถึงความปรารถนาและความเต็มใจที่จะนำสโมสรฟุตบอลในฐานะผู้จัดการทีม อย่างไรก็ตาม มอสโตวอยไม่มีใบอนุญาตการเป็นผู้ฝึกสอนของยูฟ่าที่จำเป็น ซึ่งเขาไม่ต้องการที่จะได้รับมัน นับตั้งแต่ปี 2011 เขาก็ได้แสดงเหตุผลหลายประการเกี่ยวกับการตัดสินใจนี้ ตั้งแต่ความสงสัยเกี่ยวกับการได้รับความรู้ใหม่ในหลักสูตรการฝึกสอน ไปจนถึงการอ้างถึงแผนการทุจริตในการขอใบอนุญาตนี้โดยผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ
6. ชีวิตส่วนตัว
มอสโตวอยสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยในฐานะช่างไฟฟ้า และต่อมาได้เข้าร่วมสถาบันกีฬาในมอสโก ซึ่งเปิดสอนการเป็นผู้ฝึกสอนให้กับนักฟุตบอลเยาวชนที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
หลังจากที่เซลตาเดบีโกแพ้ในโกปาเดลเรย์ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2001 กลุ่มแฟนบอลของเซลตาได้ระดมเงิน 4.00 M ESP เพื่อจัดสร้างรูปปั้นของมอสโตวอย นักเตะได้อนุมัติและมักซิน ปิคาโยได้รับเลือกให้เป็นประติมากร แต่โครงการก็ไม่เคยแล้วเสร็จ เขาเชื่อว่าฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำของเขาในปี 2003 ส่งผลกระทบต่อความกระตือรือร้นในการดำเนินงานนี้
มอสโตวอยมีความสัมพันธ์กับสเตฟานี ซึ่งเขาพบที่สตราสบูร์ ทั้งคู่มีบุตรสองคนคือ อะเลคซันดร์ (เกิดปี 1996) และเอมมา บุตรชายชื่อเดียวกันซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อย่อว่า "ซาชา" เคยได้รับการทดสอบฝีเท้ากับสปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา เบ ในปี 2016 มอสโตวอยแต่งงานครั้งแรกกับหญิงชาวโปรตุเกส และครั้งที่สองกับหญิงชาวฝรั่งเศส ซึ่งก็คือสเตฟานี
7. มรดกและการตอบรับ
เส้นทางอาชีพของอะเลคซันดร์ มอสโตวอย ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ทั้งในเชิงกีฬาและวัฒนธรรม โดยได้รับการยอมรับในความสามารถเฉพาะตัวและเผชิญกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ในบางครั้ง
7.1. ฉายาและวัฒนธรรมสมัยนิยม
มอสโตวอยเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายด้วยฉายา "ซาร์แห่งบาไลดอส" (O Zar de Balaídos หรือ El Zar) ซึ่งเป็นภาษาสเปนหมายถึง "จักรพรรดิรัสเซียแห่งบาไลดอส" โดยบาไลดอสคือชื่อสนามเหย้าของสโมสรเซลตาเดบีโก ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญและอิทธิพลที่เขามีต่อทีมเซลตาในช่วงเวลาที่เขาค้าแข้งอยู่ที่นั่น เขากลายเป็นบุคคลที่เป็นที่รักและเป็นสัญลักษณ์ของแฟนบอลเซลตา ซึ่งยังคงจดจำเขาในฐานะ "จอมทัพอัจฉริยะ" นอกจากนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นของสโมสรสตราสบูร์ในปี 2006 แฟนบอลยังได้โหวตให้มอสโตวอยเป็น "ผู้เล่นแห่งศตวรรษ" ของสโมสรอีกด้วย
7.2. คำวิจารณ์และข้อโต้แย้ง
แม้จะมีความสามารถโดดเด่น มอสโตวอยก็มีบุคลิกที่ฉุนเฉียวและบางครั้งก็ก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง เหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดเกิดขึ้นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 เมื่อเขาถูกส่งกลับบ้านจากการแข่งขันโดยผู้จัดการทีมเกออร์กี ยาร์ตเซฟ หลังจากที่เขากล่าววิพากษ์วิจารณ์วิธีการฝึกซ้อมของโค้ช สื่อได้รายงานว่าเขากล่าวว่ายาร์ตเซฟ "ไร้ความสามารถ" หรือ "ไม่เข้าใจอะไรเลย" ซึ่งมอสโตวอยได้ชี้แจงในภายหลังว่าเขาเพียงแค่บอกว่าการฝึกซ้อมที่หนักเกินไปของยาร์ตเซฟทำให้ผู้เล่นเหนื่อยล้าและไม่สามารถเล่นได้เต็มที่ในเกม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทีมและนำไปสู่การตกรอบของรัสเซีย
7.3. การยกย่องและการยอมรับอื่น ๆ
นอกเหนือจากฉายาและการยอมรับจากสโมสร อะเลคซันดร์ มอสโตวอยยังได้รับการยกย่องในรูปแบบอื่นๆ อีกด้วย มีความพยายามที่จะสร้างรูปปั้นของเขาโดยแฟนบอลเซลตาเดบีโก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเคารพและความนิยมอย่างสูงที่เขามีในหมู่แฟนคลับ แม้ว่าโครงการนี้จะไม่แล้วเสร็จ นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลนักฟุตบอลยุโรปตะวันออกยอดเยี่ยมแห่งปี (ADN Eastern European Footballer of the Season) ในปี 2001 ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสามารถและผลงานระดับนานาชาติของเขา และในปี 2009 เขายังได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติรัสเซียที่คว้าแชมป์เลเจนด์ส คัพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขายังคงได้รับการยอมรับในฐานะตำนานของวงการฟุตบอลรัสเซีย
8. สถิติอาชีพ
8.1. สโมสร
ตารางแสดงการลงสนามและทำประตูแบ่งตามสโมสร ฤดูกาล และการแข่งขัน:
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วยแห่งชาติ | ระดับทวีป | รวม | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | ||
คราสนายา เปอร์สเนีย | 1986 | โซเวียตเซคันด์ลีก | 19 | 7 | 1 | 0 | - | 20 | 7 | |
สปาร์ตัก มอสโก | 1987 | โซเวียตท็อปลีก | 18 | 6 | 4 | 0 | 4 | 3 | 26 | 9 |
1988 | 27 | 3 | 4 | 2 | 4 | 0 | 35 | 5 | ||
1989 | 11 | 3 | 2 | 0 | 2 | 0 | 15 | 3 | ||
1990 | 23 | 9 | 3 | 5 | 4 | 0 | 30 | 14 | ||
1991 | 27 | 13 | 2 | 1 | 7 | 3 | 36 | 17 | ||
รวม | 106 | 34 | 15 | 8 | 21 | 6 | 142 | 48 | ||
ไบฟีกา | 1992-93 | ปรีไมราลีกา | 9 | 0 | 3 | 2 | 3 | 0 | 15 | 2 |
1993-94 | 0 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | ||
รวม | 9 | 0 | 4 | 2 | 3 | 0 | 16 | 2 | ||
ก็อง (ยืมตัว) | 1993-94 | ดิวิชัน 1 | 15 | 3 | 0 | 0 | - | 15 | 3 | |
สตราสบูร์ | 1994-95 | ดิวิชัน 1 | 29 | 6 | 4 | 1 | - | 33 | 7 | |
1995-96 | 32 | 9 | 3 | 1 | 6 | 2 | 41 | 12 | ||
รวม | 61 | 15 | 7 | 2 | 6 | 2 | 74 | 19 | ||
เซลตา | 1996-97 | ลาลิกา | 31 | 5 | 6 | 1 | - | 37 | 6 | |
1997-98 | 34 | 8 | 3 | 1 | - | 37 | 9 | |||
1998-99 | 33 | 6 | 1 | 0 | 7 | 3 | 41 | 9 | ||
1999-2000 | 26 | 6 | 1 | 0 | 7 | 2 | 34 | 8 | ||
2000-01 | 30 | 9 | 6 | 2 | 9 | 2 | 45 | 13 | ||
2001-02 | 30 | 10 | 0 | 0 | 11 | 3 | 31 | 13 | ||
2002-03 | 27 | 5 | 0 | 0 | 4 | 1 | 31 | 6 | ||
2003-04 | 24 | 6 | 2 | 0 | 8 | 2 | 34 | 8 | ||
รวม | 235 | 55 | 19 | 4 | 36 | 13 | 290 | 72 | ||
อาลาเบส | 2004-05 | เซกุนดาดิบิซิออน | 1 | 1 | 0 | 0 | - | 1 | 1 | |
รวมตลอดอาชีพ | 446 | 116 | 42 | 14 | 64 | 20 | 552 | 150 |
8.2. ระหว่างประเทศ
ตารางแสดงจำนวนการลงสนามและประตูสำหรับทีมชาติ:
ลำดับ | วันที่ | สนาม | เมือง | ประเทศ | คู่แข่ง | สกอร์ | ผลลัพธ์ | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 30 พฤศจิกายน 1990 | เอสตาดิโอ มาเตโอ ฟลอเรส | กัวเตมาลาซิตี | กัวเตมาลา | กัวเตมาลา | 0-1 | 0-3 | กระชับมิตร |
2 | 30 พฤษภาคม 1991 | ลุจนีกีสเตเดียม | มอสโก | สหภาพโซเวียต | ไซปรัส | 1-0 | 4-0 | ยูโร 1992 รอบคัดเลือก |
3 | 28 สิงหาคม 1991 | อุลเลวาลสเตเดียม | ออสโล | นอร์เวย์ | นอร์เวย์ | 0-1 | 0-1 | ยูโร 1992 รอบคัดเลือก |
1 | 6 ตุลาคม 1993 | คิงฟะฮัดอินเตอร์เนชันแนลสเตเดียม | รียาด | ซาอุดีอาระเบีย | ซาอุดีอาระเบีย | 0-1 | 4-2 | กระชับมิตร |
2 | 6 ตุลาคม 1993 | คิงฟะฮัดอินเตอร์เนชันแนลสเตเดียม | รียาด | ซาอุดีอาระเบีย | ซาอุดีอาระเบีย | 3-2 | 4-2 | กระชับมิตร |
3 | 6 กันยายน 1995 | สวางกาสการ์ด | ตอฟตีร์ | หมู่เกาะแฟโร | หมู่เกาะแฟโร | 0-1 | 2-5 | ยูโร 1996 รอบคัดเลือก |
4 | 9 กุมภาพันธ์ 1996 | แลนส์ดาวน์โรด | ดับลิน | ไอร์แลนด์ | สาธารณรัฐไอร์แลนด์ | 0-1 | 0-2 | กระชับมิตร |
5 | 25 พฤษภาคม 1996 | คาลิฟาอินเตอร์เนชันแนลสเตเดียม | โดฮา | กาตาร์ | กาตาร์ | 2-5 | กระชับมิตร | |
6 | 19 มิถุนายน 1996 | แอนฟิลด์ | ลิเวอร์พูล | อังกฤษ | เช็กเกีย | 2-1 | 3-3 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 |
7 | 10 ตุลาคม 1998 | ลุจนีกีสเตเดียม | มอสโก | รัสเซีย | ฝรั่งเศส | 2-2 | 2-3 | ยูโร 2000 รอบคัดเลือก |
8 | 19 พฤษภาคม 1999 | อาร์เซนอลสเตเดียม (ตูลา) | ตูลา | รัสเซีย | เบลารุส | 1-1 | กระชับมิตร | |
9 | 28 มีนาคม 2001 | ลุจนีกีสเตเดียม | มอสโก | รัสเซีย | หมู่เกาะแฟโร | 1-0 | 1-0 | ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก |
10 | 10 กันยายน 2003 | โลโคโมทีฟสเตเดียม (มอสโก) | มอสโก | รัสเซีย | สวิตเซอร์แลนด์ | 4-1 | 4-1 | ยูโร 2004 รอบคัดเลือก |
ตารางแสดงจำนวนการลงสนามและประตูในแต่ละปีสำหรับทีมชาติสหภาพโซเวียต:
ปี | นัด | ประตู |
---|---|---|
1990 | 4 | 1 |
1991 | 9 | 2 |
รวม | 13 | 3 |
ตารางแสดงจำนวนการลงสนามและประตูในแต่ละปีสำหรับทีมชาติเครือรัฐเอกราช (CIS):
ปี | นัด | ประตู |
---|---|---|
1992 | 2 | 0 |
รวม | 2 | 0 |
ตารางแสดงจำนวนการลงสนามและประตูในแต่ละปีสำหรับทีมชาติรัสเซีย:
ปี | นัด | ประตู |
---|---|---|
1992 | 1 | 0 |
1993 | 3 | 2 |
1994 | 2 | 0 |
1995 | 6 | 1 |
1996 | 9 | 3 |
1997 | 1 | 0 |
1998 | 5 | 1 |
1999 | 2 | 1 |
2000 | 3 | 0 |
2001 | 8 | 1 |
2002 | 4 | 0 |
2003 | 4 | 1 |
2004 | 2 | 0 |
รวม | 50 | 10 |
9. เกียรติประวัติ
อะเลคซันดร์ มอสโตวอย ได้รับเกียรติประวัติและถ้วยรางวัลมากมายตลอดอาชีพการเป็นนักฟุตบอล ทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ:
9.1. สโมสร
- สปาร์ตัก มอสโก
- โซเวียตท็อปลีก: 1987, 1989
- ไบฟีกา
- ตาซาเดโปรตุเกส: 1992-93
- ปรีไมราลีกา: 1993-94
- สตราสบูร์
- ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ: 1995
- เซลตา
- ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ: 2000
- รองชนะเลิศโกปาเดลเรย์: 2000-01
9.2. ประเทศ
- สหภาพโซเวียต
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 1990
- รัสเซีย
- เลเจนด์ส คัพ: 2009
9.3. รายบุคคล
- นักฟุตบอลยุโรปตะวันออกยอดเยี่ยมแห่งปี (ADN Eastern European Footballer of the Season): 2001