1. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
เจิ้ง จื้อเริ่มต้นเส้นทางอาชีพฟุตบอลในปี ค.ศ. 1990 โดยเล่นให้กับสโมสรเยาวชนต่างๆ ในเหลียวหนิง ก่อนที่จะเข้าร่วมทีมเหลียวหนิง เหลียวชิงในปี ค.ศ. 1998 ในไชน่าลีกทู ซึ่งเป็นลีกระดับสองของจีน ในช่วงแรกเขาเล่นในตำแหน่งกองหลัง ในปี ค.ศ. 2000 เหลียวหนิง ยูธ ต้องเผชิญกับข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างบริษัท อี้ซิง อินดัสเทรียล จำกัด และโรงเรียนกีฬาเหลียวหนิง เกี่ยวกับความเป็นเจ้าของสโมสร ซึ่งส่งผลให้ทรัพย์สินทั้งหมดของสโมสรถูกอายัด รวมถึงสิทธิ์ในการย้ายทีมของผู้เล่นด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้เจิ้ง จื้อต้องหยุดเล่นฟุตบอลอาชีพไปหนึ่งปี
ในปี ค.ศ. 2001 เขาถูกยืมตัวไปยังสโมสรเซินเจิ้น เจี้ยนหลี่เป่า ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำในขณะนั้น และมีจู กว่างหู อดีตผู้จัดการทีมของเขาจากทีมชาติจีนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีเป็นผู้ฝึกสอน ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001 เขาย้ายมาร่วมทีมอย่างถาวรด้วยค่าตัว 3.50 M CNY แม้ว่าในตอนแรกเขาจะถูกใช้งานในตำแหน่งกองหลัง แต่เขาก็ถูกปรับบทบาทให้เป็นผู้เล่นเพลย์เมกเกอร์มากขึ้น และช่วยให้เซินเจิ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกในวัยเพียง 22 ปีอีกด้วย
2. อาชีพค้าแข้งกับสโมสร
เจิ้ง จื้อมีเส้นทางอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานและประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเริ่มต้นจากสโมสรในประเทศจีน ก่อนจะไปหาประสบการณ์ในยุโรป และกลับมาสร้างตำนานกับกว่างโจว เอฟซี
2.1. เหลียวหนิง และ เซินเจิ้น เจี้ยนหลี่เป่า
ในช่วงต้นอาชีพ เจิ้ง จื้อเริ่มต้นกับทีมเยาวชนของเหลียวหนิงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 และลงเล่นให้กับเหลียวหนิง เหลียวชิงในปี ค.ศ. 1998 ในฐานะกองหลัง อย่างไรก็ตาม สโมสรประสบปัญหาทางกฎหมายในปี ค.ศ. 2000 ทำให้เขาต้องหยุดเล่นฟุตบอลอาชีพไปหนึ่งปี ก่อนจะย้ายมายังเซินเจิ้น เจี้ยนหลี่เป่าด้วยสัญญายืมตัวในปี ค.ศ. 2001 และย้ายถาวรในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันด้วยค่าตัว 3.50 M CNY ที่เซินเจิ้น เขาถูกปรับตำแหน่งจากกองหลังมาเป็นกองกลางตัวรุกหรือเพลย์เมกเกอร์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของเขา เขาช่วยให้เซินเจิ้นคว้าแชมป์ไชนีสซูเปอร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2004 และได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกในปี ค.ศ. 2002 ขณะอายุ 22 ปี
2.2. ซานตง หลู่เนิง ไท่ซาน
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2005 เจิ้ง จื้อย้ายไปร่วมทีมซานตง หลู่เนิง ไท่ซานด้วยค่าตัว 9.50 M CNY ที่ซานตง เขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 2006 ที่เขายิงได้ถึง 21 ประตูในลีก ช่วยให้ซานตงคว้าแชมป์ไชนีสซูเปอร์ลีกและไชนีสเอฟเอคัพได้สำเร็จเป็นดับเบิลแชมป์ และเขาก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเป็นครั้งที่สองในปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2005-06 ระหว่างการแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกกับอัล-อิตติฮัด เขาถูกไล่ออกและถูกสั่งห้ามลงสนามทุกรายการเป็นเวลา 6 เดือน พร้อมปรับเงิน 4.50 K USD เนื่องจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม (ถ่มน้ำลายใส่ผู้ตัดสิน) นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน เขายังมีข้อพิพาทกับผู้ตัดสินหลังจบเกมกับเสิ่นหยาง จินเต๋อ โดยวิ่งไล่ผู้ตัดสินหลังจากที่ผู้ตัดสินปฏิเสธการจับมือ
2.3. ชาร์ลตัน แอทเลติก
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2006 เจิ้ง จื้อถูกยืมตัวไปเล่นให้กับชาร์ลตัน แอทเลติกในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ หลังจากที่เคยมาทดสอบฝีเท้ากับสโมสรในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2006 เขาลงสนามนัดแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 ในเกมที่แพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0 โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทนแอมดี ฟาย เขาทำประตูแรกได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2007 ในเกมที่ชนะนิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0 และได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ของ ESPN และ BBC ร่วมกับพัก จี-ซ็อง หลังจบฤดูกาล 2006-07 เขากลับไปซานตง หลู่เนิง ไท่ซาน ตามเงื่อนไขการยืมตัว และลงเล่นอีกครั้งในเกมที่แพ้ปักกิ่ง กั๋วอัน 6-1 ก่อนจะกลับมาร่วมทีมชาร์ลตันอย่างถาวรในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 ด้วยค่าตัว 2.00 M GBP และเซ็นสัญญา 2 ปี ซึ่งเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดสำหรับนักฟุตบอลจีนในขณะนั้น เขาทำได้ 7 ประตูในลีกในฤดูกาล 2007-08 แต่ฟอร์มตกลงในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลเนื่องจากความเหนื่อยล้า ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2008 มีข่าวเชื่อมโยงเขากับการย้ายไปเวสต์บรอมมิชอัลเบียนอย่างหนัก แต่การย้ายทีมก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 เจิ้ง จื้อออกจากชาร์ลตันหลังจากไม่สามารถตกลงสัญญาใหม่กับสโมสรได้ หลังจากการตกชั้นสู่ลีกวัน
2.4. เซลติก
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2009 เจิ้ง จื้อย้ายไปร่วมทีมเซลติกในสกอตติชพรีเมียร์ลีก โดยเซ็นสัญญา 2 ปี และกลายเป็นนักฟุตบอลจีนคนที่สองที่เซ็นสัญญากับสโมสรแห่งนี้ต่อจากตู้ เหว่ย โทนี โมว์เบรย์ ผู้จัดการทีมในขณะนั้นยืนยันว่าเขาชื่นชมเจิ้ง จื้อมานานแล้วและแสดงความยินดีกับการเซ็นสัญญาครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เจิ้ง จื้อไม่สามารถลงเล่นให้สโมสรในรอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2009-10ได้ เนื่องจากยูฟ่ายืนยันว่าเขาไม่ได้ลงทะเบียนทันเวลา เขาลงสนามนัดแรกให้กับสโมสรเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2009 ในเกมที่แพ้เรนเจอส์ 2-1 โดยเรียกจุดโทษได้ เขาทำประตูแรกให้กับสโมสรเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในเกมที่ชนะฮาร์ตออฟมิดโลเธียน 2-1 เขาถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2009-10 หลังจากไม่สามารถตกลงสัญญาใหม่ได้
2.5. กว่างโจว เอฟซี

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2010 เจิ้ง จื้อเข้าร่วมทีมกว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์ในไชน่าลีกวันด้วยสัญญาย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว เขาลงสนามนัดแรกให้กับสโมสรเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ในเกมที่เสมอกับหูเป่ย ลู่หยิน 1-1 เขาทำประตูแรกให้กับสโมสรเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ในเกมที่ชนะหนานจิง โยโย่ 10-0 ในฤดูกาล 2010 เจิ้ง จื้อทำได้ 5 ประตูจากการลงสนาม 11 นัด ช่วยให้กว่างโจวคว้าอันดับหนึ่งในดิวิชันสองและเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ
หลังจากการเลื่อนชั้นสู่ไชนีสซูเปอร์ลีก เจิ้ง จื้อได้รับตำแหน่งกัปตันทีมต่อจากหลี่ จื้อไห่ อดีตกัปตันทีมที่ย้ายไปกว่างตง ซันเรย์ เคฟ ในฤดูกาล 2011 เจิ้ง จื้อทำได้ 5 ประตูจากการลงสนาม 25 นัด ช่วยให้กว่างโจวคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งทำให้เจิ้ง จื้อคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งที่สามกับสโมสรที่แตกต่างกันสามแห่ง ในฤดูกาล 2012 สโมสรคว้าดับเบิลแชมป์ในประเทศด้วยการคว้าแชมป์ลีกและไชนีสเอฟเอคัพ และในฤดูกาล 2013 ก็คว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่สามติดต่อกัน ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2013 เจิ้ง จื้อนำกว่างโจวคว้าชัยชนะในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 ทำให้สโมสรแห่งนี้เป็นสโมสรจีนแห่งแรกที่คว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ โดยเจิ้ง จื้อลงเล่นเต็มเกมในรอบชิงชนะเลิศและเป็นผู้ชูถ้วยแชมป์ในฐานะกัปตันทีม เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 เจิ้ง จื้อได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชียจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย กลายเป็นนักฟุตบอลจีนคนที่สองที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจากฟ่าน จื้ออี้ในปี ค.ศ. 2001
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019 เจิ้ง จื้อได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราวของสโมสร เมื่อฟาบีโอ กันนาวาโร ผู้จัดการทีมถูกพักงานชั่วคราวและถูกส่งไปอบรมวัฒนธรรมองค์กรจนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2020 หลังจากการตกรอบแบ่งกลุ่มของเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2020 เจิ้ง จื้อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของสโมสร
3. อาชีพกับทีมชาติ

เจิ้ง จื้อเข้าร่วมทีมชาติจีนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีในฐานะผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ถูกเรียกตัวมาจากลีกระดับสาม เขาลงสนามนัดแรกให้กับทีมชาติจีนชุดใหญ่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2002 ในเกมที่ชนะซีเรีย 3-1 เขาทำประตูแรกในระดับนานาชาติเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2004 ในเกมที่ชนะมาซิโดเนีย 1-0 หลังจากจู กว่างหูเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 2005 เขาก็ถูกปรับตำแหน่งมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลางและยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติได้สำเร็จ เจิ้ง จื้อเป็นกัปตันทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนั้น เขามีฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะในเกมกับเบลเยียมที่เขาใช้ศอกทำฟาวล์คู่แข่งจนถูกใบแดงไล่ออก
ภายใต้การคุมทีมของเกา หงโป เจิ้ง จื้อได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติชุดใหญ่ ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2016 เจิ้ง จื้อกล่าวว่า "นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะอยู่ในรอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก" ซึ่งบ่งชี้ว่าเขาจะเลิกเล่นทีมชาติหลังจบฟุตบอลโลก 2018 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 2018 เจิ้ง จื้อลงสนามให้กับทีมชาติจีนเป็นนัดที่ 100 ในเกมที่ชนะไทย 2-0 ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลจีนคนที่สี่ที่ลงสนามครบ 100 นัด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2023 สมาคมฟุตบอลจีนได้จัดพิธีอำลาให้กับเจิ้ง จื้อก่อนเกมที่ทีมชาติจีนจะชนะพม่า 4-0 ที่ต้าเหลียน เจิ้ง จื้อลงเล่นให้กับทีมชาติจีนทั้งหมด 108 นัดและทำได้ 15 ประตู
4. รูปแบบการเล่นและตำแหน่ง
เจิ้ง จื้อเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง เดิมทีเขาเป็นกองหลัง แต่ภายหลังถูกเปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของเขา แม้ว่าอารี ฮาอัน ผู้จัดการทีมชาติจีนในขณะนั้นจะใช้เขาในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กเป็นเวลานาน แต่เขาก็ปรับตัวเข้ากับบทบาทกองกลางได้อย่างยอดเยี่ยม ในเอเอฟซีเอเชียนคัพ 2004 เขาทำได้ 3 ประตูและช่วยให้ทีมชาติจีนคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศได้สำเร็จ
เมื่อย้ายไปเล่นในยุโรปกับชาร์ลตันและเซลติก เขายังคงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก และเมื่อกลับมายังกว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์ เขาก็ยึดตำแหน่งกองกลางตัวรับ (โฮลดิ้งมิดฟิลด์) ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาก็ยังเคยเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าและเซ็นเตอร์แบ็กให้กับทีมชาติจีนด้วยเช่นกัน แม้จะอายุเข้าสู่ช่วงปลาย 30 ปีแล้ว เขาก็ยังคงสวมเสื้อหมายเลข 10 และเป็นกัปตันทีมทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขามีบทบาทสำคัญในการพากว่างโจวคว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกถึง 2 สมัย และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชียในปี ค.ศ. 2013 นอกจากนี้ เขายังเป็นที่โปรดปรานของมาร์เชลโล ลิปปี ผู้จัดการทีมระดับโลก และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของจีนหลังฟุตบอลโลก 2002 ทั้งอิโตะ ดัน และเอสคูเดโร เคฟิโอ ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของเขา ต่างก็ชื่นชมความสามารถของเขาผ่านโซเชียลมีเดีย
เจิ้ง จื้อเป็นผู้เล่นที่มีบุคลิกที่โดดเด่น แต่ก็มีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงอยู่บ่อยครั้ง ในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียกับเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 2016 เขาทำเข้าประตูตัวเองจากลูกฟรีคิกของซน ฮึง-มิน ที่แฉลบศีรษะของจี ดง-ว็อน แม้ว่าอวี้ ไห่และห่าว จวิ้นหมิ่นจะทำประตูได้ แต่จีนก็พ่ายแพ้ไป 2-3
5. อาชีพผู้ฝึกสอน
หลังจากการแขวนสตั๊ด เจิ้ง จื้อได้เปลี่ยนผ่านสู่บทบาทผู้ฝึกสอนอย่างเต็มตัว เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของกว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์หลายครั้ง รวมถึงการเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 2021 หลังจากที่ฟาบีโอ กันนาวาโรลาออกเนื่องจากปัญหาทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอเวอร์แกรนด์ นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของสโมสรอีกด้วย ปัจจุบัน เจิ้ง จื้อดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมของทีมชาติจีน ซึ่งเป็นบทบาทที่เขาได้นำประสบการณ์อันยาวนานในฐานะผู้เล่นระดับนานาชาติมาใช้ในการพัฒนาทีม
6. รางวัลและเกียรติยศ
เจิ้ง จื้อประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพค้าแข้ง โดยได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมายทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนบุคคล
6.1. รางวัลระดับสโมสร
- ไชนีสซูเปอร์ลีก:
- ชนะเลิศ: 2004 (กับเซินเจิ้น เจี้ยนหลี่เป่า)
- ชนะเลิศ: 2006 (กับซานตง หลู่เนิง ไท่ซาน)
- ชนะเลิศ: 2011, 2012, 2013, 2014, 2015, 2016, 2017, 2019 (กับกว่างโจว)
- รองชนะเลิศ: 2018, 2020 (กับกว่างโจว)
- ไชน่าลีกวัน:
- ชนะเลิศ: 2010 (กับกว่างโจว)
- ไชนีสเอฟเอคัพ:
- ชนะเลิศ: 2006 (กับซานตง หลู่เนิง ไท่ซาน)
- ชนะเลิศ: 2012, 2016 (กับกว่างโจว)
- ไชนีสเอฟเอซูเปอร์คัพ:
- ชนะเลิศ: 2012, 2016, 2017, 2018 (กับกว่างโจว)
- เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก:
- ชนะเลิศ: 2013, 2015 (กับกว่างโจว)
6.2. รางวัลส่วนบุคคล
- เอเอฟซีเอเชียนคัพ ทีมรวมดารา: 2004
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชีย: 2013
- เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ทีมในฝัน: 2013, 2015
- สมาคมฟุตบอลจีน ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี: 2002, 2006
- ไชนีสซูเปอร์ลีก ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี: 2002, 2003, 2004, 2005, 2006, 2012, 2013, 2014, 2015
7. ข้อถกเถียงและเหตุการณ์สำคัญ
ตลอดอาชีพค้าแข้ง เจิ้ง จื้อมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และข้อถกเถียงหลายครั้ง ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขาในวงการฟุตบอล
- เหตุการณ์ถ่มน้ำลายและไล่ผู้ตัดสิน (ค.ศ. 2005-2006)**: ในฤดูกาล 2005-06 ระหว่างการแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกกับอัล-อิตติฮัด เขาถูกไล่ออกและถูกสั่งห้ามลงสนามทุกรายการเป็นเวลา 6 เดือน พร้อมปรับเงิน 4.50 K USD เนื่องจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม (ถ่มน้ำลายใส่ผู้ตัดสิน) ในปีเดียวกัน เขายังมีข้อพิพาทกับผู้ตัดสินหลังจบเกมกับเสิ่นหยาง จินเต๋อ โดยวิ่งไล่ผู้ตัดสินหลังจากที่ผู้ตัดสินปฏิเสธการจับมือ
- การบาดเจ็บของจิบริล ซิสเซ (ค.ศ. 2006)**: ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติฝรั่งเศสก่อนฟุตบอลโลก 2006 เขาเข้าปะทะกับจิบริล ซิสเซ กองหน้าชาวฝรั่งเศส ซึ่งส่งผลให้ซิสเซได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและพลาดการแข่งขันฟุตบอลโลก แม้ว่าเจิ้ง จื้อจะยืนยันว่าเป็นการปะทะโดยอุบัติเหตุและไม่มีเจตนา แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักในทางลบ
- ใบแดงในโอลิมปิก 2008**: ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง เขามีฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะในเกมกับเบลเยียมที่เขาใช้ศอกทำฟาวล์คู่แข่งจนถูกใบแดงไล่ออก
- เหตุการณ์ถ่มน้ำลายใส่ผู้รักษาประตูฮ่องกง (ค.ศ. 2015)**: เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2015 หลังจบเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกกับฮ่องกงที่เซินเจิ้น มีภาพปรากฏว่าเขามีปากเสียงกับเย็บ ฮุง-ไฟ ผู้รักษาประตูทีมชาติฮ่องกง และถ่มน้ำลายใส่คู่กรณี
- ทำเข้าประตูตัวเองในเกมกับเกาหลีใต้ (ค.ศ. 2016)**: ในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกกับเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 2016 เขาทำเข้าประตูตัวเองจากลูกฟรีคิกของซน ฮึง-มิน ที่แฉลบศีรษะของจี ดง-ว็อน แม้ว่าอวี้ ไห่และห่าว จวิ้นหมิ่นจะทำประตูได้ แต่จีนก็พ่ายแพ้ไป 2-3
8. ชีวิตส่วนตัว
เจิ้ง จื้อแต่งงานในปี ค.ศ. 2004 และมีบุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายของเขาได้เข้าร่วมสโมสรเยาวชนของกว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์
9. สถิติอาชีพ
สถิติอาชีพของเจิ้ง จื้อแสดงถึงการลงสนามและจำนวนประตูที่ทำได้ตลอดเส้นทางอาชีพทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
9.1. สถิติระดับสโมสร
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วยแห่งชาติ | ฟุตบอลถ้วยลีก | ระดับทวีป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | ||
เหลียวหนิง เหลียวชิง | 1998 | ไชน่าลีกทู | - | - | - | - | ||||||||
1999 | 4 | 0 | - | - | - | - | 4 | 0 | ||||||
2000 | 0 | 0 | - | - | - | - | 0 | 0 | ||||||
รวม | 4 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 4 | 0 | ||
เซินเจิ้น เจี้ยนหลี่เป่า | 2001 | ไชนีสเจีย-เอลีก | 23 | 2 | 3 | 0 | - | - | - | 26 | 2 | |||
2002 | 27 | 6 | 2 | 0 | - | - | - | 29 | 6 | |||||
2003 | 16 | 3 | 3 | 0 | - | - | - | 19 | 3 | |||||
2004 | ไชนีสซูเปอร์ลีก | 16 | 2 | 4 | 4 | 2 | 1 | - | - | 22 | 7 | |||
รวม | 82 | 13 | 12 | 4 | 2 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 96 | 18 | ||
ซานตง หลู่เนิง ไท่ซาน | 2005 | ไชนีสซูเปอร์ลีก | 18 | 10 | 4 | 2 | 4 | 4 | 6 | 5 | - | 32 | 21 | |
2006 | 26 | 21 | 6 | 1 | - | - | - | 32 | 22 | |||||
2007 | 1 | 0 | - | - | - | 3 | 2 | 4 | 2 | |||||
รวม | 45 | 31 | 10 | 3 | 4 | 4 | 6 | 5 | 3 | 2 | 68 | 45 | ||
ชาร์ลตัน แอทเลติก (ยืมตัว) | 2006-07 | พรีเมียร์ลีก | 12 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | - | 12 | 1 | ||
ชาร์ลตัน แอทเลติก | 2007-08 | แชมเปียนชิป | 42 | 7 | 2 | 1 | 1 | 1 | - | - | 45 | 9 | ||
2008-09 | 13 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | - | 13 | 1 | ||||
รวม | 67 | 9 | 2 | 1 | 1 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 70 | 11 | ||
เซลติก | 2009-10 | สกอตติชพรีเมียร์ลีก | 16 | 1 | 2 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | - | 19 | 1 | |
กว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์ | 2010 | ไชน่าลีกวัน | 11 | 5 | - | - | - | - | 11 | 5 | ||||
2011 | ไชนีสซูเปอร์ลีก | 25 | 5 | 2 | 0 | - | - | - | 27 | 5 | ||||
2012 | 24 | 1 | 3 | 1 | - | 9 | 0 | 0 | 0 | 36 | 2 | |||
2013 | 24 | 2 | 4 | 0 | - | 14 | 1 | 4 | 0 | 46 | 3 | |||
2014 | 20 | 0 | 0 | 0 | - | 8 | 0 | 0 | 0 | 28 | 0 | |||
2015 | 22 | 1 | 0 | 0 | - | 13 | 1 | 4 | 0 | 39 | 2 | |||
2016 | 26 | 1 | 8 | 0 | - | 5 | 0 | 1 | 0 | 40 | 1 | |||
2017 | 17 | 0 | 1 | 1 | - | 10 | 0 | 1 | 0 | 29 | 1 | |||
2018 | 17 | 0 | 0 | 0 | - | 4 | 0 | 0 | 0 | 21 | 0 | |||
2019 | 16 | 0 | 1 | 0 | - | 8 | 0 | - | 25 | 0 | ||||
2020 | 13 | 0 | 0 | 0 | - | 0 | 0 | - | 13 | 0 | ||||
2021 | 11 | 0 | 0 | 0 | - | 0 | 0 | - | 11 | 0 | ||||
รวม | 226 | 15 | 19 | 2 | 0 | 0 | 71 | 2 | 10 | 0 | 326 | 19 | ||
รวมตลอดอาชีพ | 440 | 69 | 45 | 10 | 8 | 6 | 77 | 7 | 13 | 2 | 583 | 94 |
9.2. สถิติระดับทีมชาติ
ทีมชาติ | ปี | นัด | ประตู |
---|---|---|---|
จีน | 2002 | 3 | 0 |
2003 | 4 | 0 | |
2004 | 21 | 9 | |
2005 | 3 | 1 | |
2006 | 5 | 1 | |
2007 | 3 | 0 | |
2008 | 6 | 1 | |
2009 | 4 | 0 | |
2010 | 0 | 0 | |
2011 | 10 | 1 | |
2012 | 5 | 0 | |
2013 | 11 | 0 | |
2014 | 5 | 2 | |
2015 | 12 | 0 | |
2016 | 2 | 0 | |
2017 | 4 | 0 | |
2018 | 6 | 0 | |
2019 | 4 | 0 | |
รวม | 108 | 15 |
ประตูในระดับนานาชาติ
# | วันที่ | สถานที่ | คู่แข่ง | คะแนน | ผลลัพธ์ | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 29 มกราคม ค.ศ. 2004 | ศูนย์กีฬาซูโจว, ซูโจว, จีน | มาซิโดเนียเหนือ | 1-0 | 1-0 | กระชับมิตร |
2 | 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 | สนามกีฬานานาชาติเซินเจิ้น, เซินเจิ้น, จีน | ฟินแลนด์ | 2-1 | 2-1 | กระชับมิตร |
3 | 17 มีนาคม ค.ศ. 2004 | ศูนย์กีฬาหวงผู่, กว่างโจว, จีน | พม่า | 1-0 | 2-0 | กระชับมิตร |
4 | 1 มิถุนายน ค.ศ. 2004 | สนามฟุตบอลเทียนจินเทด้า, เทียนจิน, จีน | ฮังการี | 2-1 | 2-1 | กระชับมิตร |
5 | 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 | สนามกีฬาประชาชนฮูฮอต, ฮูฮอต, จีน | สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 1-2 | 2-2 | กระชับมิตร |
6 | 2-2 | |||||
7 | 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 | สนามกรรมกร, ปักกิ่ง, จีน | บาห์เรน | 1-1 | 2-2 | เอเอฟซีเอเชียนคัพ 2004 |
8 | 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 | สนามกรรมกร, ปักกิ่ง, จีน | อิรัก | 2-0 | 3-0 | เอเอฟซีเอเชียนคัพ 2004 |
9 | 3-0 | |||||
10 | 22 มิถุนายน ค.ศ. 2005 | สนามกีฬาเทียนเหอ, กว่างโจว, จีน | คอสตาริกา | 1-0 | 2-0 | กระชับมิตร |
11 | 7 มิถุนายน ค.ศ. 2006 | สตาดฌอฟรัว-กีชาร์, แซ็งเตเตียน, ฝรั่งเศส | ฝรั่งเศส | 1-1 | 1-3 | กระชับมิตร |
12 | 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 | สนามกีฬาอัลราชิด, ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | อิรัก | 1-1 | 1-1 | ฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก |
13 | 2 กันยายน ค.ศ. 2011 | สนามกีฬาถัวตง, คุนหมิง, จีน | สิงคโปร์ | 1-1 | 2-1 | ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก |
14 | 14 ตุลาคม ค.ศ. 2014 | สนามกีฬาเหอหลง, ฉางชา, จีน | ปารากวัย | 1-0 | 2-1 | กระชับมิตร |
15 | 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 | ศูนย์กีฬาโอลิมปิกเจียงซี, หนานชาง, จีน | นิวซีแลนด์ | 1-0 | 1-1 | กระชับมิตร |