1. ภาพรวม
อเล็กซิส รัวโน เดลกาโด (Alexis Ruano Delgadoภาษาสเปน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ อเล็กซิส (Alexisภาษาสเปน) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสเปนที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กเป็นหลัก แต่ยังสามารถเล่นในตำแหน่งฟุลแบ็กได้อีกด้วย ตลอดอาชีพค้าแข้ง 15 ฤดูกาลในลาลิกา เขาลงสนามไปทั้งหมด 321 นัด และทำได้ 17 ประตู โดยเป็นตัวแทนของหลายสโมสรสำคัญในสเปน เช่น มาลากา, เคตาเฟ (สองช่วงเวลา), บาเลนเซีย, เซบิยา และ อลาเบส นอกจากนี้ เขายังเคยไปเล่นฟุตบอลอาชีพในต่างประเทศที่ตุรกีและซาอุดีอาระเบียอีกด้วย
2. ชีวิตช่วงต้นและอาชีพเยาวชน
อเล็กซิส รัวโน เดลกาโด เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1985 ที่เมืองมาลากา ประเทศสเปน เขาเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับทีมเยาวชนของมาลากา ซีเอฟ ซึ่งเป็นสโมสรบ้านเกิด โดยใช้เวลาสามปีสลับไปมาระหว่างทีมชุดใหญ่และทีมสำรองคือ อัตเลติโก มาลากูเอญโญ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ถึง 2004 เขาลงสนามให้กับทีมสำรองไป 50 นัด แม้ว่าจะไม่สามารถทำประตูได้ในช่วงเวลานั้น การประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของมาลากาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ในเกมที่ชนะเอสปัญญอล 5-2 ในบ้าน ซึ่งเขาลงเล่นไปเพียงแปดนาที
3. อาชีพสโมสร
อเล็กซิสมีเส้นทางอาชีพฟุตบอลสโมสรที่หลากหลาย โดยเริ่มต้นในสเปนก่อนจะย้ายไปเล่นในต่างประเทศ และกลับมายังลีกสูงสุดของสเปนอีกครั้ง เขาเป็นส่วนสำคัญของหลายสโมสรและมีบทบาทสำคัญในการแข่งขันที่หลากหลาย
3.1. มาลากา ซีเอฟ และ เคตาเฟ ซีเอฟ (ช่วงแรก)
หลังจากประเดิมสนามกับมาลากา ซีเอฟในปี ค.ศ. 2004 อเล็กซิสลงสนามให้กับมาลากา 53 นัด และทำได้ 3 ประตูระหว่างปี ค.ศ. 2004 ถึง 2006 โดยบางครั้งก็เล่นในตำแหน่งแบ็กขวา ในฤดูกาล 2005-06 ทีมมาลากาจบอันดับสุดท้ายของลาลิกา ทำให้ต้องตกชั้นสู่ดิวิชันสอง ด้วยเหตุนี้ ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2006 อเล็กซิสจึงย้ายไปร่วมทีมเคตาเฟ ซีเอฟด้วยค่าตัว 2.50 M EUR
ที่เคตาเฟ อเล็กซิสได้พัฒนาฝีเท้าขึ้นอย่างมากและกลายเป็นส่วนสำคัญของแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก โดยเสียไปเพียง 33 ประตูจากการลงสนาม 38 นัดในฤดูกาลนั้น หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นคือการทำประตูชัยให้เคตาเฟเอาชนะเรอัลมาดริด 1-0 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2006 ผลงานของเขาที่เคตาเฟดึงดูดความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่หลายแห่งในยุโรป เช่น เอซี มิลาน, บาเลนเซีย, เรอัลมาดริด และ บาร์เซโลนา
3.2. บาเลนเซีย ซีเอฟ
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007 บาเลนเซียสามารถเซ็นสัญญาคว้าตัวอเล็กซิสได้ด้วยค่าตัว 6.50 M EUR โดยเอาชนะการแข่งขันกับเรอัลมาดริด สัญญาดังกล่าวมีอายุ 6 ปีจนถึงปี ค.ศ. 2013 และเขาเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2007
ในฤดูกาล 2007-08 อเล็กซิสต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่า ทำให้ต้องพักรักษาตัวเกือบตลอดฤดูกาล อย่างไรก็ตาม เขากลับมาช่วยทีมคว้าแชมป์โกปาเดลเรย์ในปี ค.ศ. 2008 ได้สำเร็จ โดยทำประตูที่สองในนัดชิงชนะเลิศที่ชนะเคตาเฟ อดีตต้นสังกัดของเขา 3-1 หลังจากที่ฆวน มาตาทำประตูแรก ซึ่งเป็นแชมป์โกปาเดลเรย์ครั้งที่ 7 ของบาเลนเซียในรอบ 9 ปี
ในฤดูกาล 2008-09 อเล็กซิสได้จับคู่กับราอุล อัลบิโอลในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กและทำประตูได้ในเกมที่เสมออัลเมเรีย 2-2 เมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2008 แต่เขาก็ต้องพักรักษาตัวอีกสองเดือนจากอาการปวดหัวหน่าว ในฤดูกาล 2009-10 หลังจากที่อัลบิโอลย้ายออกไป อเล็กซิสลงเล่นในลีก 24 นัด ส่วนใหญ่จับคู่กับอังเฆล เดอัลเบร์โต และช่วยให้บาเลนเซียจบอันดับสามในลาลิกา คว้าสิทธิ์เข้าแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นอกจากนี้ เขายังทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับเตเนริเฟ 1-0 ซึ่งส่งผลให้เตเนริเฟตกชั้นสู่ดิวิชันสอง และช่วยให้มาลากา อดีตต้นสังกัดของเขาไม่ต้องตกชั้นตามไปด้วย
3.3. เซบิยา เอฟซี และ เคตาเฟ ซีเอฟ (ช่วงที่สอง)
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2010 อเล็กซิสย้ายไปร่วมทีมเซบิยาด้วยค่าตัว 5.00 M EUR โดยเซ็นสัญญา 6 ปี เพื่อมาแทนที่เซบาสเตียง สกิลลาชีที่ย้ายไปอาร์เซนอล ในฤดูกาล 2010-11 เขาลงเล่นในลีก 21 นัด (รวมทุกรายการ 26 นัด) ช่วยให้ทีมจบอันดับห้าและผ่านเข้ารอบยูฟ่ายูโรปาลีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ตำแหน่งของเขาก็ถูกฟาซิโอแย่งไป
ในฤดูกาล 2011-12 สถานะของอเล็กซิสยิ่งแย่ลงหลังจากที่สปาฮิชย้ายเข้ามา เขาเป็นเพียงตัวเลือกที่สี่หรือห้าในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างมาร์เซลิโน การ์เซีย โตราล แม้ว่าเขาจะทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 86 ด้วยลูกโหม่งในเกมที่เสมอกับบิยาร์เรอัล 2-2 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 อเล็กซิสได้รับอนุญาตให้ย้ายกลับไปร่วมทีมเคตาเฟด้วยสัญญายืมตัวจนสิ้นสุดฤดูกาล เนื่องจากเคตาเฟประสบปัญหาผู้เล่นในแนวรับได้รับบาดเจ็บหลายราย สัญญายืมตัวถูกขยายออกไปตลอดฤดูกาล 2012-13 และในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2013 อเล็กซิสก็ตกลงเซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีมเคตาเฟถาวรด้วยสัญญา 4 ปี เขายังคงเป็นผู้เล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอเมื่อฟิตสมบูรณ์ แต่ก็พลาดการลงสนามหลายเกมเนื่องจากติดโทษแบน
3.4. เบชิกทัช เจเค
เมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2016 อเล็กซิสในวัย 30 ปีได้ย้ายไปเล่นในต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยเข้าร่วมทีมเบชิกทัชในลีกซือเปร์ลีกของตุรกี ด้วยค่าตัว 2.00 M EUR หลังจากการเสมอ 3-3 กับอักฮิซาร์ เบเลดิเยสปอร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน ผลงานที่ย่ำแย่ของเขาในนัดนั้นนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและมีข้อกล่าวหาเรื่องล็อกผลการแข่งขันเกิดขึ้น
3.5. เดปอร์ติโบ อลาเบส
อเล็กซิสกลับมายังประเทศสเปนและลีกสูงสุดอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 โดยเซ็นสัญญากับสโมสรน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นอย่างเดปอร์ติโบ อลาเบส เขาทำได้ 2 ประตูจากการลงสนาม 24 นัดในฤดูกาล 2016-17 ซึ่งทีมจบอันดับที่ 9 ของตาราง และยังช่วยให้อลาเบสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโกปาเดลเรย์ประจำฤดูกาล 2016-17 ได้อีกด้วย
3.6. สโมสรสุดท้ายและการอำลาวงการ
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2018 อเล็กซิสย้ายไปเล่นในต่างประเทศอีกครั้ง โดยเข้าร่วมทีมอัล-อาห์ลี ในซาอุดีโปรเฟสชันนัลลีก ด้วยสัญญา 2 ปี เขาลงสนามให้ทีมไป 8 นัดและไม่สามารถทำประตูได้
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2019 เขากลับมายังประเทศสเปนอีกครั้ง โดยตกลงเซ็นสัญญา 2 ปีกับทีมราซิง ซานตานเดร์ ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชันสอง เขาลงสนามให้กับราซิง ซานตานเดร์ไป 20 นัดในช่วงปี ค.ศ. 2018-2020 ก่อนที่จะประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ
4. อาชีพระดับทีมชาติ
อเล็กซิสมีเส้นทางอาชีพระดับทีมชาติที่ยาวนานในชุดเยาวชนของสเปน โดยลงสนามให้กับทีมชาติสเปนรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี (U-17) ระหว่างปี ค.ศ. 2001-2003 จำนวน 18 นัด
ต่อมา เข้าร่วมทีมชาติสเปนรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี (U-19) ระหว่างปี ค.ศ. 2002-2004 ลงสนาม 11 นัด และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีในปี ค.ศ. 2004 โดยมีเซร์ฆิโอ ราโมสเป็นเพื่อนร่วมทีม
ในระดับทีมชาติรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี (U-20) เขาลงสนาม 8 นัดระหว่างปี ค.ศ. 2002-2005 และเป็นรองแชมป์ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปีในปี ค.ศ. 2003 โดยเอาชนะทีมชาติแคนาดา U-20 และโคลอมเบีย U-20 ได้ และในปี ค.ศ. 2005 เขายังได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปีที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยมีผู้เล่นอย่างเฟร์นันโด ยอร์เรนเตและดาบิด ซิลบาอยู่ในทีม
นอกจากนี้ อเล็กซิสยังเคยลงสนามให้กับทีมชาติสเปนรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี (U-21) 3 นัด ระหว่างปี ค.ศ. 2004-2006
5. ลักษณะการเล่น
อเล็กซิส รัวโน เดลกาโด มีความสูง 183 cm และน้ำหนัก 76 kg โดยเป็นผู้เล่นถนัดเท้าขวา ตำแหน่งหลักของเขาคือเซ็นเตอร์แบ็กซึ่งเป็นบทบาทที่เขาเล่นให้กับสโมสรส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถเล่นในตำแหน่งฟุลแบ็กได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยที่อยู่กับมาลากาที่เขาเคยเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา และยังมีความสามารถในการเล่นแบ็กซ้ายได้อีกด้วย จุดเด่นในเกมรับของเขาคือความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของทีมที่เขาอยู่
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับอเล็กซิสคือเขามีรอยสักรูปซากุระและข้อความภาษาญี่ปุ่นอยู่บนแขนขวาของเขา
6. เกียรติประวัติ
อเล็กซิส รัวโน เดลกาโด ได้รับเกียรติประวัติทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ รวมถึงรางวัลส่วนตัวตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา
6.1. เกียรติประวัติระดับสโมสร
- รองแชมป์โกปาเดลเรย์: 2006-07 (กับเคตาเฟ)
- แชมป์โกปาเดลเรย์: 2007-08 (กับบาเลนเซีย)
- แชมป์ซือเปร์ลีก: 2015-16 (กับเบชิกทัช)
- รองแชมป์โกปาเดลเรย์: 2016-17 (กับอลาเบส)
6.2. เกียรติประวัติระดับทีมชาติ
6.3. เกียรติประวัติส่วนตัว
- ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งลาลิกา: 2006-07
7. ข้อโต้แย้ง
ตลอดอาชีพค้าแข้งของอเล็กซิส รัวโน เดลกาโด มีบางเหตุการณ์ที่ตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์และข้อโต้แย้งเกิดขึ้น
ที่เบชิกทัช หลังจากเกมที่เสมอกับอักฮิซาร์ เบเลดิเยสปอร์ 3-3 เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2016 ผลงานที่ย่ำแย่ของเขาในนัดนั้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากแฟนบอลและสื่อมวลชน นำไปสู่การตั้งข้อกล่าวหาเรื่องล็อกผลการแข่งขัน (match-fixing) แม้ว่าจะเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่ไม่มีการพิสูจน์ แต่ก็สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่แฟนคลับ
นอกจากนี้ ในช่วงที่สองของการค้าแข้งกับเคตาเฟ อเล็กซิสยังเคยพลาดการลงสนามหลายนัดเนื่องจากติดโทษแบน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปัญหาด้านวินัยในสนามที่ทำให้เขาต้องพลาดโอกาสในการช่วยทีม
8. มรดกและการประเมิน
อเล็กซิส รัวโน เดลกาโด เป็นผู้เล่นที่มีความสม่ำเสมอและประสบการณ์สูงในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก โดยมีอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานถึง 15 ฤดูกาลในลาลิกา ความสามารถในการเล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์แบ็กและฟุลแบ็ก รวมถึงการเล่นลูกกลางอากาศที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่มีคุณค่าในแนวรับของหลายสโมสรที่เขาได้ร่วมงาน
หนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุดของเขาคือการเป็นส่วนหนึ่งของแนวรับที่แข็งแกร่งของเคตาเฟในช่วงแรก และการมีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์โกปาเดลเรย์กับบาเลนเซีย นอกจากนี้ การทำประตูสำคัญในช่วงท้ายฤดูกาลเพื่อช่วยให้มาลาการอดจากการตกชั้นในขณะที่อยู่กับบาเลนเซีย ก็เป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่แฟนบอลจดจำ
แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับข้อกล่าวหาล็อกผลการแข่งขันในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เบชิกทัช ซึ่งทำให้เกิดมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับเขา แต่โดยรวมแล้ว อเล็กซิสได้รับการจดจำในฐานะนักฟุตบอลอาชีพที่ทุ่มเทและมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอในวงการฟุตบอลสเปนตลอดอาชีพการงานของเขา