1. Playing Career
เดล มิตเชลล์มีเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลที่ยาวนานและประสบความสำเร็จ ทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติ เขาเป็นกองหน้าที่ได้รับการยอมรับจากผลงานการทำประตูที่โดดเด่นในลีกฟุตบอลต่างๆ ของทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึงการเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติแคนาดาในยุคของเขา
1.1. Club Career
มิตเชลล์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรแวนคูเวอร์ ไวต์แคปส์ในนอร์ทอเมริกันซอกเกอร์ลีก (NASL) ในปี ค.ศ. 1977 และ 1978 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับพอร์ตแลนด์ ทิมเบอร์สระหว่างปี ค.ศ. 1979 ถึง 1982 จากนั้นเขาย้ายไปอยู่กับมอนทรีออล มานิกในปี ค.ศ. 1983 เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดบุกเบิกของสโมสรแวนคูเวอร์ 86เออร์ส ซึ่งลงแข่งขันทั้งในแคนาเดียนซอกเกอร์ลีก และอเมริกันโปรเฟสชันนัลซอกเกอร์ลีก โดยเขาสามารถทำประตูได้ถึง 37 ประตูในช่วงฤดูกาลปี ค.ศ. 1988-1990 และ 1992-1994 นอกจากนี้ เขายังเคยเล่นให้กับโตรอนโต บลิซซาร์ดในฤดูกาล 1991
นอกจากการเล่นฟุตบอลกลางแจ้งแล้ว มิตเชลล์ยังเป็นนักฟุตบอลฟุตบอลในร่มที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเล่นถึง 9 ฤดูกาลในเมเจอร์อินดอร์ซอกเกอร์ลีก (MISL) ให้กับสโมสรต่างๆ ได้แก่ ทาโคมา สตาร์ส, แคนซัสซิตี คอมเม็ตส์ และบอลติมอร์ บลาสต์ เขาสิ้นสุดอาชีพการเป็นผู้เล่นฟุตบอลในร่มด้วยการเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับสามของลีก ด้วยจำนวน 406 ประตู และเป็นอันดับสี่ในด้านคะแนนรวม ด้วย 280 แอสซิสต์ รวมเป็น 686 คะแนน นอกจากนี้ เขายังเคยเล่นให้กับโตรอนโต บลิซซาร์ดในสายฟุตบอลในร่มด้วย
1.2. International Career
เดล มิตเชลล์ลงสนามในนามทีมชาติแคนาดาชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1980 ในการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับนิวซีแลนด์ ที่เมืองแวนคูเวอร์ ซึ่งในนัดนั้นเขาทำได้ถึงสองประตู และลงเล่นนัดสุดท้ายในระดับนานาชาติเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1993 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับออสเตรเลีย ที่เมืองซิดนีย์
ตลอดอาชีพการเล่นทีมชาติ มิตเชลล์เป็นตัวแทนของแคนาดาในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกถึง 22 นัด และยังได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 1986 รอบสุดท้าย ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่แคนาดาได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยเขาได้ลงสนามในนัดที่สามของรอบแบ่งกลุ่มกับสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ มิตเชลล์ยังเป็นผู้เล่นที่ลงสนามครบทุกนาทีในการแข่งขันของแคนาดาในโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 โดยทำได้ 3 ประตู รวมถึงประตูตีเสมอในรอบก่อนรองชนะเลิศที่ทำให้แคนาดาสามารถยันบราซิลไว้ได้จนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษและต้องตัดสินด้วยการดวลลูกโทษ
1.2.1. International Goals
ตารางแสดงรายการประตูที่เดล มิตเชลล์ทำได้ในการแข่งขันระดับนานาชาติให้กับทีมชาติแคนาดา โดยแสดงสกอร์และผลการแข่งขันที่ทีมแคนาดาเป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำก่อนเสมอ
# | วันที่ | สถานที่จัดการแข่งขัน | คู่แข่ง | สกอร์ | ผลการแข่งขัน | รายการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 15 กันยายน ค.ศ. 1980 | เอ็มไพร์สเตเดียม, แวนคูเวอร์, แคนาดา | นิวซีแลนด์ | 2-0 | 4-0 | กระชับมิตร |
2 | 15 กันยายน ค.ศ. 1980 | เอ็มไพร์สเตเดียม, แวนคูเวอร์, แคนาดา | นิวซีแลนด์ | 3-0 | 4-0 | กระชับมิตร |
3 | 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 | เอสตาดิโอ มาเตโอ ฟลอเรส, กัวเตมาลาซิตี, กัวเตมาลา | กัวเตมาลา | 1-0 | 1-0 | กระชับมิตร |
4 | 12 ตุลาคม ค.ศ. 1981 | สกินเนอร์ พาร์ค, ซานเฟอร์นันโด, ตรินิแดดและโตเบโก | ตรินิแดดและโตเบโก | 1-0 | 4-2 | กระชับมิตร |
5 | 12 ตุลาคม ค.ศ. 1981 | สกินเนอร์ พาร์ค, ซานเฟอร์นันโด, ตรินิแดดและโตเบโก | ตรินิแดดและโตเบโก | 4-1 | 4-2 | กระชับมิตร |
6 | 20 เมษายน ค.ศ. 1985 | รอยัล แอทเลติก พาร์ค, วิกตอเรีย, แคนาดา | กัวเตมาลา | 1-0 | 2-1 | ฟุตบอลโลก 1986 รอบคัดเลือก |
7 | 20 เมษายน ค.ศ. 1985 | รอยัล แอทเลติก พาร์ค, วิกตอเรีย, แคนาดา | กัวเตมาลา | 2-0 | 2-1 | ฟุตบอลโลก 1986 รอบคัดเลือก |
8 | 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1985 | เอสตาดิโอ มาเตโอ ฟลอเรส, กัวเตมาลาซิตี, กัวเตมาลา | กัวเตมาลา | 1-0 | 1-1 | ฟุตบอลโลก 1986 รอบคัดเลือก |
9 | 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1985 | สตาด ซิลวิโอ กาตอร์, ปอร์โตแปรงซ์, เฮติ | เฮติ | 1-0 | 2-0 | ฟุตบอลโลก 1986 รอบคัดเลือก |
10 | 2 มิถุนายน ค.ศ. 1985 | ตงแดมุน สเตเดียม, โซล, เกาหลีใต้ | กานา | 2-1 | ประธานาธิบดีคัพ | |
11 | 2 ตุลาคม ค.ศ. 1988 | ควีนส์ พาร์ค โอวัล, พอร์ตออฟสเปน, ตรินิแดดและโตเบโก | ตรินิแดดและโตเบโก | 2-1 | 2-1 | กระชับมิตร |
12 | 15 ตุลาคม ค.ศ. 1988 | สวานการ์ด สเตเดียม, เบอร์นาบี, แคนาดา | กัวเตมาลา | 1-2 | 3-2 | ฟุตบอลโลก 1990 รอบคัดเลือก |
13 | 15 ตุลาคม ค.ศ. 1988 | สวานการ์ด สเตเดียม, เบอร์นาบี, แคนาดา | กัวเตมาลา | 2-2 | 3-2 | ฟุตบอลโลก 1990 รอบคัดเลือก |
14 | 28 มิถุนายน ค.ศ. 1991 | ลอสแอนเจลิส เมโมเรียล โคลีเซียม, ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา | ฮอนดูรัส | 1-4 | 2-4 | คอนคาแคฟโกลด์คัพ 1991 |
15 | 28 มิถุนายน ค.ศ. 1991 | ลอสแอนเจลิส เมโมเรียล โคลีเซียม, ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา | ฮอนดูรัส | 2-4 | 2-4 | คอนคาแคฟโกลด์คัพ 1991 |
16 | 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 | ลอสแอนเจลิส เมโมเรียล โคลีเซียม, ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา | จาเมกา | 1-0 | 3-2 | คอนคาแคฟโกลด์คัพ 1991 |
17 | 18 ตุลาคม ค.ศ. 1992 | สนามกีฬาแห่งชาติ, คิงส์ตัน, จาเมกา | จาเมกา | 1-1 | 1-1 | ฟุตบอลโลก 1994 รอบคัดเลือก |
18 | 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 | วาร์ซิตี สเตเดียม, โตรอนโต, แคนาดา | จาเมกา | 1-0 | 1-0 | ฟุตบอลโลก 1994 รอบคัดเลือก |
19 | 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 | สวานการ์ด สเตเดียม, เบอร์นาบี, แคนาดา | เอลซัลวาดอร์ | 2-2 | 2-3 | ฟุตบอลโลก 1994 รอบคัดเลือก |
2. Coaching Career
หลังจากประกาศแขวนสตั๊ด เดล มิตเชลล์ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการฟุตบอลโดยผันตัวมาเป็นโค้ช โดยเริ่มต้นจากการเป็นโค้ชของทีมสำรองของแวนคูเวอร์ 86เออร์ส และเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 ถึง 1999 ในปี ค.ศ. 1999 เขาเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรต่อจากคาร์ล วาเลนไทน์ เมื่อสโมสรเปลี่ยนชื่อเป็นแวนคูเวอร์ ไวต์แคปส์ และคุมทีมจนถึงปี ค.ศ. 2001
ระหว่างปี ค.ศ. 2001 ถึง 2007 มิตเชลล์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติแคนาดารุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และในปี ค.ศ. 2004 เขายังได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชของแฟรงก์ ยอลล็อป ในทีมชาติชุดใหญ่ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2007 มิตเชลล์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติแคนาดาชุดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2008 ทีมชาติแคนาดาไม่สามารถผ่านรอบที่ 3 ของโซนคอนคาแคฟในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โดยจบอันดับรองลงมาในกลุ่มที่ถูกขนานนามว่าเป็น "กลุ่มแห่งความตายของคอนคาแคฟ" ซึ่งมีทีมที่อันดับสูงกว่าอย่างเม็กซิโกและฮอนดูรัสร่วมอยู่ด้วย ด้วยผลงานดังกล่าว มิตเชลล์จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2009
3. Honors and Legacy
เดล มิตเชลล์ได้รับการยกย่องและได้รับเกียรติประวัติมากมายตลอดเส้นทางอาชีพของเขาในวงการฟุตบอลแคนาดา ในปี ค.ศ. 2002 เขาได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศฟุตบอลแคนาดา ซึ่งเป็นการยกย่องถึงคุณูปการของเขาในฐานะนักฟุตบอลและบุคลากรสำคัญของวงการฟุตบอลแคนาดา
นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2012 ในฐานะส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของสมาคมฟุตบอลแคนาดา มิตเชลล์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ทีม "นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมตลอดกาล 11 คนของแคนาดา" ซึ่งเป็นการตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะนักฟุตบอลที่มีอิทธิพลและประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 มีการประกาศว่าเขาจะได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศฟุตบอลในร่มประจำปี ค.ศ. 2014 ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จอันโดดเด่นของเขาในฐานะนักฟุตบอลฟุตบอลในร่ม โดยเฉพาะการเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูและผู้ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของเมเจอร์อินดอร์ซอกเกอร์ลีก ในสมัยนั้น
ผลกระทบและมรดกของเดล มิตเชลล์ต่อวงการฟุตบอลแคนาดานั้นชัดเจน ทั้งในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติแคนาดาในขณะนั้นด้วย 19 ประตูจากการลงสนาม 55 นัด และในฐานะผู้เล่นคนสำคัญที่พาแคนาดาไปสู่เวทีระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก 1986 และโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 รวมถึงบทบาทในฐานะโค้ชทีมชาติในเวลาต่อมา ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างยุคทองของฟุตบอลแคนาดาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ในประเทศ