1. ช่วงต้นของชีวิตและอาชีพนักฟุตบอล
เดนิส วาฟโร เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2539 ที่เมืองพาร์ทิซันสเค ประเทศสโลวาเกีย เขามีส่วนสูง 190 cm และมีน้ำหนัก 81 kg โดยเป็นนักฟุตบอลที่ถนัดเท้าขวา วาฟโรได้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และได้ก้าวเข้าสู่ทีมระดับเยาวชนของMŠK ชิลินา ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในประเทศ
1.1. ระดับเยาวชนและ MŠK Žilina
เดนิส วาฟโร เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการกับสโมสรMŠK ชิลินา โดยเขาได้ประเดิมสนามในลีกครั้งแรกให้กับทีมเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556 ในการแข่งขันกับเอเอส เทรนชิน หลังจากนั้น เขาได้สลับไปเล่นให้กับทีมสำรองของสโมสรคือ MŠK ชิลินา เบ ในช่วงฤดูกาล 2014-15, 2015-16 และ 2016-17 เพื่อสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้า
อย่างไรก็ตาม วาฟโรสามารถกลับมาเป็นกำลังหลักในทีมชุดใหญ่ได้ในฤดูกาล 2015-16 และในฤดูกาล 2016-17 เขาได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในตำแหน่งกองหลัง ด้วยการลงเล่น 25 นัด และทำประตูได้ถึง 6 ประตู ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำประตูของเขา แม้ว่าจะเล่นในตำแหน่งกองหลังก็ตาม
2. อาชีพสโมสร
เดนิส วาฟโร มีเส้นทางอาชีพสโมสรที่หลากหลาย โดยได้ลงเล่นให้กับหลายสโมสรในลีกชั้นนำของยุโรป ทั้งในเดนมาร์ก, อิตาลี, สเปน และเยอรมนี
2.1. สโมสรฟุตบอลโคเปนเฮเกน (ช่วงแรก)
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เดนิส วาฟโร ได้เซ็นสัญญา 5 ปี เพื่อย้ายมาร่วมทีมสโมสรฟุตบอลโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นทีมยักษ์ใหญ่ในเดนิชซูเปอร์ลีกา ประเทศเดนมาร์ก ในช่วงที่เขาอยู่กับโคเปนเฮเกนเป็นครั้งแรก เขาได้กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมทันที โดยลงสนามอย่างสม่ำเสมอและมีส่วนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาได้ลงเล่นมากกว่า 30 นัดในแต่ละฤดูกาล และเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดที่คว้าแชมป์เดนิชซูเปอร์ลีกาในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สำคัญในช่วงแรกของเขากับสโมสรแห่งนี้

2.2. ลาซีโอและยืมตัวไปยังเอสดี อูเอสกา
ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เดนิส วาฟโร ได้ย้ายไปร่วมทีมลาซีโอ สโมสรชั้นนำในเซเรียอา ประเทศอิตาลี โดยมีรายงานค่าธรรมเนียมการโอนอยู่ที่ประมาณ 10.00 M EUR อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของเขากับลาซีโอไม่ค่อยน่าประทับใจนัก เขาไม่ได้ลงสนามมากนักและไม่สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นได้ตามที่คาดหวัง
เพื่อโอกาสในการลงเล่นมากขึ้น ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 วาฟโรจึงถูกยืมตัวไปยังสโมสรเอสดี อูเอสกา ในลาลิกา ประเทศสเปน จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล แม้จะได้รับโอกาสลงสนามกับเอสดี อูเอสกามากขึ้น แต่ผลงานโดยรวมของเขาก็ยังไม่เป็นที่ประจักษ์มากนัก
2.3. กลับสู่สโมสรฟุตบอลโคเปนเฮเกน (ช่วงที่สอง)
ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 เดนิส วาฟโร ได้กลับมายังสโมสรฟุตบอลโคเปนเฮเกนอีกครั้งในสัญญายืมตัว พร้อมตัวเลือกในการซื้อขาด การกลับมาครั้งนี้ทำให้วาฟโรได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอและกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง ช่วงเวลาของเขากับลาซีโอถูกกล่าวถึงว่าไม่น่าประทับใจนัก และวาฟโรเองก็รู้สึกยินดีกับการกลับมายังประเทศเดนมาร์ก
ในวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สโมสรฟุตบอลโคเปนเฮเกนได้เปิดเผยว่าได้ใช้เงื่อนไขการซื้อขาด และได้เซ็นสัญญากับวาฟโรอีกครั้งเป็นระยะเวลา 4 ปี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่วาฟโรจะยืนยันการค้าแข้งต่อที่พาร์เคน สเตเดียม ได้มีวิดีโอหนึ่งถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งในวิดีโอนั้น วาฟโรถูกถามว่าเขาเกลียดลาซีโอหรือไม่ ซึ่งเขาได้ตอบรับในเชิงบวกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
หลังจากนั้น วาฟโรได้ออกมาขอโทษผ่านโซเชียลมีเดีย โดยกล่าวว่าสโมสรลาซีโอเป็นสโมสรที่ "ยิ่งใหญ่และมีประวัติศาสตร์" และถึงขั้นกล่าวว่า "ใหญ่เกินไปสำหรับผู้เล่นอย่างเขา" ซึ่งเป็นการพยายามคลี่คลายสถานการณ์และแสดงความเคารพต่อสโมสรเก่าของเขา
ในช่วงที่สองกับโคเปนเฮเกน วาฟโรยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีม โดยมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เดนิชซูเปอร์ลีกาในฤดูกาล 2022-23 และเดนิชคัพในฤดูกาลเดียวกัน
2.4. ยืมตัวไปยังเฟาเอฟแอล ว็อลฟส์บวร์ค
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เดนิส วาฟโร ได้ย้ายไปร่วมทีมเฟาเอฟแอล ว็อลฟส์บวร์ค ในบุนเดสลีกา ประเทศเยอรมนี ด้วยสัญญายืมตัว การย้ายทีมครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เขามีประสบการณ์ในการเล่นในลีกฟุตบอลชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของยุโรป และเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมทัพของว็อลฟส์บวร์คในฤดูกาลปัจจุบัน
3. อาชีพระดับทีมชาติ
เดนิส วาฟโร ได้รับการเรียกตัวติดฟุตบอลทีมชาติสโลวาเกียชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 สำหรับการแข่งขันกระชับมิตรที่ไม่เป็นทางการที่จัดขึ้นในอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการแข่งขันกับยูกันดา และสวีเดน เขาได้ประเดิมสนามและทำประตูแรกให้กับทีมชาติได้ในการแข่งขันกับยูกันดา ซึ่งทีมสโลวาเกียแพ้ไป 1-3 เขายังได้ลงเล่นเต็มเวลาในการแข่งขันที่แพ้สวีเดน 0-6 เมื่อวันที่ 12 มกราคม
วาฟโรได้กลับมาสู่ทีมชาติสโลวาเกียชุดใหญ่สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก โดยเขาได้ลงเล่น 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่มกลุ่มอี รวมถึงการแข่งขันรอบรองชนะเลิศรอบเพลย์ออฟกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์
ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 วาฟโรเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งานในนัดเปิดสนามของทีมที่พบกับโปแลนด์ ก่อนที่จะมีผลตรวจเป็นบวกสำหรับโควิด-19 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นในนัดที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่มกลุ่มอีได้ และทีมชาติสโลวาเกียก็ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ได้
วาฟโรยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสโลวาเกียในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 โดยเขาได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางครบทุกนัดที่ทีมลงสนาม ทีมชาติสโลวาเกียสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้กับอังกฤษไป 1-2 หลังจากต่อเวลาพิเศษ
4. สถิติอาชีพ
สถิติอาชีพของ เดนิส วาฟโร ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ มีดังนี้
4.1. สถิติสโมสร
ข้อมูลการลงสนามและจำนวนประตูที่ทำได้ในระดับสโมสร (อัปเดต ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568)
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก (ไม่รวมสถิติการเล่นใน 2. Liga Promotion ของ MŠK Žilina B) | ฟุตบอลถ้วยระดับประเทศ (รวมถึง สโลวักคัพ, เดนิชคัพ, โคปปาอิตาเลีย และเดเอ็ฟเบ-โพคาล) | ยุโรป (รวมถึง ยูฟ่ายูโรปาลีก, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก) | รายการอื่น ๆ (รวมถึง Slovakian 2. Liga Promotion) | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | |||
MŠK ชิลินา | 2012-13 | 4 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 4 | 0 | ||
2013-14 | 11 | 0 | 0 | 0 | 2 | 0 | - | 13 | 0 | |||
2014-15 | 6 | 0 | 0 | 0 | - | - | 6 | 0 | ||||
2015-16 | 23 | 1 | 5 | 1 | 8 | 1 | - | 36 | 3 | |||
2016-17 | 25 | 6 | 2 | 0 | - | - | 27 | 6 | ||||
2017-18 | 5 | 1 | 0 | 0 | 2 | 0 | - | 7 | 1 | |||
รวม | 74 | 8 | 7 | 1 | 12 | 1 | - | 93 | 10 | |||
MŠK ชิลินา เบ | 2014-15 | 11 | 2 | - | - | 3 | 0 | 14 | 2 | |||
2015-16 | 1 | 0 | - | - | - | 1 | 0 | |||||
2016-17 | 1 | 0 | - | - | - | 1 | 0 | |||||
รวม | 13 | 2 | - | - | 3 | 0 | 16 | 2 | ||||
โคเปนเฮเกน | 2017-18 | 26 | 1 | 1 | 0 | 8 | 0 | - | 35 | 1 | ||
2018-19 | 35 | 0 | 1 | 0 | 14 | 2 | - | 50 | 2 | |||
รวม | 61 | 1 | 2 | 0 | 22 | 2 | - | 85 | 3 | |||
ลาซีโอ | 2019-20 | 11 | 0 | 0 | 0 | 6 | 0 | 0 | 0 | 17 | 0 | |
2020-21 | 1 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | - | 2 | 0 | |||
2021-22 | 1 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | - | 2 | 0 | |||
รวม | 13 | 0 | 2 | 0 | 6 | 0 | 0 | 0 | 21 | 0 | ||
เอสดี อูเอสกา (ยืมตัว) | 2020-21 | 11 | 0 | 0 | 0 | - | - | 11 | 0 | |||
โคเปนเฮเกน (ยืมตัว) | 2021-22 | 14 | 1 | 0 | 0 | 2 | 0 | - | 16 | 1 | ||
โคเปนเฮเกน | 2022-23 | 29 | 1 | 1 | 0 | 6 | 0 | - | 36 | 1 | ||
2023-24 | 29 | 2 | 4 | 1 | 13 | 0 | - | 46 | 3 | |||
2024-25 | 5 | 0 | 0 | 0 | 6 | 0 | - | 11 | 0 | |||
รวม | 63 | 3 | 5 | 1 | 25 | 0 | - | 93 | 4 | |||
เฟาเอฟแอล ว็อลฟส์บวร์ค (ยืมตัว) | 2024-25 | 19 | 1 | 2 | 1 | - | - | 21 | 2 | |||
รวมทั้งหมด | 268 | 16 | 18 | 3 | 67 | 3 | 3 | 0 | 356 | 22 |
4.2. สถิติทีมชาติ
ข้อมูลการลงสนามและจำนวนประตูที่ทำได้ในนามทีมชาติ (อัปเดต ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567)
ทีมชาติ | ปี | ลงสนาม | ประตู |
---|---|---|---|
สโลวาเกีย | 2017 | 2 | 1 |
2019 | 7 | 0 | |
2020 | 2 | 0 | |
2021 | 1 | 0 | |
2023 | 7 | 1 | |
2024 | 6 | 0 | |
รวมทั้งหมด | 25 | 2 |
ประตูในนามทีมชาติที่ทำได้ (อัปเดต ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567)
สกอร์และผลการแข่งขันระบุประตูของสโลวาเกียก่อน โดยคอลัมน์สกอร์จะแสดงสกอร์หลังจากการทำประตูของวาฟโรแต่ละครั้ง
ลำดับ | วันที่ | สถานที่ | นัดที่ | คู่แข่ง | สกอร์ | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 8 มกราคม พ.ศ. 2560 | สนามกีฬาอาวุธยุทโธปกรณ์ อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 1 | ยูกันดา | 1-2 | 1-3 | กระชับมิตร (ไม่เป็นทางการ) |
2 | 20 มิถุนายน พ.ศ. 2566 | ไรน์พาร์คชตาดิอ็อน ฟาดุซ, ลิกเตนสไตน์ | 15 | ลิกเตนสไตน์ | 0-1 | 0-1 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบคัดเลือก |
5. เกียรติประวัติ
เดนิส วาฟโร ได้รับเกียรติประวัติและรางวัลต่าง ๆ ทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนบุคคล ดังนี้
5.1. ระดับสโมสร
- MŠK ชิลินา
- ฟอร์ทูนาลีกา: 2016-17
- โคเปนเฮเกน
- เดนิชซูเปอร์ลีกา: 2018-19, 2022-23
- เดนิชคัพ: 2022-23
5.2. ระดับบุคคล
- รางวัลปีเตอร์ ดูบอฟสกี: 2017
6. ชีวิตส่วนตัว
เดนิส วาฟโร เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2539 ที่เมืองพาร์ทิซันสเค ประเทศสโลวาเกีย เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักฟุตบอลอาชีพที่ทุ่มเทให้กับอาชีพของตนเอง แม้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะไม่มากนัก แต่เขาก็ยังคงเป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลทั้งในและต่างประเทศ