1. ภาพรวม
สาธารณรัฐปาเลาเป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคไมโครนีเซียทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ประกอบด้วยเกาะประมาณ 340 เกาะ มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์เมื่อประมาณ 3,000-4,000 ปีก่อน ผ่านยุคอาณานิคมของสเปน เยอรมนี และญี่ปุ่น ก่อนจะอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐอเมริกาในฐานะดินแดนในภาวะทรัสตี และได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1994 ปาเลามีระบบการเมืองแบบสาธารณรัฐระบบประธานาธิบดี โดยมีความสัมพันธ์แบบเสรีกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลต่อทั้งความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจหลักของปาเลาพึ่งพาการท่องเที่ยว การเกษตรแบบยังชีพ และการประมง โดยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเป็นส่วนสำคัญ สังคมปาเลามีลักษณะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไมโครนีเซีย เมลานีเซีย เอเชีย และตะวันตก โดยยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิม เช่น ระบบการสืบทอดทางสายมารดา ปาเลามีความโดดเด่นในด้านความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและเป็นผู้นำในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยได้จัดตั้งเขตอนุรักษ์ทางทะเลขนาดใหญ่และมีนโยบายที่มุ่งเน้นความยั่งยืน บทความนี้จะสำรวจแง่มุมต่าง ๆ ของปาเลา โดยให้ความสำคัญกับผลกระทบทางสังคม สิทธิมนุษยชน การพัฒนาประชาธิปไตย และความท้าทายในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการรักษามรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์
2. ชื่อประเทศ
ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการของปาเลาคือ สาธารณรัฐปาเลา (Republic of Palauภาษาอังกฤษ; Beluu er a Belauเบลูว์ เออร์ รา เบเลาPalauan) ชื่อที่ใช้เรียกโดยทั่วไปคือ ปาเลา (Palauปาเลาภาษาอังกฤษ; BelauเบเลาPalauan) ในภาษาญี่ปุ่นมีการใช้ตัวอักษรคันจิว่า 帛琉ภาษาญี่ปุ่น และเรียกโดยย่อว่า 帛ภาษาญี่ปุ่น เดิมทีเคยมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษแบบเก่าว่า "หมู่เกาะพีลิว" (Pelew Islands)
2.1. ที่มาของชื่อ
ชื่อ "เบเลา" (BelauPalauan) ในภาษาปาเลาเชื่อกันว่ามาจากคำว่า "เบลู" (beluuPalauan) ซึ่งหมายถึง "หมู่บ้าน" หรืออาจมาจากคำว่า "ไอเบเบเลา" (aibebelauPalauan) ซึ่งหมายถึง "การตอบสนองทางอ้อม" ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานการสร้างโลกของปาเลา ส่วนชื่อ "ปาเลา" (Palau) ที่ใช้ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากชื่อที่ชาวสเปนเรียกว่า "โลส ปาลาโอส" (Los Palaosภาษาสเปน) และเข้าสู่ภาษาอังกฤษผ่านทางภาษาเยอรมันว่า "พาเลา" (Palauภาษาเยอรมัน) แม้ว่ารูปคำจะคล้ายกับคำว่า "ปูเลา" (Pulauภาษามลายู) ในภาษามลายูซึ่งแปลว่า "เกาะ" แต่เชื่อกันว่าชื่อประเทศปาเลาไม่ได้มีที่มาจากคำดังกล่าว
3. ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ของปาเลามีความยาวนานและซับซ้อน เริ่มตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์กลุ่มแรกเมื่อหลายพันปีก่อน ผ่านยุคการติดต่อกับชาติตะวันตกและการตกเป็นอาณานิคมของมหาอำนาจต่าง ๆ จนกระทั่งได้รับเอกราชและพัฒนาเป็นรัฐสมัยใหม่ในปัจจุบัน
3.1. ยุคโบราณ
สันนิษฐานว่ามีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในปาเลามาตั้งแต่ช่วง 3,000 ถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยกลุ่มผู้อพยพน่าจะมาจากฟิลิปปินส์หรืออินโดนีเซีย หลักฐานทางโบราณคดี เช่น หมู่บ้านหินโบราณ ระเบียงดินเผา และงานแกะสลักหิน บ่งชี้ถึงสังคมที่มีโครงสร้างซับซ้อนและมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ชาวปาเลายุคโบราณมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับทะเล มีการทำประมงและการเกษตรแบบยังชีพ มีระบบหัวหน้าเผ่าและการสืบทอดตำแหน่งทางสายมารดา การติดต่อกับโลกภายนอกในยุคแรกเริ่มมีจำกัด แต่มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและสินค้ากับหมู่เกาะใกล้เคียงในภูมิภาคไมโครนีเซีย
3.2. การติดต่อกับชาติตะวันตกและยุคอาณานิคม
การติดต่อกับชาติตะวันตกเริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ปาเลา โดยปาเลาได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของมหาอำนาจยุโรปหลายชาติ
3.2.1. ยุคอาณานิคมสเปน (ค.ศ. 1574-1899)
แม้ว่าเกาะซอนโซรัลทางตอนใต้ของปาเลาจะถูกพบเห็นโดยกองเรือของเฟอร์ดินานด์ มาเจลลันในปี ค.ศ. 1522 แต่การติดต่อกับชาวยุโรปอย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มชาวปาเลาประสบภัยเรือแตกที่เกาะซามาร์ ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี ค.ศ. 1696 พวกเขาได้พบกับมิชชันนารีชาวโบฮีเมียชื่อ พอล เคลน (Paul Klein) ซึ่งได้วาดแผนที่ยุโรปฉบับแรกของปาเลาตามคำบอกเล่าของชาวปาเลาเหล่านี้ เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความสนใจในหมู่เกาะปาเลา และนำไปสู่ความพยายามของคณะเยสุอิตในการเดินทางไปยังปาเลา
ในปี ค.ศ. 1710 คณะสำรวจเยสุอิตนำโดยฟรานซิสโก ปาดียา (Francisco Padilla) ได้เดินทางมาถึงปาเลา อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการเผยแผ่ศาสนาในช่วงแรกไม่ประสบความสำเร็จนัก และเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นหลายครั้ง ทำให้ปาเลาถูกเรียกว่า "Islas Encantadas" (หมู่เกาะต้องมนตร์)
สเปนได้อ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะแคโรไลน์ซึ่งรวมถึงปาเลาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1885 และรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของสเปน โดยมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่ฟิลิปปินส์ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มเข้ามาค้าขายกับปาเลามากขึ้น ในปี ค.ศ. 1898 ปาเลาภายใต้ชื่อ "ปาลาโอส" (Palaos) ได้ถูกรวมอยู่ในการประชุมมาโลโลส ซึ่งเป็นสภาปฏิวัติแห่งแรกของฟิลิปปินส์ที่ต้องการเอกราชจากนักล่าอาณานิคม ปาเลาเป็นกลุ่มเกาะเดียวในหมู่เกาะแคโรไลน์ทั้งหมดที่ได้รับการแต่งตั้งผู้แทนเข้าร่วมสภาดังกล่าว ซึ่งสภายังสนับสนุนสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของปาเลาหากต้องการเดินตามเส้นทางนั้น
การปกครองของสเปนไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งมากนักในปาเลา เนื่องจากสเปนให้ความสนใจกับอาณานิคมอื่น ๆ มากกว่า อย่างไรก็ตาม มีการนำศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาเผยแผ่ และเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับโลกภายนอกมากขึ้น
3.2.2. ยุคอาณานิคมเยอรมัน (ค.ศ. 1899-1914)

หลังความพ่ายแพ้ในสงครามสเปน-อเมริกาในปี ค.ศ. 1898 สเปนได้ขายหมู่เกาะแคโรไลน์ (รวมถึงปาเลา) ให้กับจักรวรรดิเยอรมันตามสนธิสัญญาเยอรมัน-สเปน ในปี ค.ศ. 1899 ปาเลาจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิวกินีของเยอรมนี
เยอรมนีให้ความสนใจกับการพัฒนาเศรษฐกิจในปาเลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเหมืองฟอสเฟตบนเกาะอาเงาร์ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการปลูกมะพร้าวและมันสำปะหลัง มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง เช่น ถนนและท่าเรือขนาดเล็ก นโยบายของเยอรมนีมุ่งเน้นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมในช่วงนี้ไม่เด่นชัดเท่าช่วงการปกครองของญี่ปุ่นในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเริ่มส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวปาเลา
3.3. ยุคจักรวรรดิญี่ปุ่น (ค.ศ. 1914-1945)
ประวัติศาสตร์ของปาเลาในช่วงนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลและการปกครองของจักรวรรดิญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น เริ่มต้นจากการยึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง

3.3.1. การก่อตั้งสำนักงานทะเลใต้และนโยบายการปกครอง
เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในปี ค.ศ. 1914 ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดครองหมู่เกาะในภูมิภาคไมโครนีเซียที่เคยเป็นของเยอรมนี รวมถึงปาเลาด้วย หลังสงคราม สันนิบาตชาติได้มอบอาณัติให้ญี่ปุ่นปกครองดินแดนเหล่านี้อย่างเป็นทางการในฐานะอาณัติทะเลใต้ ในปี ค.ศ. 1919 ญี่ปุ่นได้จัดตั้งสำนักงานทะเลใต้ (南洋庁นันโยโชภาษาญี่ปุ่น) ขึ้นที่คอรอร์ ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางการบริหารของญี่ปุ่นในภูมิภาคไมโครนีเซีย
ในช่วงการปกครองของญี่ปุ่น ปาเลาได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการอพยพเข้ามาของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก ทำให้สัดส่วนประชากรชาวญี่ปุ่นมีมากกว่าชาวปาเลาพื้นเมืองในบางพื้นที่ มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ถนน ท่าเรือ โรงพยาบาล และโรงเรียน นโยบายการศึกษาของญี่ปุ่นมุ่งเน้นการสอนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่นแก่ชาวปาเลา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการหลอมรวมทางวัฒนธรรม (皇民化教育โคมินกะเคียวอิกุภาษาญี่ปุ่น) มีการส่งเสริมเศรษฐกิจ เช่น การทำเหมืองฟอสเฟต การเกษตร และการประมง
ผลกระทบจากการปกครองของญี่ปุ่นมีทั้งด้านบวกและลบ ด้านบวกคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษาที่ทันสมัยขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้านลบคือการสูญเสียที่ดินทำกินของชาวปาเลา การถูกบังคับใช้แรงงาน และการพยายามลบล้างวัฒนธรรมดั้งเดิม ชาวปาเลาจำนวนมากถูกเกณฑ์ไปทำงานในโครงการต่าง ๆ ของญี่ปุ่น และต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ
3.3.2. สงครามแปซิฟิกและผลกระทบ

เมื่อสงครามแปซิฟิกเริ่มต้นขึ้น ปาเลาได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกองทัพญี่ปุ่น ญี่ปุ่นใช้ปาเลาเป็นฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศในการสนับสนุนการรุกรานฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 1941
ในปี ค.ศ. 1944 กองทัพสหรัฐอเมริกาได้เปิดฉากโจมตีปาเลา การสู้รบที่ดุเดือดที่สุดคือยุทธการที่เปเลลิว ซึ่งกินเวลานานกว่าสองเดือนและส่งผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิตกว่า 2,000 นาย และทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตกว่า 10,000 นาย นอกจากนี้ยังมีการสู้รบที่เกาะอาเงาร์ด้วย แม้ว่าชาวปาเลาโดยส่วนใหญ่จะถูกอพยพออกจากพื้นที่สู้รบ แต่สงครามได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อโครงสร้างพื้นฐานและทิ้งบาดแผลทางใจไว้ให้กับผู้คนจำนวนมาก
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1945 ปาเลาได้เปลี่ยนมือจากญี่ปุ่นมาอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐอเมริกา
3.4. ยุคดินแดนในภาวะทรัสตีของสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 1947-1994)

หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ในปี ค.ศ. 1947 สหประชาชาติได้จัดตั้งดินแดนในภาวะทรัสตีแห่งหมู่เกาะแปซิฟิก (Trust Territory of the Pacific Islands - TTPI) และมอบหมายให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้บริหารจัดการ ปาเลาเป็นหนึ่งในเขตการปกครองของ TTPI
ในช่วงนี้ สหรัฐอเมริกาได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาปาเลาในหลาย ๆ ด้าน มีการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากสงคราม จัดตั้งระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่ทันสมัยขึ้น และส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติท้องถิ่น และชาวปาเลาเริ่มมีส่วนร่วมในการบริหารปกครองตนเองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การบริหารของสหรัฐฯ ก็เผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นการพึ่งพาความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ มากเกินไป และผลกระทบจากการเข้ามาของวัฒนธรรมอเมริกันที่อาจบั่นทอนวัฒนธรรมดั้งเดิมของปาเลา นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังใช้หมู่เกาะบางแห่งในภูมิภาคไมโครนีเซีย (แม้จะไม่ใช่ในปาเลาโดยตรง) เพื่อการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสร้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ในปี ค.ศ. 1978 ได้มีการลงประชามติเพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับสหพันธรัฐไมโครนีเชียหรือไม่ แต่ชาวปาเลาและชาวหมู่เกาะมาร์แชลล์ได้ลงคะแนนไม่เห็นด้วย และเลือกที่จะเดินหน้าสู่การเป็นรัฐเอกราช
3.5. เอกราช
กระบวนการสู่เอกราชของปาเลาใช้เวลายาวนานและมีความซับซ้อน ในปี ค.ศ. 1979 ปาเลาได้ลงประชามติรับรองรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีบทบัญญัติที่สำคัญคือการประกาศเป็นรัฐปลอดนิวเคลียร์ รัฐธรรมนูญนี้มีผลบังคับใช้ในปี ค.ศ. 1981 และมีการจัดตั้งรัฐบาลปกครองตนเองขึ้นในชื่อ "สาธารณรัฐปาเลา"
การเจรจาเพื่อทำสัญญาความสัมพันธ์เสรี (Compact of Free Association - COFA) กับสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากบทบัญญัติปลอดนิวเคลียร์ในรัฐธรรมนูญปาเลาขัดแย้งกับความต้องการของสหรัฐฯ ที่จะให้เรือรบและอากาศยานที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์สามารถเข้าถึงดินแดนปาเลาได้ ทำให้ต้องมีการลงประชามติหลายครั้งเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเพื่ออนุมัติ COFA
ในที่สุด หลังจากการลงประชามติถึงแปดครั้ง COFA ก็ได้รับการอนุมัติในปี ค.ศ. 1993 และมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1994 ทำให้ปาเลาได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ โดยสหรัฐอเมริกายังคงรับผิดชอบด้านการป้องกันประเทศและให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ปาเลาต่อไป ปาเลาได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติในปีเดียวกัน
หลังได้รับเอกราช ปาเลาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การลดการพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนากับวัฒนธรรมดั้งเดิม ปาเลาได้มีความก้าวหน้าที่สำคัญ เช่น การเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์ทางทะเล โดยประกาศเขตรักษาพันธุ์ฉลามแห่งแรกของโลกในปี ค.ศ. 2009 และการได้รับการขึ้นทะเบียนหมู่เกาะร็อคเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี ค.ศ. 2012 นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2017 ปาเลาได้ริเริ่มโครงการ "Palau Pledge" ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลงนามก่อนเข้าประเทศ
4. ภูมิศาสตร์
สาธารณรัฐปาเลาเป็นประเทศหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ในภูมิภาคไมโครนีเซีย ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 340 เกาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะแคโรไลน์
4.1. ลักษณะภูมิประเทศและเกาะสำคัญ



ปาเลามีพื้นที่รวมประมาณ 466 km2 ลักษณะภูมิประเทศมีความหลากหลาย ตั้งแต่เกาะภูเขาไฟสูงไปจนถึงเกาะปะการังระดับต่ำ เกาะที่ใหญ่ที่สุดคือเกาะบาเบลดาออบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงใหม่ เงรุลมุด และมีลักษณะเป็นภูเขาและป่าไม้หนาทึบ เกาะที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดคือเกาะคอรอร์ ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ เกาะสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ เกาะเปเลลิว และเกาะอาเงาร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่สอง
ลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันดีของปาเลาคือ หมู่เกาะร็อค (Rock Islands หรือ Chelbacheb) ซึ่งเป็นกลุ่มเกาะหินปูนขนาดเล็กจำนวนมาก (ประมาณ 200 เกาะ) ที่มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ด เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล หมู่เกาะร็อคนี้มีชื่อเสียงด้านความสวยงามทางธรรมชาติ ทั้งทะเลสาบน้ำเค็มภายในเกาะ แนวปะการังที่สมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
นอกจากนี้ ปาเลายังมีเกาะปะการังวงแหวน (atoll) เช่น คายาเงล (Kayangel) ทางตอนเหนือ และหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ที่ห่างไกลออกไปอีกประมาณ 600 km ซึ่งประกอบด้วยรัฐฮาโตโฮเบย์และรัฐซอนโซรัล


4.2. ภูมิอากาศ
ปาเลามีภูมิอากาศแบบป่าฝนเขตร้อน (tropical rainforest climate) โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 28 °C ปริมาณน้ำฝนรายปีเฉลี่ยอยู่ที่ 3.80 K mm โดยมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี แต่จะตกหนักมากที่สุดในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยอยู่ที่ 82% แม้จะมีฝนตกบ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีแสงแดดจัดเป็นส่วนใหญ่
ปาเลาตั้งอยู่บริเวณขอบของแถบไต้ฝุ่น ทำให้มีโอกาสเกิดพายุโซนร้อนได้ทุกปี แต่พายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบรุนแรงนั้นค่อนข้างหายาก พายุไต้ฝุ่นที่เคยพัดเข้าปาเลาและสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ไต้ฝุ่นไมค์ (Mike), โบพา (Bopha) และไห่เยี่ยน (Haiyan)
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ! ปี |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวัน (°C) | 30.6 | 30.6 | 30.9 | 31.3 | 31.4 | 31.0 | 30.6 | 30.7 | 30.9 | 31.1 | 31.4 | 31.1 | 30.97 |
อุณหภูมิเฉลี่ยรายวัน (°C) | 27.3 | 27.2 | 27.5 | 27.9 | 28.0 | 27.6 | 27.4 | 27.5 | 27.7 | 27.7 | 27.9 | 27.7 | 27.62 |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยรายวัน (°C) | 23.9 | 23.9 | 24.1 | 24.4 | 24.5 | 24.2 | 24.1 | 24.3 | 24.5 | 24.4 | 24.4 | 24.2 | 24.24 |
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย (มม.) | 271.8 | 231.6 | 208.3 | 220.2 | 304.5 | 438.7 | 458.2 | 379.7 | 301.2 | 352.3 | 287.5 | 304.3 | 3758.3 |
จำนวนวันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย | 19.0 | 15.9 | 16.7 | 14.8 | 20.0 | 21.9 | 21.0 | 19.8 | 16.8 | 20.1 | 18.7 | 19.9 | 224.6 |
ชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยรายเดือน | 198.4 | 194.9 | 244.9 | 234.0 | 210.8 | 168.0 | 186.0 | 176.7 | 198.0 | 179.8 | 183.0 | 182.9 | 2357.4 |
4.3. สิ่งแวดล้อม
ปาเลามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเข้มแข็ง ตัวอย่างเช่น หมู่เกาะเงรุเควิด (Ngerukewid) และพื้นที่โดยรอบได้รับการคุ้มครองภายใต้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะเงรุเควิด ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1956 ปาเลามีเขตภูมินิเวศบกคือป่าชื้นเขตร้อนปาเลา ในปี ค.ศ. 2019 ปาเลามีคะแนนเฉลี่ยของดัชนีความสมบูรณ์ของภูมิทัศน์ป่าไม้ (Forest Landscape Integrity Index) อยู่ที่ 8.09/10 ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลกจาก 172 ประเทศ
แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของปาเลายังคงปราศจากการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีประเด็นที่น่ากังวลหลายประการ เช่น การประมงที่ผิดกฎหมายโดยใช้ระเบิด (dynamite fishing) การขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกในการกำจัดขยะมูลฝอยที่เพียงพอในคอรอร์ และการขุดลอกทรายและปะการังอย่างกว้างขวางในทะเลสาบปาเลา
เช่นเดียวกับรัฐเกาะแปซิฟิกอื่น ๆ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ Emissions Database for Global Atmospheric Research ในปี ค.ศ. 2019 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหัวของปาเลาอยู่ที่ 60 ตัน ซึ่งสูงที่สุดในโลก และส่วนใหญ่มาจากการขนส่ง การท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำคุกคามพืชพรรณชายฝั่ง การเกษตร และแหล่งน้ำจืดที่มีอยู่จำกัดอยู่แล้ว การบำบัดน้ำเสียเป็นปัญหา เช่นเดียวกับการจัดการของเสียที่เป็นพิษจากปุ๋ยและสารชีวฆาต
ปาเลาเป็นถิ่นที่อยู่ของจระเข้น้ำเค็ม (Crocodylus porosus) ซึ่งพบได้ในจำนวนที่แตกต่างกันไปตามป่าชายเลนและบางส่วนของหมู่เกาะร็อค แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจระเข้ชนิดนี้จะถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง แต่มีรายงานการโจมตีมนุษย์จนถึงแก่ชีวิตเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของปาเลาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1965 เหตุการณ์นี้ได้นำไปสู่โครงการกำจัดจระเข้และการค้าหนังจระเข้ในช่วงทศวรรษ 1980 โครงการบริหารจัดการและอนุรักษ์ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ได้ช่วยให้จำนวนประชากรจระเข้ในปาเลามีเสถียรภาพมากขึ้น
ประเทศนี้มีความเปราะบางต่อแผ่นดินไหว กิจกรรมภูเขาไฟ และพายุโซนร้อน
4.3.1. เขตอนุรักษ์ธรรมชาติและนโยบายคุ้มครองทางทะเล
ปาเลามีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและสิ่งแวดล้อมทางบก เห็นได้จากนโยบายและโครงการริเริ่มต่าง ๆ
- เขตรักษาพันธุ์ฉลามแห่งแรกของโลก: ในวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2009 ปาเลาได้ประกาศจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์ฉลามแห่งแรกของโลก โดยห้ามการทำประมงฉลามเชิงพาณิชย์ทุกชนิดภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของตน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรประมาณ 600.00 K km2 ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับประเทศฝรั่งเศส ประธานาธิบดีจอห์นสัน โทริเบียง ได้ประกาศจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์นี้ในที่ประชุมสหประชาชาติ และเสนอให้มีการห้ามการทำประมงฉลามทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2012 ปาเลาได้รับรางวัล Future Policy Award จาก World Future Council เนื่องจาก "ปาเลาเป็นผู้นำระดับโลกในการปกป้องระบบนิเวศทางทะเล"
- Micronesia Challenge: เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ประธานาธิบดีทอมมี อี. เรเมเงเซา จูเนียร์ ได้เป็นผู้นำโครงการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาคที่เรียกว่า Micronesia Challenge ซึ่งมีเป้าหมายที่จะอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลใกล้ฝั่ง 30% และพื้นที่ป่าไม้ 20% ภายในปี ค.ศ. 2020 นอกจากปาเลาแล้ว โครงการนี้ยังมีสหพันธรัฐไมโครนีเชีย หมู่เกาะมาร์แชลล์ และดินแดนของสหรัฐฯ คือ กวม และหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาเข้าร่วมด้วย ภูมิภาคที่รวมกันนี้คิดเป็นเกือบ 5% ของพื้นที่ทางทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิก และ 7% ของแนวชายฝั่ง
- Palau Pledge: ในปี ค.ศ. 2017 ปาเลากลายเป็นรัฐแรกของโลกที่จัดตั้งคำมั่นสัญญาระบบนิเวศที่เรียกว่า Palau Pledge ซึ่งประทับตราบนหนังสือเดินทางของทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาถึงปาเลาจะต้องลงนามในคำมั่นสัญญานี้ว่าจะปกป้องสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของปาเลาในระหว่างการพำนัก
- การคุ้มครองทรัพยากรน้ำ 80%: ในปี ค.ศ. 2015 ปาเลาได้ประกาศคุ้มครองทรัพยากรน้ำของตนเองอย่างเป็นทางการถึง 80% กลายเป็นประเทศแรกที่ทำเช่นนั้น การคุ้มครองทรัพยากรน้ำนี้ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในเวลาไม่ถึงสองปี
- มรดกโลกของยูเนสโก: หมู่เกาะร็อคทางตอนใต้ของปาเลาได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นการยอมรับคุณค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่นของพื้นที่นี้
นอกเหนือจากโครงการเหล่านี้ ปาเลายังมีอุทยานแห่งชาติและเขตคุ้มครองทางทะเลอื่น ๆ อีกหลายแห่ง และมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด รวมถึงมีความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง
5. การเมืองและการปกครอง

ปาเลาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน ประธานาธิบดีปาเลาเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล อำนาจบริหารเป็นของรัฐบาล ส่วนอำนาจนิติบัญญัติเป็นของทั้งรัฐบาลและรัฐสภาแห่งชาติปาเลา ฝ่ายตุลาการเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ปาเลาใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี ค.ศ. 1981
สัญญาความสัมพันธ์เสรี (Compact of Free Association) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและปาเลากำหนดความสัมพันธ์แบบเสรีและสมัครใจระหว่างรัฐบาลทั้งสอง โดยมุ่งเน้นประเด็นด้านรัฐบาล เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการป้องกันประเทศเป็นหลัก ปาเลาไม่มีกองทัพเป็นของตนเอง และพึ่งพาสหรัฐอเมริกาในการป้องกันประเทศ ภายใต้สัญญานี้ กองทัพอเมริกันได้รับอนุญาตให้เข้าถึงหมู่เกาะเป็นเวลา 50 ปี บทบาทของกองทัพเรือสหรัฐฯ มีน้อยมาก จำกัดอยู่เพียงทหารช่างก่อสร้าง (Seabees) จำนวนหนึ่ง หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ทำหน้าที่ลาดตระเวนในน่านน้ำแห่งชาติ รัฐบาลได้ตกลงที่จะให้มีการติดตั้งสถานีเรดาร์ความถี่สูงขนาดใหญ่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในปาเลา ซึ่งเป็นระบบเรดาร์ข้ามขอบฟ้า (over-the-horizon radar) มูลค่ากว่า 100.00 M USD และคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี ค.ศ. 2026
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ซูรันเจล วิปส์ จูเนียร์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีปาเลาคนใหม่ ต่อจากประธานาธิบดีทอมมี เรเมเงเซา จูเนียร์
5.1. โครงสร้างรัฐบาล
ปาเลาเป็นสาธารณรัฐระบบประธานาธิบดี มีการแบ่งแยกอำนาจออกเป็น 3 ฝ่าย คือ
- ฝ่ายบริหาร: ประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี ประธานาธิบดีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยในการบริหารประเทศ
- ฝ่ายนิติบัญญัติ: รัฐสภาแห่งชาติปาเลา (Olbiil Era Kelulau) เป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย
- วุฒิสภา (Senate): มีสมาชิก 13 คน (ข้อมูลจากแหล่งภาษาญี่ปุ่น) หรือ 9 คน (แหล่งข้อมูลอื่นอาจแตกต่างกัน) มาจากการเลือกตั้ง
- สภาผู้แทนราษฎร (House of Delegates): มีสมาชิก 16 คน มาจากการเลือกตั้งในแต่ละรัฐ
สมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภามีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี
- ฝ่ายตุลาการ: เป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ประกอบด้วยศาลฎีกา (Supreme Court) ศาลพิจารณาคดีทั่วไป (Court of Common Pleas) และศาลที่ดิน (Land Court) ศาลฎีกามีแผนกพิจารณาคดีและแผนกอุทธรณ์ และมีประธานศาลฎีกาเป็นหัวหน้า ผู้พิพากษาได้รับการแต่งตั้งตลอดชีพโดยประธานาธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐสภาแห่งชาติปาเลา
นอกจากนี้ ปาเลายังมีสภาหัวหน้าเผ่า (Council of Chiefs) ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าเผ่าสูงสุดจากแต่ละรัฐ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีเกี่ยวกับกฎหมายและประเพณีดั้งเดิม
5.2. หน่วยการปกครอง
ปาเลาแบ่งออกเป็น 16 รัฐ (states) ซึ่งก่อนปี ค.ศ. 1984 เรียกว่าเทศบาล (municipalities) แต่ละรัฐมีผู้ว่าการรัฐและสภานิติบัญญัติของตนเอง รัฐต่าง ๆ มีดังนี้ พร้อมด้วยพื้นที่ (ตารางกิโลเมตร) และจำนวนประชากรตามสำมะโนปี ค.ศ. 2015 และ ค.ศ. 2020:
รัฐ | ตราสัญลักษณ์ | พื้นที่ (กม.2) | ประชากร (สำมะโน 2015) | ประชากร (สำมะโน 2020) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
คายาเงล (Kayangel) | 1.7 | 54 | 41 | ประกอบด้วยหมู่เกาะคายาเงลอะทอลล์ | |
งาร์เคลอง (Ngarchelong) | 11.2 | 316 | 384 | อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะบาเบลดาออบ | |
งาราร์ด (Ngaraard) | 34 | 413 | 396 | อยู่ทางตอนเหนือของเกาะบาเบลดาออบ ทางใต้ของรัฐงาร์เคลอง | |
งาร์ดเมา (Ngardmau) | ![]() | 34 | 185 | 238 | อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะบาเบลดาออบ |
เงเรมเลงุย (Ngaremlengui) | 68 | 350 | 349 | อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะบาเบลดาออบ | |
งัตปัง (Ngatpang) | 33 | 282 | 289 | อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะบาเบลดาออบ | |
งีวัล (Ngiwal) | ![]() | 17 | 282 | 312 | อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบาเบลดาออบ |
เมเลเกอ็อก (Melekeok) | 26 | 277 | 318 | อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบาเบลดาออบ (ที่ตั้งของเมืองหลวงเงรุลมุด) | |
เงเคซาร์ (Ngchesar) | ![]() | 43 | 291 | 319 | อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบาเบลดาออบ |
ไอเมลีอิก (Aimeliik) | 44 | 334 | 363 | อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะบาเบลดาออบ | |
ไอราย (Airai) | ![]() | 59 | 2,455 | 2,529 | อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะบาเบลดาออบ (ที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ) |
คอรอร์ (Koror) | ![]() | 60.52 | 11,444 | 11,199 | ประกอบด้วยเกาะคอรอร์, เกาะเงเรเคเบซัง, และเกาะมาลาคัล, รวมถึงหมู่เกาะร็อค (Chelbacheb) และเอล มัลค์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ |
เปเลลิว (Peleliu) | 22.3 | 484 | 470 | ประกอบด้วยเกาะเปเลลิวและเกาะเล็ก ๆ ทางเหนือ โดยเฉพาะเงร์เคอู | |
อาเงาร์ (Angaur) | 8.06 | 119 | 114 | เกาะอาเงาร์ อยู่ห่างจากเปเลลิวไปทางใต้ 12 กม. | |
ซอนโซรัล (Sonsorol) | 3.1 | 40 | 53 | ประกอบด้วยเกาะซอนโซรัล, เกาะฟานา, ปูโล อันนา, และเกาะเมเรีย | |
ฮาโตโฮเบย์ (Hatohobei) | 0.9 | 25 | 39 | ประกอบด้วยเกาะโทบีและเฮเลนรีฟ (ไม่มีคนอาศัย) |
ในอดีต หมู่เกาะร็อคของปาเลาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐคอรอร์
5.3. การป้องกันประเทศและความมั่นคง
ปาเลาไม่มีกองทัพเป็นของตนเอง การป้องกันประเทศอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสหรัฐอเมริกาตามสัญญาความสัมพันธ์เสรี (Compact of Free Association - COFA) สัญญานี้อนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าถึงดินแดนปาเลาเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารเป็นเวลา 50 ปี
บทบาทของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปาเลามีจำกัด โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับหน่วยช่างก่อสร้างของกองทัพเรือ (Seabees) หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ (U.S. Coast Guard) ทำหน้าที่ลาดตระเวนในน่านน้ำของปาเลาเพื่อช่วยในการบังคับใช้กฎหมายทางทะเลและปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย
นอกจากนี้ รัฐบาลปาเลาได้ตกลงที่จะให้มีการติดตั้งสถานีเรดาร์ความถี่สูงขนาดใหญ่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเรดาร์ข้ามขอบฟ้า (Over-the-Horizon Radar) โครงการนี้มีมูลค่ากว่า 100.00 M USD และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี ค.ศ. 2026 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการเฝ้าระวังทางทะเลและทางอากาศในภูมิภาค
ความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ รวมถึงการฝึกอบรมและการสนับสนุนด้านอุปกรณ์แก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของปาเลา
5.4. การบังคับใช้กฎหมายทางทะเล

กองบังคับการกฎหมายทางทะเลของปาเลา (Palau's Division of Marine Law Enforcement) มีหน้าที่ลาดตระเวนเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของประเทศซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 595697265 K m2 (230.00 K mile2) หน่วยงานนี้ปฏิบัติการด้วยเรือตรวจการณ์ระยะไกลสองลำคือ Kedam และ Remeliik II เพื่อตรวจจับผู้ลักลอบทำการประมงและชาวประมงที่ไม่ได้รับใบอนุญาต นอกจากนี้ยังมีเรือขนาดเล็กกว่าสำหรับปฏิบัติการในเขตน่านน้ำชายฝั่ง ฐานปฏิบัติการของหน่วยงานนี้ตั้งอยู่ที่คอรอร์
การบังคับใช้กฎหมายทางทะเลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อปาเลาในการจัดการทรัพยากรทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ การคุ้มครองแนวปะการังและสัตว์ทะเลหายาก รวมถึงการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU fishing) ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความยั่งยืนของระบบนิเวศทางทะเลและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
6. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในฐานะรัฐอธิปไตย ปาเลาดำเนินนโยบายต่างประเทศของตนเอง นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ปาเลาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับหลายประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในแปซิฟิก เช่น ไมโครนีเซียและฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ผ่านข้อมติที่ 963 แนะนำให้ปาเลาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติอนุมัติการรับเข้าเป็นสมาชิกของปาเลาตามข้อมติที่ 49/63 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1994 ตั้งแต่นั้นมา ปาเลาได้เข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ อีกหลายแห่ง
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ปาเลาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดพันธมิตรไต้หวัน-แปซิฟิกครั้งแรก ประธานาธิบดีปาเลาได้เดินทางเยือนประเทศอื่น ๆ ในแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ รวมถึงญี่ปุ่น ไต้หวันได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ปาเลาเพื่อรักษาบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงสหประชาชาติและการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ
ในด้านการเมืองระหว่างประเทศ ปาเลามักลงคะแนนเสียงตามสหรัฐอเมริกาในข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ปาเลาเป็นสมาชิกของข้อตกลงนาอูรูเพื่อการจัดการประมง ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นพันธมิตรเพื่อนบ้านทางตะวันตกของปาเลา ได้แสดงเจตจำนงที่จะสนับสนุนปาเลาหากต้องการเข้าร่วมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 ปาเลาประกาศว่าจะรับผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ไม่เกิน 17 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกทหารอเมริกันควบคุมตัวที่ค่ายกักกันกวนตานาโม โดยได้รับค่าชดเชยบางส่วนจากสหรัฐฯ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดูแล ในตอนแรกมีชาวอุยกูร์เพียงคนเดียวที่ตกลงจะตั้งถิ่นฐานใหม่ แต่ภายในสิ้นเดือนตุลาคม มี 6 คนจาก 17 คนถูกย้ายไปยังปาเลา ข้อตกลงความช่วยเหลือกับสหรัฐอเมริกาซึ่งสรุปในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 มีรายงานว่าไม่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงเรื่องชาวอุยกูร์
ปาเลามีรัฐธรรมนูญปลอดนิวเคลียร์ฉบับแรกของโลกในปี ค.ศ. 1981 รัฐธรรมนูญนี้ห้ามการใช้ การจัดเก็บ และการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี ก๊าซ และอาวุธชีวภาพ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติด้วยเสียงข้างมาก 75% ในการลงประชามติก่อน ข้อห้ามนี้ทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่เอกราชของปาเลาล่าช้าออกไป เนื่องจากในระหว่างการเจรจาสัญญาความสัมพันธ์เสรี สหรัฐฯ ยืนยันทางเลือกในการปฏิบัติการเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์และเก็บอาวุธนิวเคลียร์ภายในอาณาเขต ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการรณรงค์เพื่อเอกราช ในปี ค.ศ. 2017 ปาเลาได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ
ไมเคิล วอลช์ ประธาน Islands Society มองว่าปาเลาเป็นตัวอย่างสำคัญของความสำเร็จในการสร้างรัฐสมัยใหม่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ปาเลาสามารถเปลี่ยนผ่านจากระบอบอาณานิคมไปสู่การเป็นสมาชิกสหประชาชาติอย่างสมบูรณ์โดยสันติ ปาเลารักษาความสัมพันธ์ต่างประเทศที่แข็งแกร่งกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคโอเชียเนีย และมีความพยายามผลักดันให้ปาเลามีสถานะผู้สังเกตการณ์ในอาเซียนเพื่อแสดงถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติของปาเลาไปสู่รัฐอธิปไตยที่ปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ปราศจากข้อโต้แย้ง ปาเลาพึ่งพาความช่วยเหลือระหว่างประเทศอย่างมาก ดังที่ประธานาธิบดีซูรันเจล วิปส์ จูเนียร์ ได้กล่าวต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี ค.ศ. 2021 อิทธิพลของสหรัฐฯ ทำให้เกิดข้อโต้แย้งว่ามีความท้าทายต่ออธิปไตยของปาเลาจากการพึ่งพากองทัพสหรัฐฯ ภายใต้สัญญาความสัมพันธ์เสรี แม้ว่าจะไม่ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นทางการว่าเป็นรัฐในอารักขาโดยพฤตินัยหรืออื่น ๆ อิทธิพลของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อสังคม เศรษฐกิจ และกระบวนการทางการเมืองของปาเลา และด้วยเหตุนี้ ปาเลาอาจยังไม่ถูกมองว่าเป็นรัฐเอกราชอย่างสมบูรณ์หรือเป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบของการสร้างรัฐสมัยใหม่
6.1. ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา
ความสัมพันธ์ระหว่างปาเลากับสหรัฐอเมริกามีลักษณะพิเศษและซับซ้อน โดยมีพื้นฐานมาจากสัญญาความสัมพันธ์เสรี (Compact of Free Association - COFA) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปาเลาได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1994
- ด้านการเมืองและความมั่นคง: ภายใต้ COFA สหรัฐอเมริการับผิดชอบด้านการป้องกันประเทศของปาเลา และได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงทางทหารในดินแดนปาเลาเป็นเวลา 50 ปี ปาเลาไม่มีกองทัพเป็นของตนเอง สหรัฐฯ มีสถานทูตในปาเลา และโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก COFA ส่วนใหญ่จะบริหารจัดการโดยสำนักงานกิจการเกาะ (Office of Insular Affairs) ของกระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ
- ด้านเศรษฐกิจ: COFA ให้ความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมากแก่ปาเลา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของงบประมาณของประเทศ นอกจากนี้ พลเมืองปาเลายังได้รับสิทธิ์บางประการ เช่น การเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อทำงานและศึกษาต่อ และการเข้าถึงบริการไปรษณีย์ของสหรัฐฯ (USPS) ซึ่งปาเลามีรหัสไปรษณีย์เป็นของตนเอง (96939 และ 96940)
- ผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยและการพึ่งพา: ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดนี้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับระดับความเป็นอิสระที่แท้จริงของปาเลา การพึ่งพาความช่วยเหลือทางการเงินและการป้องกันจากสหรัฐฯ อย่างมากถูกมองว่าเป็นความท้าทายต่ออำนาจอธิปไตยในระยะยาว นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่าอิทธิพลของสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของปาเลาอย่างลึกซึ้ง
- ประเด็นทางสังคม: การปรากฏตัวของชาวอเมริกันและวัฒนธรรมอเมริกันได้ส่งผลกระทบต่อสังคมปาเลา ทั้งในแง่บวกและลบ ในเวทีระหว่างประเทศ ปาเลามักจะลงคะแนนเสียงสอดคล้องกับสหรัฐอเมริกาในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
โดยรวมแล้ว ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการพัฒนาของปาเลา ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ขณะเดียวกันก็เป็นประเด็นที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบในระยะยาวต่อความเป็นอิสระและการพึ่งพาตนเองของประเทศ
6.2. ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น
ความสัมพันธ์ระหว่างปาเลากับญี่ปุ่นมีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ปาเลาอยู่ภายใต้อาณัติทะเลใต้ของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 ถึง ค.ศ. 1945
- ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์: ในช่วงการปกครองของญี่ปุ่น ปาเลา (โดยเฉพาะคอรอร์) ได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการบริหารและเศรษฐกิจ มีการอพยพของชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ แม้ว่าจะมีผลกระทบด้านลบจากการปกครองในฐานะอาณานิคม แต่ชาวปาเลาจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ยังคงมีความรู้สึกที่ดีต่อญี่ปุ่น และภาษาญี่ปุ่นยังคงมีผู้ใช้อยู่บ้าง
- ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ: ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดแก่ปาเลา โครงการพัฒนาที่สำคัญหลายโครงการได้รับเงินทุนสนับสนุนจากญี่ปุ่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สะพานมิตรภาพญี่ปุ่น-ปาเลา (Japan-Palau Friendship Bridge หรือ KB Bridge) ซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะคอรอร์และเกาะบาเบลดาออบ สะพานเดิมที่สร้างโดยบริษัทเกาหลีใต้ได้พังทลายลงในปี ค.ศ. 1996 และญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างสะพานใหม่ซึ่งเปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2002
- การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม: มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนและนักศึกษา
- เหตุการณ์สำคัญ: ในปี ค.ศ. 2015 สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งญี่ปุ่น (พระยศในขณะนั้น) ได้เสด็จเยือนเกาะเปเลลิวในปาเลา เพื่อทรงวางพวงมาลาและรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีของการสิ้นสุดสงคราม การเสด็จเยือนครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
ปัจจุบัน ปาเลายังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังคงมีความใกล้ชิดทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน
6.3. ความสัมพันธ์กับไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน)
ปาเลาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แทนที่จะเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน ความสัมพันธ์นี้มีความสำคัญทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจสำหรับทั้งสองฝ่าย
- ความสัมพันธ์ทางการทูต: ปาเลาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันในปี ค.ศ. 1999 และนับตั้งแต่นั้นมาก็เป็นพันธมิตรที่มั่นคงของไต้หวันในเวทีระหว่างประเทศ ปาเลามักจะแสดงการสนับสนุนไต้หวันในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ
- ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ: ไต้หวันให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและทางเทคนิคแก่ปาเลาในหลายด้าน รวมถึงการเกษตร การประมง การแพทย์ การศึกษา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ ไต้หวันยังเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวของปาเลา และมีเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ
- การสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีระหว่างประเทศ: ในการประชุมระดับนานาชาติ เช่น สหประชาชาติ ปาเลามักจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ออกมาพูดสนับสนุนสิทธิของไต้หวันในการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในประชาคมโลก ในทางกลับกัน ไต้หวันก็ให้การสนับสนุนปาเลาในประเด็นต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ทางทะเล
- การประชุมสุดยอดพันธมิตรไต้หวัน-แปซิฟิก: ปาเลาเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศพันธมิตรของไต้หวันในภูมิภาคแปซิฟิก ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์ระหว่างปาเลากับไต้หวันดำเนินไปท่ามกลางแรงกดดันจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งพยายามโดดเดี่ยวไต้หวันทางการทูต อย่างไรก็ตาม ปาเลายังคงยืนหยัดในความเป็นพันธมิตรกับไต้หวัน โดยมองเห็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง
6.4. ความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ และองค์การระหว่างประเทศ
นอกจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวันแล้ว ปาเลายังมีความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ และมีบทบาทในองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ ดังนี้:
- ประเทศเพื่อนบ้านในหมู่เกาะแปซิฟิก: ปาเลารักษาความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคไมโครนีเซีย เช่น สหพันธรัฐไมโครนีเชีย และหมู่เกาะมาร์แชลล์ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในฟอรัมหมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Islands Forum - PIF) แม้ว่าปาเลาจะเคยถอนตัวออกจาก PIF ในปี ค.ศ. 2021 เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องการเลือกเลขาธิการ แต่ก็ได้กลับเข้าร่วมในภายหลัง (ประมาณปี ค.ศ. 2022-2023)
- อาเซียน (ASEAN): ปาเลามีสถานะเป็นผู้สังเกตการณ์ของอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนจากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด
- องค์การสหประชาชาติ (UN): ปาเลาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1994 และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของ UN โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐเกาะขนาดเล็ก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์มหาสมุทร และการพัฒนาที่ยั่งยืน ปาเลามักจะลงคะแนนเสียงสอดคล้องกับสหรัฐอเมริกาในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
- ประเทศออสเตรเลีย: ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนปาเลา โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางทะเล การศึกษา และการพัฒนาเศรษฐกิจ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2024 สายการบิน Nauru Airlines ได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างบริสเบน ออสเตรเลีย กับปาเลา ซึ่งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ
- ประเด็นด้านมนุษยธรรม: ในปี ค.ศ. 2009 ปาเลาได้ตกลงรับผู้ต้องขังชาวอุยกูร์จำนวนหนึ่งจากค่ายกักกันกวนตานาโมตามคำร้องขอของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการแสดงบทบาทในประเด็นด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
- องค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ: ปาเลาเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ อีกหลายแห่ง เช่น ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และข้อตกลงนาอูรู (Nauru Agreement) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรประมงทูน่าในภูมิภาค
นโยบายต่างประเทศของปาเลามุ่งเน้นการสร้างพันธมิตรเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการรับมือกับความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
7. เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของปาเลาพึ่งพาการท่องเที่ยว การเกษตรแบบยังชีพ และการประมงเป็นหลัก โดยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมากจากสหรัฐอเมริกาภายใต้สัญญาความสัมพันธ์เสรี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของงบประมาณประเทศ รัฐบาลเป็นนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
7.1. อุตสาหกรรมหลัก
- การท่องเที่ยว: เป็นแหล่งรายได้หลักของปาเลา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาเพื่อกิจกรรมดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น ชมความงามของหมู่เกาะร็อคซึ่งเป็นมรดกโลก แนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ และซากเรือรบสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2022 ปาเลาได้เปิดตัวโครงการ "Ol'au Palau" ซึ่งเป็นโครงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศ
- เกษตรกรรม: ส่วนใหญ่เป็นการเกษตรแบบยังชีพเพื่อบริโภคในครัวเรือน พืชที่สำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง เผือก มันเทศ และพืชผักผลไม้อื่น ๆ
- การประมง: เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สำคัญ ทั้งการประมงเพื่อการพาณิชย์ (โดยเฉพาะปลาทูน่า) และการประมงแบบยังชีพ ปาเลามีเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์
7.2. การค้าและการลงทุน
- สินค้าส่งออกและนำเข้า: สินค้าส่งออกหลักของปาเลาคือปลาทูน่า (โดยเฉพาะส่งไปยังญี่ปุ่น) มะพร้าวแห้ง (copra) และหัตถกรรมพื้นเมือง ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกล วัตถุดิบ อาหารและเครื่องดื่ม เชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ
- ประเทศคู่ค้าหลัก: สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และกวม เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของปาเลา
- การลงทุนจากต่างประเทศ: การลงทุนจากต่างประเทศส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคการท่องเที่ยว เช่น โรงแรมและรีสอร์ท
- ประเด็นทะเบียนเรือ: มีข้อสังเกตว่าทะเบียนเรือของปาเลาถูกใช้โดยบริษัทขนส่งทางทะเลบางแห่งเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการปลดระวางเรืออย่างถูกวิธี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานแรงงาน (ข้อมูลจากแหล่งภาษาอังกฤษระบุว่าในปี ค.ศ. 2019 ทะเบียนเรือปาเลามีสัดส่วนเกือบ 60% ของธงเรือที่ใช้ในการเดินทางเที่ยวสุดท้าย ซึ่งบ่งชี้ถึงการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการปลดระวาง)
7.3. การคลังและสกุลเงิน
- การคลังของรัฐบาล: รายได้หลักของรัฐบาลมาจากความช่วยเหลือทางการเงินจากสหรัฐอเมริกาภายใต้ COFA ภาษี และรายได้จากการท่องเที่ยว
- สกุลเงิน: ปาเลาใช้ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการ
- ระบบภาษีอากร:
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: มีโครงสร้างแบบก้าวหน้า 3 ขั้น คือ 9.3%, 15% และ 19.6%
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล: อัตรา 4%
- ภาษีสินค้าและบริการปาเลา (Palau Goods and Services Tax - PGST): เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2023 เป็นภาษีฐานกว้างในอัตรา 10% ใช้กับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ที่ขายหรือบริโภคในปาเลา
- ปาเลาไม่มีภาษีทรัพย์สิน
- กรณีการล้มละลายของธนาคาร: ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2006 ธนาคาร Pacific Saving Bank ได้ประกาศล้มละลาย มีผู้ฝากเงินได้รับผลกระทบ 641 ราย รัฐบาลปาเลาได้จ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ฝากเงิน โดยใช้เงินส่วนหนึ่งจากเงินกู้ที่รัฐบาลปาเลาได้รับจากไต้หวันเพื่อการพัฒนาประเทศ
7.4. การคมนาคม
ระบบการคมนาคมของปาเลาผสมผสานระหว่างการขนส่งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เพื่อเชื่อมโยงเกาะต่าง ๆ และติดต่อกับโลกภายนอก
7.4.1. การคมนาคมภายในประเทศ
- โครงข่ายถนน: ถนนสายหลักที่สำคัญคือ ถนนคอมแพคโร้ด (Compact Road) ซึ่งเป็นถนนวงแหวนรอบเกาะบาเบลดาออบ เกาะที่ใหญ่ที่สุดของปาเลา การก่อสร้างถนนสายนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาภายใต้ COFA และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2007 ช่วยให้การเดินทางภายในเกาะบาเบลดาออบสะดวกขึ้นมาก ถนนส่วนใหญ่ในเขตเมืองคอรอร์ได้รับการลาดยาง แต่ถนนในพื้นที่ห่างไกลและบนเกาะเล็ก ๆ บางแห่งอาจยังเป็นถนนดิน การขับรถในปาเลาใช้ระบบการขับรถชิดขวา และจำกัดความเร็วที่ 40 km/h รถยนต์ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์มือสองนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งมักจะเป็นรถพวงมาลัยขวา
- สะพาน: สะพานมิตรภาพญี่ปุ่น-ปาเลา (Japan-Palau Friendship Bridge) หรือที่รู้จักกันในชื่อ สะพานเคบี (KB Bridge) เป็นสะพานสำคัญที่เชื่อมระหว่างเกาะคอรอร์กับเกาะบาเบลดาออบ สะพานเดิมที่สร้างโดยบริษัทเกาหลีใต้ได้พังทลายลงในปี ค.ศ. 1996 และญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างสะพานใหม่ซึ่งเปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2002
- การขนส่งทางทะเลระหว่างเกาะ: การเดินทางระหว่างเกาะต่าง ๆ ส่วนใหญ่อาศัยเรือส่วนตัวและเรือเฟอร์รี่ของรัฐซึ่งมีค่าโดยสารถูกกว่า มีบริการเรือเฟอร์รี่เชื่อมต่อระหว่างเกาะคอรอร์ เกาะเปเลลิว และเกาะอาเงาร์
- สายการบินภายในประเทศ: มีบริการเที่ยวบินขนาดเล็กและเฮลิคอปเตอร์สำหรับเดินทางไปยังเกาะเปเลลิวและเกาะอาเงาร์
- แท็กซี่: มีบริการแท็กซี่ในคอรอร์ แต่ไม่มีมิเตอร์ ค่าโดยสารต้องตกลงกันก่อนใช้บริการ
- รถไฟและรถโดยสารประจำทาง: ปาเลาไม่มีระบบรถไฟ และไม่มีบริการรถโดยสารประจำทางสาธารณะ
7.4.2. การขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
ท่าอากาศยานหลักของปาเลาคือ ท่าอากาศยานนานาชาติโรมัน ทเมทูชล์ (Roman Tmetuchl International Airport) (รหัส IATA: ROR) ตั้งอยู่บนเกาะบาเบลดาออบ ให้บริการเที่ยวบินตรงไปยังเมืองปลายทางสำคัญหลายแห่ง ได้แก่:
- กวม (ท่าอากาศยานนานาชาติอันโตนิโอ บี. วอน แพ็ต): ให้บริการโดย ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (เกือบทุกวัน)
- มะนิลา (ท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อากีโน): ให้บริการโดยสายการบินต่าง ๆ (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
- ไทเป (ท่าอากาศยานนานาชาติไต้หวันเถา-ยฺเหวียน): ให้บริการโดย ไชนาแอร์ไลน์ (2-4 เที่ยวต่อสัปดาห์)
- อินช็อน (โซล, เกาหลีใต้): ให้บริการโดย โคเรียนแอร์ (3 เที่ยวต่อสัปดาห์)
- บริสเบน (ออสเตรเลีย): ให้บริการโดย Nauru Airlines (เริ่มพฤษภาคม ค.ศ. 2024, สัปดาห์ละ 1 เที่ยว)
- ยาป (สหพันธรัฐไมโครนีเชีย): ให้บริการโดย ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (สัปดาห์ละ 1 เที่ยว)
ในอดีตเคยมีสายการบินอื่น ๆ เช่น Palau Micronesia Air, Asian Spirit และ Pacific Flier ให้บริการไปยังฟิลิปปินส์และจุดหมายปลายทางอื่น ๆ แต่ได้ระงับการให้บริการไปแล้ว นอกจากนี้ เจแปนแอร์ไลน์ ยังให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำเป็นครั้งคราวจากเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น เช่น โตเกียว(นาริตะ) นาโกย่า(ชูบุ) และโอซาก้า(คันไซ)
ท่าเรือหลักสำหรับเรือขนส่งสินค้า เรือทหาร และเรือสำราญคือท่าเรือมาเลฮากา (Malaehaka Harbor) บนเกาะมาลาคัล ใกล้กับคอรอร์
7.5. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สถานะการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในปาเลามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
- การสื่อสารแบบมีสายและไร้สาย: ปาเลามีโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้บริการ การเชื่อมต่อระหว่างประเทศอาศัยสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้ทะเล ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพและความเร็วของการสื่อสารได้อย่างมาก
- การเข้าถึงอินเทอร์NET: การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีให้บริการทั่วประเทศ ทั้งแบบบรอดแบนด์และผ่านเครือข่ายมือถือ แม้ว่าความเร็วและค่าบริการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะและ Wi-Fi hotspot ก็มีให้บริการในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเมืองและโรงแรม
- สื่อกระจายเสียง:
- โทรทัศน์: มีสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น เช่น ICTV (Island Cable Television) ซึ่งให้บริการรายการโทรทัศน์แบบบอกรับเป็นสมาชิก รวมถึงช่องรายการจากต่างประเทศ เช่น NHK (ญี่ปุ่น) และ CNN (สหรัฐอเมริกา)
- วิทยุ: มีสถานีวิทยุท้องถิ่นหลายแห่ง เช่น Eco Paradise FM (ก่อตั้งโดยความร่วมมือกับ FM Tokyo และ Japan Airlines) ซึ่งออกอากาศรายการเพลง ข่าวสาร และข้อมูลท้องถิ่น
- หนังสือพิมพ์: มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายฉบับ เช่น "Island Times", "Tia Belau" และ "Palau Horizon" (ในอดีต) ซึ่งนำเสนอข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประเทศและต่างประเทศ
แม้ว่าจะเป็นประเทศเกาะขนาดเล็ก แต่ปาเลาก็พยายามพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ การศึกษา และการเชื่อมโยงกับโลกภายนอก
8. สังคม
สังคมปาเลามีลักษณะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไมโครนีเซียและอิทธิพลจากภายนอกที่เข้ามาในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งจากสเปน เยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
8.1. ประชากร
จำนวนประชากรของปาเลาโดยประมาณอยู่ที่ 21,779 คน (ข้อมูลปี ค.ศ. 2023 จากแหล่งภาษาอังกฤษ) หรือประมาณ 17,614 คน (จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี ค.ศ. 2020) ความหนาแน่นของประชากรค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมด แต่ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่หนาแน่นในรัฐคอรอร์ อัตราการเติบโตของประชากรได้รับผลกระทบจากการย้ายถิ่นออกของชาวปาเลาไปทำงานในต่างประเทศ (เช่น สหรัฐอเมริกา กวม) และการย้ายถิ่นเข้ามาของแรงงานต่างชาติ โครงสร้างอายุของประชากรมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีสัดส่วนประชากรวัยทำงานที่สำคัญ
ประชากรของปาเลามีการเปลี่ยนแปลงดังนี้:
ปี (ค.ศ.) | จำนวนประชากร (คน) |
---|---|
1958 | 8,987 |
1970 | 11,210 |
1980 | 12,116 |
1990 | 15,122 |
1995 | 17,225 |
2000 | 19,129 |
2005 | 19,907 |
2015 | 17,661 |
2020 | 17,614 |
8.1.1. กลุ่มชาติพันธุ์
ประชากรส่วนใหญ่ของปาเลา (ประมาณ 70-73%) เป็นชาวปาเลาพื้นเมือง ซึ่งมีเชื้อสายผสมระหว่างชาวเมลานีเซีย ไมโครนีเซีย และออสโตรนีเซีย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในปาเลา ได้แก่:
- ชาวฟิลิปปินส์: เป็นกลุ่มชาวเอเชียที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศ มีบทบาทสำคัญในภาคแรงงานและเศรษฐกิจ
- ชาวจีนและชาวเกาหลี: เป็นกลุ่มชาวเอเชียที่มีจำนวนพอสมควร ส่วนใหญ่เข้ามาทำธุรกิจหรือเป็นแรงงาน
- ผู้มีเชื้อสายญี่ปุ่น: สืบเชื้อสายมาจากชาวญี่ปุ่นที่อพยพเข้ามาในช่วงที่ปาเลาอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น (ค.ศ. 1914-1945) ประมาณการว่าผู้มีเชื้อสายญี่ปุ่นอาจมีสัดส่วนถึง 25% ของประชากรทั้งหมด
- แรงงานข้ามชาติจากบังกลาเทศและเนปาล: เป็นกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือและผู้ประกอบวิชาชีพที่เข้ามาทำงานในปาเลา
- ชาวยุโรปและชาวอเมริกัน: มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เข้ามาทำงานหรือพำนักอาศัยเป็นการชั่วคราว
ความหลากหลายทางชาติพันธุ์นี้ทำให้สังคมปาเลามีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิต
8.1.2. ภาษา
ภาษาทางการของปาเลาคือภาษาปาเลา (เป็นภาษาในกลุ่มภาษาออสโตรนีเซียน)) และภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในบางรัฐมีภาษาท้องถิ่นที่ได้รับการยอมรับให้เป็นภาษาทางการร่วมด้วย ได้แก่:
- ภาษาซอนโซรัล ในรัฐซอนโซรัล
- ภาษาโทเบีย ในรัฐฮาโตโฮเบย์
- ภาษาญี่ปุ่น ในรัฐอาเงาร์ (แม้ว่าปัจจุบันผู้พูดอาจมีจำนวนน้อยและส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ)
ภาษาอังกฤษถูกใช้เป็นภาษาหลักในระบบการศึกษาและเป็นภาษาที่สองของประชากรส่วนใหญ่ เนื่องจากปาเลาเคยเป็นดินแดนในภาวะทรัสตีของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ภาษาตากาล็อก (ฟิลิปปินส์) ก็มีผู้ใช้จำนวนมากเนื่องจากมีชาวฟิลิปปินส์อาศัยและทำงานในปาเลาเป็นจำนวนมาก ภาษาปาเลาเองก็ได้รับอิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ โดยมีคำยืมจากภาษาญี่ปุ่น สเปน และอังกฤษอยู่จำนวนไม่น้อย
8.1.3. ศาสนา
ศาสนาหลักในปาเลาคือศาสนาคริสต์ จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี ค.ศ. 2020 พบว่า:
- นิกายโรมันคาทอลิก: 46.9%
- นิกายโปรเตสแตนต์: 25.9% (ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอีแวนเจลิคัล)
- คริสตจักรเซเวนต์เดย์แอดเวนทิสต์: 5%
- โมเดกเงย (Modekngei): 5.1% เป็นศาสนาพื้นเมืองที่ผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมของปาเลากับศาสนาคริสต์และโหราศาสตร์
- ศาสนาอิสลาม: 4.9% (ส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวบังกลาเทศ)
- ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (มอร์มอน): 0.9%
- ศาสนาอื่น ๆ หรือไม่ระบุศาสนา: 11.4%
ในอดีต การปกครองของสเปนและเยอรมนีได้นำศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์เข้ามาเผยแผ่ ส่วนในช่วงการปกครองของญี่ปุ่น ได้มีการนำศาสนาพุทธนิกายมหายานและศาสนาชินโตเข้ามา ซึ่งเคยเป็นศาสนาหลักของชาวญี่ปุ่นที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวญี่ปุ่นที่ยังคงอาศัยอยู่ในปาเลาส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
8.2. การศึกษา
ระบบการศึกษาของปาเลามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการให้การศึกษาขั้นพื้นฐานแก่ประชากรทุกคน:
- การศึกษาภาคบังคับ: การศึกษาเป็นภาคบังคับสำหรับเด็กจนถึงอายุ 16 ปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (แล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน) ระบบการศึกษาโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นระดับประถมศึกษา (เกรด 1-8) และระดับมัธยมศึกษา (เกรด 9-12)
- สถาบันการศึกษาหลัก:
- โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา: มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนกระจายอยู่ตามรัฐต่าง ๆ โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่สำคัญคือ โรงเรียนมัธยมปาเลา (Palau High School)
- วิทยาลัยชุมชนปาเลา (Palau Community College - PCC): เป็นสถาบันอุดมศึกษาหลักของประเทศ เปิดสอนหลักสูตรอนุปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพในหลากหลายสาขา
- นโยบายการศึกษา: รัฐบาลปาเลาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเข้าถึงการศึกษาของประชากร มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนหลักร่วมกับภาษาปาเลา
- โอกาสในการศึกษาต่อต่างประเทศ: นักศึกษาชาวปาเลาจำนวนมากเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โท และเอกในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดภายใต้สัญญาความสัมพันธ์เสรี นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับทุนการศึกษาจากประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน และออสเตรเลีย
- การเรียนทางไกล: ปาเลามีโครงการความร่วมมือด้านการศึกษาทางไกลกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยแห่งรัฐซานดิเอโก (San Diego State University) และมหาวิทยาลัยแปซิฟิกใต้ (University of the South Pacific)
8.3. สาธารณสุขและการแพทย์
ระบบสาธารณสุขและการแพทย์ของปาเลามีศูนย์กลางอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งชาติและคลินิกชุมชน โดยพยายามให้บริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายบางประการ:
- สถานพยาบาลหลัก: โรงพยาบาลหลักของประเทศคือ โรงพยาบาลแห่งชาติเบเลา (Belau National Hospital) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 80 เตียง ตั้งอยู่ในรัฐคอรอร์ ให้บริการทางการแพทย์ทั่วไปและเฉพาะทางบางสาขา นอกจากนี้ยังมีคลินิกสาธารณสุขชุมชนกระจายอยู่ในรัฐต่าง ๆ
- สถานะการบริการทางการแพทย์: การบริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่สามารถทำได้ภายในประเทศ แต่สำหรับกรณีที่ซับซ้อนหรือต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ไม่มีในปาเลา ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องถูกส่งตัวไปรักษานอกประเทศ เช่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ หรือฮาวาย สหรัฐอเมริกา
- การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง: ปาเลาประสบปัญหาการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในบางสาขา เช่น ไม่มีแพทย์ผิวหนังหรือจักษุแพทย์ประจำ ทำให้ต้องอาศัยจักษุแพทย์จากสหรัฐฯ ที่เดินทางมาให้บริการเป็นครั้งคราว การรักษาโรคตาจากเบาหวานด้วยยา VEGF ไม่สามารถทำได้ ทำให้ต้องใช้การผ่าตัดด้วยเลเซอร์โดยจักษุแพทย์อาสาสมัครชาวอเมริกัน
- ปัญหาสุขภาพที่สำคัญ: โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในปาเลา นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับโรคติดเชื้อบางชนิด แม้ว่าจะมีการควบคุมที่ดีในระดับหนึ่ง
- นโยบายสาธารณสุข: รัฐบาลปาเลามุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อยกระดับการบริการสาธารณสุข
9. วัฒนธรรม
วัฒนธรรมปาเลามีรากฐานมาจากประเพณีดั้งเดิมของชาวไมโครนีเซีย ผสมผสานกับอิทธิพลจากภายนอกที่เข้ามาในช่วงประวัติศาสตร์ ทั้งจากญี่ปุ่น สเปน เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
9.1. สังคมและประเพณีดั้งเดิม

สังคมปาเลาดั้งเดิมมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและยึดถือประเพณีหลายอย่างที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน:
- การสืบทอดทางสายมารดา (Matrilineal System): สังคมปาเลาให้ความสำคัญกับสายตระกูลฝ่ายหญิงเป็นอย่างมาก การสืบทอดทรัพย์สิน ตำแหน่งหัวหน้าเผ่า และสิทธิในที่ดินมักจะผ่านทางสายมารดา ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของครอบครัวและชุมชน
- ระบบหัวหน้าเผ่า (Chiefly System): ปาเลามีระบบหัวหน้าเผ่าที่แข็งแกร่ง ซึ่งยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองและสังคมในปัจจุบัน สภาหัวหน้าเผ่า (Council of Chiefs) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลในเรื่องที่เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรม
- สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (บาย - Bai): "บาย" (baiPalauan) คือบ้านประชุมหรือศูนย์กลางชุมชนแบบดั้งเดิมของปาเลา สร้างด้วยไม้และมุงหลังคาด้วยใบจากหรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ผนังด้านนอกของบายมักจะมีการแกะสลักลวดลายและภาพวาดที่สวยงามบอกเล่าเรื่องราวตำนานและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
- พิธีกรรมเกี่ยวกับงานศพและงานแต่งงาน: งานศพและงานแต่งงานเป็นพิธีกรรมที่สำคัญในสังคมปาเลา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรวมญาติ การแลกเปลี่ยนของกำนัล และการปฏิบัติตามประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างเคร่งครัด
- การเคารพผู้สูงอายุ: สังคมปาเลาให้ความเคารพผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก และถือว่าผู้สูงอายุเป็นผู้มีปัญญาและประสบการณ์
แม้ว่าอิทธิพลจากตะวันตกจะทำให้วิถีชีวิตของชาวปาเลาเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ประเพณีดั้งเดิมหลายอย่างยังคงได้รับการรักษาและปฏิบัติสืบต่อกันมา
9.2. อาหาร
อาหารปาเลามีพื้นฐานมาจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาได้ง่ายในหมู่เกาะ และได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอาหารของชาติต่าง ๆ ที่เคยเข้ามาปกครองหรือติดต่อค้าขายด้วย:
- วัตถุดิบท้องถิ่นหลัก:
- พืชหัว: เผือก (taro) และมันสำปะหลัง (cassava หรือ tapioca) เป็นอาหารหลักที่สำคัญ ใช้ทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น ต้ม นึ่ง หรือทำเป็นแป้ง
- ปลาและอาหารทะเล: เนื่องจากเป็นประเทศหมู่เกาะ ปลาและอาหารทะเลจึงเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ มีการบริโภคปลาหลากหลายชนิด ทั้งปลาย่าง ปลาต้ม หรือทำเป็นซุป
- หมูและไก่: ก็เป็นเนื้อสัตว์ที่นิยมบริโภคเช่นกัน
- อาหารพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์:
- ซุปค้างคาวผลไม้ (Fruit Bat Soup): เป็นอาหารที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักของปาเลา แม้ว่าอาจจะไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทุกคน ค้างคาวผลไม้จะถูกนำมาต้มทั้งตัวในซุปกับขิงและเครื่องเทศอื่น ๆ กล่าวกันว่ามีรสชาติคล้ายเนื้อไก่
- ทามา (Tama): เป็นของหวานชนิดหนึ่งของปาเลา
- อิทธิพลจากต่างชาติ:
- อาหารญี่ปุ่น: มีอิทธิพลอย่างมากต่ออาหารปาเลา เช่น ซาชิมิ ซูชิ และเทมปุระ สามารถหารับประทานได้ทั่วไป
- อาหารอเมริกัน: อาหารจานด่วนและอาหารแปรรูปแบบอเมริกันก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
- อาหารฟิลิปปินส์: เนื่องจากมีชาวฟิลิปปินส์อาศัยอยู่ในปาเลาจำนวนมาก อาหารฟิลิปปินส์จึงมีให้เห็นทั่วไป
- เครื่องดื่มและของว่าง:
- เครื่องดื่มจากคาวา (Kava): เป็นเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมที่ทำจากรากของต้นคาวา มีฤทธิ์ทำให้ผ่อนคลาย มักดื่มในพิธีกรรมหรือการสังสรรค์
- การเคี้ยวหมาก (Betel Nut): เป็นประเพณีที่พบเห็นได้ทั่วไปในปาเลาและหมู่เกาะแปซิฟิกอื่น ๆ โดยนำผลหมากมาเคี้ยวรวมกับใบพลูและปูนขาว ทำให้ปากเป็นสีแดงและให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
9.3. กีฬา
กีฬาหลายประเภทเป็นที่นิยมในปาเลา ทั้งกีฬาแบบดั้งเดิมและกีฬาที่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ ปาเลาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติอย่างสม่ำเสมอ
9.3.1. เบสบอล
เบสบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปาเลา นับตั้งแต่ได้รับการแนะนำโดยชาวญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1920 ปาเลามีลีกเบสบอลในประเทศ และทีมชาติเบสบอลปาเลาประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยได้รับเหรียญทองในกีฬาไมโครนีเซียนเกมส์ (Micronesian Games) ในปี ค.ศ. 1990, 1998 และ 2010 รวมถึงในกีฬาแปซิฟิกเกมส์ (Pacific Games) ในปี ค.ศ. 2007
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 2022 ไบลห์ มาดริส (Bligh Madris) นักเบสบอลตำแหน่งเลฟต์ฟิลเดอร์ ได้ลงเล่นเกมแรกให้กับทีมพิตต์สเบิร์กไพเรตส์ในเมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) พบกับทีมชิคาโกคับส์ ทำให้เขากลายเป็นชาวปาเลาคนแรกที่ได้เล่นใน MLB
9.3.2. ฟุตบอล
แม้ว่าฟุตบอลจะไม่ได้รับความนิยมเท่าเบสบอล แต่ปาเลาก็มีทีมชาติฟุตบอลซึ่งจัดตั้งโดยสมาคมฟุตบอลปาเลา (Palau Football Association) อย่างไรก็ตาม ปาเลาไม่ได้เป็นสมาชิกของฟีฟ่า (FIFA) สมาคมฟุตบอลปาเลาจัดการแข่งขันปาเลาซอกเกอร์ลีก (Palau Soccer League) ภายในประเทศ
9.3.3. การเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก
ปาเลาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเป็นครั้งแรกในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นมา กีฬาหลักที่ปาเลาส่งนักกีฬาเข้าร่วม ได้แก่ กรีฑา ว่ายน้ำ และมวยปล้ำ แม้ว่าปาเลาจะยังไม่เคยได้รับเหรียญรางวัลโอลิมปิก แต่การเข้าร่วมการแข่งขันถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักกีฬาปาเลาในการแสดงความสามารถในเวทีระดับโลก
นอกจากนี้ ปาเลายังได้เริ่มจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน Belau Omal Marathon ในปี ค.ศ. 2023 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างปาเลาและไต้หวัน
9.4. สื่อมวลชนและศิลปะ
สื่อมวลชนและศิลปะในปาเลาสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นและอิทธิพลจากภายนอก:
- หนังสือพิมพ์: ปาเลามีหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่นำเสนอข่าวสารและข้อมูลท้องถิ่นและระหว่างประเทศ เช่น Island Times, Tia Belau (ก่อตั้ง ค.ศ. 1992) และในอดีตมี Rengel Belau (ค.ศ. 1983-1985)
- การกระจายเสียง (วิทยุและโทรทัศน์): มีสถานีวิทยุท้องถิ่น เช่น Eco Paradise FM ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ เอฟเอ็ม โตเกียว และเจแปนแอร์ไลน์ ส่วนบริการโทรทัศน์เคเบิล เช่น ICTV (Inter Cable Television) นำเสนอรายการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงช่อง NHK และ CNN
- ภาพยนตร์และการกล่าวถึงในสื่อต่างประเทศ: ปาเลาเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อดังอย่าง Survivor: Palau ของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังถูกกล่าวถึงหรือเป็นฉากในภาพยนตร์และละครต่างประเทศ เช่น ละครเกาหลีเรื่อง ตำนานรักใต้ทะเลสีคราม (The Legend of the Blue Sea) และภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Journey 2: The Mysterious Island (ค.ศ. 2012) และ Hell in the Pacific (ค.ศ. 1968)
- ศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิม: ปาเลามีชื่อเสียงด้านงานแกะสลักไม้ โดยเฉพาะ "สตอรี่บอร์ด" (storyboards) ซึ่งเป็นการแกะสลักไม้เป็นภาพเล่าเรื่องราวตำนานและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีงานฝีมืออื่น ๆ เช่น การทำเครื่องประดับจากเปลือกหอยและกระดองเต่า (ปัจจุบันมีการควบคุมเพื่อการอนุรักษ์) และการทอผ้า
- ดนตรีและการเต้นรำ: ดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิมยังคงมีการแสดงในโอกาสสำคัญและงานเทศกาลต่าง ๆ สะท้อนถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของปาเลา
9.5. มรดกโลก

ปาเลามีแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก (UNESCO) หนึ่งแห่งคือ:
- หมู่เกาะร็อคและทะเลสาบน้ำเค็มทางใต้ (Rock Islands Southern Lagoon): ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2012 พื้นที่นี้ประกอบด้วยเกาะหินปูนรูปทรงคล้ายเห็ดจำนวน 445 เกาะ ครอบคลุมพื้นที่ 100.20 K ha และล้อมรอบด้วยแนวปะการัง มีความโดดเด่นด้านความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลสูงมาก มีทะเลสาบน้ำเค็มภายในเกาะมากกว่า 50 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่น เช่น ทะเลสาบแมงกะพรุน (Jellyfish Lake) อันโด่งดัง นอกจากนี้ พื้นที่นี้ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรม โดยมีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มายาวนานกว่า 3,000 ปี รวมถึงศิลปะบนหินและแหล่งโบราณคดี
นอกจากแหล่งมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ปาเลายังมีสถานที่ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของยูเนสโกอีก 4 แห่ง ได้แก่:
- Ouballang ra Ngebedech (Ngebedech Terraces): ระเบียงดินโบราณ
- Imeong Conservation Area: เขตอนุรักษ์อิเมออง
- Yapease Quarry Sites: แหล่งหินยาเปียส
- Tet el Bad (Stone Coffin): โลงศพหินเต็ด เอล บัด
สถานที่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สำคัญของปาเลา และความพยายามในการอนุรักษ์มรดกเหล่านี้ไว้สำหรับคนรุ่นหลัง
9.6. วันหยุดราชการ
ปาเลามีวันหยุดราชการและวันหยุดตามกฎหมายที่สำคัญดังต่อไปนี้:
วันที่ | ชื่อวันหยุด (ภาษาไทย) | ชื่อวันหยุด (ภาษาอังกฤษ) |
---|---|---|
1 มกราคม | วันขึ้นปีใหม่ | New Year's Day |
15 มีนาคม | วันเยาวชน | Youth Day |
5 พฤษภาคม | วันผู้สูงอายุ | Senior Citizens Day |
1 มิถุนายน | วันประธานาธิบดี | President's Day |
9 กรกฎาคม | วันรัฐธรรมนูญ | Constitution Day |
วันจันทร์แรกของเดือนกันยายน | วันแรงงาน | Labor Day |
1 ตุลาคม | วันประกาศเอกราช | Independence Day |
24 ตุลาคม | วันสหประชาชาติ | United Nations Day |
วันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน | วันขอบคุณพระเจ้า | Thanksgiving Day |
25 ธันวาคม | วันคริสต์มาส | Christmas Day |
หมายเหตุ: หากวันหยุดตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ อาจมีการหยุดชดเชยในวันทำการถัดไปตามประกาศของรัฐบาล