1. ชีวิตช่วงต้นและการเริ่มต้นอาชีพ
อาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลตั้งแต่อายุน้อย โดยผ่านการฝึกฝนในระดับเยาวชนและก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี
1.1. การเกิดและอาชีพในวัยเยาว์
อาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1995 และเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลของเขากับสโมสร AS FAN ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไนเจอร์ เขาได้เปิดตัวในทีมชุดใหญ่ของสโมสรตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลอาชีพของเขาอย่างเป็นทางการ
1.2. กิจกรรมกับสโมสรอาชีพช่วงแรก
ในปี ค.ศ. 2013 โมฮาเหม็ดได้เข้าร่วมแผนกเยาวชนของบอร์โดซ์ ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลชั้นนำในฝรั่งเศส และได้ฝึกซ้อมเป็นครั้งคราวกับทีมสำรองของสโมสร ต่อมาในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2015 เขาได้เซ็นสัญญากับ เบตาร์เทลอาวีฟรอมลา และได้ลงสนามให้กับสโมสรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายน ในการแข่งขันที่พ่ายแพ้ต่อ บเนยลอด 4-1 ประตู และในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขายิงประตูแรกให้กับสโมสรได้สำเร็จในการแข่งขันที่ชนะบเนยลอด 3-2 ประตู
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม โมฮาเหม็ดได้เซ็นสัญญากับ มัคคาบีเนทานยา และในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2017 เขาก็ยิงประตูแรกให้กับสโมสรใหม่ได้ในการแข่งขันที่ชนะฮาโปเอลคาตามอนเยรูซาเลม 4-0 ประตู เขาจบฤดูกาลนั้นด้วยผลงานหนึ่งประตูและห้าแอสซิสต์ และในวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2018 โมฮาเหม็ดได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับมัคคาบีเนทานยาไปจนถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2019-2020 โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 2.50 M USD
2. อาชีพกับสโมสรหลัก
อาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ ได้สร้างผลงานและพบกับเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างในระหว่างการค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลหลักในประเทศอิสราเอล
2.1. เบต้าเยรูซาเลมและข้อถกเถียงที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2019 โมฮาเหม็ดได้เซ็นสัญญาเป็นเวลาสามปีกับ เบตาร์เยรูซาเลม ด้วยค่าตัว 1.70 M EUR การเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นที่จับตามองอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มแฟนบอลส่วนหนึ่งของสโมสรที่ชื่อว่า La Familia ได้ยื่นคำร้องให้เปลี่ยนชื่อของเขา โดยอ้างว่าชื่อ "อาลี โมฮาเหม็ด" ฟังดูคล้ายชาวมุสลิม ทั้งที่จริงแล้วโมฮาเหม็ดเป็นชาวคริสเตียนที่เคร่งศาสนา
ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน โมฮาเหม็ดต้องเผชิญกับการถูกเหยียดเชื้อชาติจากแฟนบอลของสโมสรตนเองระหว่างการฝึกซ้อมแบบเปิด โมเช โฮเกก เจ้าของสโมสร ได้ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนโมฮาเหม็ดอย่างเต็มที่ โดยกล่าวว่าสโมสรจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับกลุ่ม La Familia และแฟนบอลของสโมสรที่พบว่าได้ทำการเหยียดเชื้อชาติใส่ผู้เล่น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดทางสังคมและวัฒนธรรมที่นักฟุตบอลต้องเผชิญในบริบทของสโมสรที่มีประวัติความขัดแย้งเกี่ยวกับอัตลักษณ์
2.2. มัคคาบีไฮฟาและกิจกรรมปัจจุบัน
หลังจากช่วงเวลาที่เบตาร์เยรูซาเลม อาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ ได้ย้ายมาร่วมทีมมัคคาบีไฮฟา ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอิสราเอล ปัจจุบันเขายังคงเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ และมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าเกียรติประวัติมากมาย ได้แก่ การชนะเลิศอิสราเอลพรีเมียร์ลีกถึงสองสมัยในฤดูกาล 2021-22 และ 2022-23 นอกจากนี้เขายังคว้าแชมป์อิสราเอลโตโต้คัพในฤดูกาล 2021-22 และอิสราเอลซูเปอร์คัพในปี 2021 และ 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเขาในการขับเคลื่อนความสำเร็จของทีม
3. อาชีพทีมชาติ
อาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ ได้รับโอกาสเป็นตัวแทนของไนเจอร์ในระดับทีมชาติ โดยได้ลงสนามในรายการแข่งขันที่สำคัญหลายครั้ง
ในวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2013 โมฮาเหม็ดได้ลงเล่นให้กับทีมชาตินิเจอร์เป็นครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก (CAF) ซึ่งไนเจอร์พ่ายแพ้ต่อบูร์กินาฟาโซ 0-1 ประตู ในการแข่งขันที่บ้านของตนเอง การลงสนามครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในระดับทีมชาติของเขา
4. ชีวิตส่วนตัว
ข้อมูลส่วนตัวของอาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะนั้นสะท้อนถึงภูมิหลังทางศาสนาและสถานะการพำนักในอิสราเอล
แม้ว่าชื่อของเขา "อาลี โมฮาเหม็ด" จะสื่อถึงต้นกำเนิดของมุสลิม (ตามความเชื่อของบิดาผู้ล่วงลับของเขา) แต่โมฮาเหม็ดได้ยืนยันว่าเขาเป็นชาวคริสเตียนที่เคร่งศาสนาอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นความเชื่อตามมารดาของเขา นอกจากนี้ โมฮาเหม็ดได้รับสถานะผู้พำนักในอิสราเอลเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2022
5. เกียรติประวัติ
นี่คือรายการเกียรติประวัติสำคัญที่อาลี โมฮาเหม็ด อัล ฟาซ ได้รับในระหว่างอาชีพกับสโมสรต่างๆ:
- มัคคาบีเนทานยา
- ลีกาเลอูมิต: 2016-17
- เบตาร์เยรูซาเลม
- โตโต้คัพ: 2019-20
- มัคคาบีไฮฟา
- อิสราเอลพรีเมียร์ลีก: 2021-22, 2022-23
- อิสราเอลโตโต้คัพ (ลีกัตฮาอัล): 2021-22
- อิสราเอลซูเปอร์คัพ: 2021, 2023