1. ภาพรวม
ซีโมนพรรคชาตินิยม หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซีโมนชาวคานาอัน เป็นหนึ่งในอัครทูตสิบสองคนของพระเยซูคริสต์ ท่านมีภูมิหลังที่น่าสนใจและคลุมเครือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ท่านเคยเป็นสมาชิกของพรรคชาตินิยม ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมยิวที่ต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิโรมันอย่างรุนแรง การเปลี่ยนผ่านของซีโมนจากแนวคิดการต่อต้านด้วยความรุนแรงไปสู่การเป็นสาวกของพระเยซูผู้สอนเรื่องความรักและสันติ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของท่าน ซึ่งสะท้อนถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของคำสอนของพระเยซูที่สามารถหลอมรวมผู้คนที่มีแนวคิดสุดขั้วเข้าด้วยกันได้ ชีวิตและกิจกรรมของซีโมนในฐานะอัครทูต แม้จะมีการบันทึกในพระคัมภีร์น้อยมาก แต่ประเพณีและตำนานต่าง ๆ ได้เล่าถึงการเผยแผ่ศาสนาของท่านในหลายภูมิภาคและการพลีชีพเพื่อความเชื่อ ซีโมนได้รับการยกย่องเป็นนักบุญในหลายนิกายของศาสนาคริสต์ และยังได้รับการกล่าวถึงในศาสนาอิสลามในฐานะสาวกของพระเยซูด้วย ชีวิตของท่านจึงเป็นสัญลักษณ์ของการค้นหาความยุติธรรม สันติภาพ และการปลดปล่อย ผ่านเส้นทางที่แตกต่างกัน
2. อัตลักษณ์และชื่อเรียก

ซีโมนเป็นหนึ่งในอัครทูตของพระเยซู ซึ่งชื่อของท่านปรากฏในพระวรสารสหทรรศน์และกิจการของอัครทูตพร้อมด้วยฉายาเพื่อแยกแยะท่านออกจากบุคคลอื่นที่มีชื่อเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีโมนเปโตร ฉายาที่ใช้เรียกท่านมีหลายแบบ ได้แก่ "ซีโมนพรรคชาตินิยม" (Simon the Zealotภาษาอังกฤษ) หรือ "ซีโมนเศโลเท" (Σίμων ὁ ΖηλωτηςSimon ho ZelōtēsGreek, Ancient) ซึ่งปรากฏในพระวรสารนักบุญลูกาและกิจการของอัครทูต นอกจากนี้ ในพระวรสารนักบุญมัทธิวและพระวรสารนักบุญมาระโก ท่านยังถูกเรียกว่า "ซีโมนชาวคานาอัน" (Σίμων ὁ ΚανανίτηςSimon ho KananitesGreek, Ancient) หรือ "ซีโมนชาวคานาเนียน" (Σίμων ὁ ΚαναναιοςSimon ho KananaiosGreek, Ancient)
ชื่อ "ซีโมน" (שמעוןShim'onภาษาฮีบรู (ใหม่)) มีความหมายว่า 'พระเจ้าทรงได้ยิน' หรือ 'พระเจ้าทรงตอบ' ซึ่งเป็นชื่อที่พบบ่อยในสมัยนั้น การใช้ฉายาจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อระบุตัวตนของท่านอย่างชัดเจน ฉายา "เศโลเท" หรือ "พรรคชาตินิยม" โดยทั่วไปตีความว่าท่านเป็นอดีตสมาชิกของพรรคชาตินิยม ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองและศาสนาที่เคร่งครัดและต่อต้านการปกครองของโรมันในยูเดียอย่างรุนแรง ส่วนฉายา "คานาอัน" หรือ "คานาเนียน" นั้น แม้จะดูเหมือนหมายถึงภูมิลำเนา แต่รากศัพท์ของคำเหล่านี้ในภาษาฮีบรู (קนאיqanaiภาษาฮีบรู (ใหม่)) ก็มีความหมายว่า "กระตือรือร้น" หรือ "ผู้มีใจแรงกล้า" เช่นเดียวกับคำว่า "Zealot" จึงมักถูกแปลว่า "ผู้มีใจกระตือรือร้น" หรือ "ผู้เคร่งครัด"
ซีโมนพรรคชาตินิยมไม่ได้รับการระบุโดยตรงว่าเป็นบุคคลเดียวกับซีโมน พี่ชายของพระเยซู ซึ่งถูกกล่าวถึงในพระวรสารนักบุญมาระโก (มาระโก 6:3) และยังแตกต่างจากซีโมนเปโตร อัครทูตคนสำคัญอีกคนหนึ่งอย่างชัดเจน
3. บันทึกในพระคัมภีร์
ชื่อของซีโมนปรากฏอยู่ในรายชื่ออัครทูตสิบสองคนในพระวรสารสหทรรศน์และกิจการของอัครทูต โดยไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตหรือกิจกรรมของท่านมากนัก การกล่าวถึงท่านมักอยู่ในรูปแบบของการระบุชื่อพร้อมฉายาเพื่อแยกแยะจากซีโมนคนอื่น ๆ
ในพระวรสารนักบุญลูกา (ลูกา 6:14-16) และกิจการของอัครทูต (กิจการ 1:13) ซีโมนถูกระบุในรายชื่ออัครทูตด้วยฉายา "เศโลเท" หรือ "พรรคชาตินิยม" ซึ่งบ่งชี้ถึงความกระตือรือร้นหรือการเป็นอดีตสมาชิกของกลุ่มชาตินิยมที่ต่อต้านโรมัน รายชื่ออัครทูตในพระวรสารนักบุญลูกาเริ่มต้นด้วยซีโมนเปโตรและอันดรูว์น้องชายของเขา ตามด้วยยากอบและยอห์น ฟีลิปและบารโธโลมิว มัทธิวและโธมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนที่เรียกกันว่าเศโลเท ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอทผู้ทรยศ เช่นเดียวกับในกิจการของอัครทูตที่กล่าวถึงผู้ที่อยู่ในห้องชั้นบนหลังการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซูว่ามีเปโตร ยอห์น ยากอบกับอันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม กับยูดาสบุตรยากอบ
ส่วนในพระวรสารนักบุญมัทธิว (มัทธิว 10:2-4) และพระวรสารนักบุญมาระโก (มาระโก 3:16-19) ก็มีการระบุชื่อท่านในรายชื่ออัครทูตเช่นกัน โดยใช้ฉายา "ซีโมนพรรคชาตินิยม" หรือ "ซีโมนชาวคานาอัน" ในมัทธิว รายชื่ออัครทูตประกอบด้วยซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องของเขา ยากอบบุตรเศเบดีกับยอห์นน้องของเขา ฟีลิปและบารโธโลมิว โธมัสและมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัสและเลบเบอัสผู้ที่มีชื่ออีกว่าธัดเดอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอทผู้ทรยศ ในมาระโก รายชื่อคล้ายกัน โดยมีซีโมนที่พระองค์ประทานอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตร ยากอบบุตรเศเบดีกับยอห์นน้องของยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป บารโธโลมิว มัทธิว โธมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอทคนทรยศ
การที่พระคัมภีร์ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีโมน ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตและกิจกรรมของท่านส่วนใหญ่มาจากประเพณีและงานเขียนที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสารบบพระคัมภีร์ (apocrypha)
4. การตีความฉายา
ฉายาของซีโมนเป็นประเด็นที่มีการตีความและถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะคำว่า "Zealot" และ "Canaanite" หรือ "Canaanean"
ในพระวรสารนักบุญลูกาและกิจการของอัครทูต ซีโมนถูกเรียกว่า "เศโลเท" (ΖηλωτηςZēlōtēsGreek, Ancient) ซึ่งเป็นคำกรีกที่แปลว่า "ผู้มีใจกระตือรือร้น" หรือ "ผู้เคร่งครัด" และมักถูกตีความว่าหมายถึงสมาชิกของพรรคชาตินิยม ซึ่งเป็นขบวนการทางการเมืองและศาสนาของชาวยิวที่ต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิโรมันอย่างรุนแรงและมีแนวคิดชาตินิยมสูง
อย่างไรก็ตาม ในพระวรสารนักบุญมัทธิวและพระวรสารนักบุญมาระโก ซีโมนถูกเรียกว่า "คานาไนทิส" (ΚανανίτηςKananitēsGreek, Ancient) หรือ "คานาไนออส" (ΚαναναιοςKananaiosGreek, Ancient) คำเหล่านี้มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาฮีบรูว่า "กานาย" (קנאיqanaiภาษาฮีบรู (ใหม่)) ซึ่งหมายถึง "ผู้มีใจกระตือรือร้น" หรือ "ผู้เคร่งครัด" เช่นกัน ดังนั้นนักวิชาการส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงแปลคำทั้งสองนี้ว่าหมายถึง "Zealot" หรือ "ผู้มีใจกระตือรือร้น"
แต่ก็มีนักวิชาการบางท่าน เช่น นักบุญเจอโรม และนักบุญบีด ที่เสนอว่าคำว่า "คานาไนออส" หรือ "คานาไนทิส" ควรแปลว่า "ชาวคานาอัน" หรือ "ชาวคานาเนียน" ซึ่งหมายถึงบุคคลที่มาจากเมืองคานาในแคว้นกาลิลี หากการตีความนี้ถูกต้อง ฉายาของท่านควรจะเป็น "กานายออส" (Kanaios) ซึ่งหมายถึง "ผู้มาจากคานา"
จอห์น พี. ไมเออร์ นักวิชาการด้านพระคัมภีร์ ได้โต้แย้งว่าคำว่า "Zealot" อาจเป็นการแปลผิด และในบริบทของพระวรสาร คำนี้อาจหมายถึง "ผู้มีใจกระตือรือร้น" หรือ "ผู้เคร่งครัดในธรรมบัญญัติของโมเสส" เนื่องจากขบวนการพรรคชาตินิยมในฐานะกลุ่มการเมืองที่ชัดเจนนั้นอาจยังไม่มีตัวตนจนกระทั่ง 30-40 ปีหลังจากเหตุการณ์ในพระวรสาร อย่างไรก็ตาม มุมมองนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการท่านอื่น ๆ เช่น เอส. จี. เอฟ. แบรนดอน และมาร์ติน เฮนเกล
โรเบิร์ต ไอเซนแมน นักวิชาการอีกท่านหนึ่ง ได้เสนอว่าการอ้างอิงถึง "Zealots" ในคัมภีร์ทัลมุดร่วมสมัยนั้นหมายถึง "คันนายิม" (kanna'im) ซึ่งไม่ใช่กลุ่มที่ชัดเจน แต่เป็นนักบวชผู้แก้แค้นในพระวิหาร อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปที่กว้างกว่าของไอเซนแมนที่ว่าองค์ประกอบของพรรคชาตินิยมในกลุ่มอัครทูตดั้งเดิมถูกปกปิดและเขียนทับเพื่อสนับสนุนศาสนาคริสต์แบบเปาโลที่เน้นการรวมคนต่างชาติเข้าด้วยกันนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
5. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลังทางความคิด
ก่อนที่ซีโมนจะมาเป็นอัครทูตของพระเยซู ท่านมีภูมิหลังที่แตกต่างจากสาวกคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน ท่านเป็นสมาชิกของพรรคชาตินิยม ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมยิวสุดโต่งที่ประกอบด้วยชาวฟาริสีเป็นหลัก และอ้างตนเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของมัคคาบี กลุ่มนี้มีแนวคิดต่อต้านจักรวรรดิโรมันอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้ชาวยิวเป็นอิสระจากการปกครองของโรมัน
พรรคชาตินิยมเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จลงมาในโลกนี้เพื่อนำกองทัพขับไล่จักรวรรดิโรมันและปลดปล่อยแผ่นดินยูดาห์ให้เป็นอิสระ ด้วยความเชื่อนี้ พวกเขาจึงไม่ยอมรับพระเยซูในฐานะพระเมสสิยาห์ที่พวกเขาเฝ้ารอคอย เนื่องจากพระเยซูทรงมีรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและเทศนาเรื่องสันติภาพ ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยอาวุธ
ในฐานะสมาชิกของพรรคชาตินิยม ซีโมนและพรรคพวกได้ก่อเหตุการณ์ที่คล้ายกับการก่อการร้าย เช่น การปล้นสะดมและการสังหารชาวโรมัน รวมถึงชาวยิวที่ให้ความร่วมมือกับโรมัน การกระทำเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาติ อย่างไรก็ตาม การพบกับพระเยซูได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของซีโมนอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่ได้ฟังคำเทศนาและเห็นการอัศจรรย์ของพระเยซู ซีโมนก็เกิดความประทับใจและศรัทธาอย่างลึกซึ้ง ท่านตัดสินใจละทิ้งแนวคิดและความรุนแรงของพรรคชาตินิยม และผันตัวมาเป็นสาวกของพระเยซู การตัดสินใจของพระเยซูที่จะรับซีโมนเข้ามาเป็นสาวกนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากพระองค์ไม่เพียงแต่รับผู้ที่เชื่อฟังอย่างสงบเท่านั้น แต่ยังทรงเปิดรับผู้คนหลากหลายประเภทที่มีภูมิหลังและแนวคิดที่แตกต่างกัน
การที่พระเยซูทรงรับทั้งซีโมนซึ่งเป็นนักชาตินิยมสุดโต่ง และมัทธิวซึ่งเป็นคนเก็บภาษีที่ทำงานให้แก่จักรวรรดิโรมันเข้าเป็นสาวก สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของพระองค์ที่จะประสานความขัดแย้งและสร้างความสมานฉันท์ระหว่างผู้คนที่มีอุดมการณ์ที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนผ่านของซีโมนจากนักรบผู้ใช้ความรุนแรงมาเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ผู้สอนเรื่องความรักและสันติภาพ จึงเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณและสังคม
6. กิจกรรมในฐานะอัครทูตและประเพณี

หลังจากที่ซีโมนได้เป็นอัครทูตของพระเยซูแล้ว กิจกรรมของท่านในพระคัมภีร์ใหม่มีบันทึกไว้น้อยมาก แต่ประเพณีและงานเขียนที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสารบบพระคัมภีร์ (apocrypha) ได้เล่าถึงการปฏิบัติศาสนกิจและการเดินทางเผยแผ่ศาสนาของท่านในหลายภูมิภาค
ตามตำนานที่แพร่หลายที่สุด ซีโมนมักถูกกล่าวถึงคู่กับยูดาส ธัดเดอัส (หรือนักบุญยูดา) ในฐานะทีมเผยแผ่ศาสนา ในศาสนาคริสต์ตะวันตก ทั้งสองมีวันฉลองร่วมกันในวันที่ 28 ตุลาคม
ประเพณีที่นิยมเชื่อกันมากที่สุดระบุว่า หลังจากเผยแผ่ศาสนาในอียิปต์แล้ว ซีโมนได้เดินทางไปสมทบกับยูดาส ธัดเดอัสในเปอร์เซียและอาร์มีเนีย หรือเมืองเบรุตในประเทศเลบานอนปัจจุบัน ซึ่งทั้งสองได้พลีชีพเพื่อความเชื่อในปีคริสต์ศักราช 65 เรื่องราวนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือ ตำนานทองคำ (The Golden Legend) ที่รวบรวมโดยยาโคบุส เด โวราจิเน ในคริสต์ศตวรรษที่ 13
นอกจากนี้ ยังมีประเพณีอื่น ๆ ที่กล่าวถึงการเดินทางของซีโมน:
- จอร์เจีย:** ตามประเพณีตะวันออก ซีโมนได้เดินทางไปเผยแผ่ศาสนาในจอร์เจีย และเสียชีวิตในอับคาเซีย โดยถูกฝังไว้ที่เมืองนิคอปเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยังไม่ถูกระบุตำแหน่งที่ชัดเจนบนชายฝั่งทะเลดำ ภายหลังร่างของท่านถูกย้ายไปที่เมืองอนาโคเปียในอับคาเซียปัจจุบัน
- ตะวันออกกลางและแอฟริกา:** บางประเพณีกล่าวว่าท่านเดินทางไปในตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา ชาวเอธิโอเปียอ้างว่าท่านถูกตรึงกางเขนในสะมาเรีย
- เปอร์เซีย:** ยุสตัส ลิปซิอุส เขียนว่าท่านถูกเลื่อยผ่าครึ่งที่เมืองสุอาเนียร์ในเปอร์เซีย ขณะที่โมเสสแห่งโครีนกล่าวว่าท่านพลีชีพที่เวริโอสโฟราในไอบีเรียคอเคซัส
- เอเดสซา:** อีกประเพณีหนึ่งระบุว่าท่านเสียชีวิตอย่างสงบที่เมืองเอเดสซาในเมโสโปเตเมีย
- บริเตนโรมัน:** มีประเพณีที่ระบุว่าซีโมนได้เดินทางไปยังบริเตนสมัยโรมัน ในการเผยแผ่ศาสนาครั้งที่สองของท่านที่บริเตนในปีคริสต์ศักราช 60 ซึ่งเป็นปีแรกของการก่อกบฏของโบดิคา ท่านถูกตรึงกางเขนในวันที่ 10 พฤษภาคม คริสต์ศักราช 61 โดยคาทุส เดเซียนาส ผู้ปกครองโรมัน ที่เมืองไคสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันคือลิงคอล์นเชอร์ในประเทศอังกฤษ ตามบันทึกของซีซาร์ บาโรเนียส และฮิปโปลิตัสแห่งโรม การมาถึงบริเตนครั้งแรกของซีโมนคือในปีคริสต์ศักราช 44 ระหว่างการยึดครองบริเตนของโรมัน ไนเคโฟรอสที่ 1 แห่งคอนสแตนติโนเปิล เขียนว่าซีโมนเดินทางผ่านอียิปต์ แอฟริกา มาวเรตาเนีย ลิเบีย และหมู่เกาะบริตาเนียเพื่อเผยแพร่พระกิตติคุณ
นอกจากนี้ ยังมีประเพณีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฉายา "พรรคชาตินิยม" ของท่าน ซึ่งกล่าวว่าท่านมีส่วนร่วมในสงครามยิว-โรมันครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 66-73)
7. การอภิปรายเกี่ยวกับอัตลักษณ์
มีการอภิปรายและทฤษฎีหลายอย่างที่พยายามเชื่อมโยงหรือระบุตัวตนของซีโมนพรรคชาตินิยมกับบุคคลอื่น ๆ ที่มีชื่อคล้ายกันในพระคัมภีร์หรือในประเพณีคริสเตียนยุคแรก
ในพระวรสาร ซีโมนพรรคชาตินิยมไม่ได้ถูกระบุโดยตรงว่าเป็นบุคคลเดียวกับซีโมน พี่ชายของพระเยซู ซึ่งถูกกล่าวถึงในพระวรสารนักบุญมาระโก (มาระโก 6:3) ว่าเป็นหนึ่งในพี่น้องของพระเยซู อย่างไรก็ตาม สารานุกรมคาทอลิก ได้เสนอความเป็นไปได้ว่าซีโมนพรรคชาตินิยมอาจเป็นบุคคลเดียวกับซีเมโอนแห่งเยรูซาเล็ม หรือซีโมน พี่ชายของพระเยซู หรือทั้งสองคน ซึ่งในกรณีนี้ท่านอาจเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเยซู หรือเป็นบุตรชายของนักบุญโยเซฟจากการแต่งงานครั้งก่อน
อีกประเพณีหนึ่งกล่าวว่า ซีโมนพรรคชาตินิยมคือซีเมโอนแห่งเยรูซาเล็ม ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งบิชอปองค์ที่สองของเยรูซาเล็มตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 62 ถึง 107 หลังจากการประหารชีวิตของยากอบผู้ชอบธรรม แม้ว่าซีเมโอนผู้นี้จะเกิดในกาลิลีก็ตาม
ในงานเขียนที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสารบบพระคัมภีร์ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 2 ชื่อว่า จดหมายของอัครทูต (Epistula Apostolorum) ซึ่งเป็นงานเขียนที่ต่อต้านไญยนิยม ได้ระบุชื่อท่านในกลุ่มอัครทูตที่เขียนจดหมายฉบับนี้ว่า "ยูดาส เศโลเท" (Judas Zelotes) การระบุเช่นนี้ทำให้บางคนเชื่อว่าท่านอาจเป็นบุคคลเดียวกับนักบุญยูดา (ธัดเดอัส/เลบเบอัส) ซึ่งในพระวรสารนักบุญมัทธิว (มัทธิว 10:3) บางสำเนาแปลภาษาละตินเก่าได้แทนที่ชื่อ "ธัดเดอัส/เลบเบอัส" ด้วย "ยูดาส เศโลเท" นอกจากนี้ ยังมีการเสนอว่าท่านอาจเป็นบุคคลเดียวกับ "ยูดาส ไม่ใช่อิสคาริโอท" ที่กล่าวถึงในพระวรสารนักบุญยอห์น (ยอห์น 14:22) และหากสันนิษฐานว่ายูดาสเป็นบุคคลเดียวกับอัครทูตโทมัส ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่ซีโมนพรรคชาตินิยมจะเป็นบุคคลเดียวกับโทมัสด้วย
บาร์บารา เธียริง นักวิชาการอีกท่านหนึ่ง ได้เสนอว่าซีโมนพรรคชาตินิยมคือบุคคลเดียวกับซีโมนผู้วิเศษ (Simon Magus) อย่างไรก็ตาม มุมมองนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างจริงจังในหมู่นักวิชาการส่วนใหญ่ พระคัมภีร์ใหม่ไม่ได้บันทึกสิ่งใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีโมน นอกเหนือจากชื่อและฉายาที่อาจเป็นนามแฝงที่หลากหลายแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้เหล่านี้
ในงานเขียนที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสารบบพระคัมภีร์เรื่อง พระกิตติคุณอาหรับวัยเด็ก (Arabic Infancy Gospel) มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เด็กชายชื่อซีโมนถูกงูกัดที่มือ และได้รับการรักษาโดยพระเยซู ซึ่งตรัสกับเด็กว่า "เจ้าจะเป็นสาวกของเรา" การกล่าวถึงนี้จบลงด้วยวลีว่า "นี่คือซีโมนชาวคานาอัน ผู้ซึ่งถูกกล่าวถึงในพระกิตติคุณ"
อิสิดอร์แห่งเซบิยา ได้รวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับซีโมนไว้ในหนังสือ De Vita et Morte ของท่าน
8. ความเป็นนักบุญและวันฉลอง
ซีโมนพรรคชาตินิยม เช่นเดียวกับอัครทูตคนอื่น ๆ ได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญในหลายนิกายของศาสนาคริสต์ ซึ่งรวมถึงคริสตจักรโรมันคาทอลิก (รวมถึงคริสตจักรคาทอลิกตะวันออก) คริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ คริสตจักรออเรียนทัลออร์โธดอกซ์ คริสตจักรลูเทอแรน และคริสตจักรในแองกลิคันคอมมิวเนียน
วันฉลองของนักบุญซีโมนแตกต่างกันไปในแต่ละนิกาย:
- ในคริสตจักรโรมันคาทอลิกและคริสตจักรแห่งอังกฤษ ท่านได้รับการเฉลิมฉลอง (ร่วมกับนักบุญยูดา) ในวันที่ 28 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเทศกาล
- ในคริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ วันฉลองของท่านคือวันที่ 10 พฤษภาคม
- ในคริสตจักรคอปติกออร์โธดอกซ์ วันฉลองของท่านคือวันที่ 10 พฤษภาคมเช่นกัน
9. ในศิลปะคริสต์ศาสนา
ในศิลปะคริสต์ศาสนา ซีโมนพรรคชาตินิยมมักถูกพรรณนาด้วยสัญลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อระบุตัวตนของท่าน สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดคือ "เลื่อย" เนื่องจากตามประเพณีเชื่อกันว่าท่านได้พลีชีพโดยการถูกเลื่อยผ่าครึ่งร่างกาย
นอกจากเลื่อยแล้ว สัญลักษณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซีโมนในงานศิลปะยังรวมถึง:
- เรือ:** อาจสื่อถึงการเดินทางเผยแผ่ศาสนาของท่าน
- กางเขนและเลื่อย:** เป็นการรวมสัญลักษณ์ของการพลีชีพด้วยการตรึงกางเขนและการถูกเลื่อย
- ปลาหรือปลาสองตัว:** อาจเกี่ยวข้องกับการเป็นชาวประมงก่อนเป็นสาวก หรือการเป็น "ผู้จับคน"
- หอก:** เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการพลีชีพ
- คนถูกเลื่อยเป็นสองภาค:** เป็นภาพที่แสดงถึงวิธีการพลีชีพของท่านโดยตรง
- ใบพาย:** อาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางทางน้ำหรือการเป็นชาวประมง
งานศิลปะหลายชิ้นได้พรรณนาถึงซีโมนพรรคชาตินิยม เช่น ภาพโมเสกในมหาวิหารซานวิตาเลที่เมืองราเวนนาในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ซึ่งเป็นภาพซีโมนอัครทูต นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมและภาพวาดจากศิลปินต่าง ๆ ที่แสดงภาพของท่านพร้อมสัญลักษณ์ประจำตัว

ในบรรดางานศิลปะเหล่านี้ ได้แก่ ภาพวาด "ซีโมนพรรคชาตินิยม" โดยการาวัจโจ รูปปั้นนักบุญซีโมนโดยฟรันเชสโก โมรัตติในมหาวิหารนักบุญยอห์นลาเตรัน ภาพจิตรกรรมฝาผนังในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่โบสถ์อีแวนเจลิคัลแห่งลินเดน เฮสเซ และรูปปั้นของซีโมนพรรคชาตินิยมโดยแฮร์มันน์ ชีเฟลไบน์บนหลังคาอาสนวิหารเฮลซิงกิ รวมถึงภาพวาด "อัครทูตซีโมนพรรคชาตินิยม" โดยเกออร์ก กเซลล์ และภาพ "นักบุญซีโมน" โดยเจมส์ ทิสโซต์ ที่พิพิธภัณฑ์บรูคลิน
10. การกล่าวถึงในศาสนาอิสลาม
ในศาสนาอิสลาม ซีโมนพรรคชาตินิยมได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในสาวกของพระเยซู (อีซา) การตีความคัมภีร์อัลกุรอานและอรรถกถาของนักวิชาการมุสลิมได้ระบุชื่อของอัครทูตสิบสองคนของพระเยซู โดยมีซีโมนรวมอยู่ในหมู่สาวกเหล่านั้นด้วย
ตามประเพณีของชาวมุสลิม มีการกล่าวว่าซีโมนได้รับมอบหมายให้เผยแผ่พระวจนะของอัลลอฮ์ (พระเจ้า) ไปยังชาวเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในแอฟริกาเหนือ เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของท่านในฐานะผู้เผยแผ่ศาสนาที่เดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อนำคำสอนของพระเจ้าไปสู่ผู้คนนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์
11. การประเมินทางประวัติศาสตร์และผลกระทบ
ชีวิตของซีโมนพรรคชาตินิยมมีความหมายอันหลากหลายและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านจากภูมิหลังเดิมของท่านในฐานะสมาชิกของพรรคชาตินิยมไปสู่การเป็นอัครทูตของพระเยซู
ก่อนที่จะเป็นสาวก ซีโมนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ใช้ความรุนแรงเพื่อต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิโรมันและเรียกร้องเอกราชของชาวยิว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อความยุติธรรมและการปลดปล่อย อย่างไรก็ตาม การที่ท่านหันมาติดตามพระเยซู ผู้ทรงสอนเรื่องความรัก สันติภาพ และการให้อภัย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของคำสอนของพระเยซูในการเปลี่ยนใจผู้ที่เคยมีแนวคิดสุดโต่งให้มาสู่เส้นทางแห่งสันติ
การที่พระเยซูทรงเลือกซีโมน ซึ่งเป็นอดีตนักชาตินิยมหัวรุนแรง และมัทธิว ซึ่งเป็นคนเก็บภาษีที่ทำงานให้แก่โรมัน เข้ามาเป็นสาวกพร้อมกันนั้น เป็นสิ่งที่น่าสังเกตอย่างยิ่ง พระเยซูทรงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรวมผู้คนที่มีอุดมการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างชุมชนแห่งความเชื่อที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม การกระทำนี้เน้นย้ำถึงแก่นแท้ของพันธกิจของพระองค์ในการสร้างความสมานฉันท์และการปรองดอง
แม้ว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับซีโมนจะมีน้อย แต่ชีวิตของท่านได้ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลังในแง่ของการเป็นแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลง การอุทิศตนเพื่อความเชื่อ และการแสวงหาความยุติธรรมด้วยแนวทางที่แตกต่างกัน การอภิปรายเกี่ยวกับภูมิหลังของท่านในฐานะนักชาตินิยมและกิจกรรมในฐานะอัครทูตยังคงเป็นประเด็นที่นักวิชาการให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการเชื่อมโยงระหว่างศรัทธา ศาสนา และการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมทางสังคมและสันติภาพ การเดินทางของซีโมนจากนักรบผู้ใช้ความรุนแรงไปสู่ผู้เผยแผ่ข่าวสารแห่งสันติ จึงเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงความหวังในการเปลี่ยนแปลงและพลังแห่งการไถ่บาปในชีวิตมนุษย์.