1. ภาพรวม

จูเซปเป ซีโนโปลี (Giuseppe Sinopoliจู-เซป-เป ซิ-โน-โป-ลีภาษาอิตาลี) (เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 - เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2544) เป็นทั้งวาทยกรและคีตกวีชาวอิตาลีผู้มีชื่อเสียงจากการตีความผลงานดนตรีอย่างเข้มข้นและลุ่มลึก ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภูมิหลังทางวิชาการอันหลากหลาย ทั้งแพทยศาสตร์ (โดยเฉพาะจิตเวชศาสตร์) และโบราณคดี ทำให้เขามีแนวทางการตีความดนตรีที่ผสมผสานทั้งความรู้เชิงวิชาการและสัญชาตญาณทางศิลปะ ซีโนโปลีเป็นที่รู้จักจากแนวคิดอันชาญฉลาดและแนวทางที่แปลกใหม่ ซึ่งนำไปสู่การตีความดนตรีที่ก่อให้เกิดทั้งคำชื่นชมอย่างสูงและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การผสานองค์ความรู้จากหลายสาขาวิชาเข้ากับการนำเสนอทางดนตรีของเขา ได้สะท้อนถึงมุมมองแบบกลางซ้ายที่เน้นการเปิดรับความรู้จากหลายมิติและการท้าทายขนบเดิม ๆ เพื่อสร้างสรรค์ศิลปะที่มีความหมายยิ่งขึ้น
2. ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
จูเซปเป ซีโนโปลีเกิดที่เวนิส ประเทศอิตาลี เขาเริ่มศึกษาดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย ตามความปรารถนาของพ่อแม่ เขาได้เลือกเรียนแพทยศาสตร์ควบคู่ไปกับการศึกษาดนตรี ทำให้เขามีพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งทั้งในสาขาวิชาการและศิลปะ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับแนวทางการตีความดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาในภายหลัง
2.1. ภูมิหลังทางวิชาการและดนตรี
จูเซปเป ซีโนโปลีมีเส้นทางการศึกษาที่โดดเด่นและหลากหลายอย่างยิ่ง เขาได้ศึกษาการประพันธ์ดนตรีที่สถาบันดนตรีเบเนเดตโต มาร์เซลโลแห่งเวนิส (Conservatorio di Musica Benedetto Marcello di Venezia) ในเวนิส ภายใต้การสอนของเออร์เนสโต รูบิน เด แชร์วิน และบรูโน มาเดร์นา โดยมาเดร์นามีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวคิดด้านดนตรีร่วมสมัยของซีโนโปลี นอกจากนี้ เขายังได้เรียนกับคาร์ลไฮนซ์ ชต็อกเฮาเซิน ที่ดาร์มชตาดท์ในด้านการประพันธ์ดนตรี และศึกษาการวาทยกรที่สถาบันดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งเวียนนา (Vienna Academy of Music) ภายใต้การดูแลของฮันส์ สวารอฟสกี้ และคาร์ล เอสเตอร์ไรเคอร์
นอกเหนือจากดนตรี ซีโนโปลียังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปาโดวา โดยเน้นจิตเวชศาสตร์ และได้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับอาชญาวิทยาเชิงมานุษยวิทยา แม้เขาจะได้รับใบอนุญาตเป็นประสาทจิตแพทย์ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เข้าทำงานในโรงพยาบาล โดยหันมาศึกษาดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ดาร์มชตาดท์แทน
ความสนใจในโบราณคดีของเขาก็ลึกซึ้งไม่แพ้กัน เขาได้รับปริญญาด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยซาปิเอนซาแห่งโรมภายหลังการเสียชีวิตของเขา ซึ่งเดิมวิทยานิพนธ์ของเขามีกำหนดป้องกันในวันเดียวกับพิธีศพของเขา ซีโนโปลีมีความสนใจอย่างมากในประวัติศาสตร์ โบราณคดี และมานุษยวิทยา โดยเฉพาะประวัติศาสตร์โบราณของตะวันออกกลางและตะวันออกใกล้ เขาพูดได้ถึง 7 ภาษา รวมถึงภาษาอียิปต์โบราณและภาษากรีกโบราณ
3. อาชีพ
อาชีพของจูเซปเป ซีโนโปลีโดดเด่นด้วยบทบาทที่พัฒนาจากคีตกวีสู่การเป็นวาทยกรระดับโลก โดยผสานความรู้เชิงปัญญาและแนวทางการตีความอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพลจากภูมิหลังทางวิชาการของเขา
3.1. กิจกรรมทางอาชีพช่วงต้นและผลงานประพันธ์
ซีโนโปลีเริ่มสร้างชื่อเสียงในฐานะคีตกวีผู้ประพันธ์ผลงานซีรีอาลิซึม และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ด้านดนตรีร่วมสมัยและดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่สถาบันดนตรีเบเนเดตโต มาร์เซลโลแห่งเวนิสในปี พ.ศ. 2515 เขากลายเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของสำนักดนตรีเวนิสใหม่ ซึ่งเป็นกระแสเคลื่อนไหวใหม่ในเวนิสสำหรับดนตรีร่วมสมัย
ในช่วงทศวรรษ 1970 ซีโนโปลีได้ก่อตั้งคณะบรูโน มาเดร์นา อองซองเบล (Bruno Maderna Ensemble) โดยตั้งชื่อตามครูของเขา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการแสดงดนตรีร่วมสมัย ผลงานประพันธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคืออุปรากรเรื่อง Lou Salomé ซึ่งเปิดการแสดงครั้งแรกที่มิวนิกในปี พ.ศ. 2524 โดยมีคาเรน อาร์มสตรอง รับบทนำ
3.1.1. ผลงานประพันธ์ที่สำคัญ
- Sintassi Teatrali (พ.ศ. 2511): "Frammento n. 48 da Alcmane", "Frammenti n.2-4-80 da Saffo", "Stasimo IV ed Esodo da Edipo Re di Sofocle"
- Erfahrungen (พ.ศ. 2511)
- 5 studi su 3 parametri, ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (พ.ศ. 2512)
- Musica per calcolatori analogici, ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (พ.ศ. 2512)
- Strutture per pianoforte (31 สิงหาคม พ.ศ. 2512)
- Sunyata, Thema con varianti per soprano e quintetto d'archi su testo di Kridaya Sutra (พ.ศ. 2513)
- Numquid et unum per clavicembalo e flauto (พ.ศ. 2513) อุทิศให้ฟรังโก โดนาโตนี
- Isoritmi, ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (พ.ศ. 2514)
- Opus Daleth per orchestra (พ.ศ. 2514 ที่โรงละครลา เฟนีเชในเวนิส กำกับการแสดงโดยเอ็ตตอเร กราซิส)
- Opus Ghimel per orchestra da camera (พ.ศ. 2514)
- Opus Schir per mezzosoprano และเครื่องดนตรีจากเนื้อร้องของ Rolando Damiani (พ.ศ. 2514)
- Numquid per oboe, corno inglese, oboe d'amore (พ.ศ. 2515) อุทิศให้โลทาร์ ฟาเบอร์
- Hecklephon per pianoforte, clavicembalo e celesta (พ.ศ. 2515)
- Per clavicembalo (พ.ศ. 2515) อุทิศให้มาริโอลินา เด โรเบอร์ติส
- Isoritmi II - Volts, ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (พ.ศ. 2515)
- Symphonie imaginaire per voci soliste, 10 voci bianche, 3 cori e 3 orchestre (พ.ศ. 2516)
- Klaviersonate per pianoforte (พ.ศ. 2520) อุทิศให้คาเทีย วิตลิช
- Klavierkonzert per pianoforte e orchestra (พ.ศ. 2517)
- Souvenirs à la mémoire per 2 soprani, controtenore e orchestra (พ.ศ. 2517) อุทิศให้แฮร์รี ฮาลไบรช์
- Pour un livre à Venise per orchestra (พ.ศ. 2518) ประกอบด้วย Costanzo Porta I - Contrappunto primo (จาก Mottetto Gloriosa Virgo Caecilia ของ Costanzo Porta) II - Hommage à ---- Costanzo Porta III - Canzone "La Gerometta" (double chorus) (จาก Costanzo Porta)
- Tombeau d'Armor I per orchestra (พ.ศ. 2519 ที่โรงละครลา เฟนีเช)
- Requiem Hashshirim per coro a cappella (พ.ศ. 2519) อุทิศให้พอล บอยเซน
- Archeology City Requiem per orchestra (พ.ศ. 2519) เปิดการแสดงครั้งแรกที่ปารีสเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2520 ในพิธีเปิดศูนย์ปงปีดู
- Tombeau d'Armor II per grande orchestra (พ.ศ. 2520)
- Tombeau d'Armor III per violoncello e orchestra (พ.ศ. 2520)
- Quartetto per quartetto d'archi (พ.ศ. 2520)
- Kammerkonzert per pianoforte, fiati, percussioni, arpa, celesta e clavicembalo (พ.ศ. 2520-2521)
- Lou Salomé, อุปรากร, บทละครโดยคาร์ล ดีทริช เกรอเวอ (พ.ศ. 2524)
3.2. บทบาทการเป็นวาทยกรที่สำคัญ
ซีโนโปลีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวาทยกรหลักของฟิลฮาร์โมเนียออร์เคสตราในปี พ.ศ. 2527 และดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี พ.ศ. 2537 ในระหว่างนี้เขาได้บันทึกเสียงผลงานจำนวนมาก รวมถึงเพลงของเอ็ดเวิร์ด เอลการ์ และซิมโฟนีฉบับสมบูรณ์ของกุสตาฟ มาห์เลอร์ เขาเคยถูกเสนอให้เป็นวาทยกรหลักของด็อยท์เชอโอเพอร์ เบอร์ลินในปี พ.ศ. 2533 แต่เขาก็ได้ถอนตัวออกจากสัญญาไปก่อนที่วาระจะเริ่มต้นขึ้น
ในปี พ.ศ. 2535 เขาได้เข้ามาดำรงตำแหน่งวาทยกรหลักของชตาตส์คาเพลเลอเดรสเดิน และดำรงตำแหน่งนี้จนกระทั่งเสียชีวิต นอกจากนี้ เขายังได้เข้าร่วมในคณะวาทยกรของเทศกาลไบไรต์ ซีโนโปลีเป็นที่รู้จักกันดีจากการตีความอุปรากรที่เข้มข้นและบางครั้งก็ก่อให้เกิดข้อถกเถียง โดยเฉพาะผลงานของคีตกวีชาวอิตาลีและริชชาร์ท ชเตราส์ เขามีความเชี่ยวชาญพิเศษในดนตรีช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ริชชาร์ท วากเนอร์และจูเซปเป แวร์ดี ไปจนถึงชเตราส์ มาห์เลอร์ และสำนักดนตรีเวียนนาที่สอง
ในปี พ.ศ. 2530 ระหว่างที่ซีโนโปลีเดินทางมายังญี่ปุ่นพร้อมกับฟิลฮาร์โมเนียออร์เคสตรา เขาได้จัดการเรียนการสอนแบบปิดที่โทโฮ กากุเอ็ง ออร์เคสตรา (Toho Gakuen Orchestra) โดยเป็นการสอนบทโหมโรงจากอุปรากรเรื่อง พลังแห่งโชคชะตา ของจูเซปเป แวร์ดี และการบันทึกเสียงในครั้งนั้นก็ได้ถูกนำไปรวมกับอัลบั้มฉบับสมบูรณ์ของ พลังแห่งโชคชะตา ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น ซีโนโปลียังได้เดินทางมายังเกาหลีใต้เพื่อจัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ศูนย์วัฒนธรรมเซจงในปี พ.ศ. 2538 ในฐานะวาทยกรดาวเด่น เขาได้ออกแผ่นซีดีจำนวนมากกับค่ายเพลงคลาสสิกชั้นนำอย่างด็อยท์เชอกรัมโมโฟน ฟิลลิปส์เรคคอร์ดส และเทลเด็ค เขาสามารถพูดภาษาเยอรมันได้ราวกับเป็นภาษาแม่ และยังได้ให้สัมภาษณ์กับเอ็นเอชเคเป็นภาษาเยอรมันในระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่นด้วย
4. ปรัชญาดนตรีและรูปแบบการตีความ
ภูมิหลังอันโดดเด่นด้านแพทยศาสตร์ (จิตเวชศาสตร์) และมานุษยวิทยาของจูเซปเป ซีโนโปลีได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อแนวคิดและการตีความดนตรีของเขา เขามองว่าดนตรีเป็นมากกว่าเพียงแค่ชุดของตัวโน้ต แต่เป็นภาพสะท้อนที่ซับซ้อนของจิตใจมนุษย์และบริบททางวัฒนธรรม การตีความของเขามักจะถูกวิจารณ์ว่า "แปลกประหลาด" หรือ "ผิดเพี้ยนไปจากขนบ" โดยเฉพาะในผลงานซิมโฟนี อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ชื่นชมกลับยกย่องแนวทางของเขาว่าเป็น "เชิงปัญญา" และ "ลึกซึ้ง" ที่สามารถเปิดเผยแง่มุมใหม่ ๆ ของบทเพลงที่เคยถูกมองข้าม การผสานความรู้ด้านจิตเวชศาสตร์และโบราณคดี ทำให้เขาสามารถเข้าถึงโครงสร้างทางจิตวิทยาและมิติทางประวัติศาสตร์ของดนตรีได้อย่างเฉียบคม ซึ่งนำไปสู่การตีความที่ท้าทายแต่ก็เต็มไปด้วยความหมายใหม่ ๆ ซีโนโปลีเชื่อว่าการเข้าใจถึงสภาวะทางจิตใจและวิวัฒนาการของมนุษย์มีความสำคัญต่อการถ่ายทอดอารมณ์และความลึกซึ้งของงานประพันธ์ ซึ่งเป็นการพลิกโฉมวิธีการตีความดนตรีคลาสสิกให้ก้าวข้ามขอบเขตเดิม ๆ
5. ความสนใจและกิจกรรมอื่น ๆ
นอกเหนือจากความสำเร็จอันโดดเด่นในฐานะวาทยกรและคีตกวี จูเซปเป ซีโนโปลียังมีความสนใจทางวิชาการและกิจกรรมที่หลากหลายอย่างยิ่ง เขาเป็นผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งในหลายสาขาวิชา ทั้งโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และมานุษยวิทยา ความสนใจเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงงานอดิเรก แต่ยังหล่อหลอมแนวคิดและการตีความดนตรีของเขาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาชื่นชอบการนำเสนออุปรากรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณของตะวันออกกลางและตะวันออกใกล้ เช่น ไอด้า และ นาบูคโค ของจูเซปเป แวร์ดี ซึ่งสะท้อนความหลงใหลในอียิปต์โบราณและอารยธรรมยุคแรกเริ่มของเขา
ซีโนโปลีเป็นผู้ที่มีความสามารถทางภาษาที่โดดเด่น โดยสามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา รวมถึงภาษาโบราณอย่างภาษาอียิปต์โบราณและภาษากรีกโบราณ ความสามารถนี้ช่วยให้เขาสามารถเข้าถึงเอกสารและงานวิชาการต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ เขายังได้ประพันธ์หนังสือชื่อ Masterpieces of Greek Ceramics from the Sinopoli Collection ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งในความรู้ด้านโบราณคดีและศิลปะโบราณของเขา
6. การเสียชีวิต
จูเซปเป ซีโนโปลีเสียชีวิตอย่างกะทันหันในขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2544 ขณะที่เขากำลังวาทยกรอุปรากรเรื่อง ไอด้า ของจูเซปเป แวร์ดี ที่ด็อยท์เชอโอเพอร์ เบอร์ลิน ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี การแสดงในคืนนั้นถูกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงเกิทซ์ ฟรีดริช ผู้อำนวยการหลักของคณะโอเปร่า
ซีโนโปลีเกิดภาวะหัวใจวายและล้มลงกลางคันระหว่างฉากคู่ของไอด้าและราดาเมสในองก์ที่ 3 เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์หัวใจเยอรมันในเบอร์ลินทันที แต่ได้เสียชีวิตลงในวันรุ่งขึ้นด้วยวัย 54 ปี สองคืนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว มาร์เซลโล เวียตติ ได้เข้ามาวาทยกรอุปรากร ไอด้า แทน และได้อุทิศการแสดงครั้งนั้นเพื่อรำลึกถึงซีโนโปลี พิธีศพของซีโนโปลีจัดขึ้นที่โรมในวันที่ 23 เมษายน โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมพิธีมากมาย รวมถึงประธานาธิบดีแห่งอิตาลี นายกรัฐมนตรีแห่งอิตาลี และคณะผู้แทนจำนวนมากจากลา สกาลา การเสียชีวิตของเขาเกิดขึ้นเพียงสองวันก่อนที่เขามีกำหนดจะเข้ารับปริญญาด้านโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยซาปิเอนซาในกรุงโรม
7. มรดกและการตอบรับ
จูเซปเป ซีโนโปลีได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินผู้บุกเบิกและเป็นนักคิดที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีคลาสสิก แม้ว่าแนวทางการตีความของเขาจะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ได้เปิดมิติใหม่ในการเข้าถึงและนำเสนองานดนตรี
7.1. การตอบรับทั้งเชิงวิพากษ์และเชิงบวก
การวาทยกรของซีโนโปลีเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก โดยเฉพาะในประเภทซิมโฟนี บางคนมองว่าการตีความของเขา "แปลกประหลาด" และไม่ยึดติดกับธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งอาจทำให้ผลงานขาดความต่อเนื่องหรือความเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หลายคนกลับยกย่องแนวทางของเขาว่าเป็น "เชิงปัญญา" และ "ลึกซึ้ง" โดยมองว่าซีโนโปลีสามารถนำเสนอแง่มุมที่ซ่อนเร้นในบทเพลงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ การนำความรู้จากสาขาวิชาอื่น ๆ เช่น จิตเวชศาสตร์และโบราณคดี มาประยุกต์ใช้ในการตีความดนตรี ทำให้เขาสามารถสร้างสรรค์การแสดงที่ท้าทายและเต็มไปด้วยแนวคิดที่ลึกซึ้ง ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในหมู่ผู้ฟังและนักวิจารณ์ แต่ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการพิจารณาและทำความเข้าใจดนตรีในมิติที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
7.2. อิทธิพลและการรำลึก
ซีโนโปลีได้สร้างอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีและสังคมในฐานะวาทยกรดาวเด่นและผู้ทรงภูมิปัญญา ผลงานการบันทึกเสียงชุดสุดท้ายของเขา ได้แก่ อุปรากร Ariadne auf Naxos และ Friedenstag ของริชชาร์ท ชเตราส์ รวมถึง Stabat Mater ของอันโตนีน ดโวฌาก
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา ทาโอร์มินา อาร์เต (Taormina Arte) ได้จัดเทศกาลจูเซปเป ซีโนโปลีขึ้นทุกเดือนตุลาคม เพื่อเป็นการยกย่องซีโนโปลี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีของเทศกาลทาโอร์มินาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ถึง พ.ศ. 2540 เทศกาลนี้ไม่เพียงแต่เฉลิมฉลองซีโนโปลีในฐานะนักดนตรีและวาทยกรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทของเขาในฐานะคีตกวี แพทย์ นักโบราณคดี และปัญญาชน โดยมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ดนตรีและวรรณกรรม การละครและศิลปะ ไปจนถึงการประชุมนิทรรศการ สิ่งพิมพ์ และคอนเสิร์ต ในแต่ละปี เทศกาลนี้ยังได้ต้อนรับวงออร์เคสตราสำคัญ ๆ มายังอิตาลีด้วย ในโอกาสจัดเทศกาลจูเซปเป ซีโนโปลีครั้งแรก ได้มีการก่อตั้งวงซีโนโปลีแชมเบอร์ออร์เคสตรา (Sinopoli Chamber Orchestra) โดยความร่วมมือกับสถาบันดนตรี "อาร์คันเจโล คอร์เรลลี" แห่งเมสซีนา วงออร์เคสตรานี้ประกอบด้วยนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ ทั้งนักเรียนและอาจารย์ของสถาบัน และส่วนใหญ่จะทำการแสดงผลงานประพันธ์ของซีโนโปลี
8. เกียรติยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ตลอดช่วงชีวิตของเขา จูเซปเป ซีโนโปลีได้รับเกียรติยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่สำคัญจากสาธารณรัฐอิตาลี ดังนี้:
- ปี พ.ศ. 2537: เครื่องราชอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นนายทัพใหญ่ (Grande Ufficiale OMRI)
- ปี พ.ศ. 2541: เครื่องราชอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นประถมาภรณ์ (Cavaliere di Gran Croce OMRI)