1. ภาพรวม

สโลโบดัน ราจโควิช (Слободан Рајковићสโลโบดัน ราจโควิชภาษาเซอร์เบีย; เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวเซอร์เบียในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง เขาเริ่มต้นอาชีพกับOFK เบลเกรดตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี และสร้างชื่อเสียงจนกระทั่งเชลซี เอฟซี สโมสรจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษตัดสินใจซื้อตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวจำนวนมากตั้งแต่อายุ 16 ปี แม้จะอยู่กับเชลซีถึง 6 ปี แต่เขาก็ไม่เคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในเกมทางการเลย เนื่องจากปัญหาเรื่องใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ เขาถูกปล่อยยืมตัวไปยังหลายสโมสรในเอเรอดีวีซีของเนเธอร์แลนด์ เช่น พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน, เอฟซี ทเวนเต และเอสบีวี วิเทสส์ ซึ่งเป็นช่วงที่เขาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกถึง 2 สมัย แต่ก็มีเหตุการณ์ถูกฟีฟ่าสั่งแบนจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 หลังจากนั้นเขาย้ายไปเล่นในบุนเดสลีกาเยอรมันกับฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟา และเอสเฟา ดาร์มสตัดท์ 98 ซึ่งมีทั้งช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บหนักและข้อโต้แย้งเกิดขึ้น รวมถึงช่วงเวลาในเซเรียอาอิตาลีกับปาแลร์โมและเปรูจา และปิดท้ายอาชีพกับสโมสรในรัสเซียและฮังการี ราจโควิชยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเซอร์เบียทั้งในระดับเยาวชนและชุดใหญ่ โดยมีสถิติลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ 19 นัด
2. อาชีพสโมสร
ในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล สโลโบดัน ราจโควิช ได้เริ่มต้นในประเทศบ้านเกิดก่อนจะย้ายไปร่วมทีมใหญ่ในอังกฤษ และถูกส่งตัวไปสั่งสมประสบการณ์ในหลายสโมสรทั่วทวีปยุโรป
2.1. อาชีพช่วงต้นและการย้ายไปเชลซี
ราจโควิชเกิดในเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรOFK เบลเกรด และได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ในฤดูกาลที่สองกับทีมชุดใหญ่ ชื่อเสียงของราจโควิชเริ่มโดดเด่นขึ้นอย่างมาก จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ขณะที่เขามีอายุ 16 ปี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างเชลซี เอฟซี ได้ตัดสินใจจ่ายเงินค่าตัว 2.00 M EUR เพื่อคว้าตัวกองหลังดาวรุ่งรายนี้มาร่วมทีม รายงานบางฉบับระบุค่าตัวสูงถึง 3.50 M GBP ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุต่ำกว่า 18 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในเวลานั้น ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลง ราจโควิชยังคงอยู่กับ OFK เบลเกรดในฐานะผู้เล่นที่เชลซีปล่อยยืมตัวไปจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล 2006-07
2.2. การยืมตัวในเอเรอดีวีซี
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2007 เชลซีตัดสินใจปล่อยราจโควิชให้พีเอสวี ไอนด์โฮเฟนยืมตัวเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาลก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2007-08 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงในการย้ายทีมของอเล็กซ์มายังเชลซี ในช่วงเวลานั้นราจโควิชได้ลงสนามรวม 18 นัดในทุกรายการให้กับพีเอสวี และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอเรอดีวีซีในฤดูกาลนั้น หลังจากการยืมตัวหนึ่งปีที่พีเอสวี สโมสรดัตช์ต้องการขยายสัญญาการยืมตัวออกไปอีกหนึ่งปี แต่เชลซีปฏิเสธเนื่องจากราจโควิชไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากพอในฤดูกาลที่ไอนด์โฮเฟน อย่างไรก็ตาม ราจโควิชยังคงกลับไปเล่นในเอเรอดีวีซีอีกครั้งในวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 โดยย้ายไปร่วมทีมทเวนเตด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งปี ซึ่งเป็นการเสริมทัพรายแรกภายใต้การคุมทีมของสตีฟ แมคลาเรน ผู้จัดการทีมคนใหม่ ในฤดูกาลแรกกับทเวนเต ราจโควิชลงเล่น 20 นัด ทำได้ 1 ประตู และในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 สัญญายืมตัวของเขาก็ถูกขยายออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 เขายังคงเป็นกำลังสำคัญของทเวนเตในการคว้าแชมป์เอเรอดีวีซีในฤดูกาล 2009-10 ทำให้เขาคว้าแชมป์ลีกดัตช์ได้เป็นสมัยที่สอง ในสองฤดูกาลที่ทเวนเต ราจโควิชลงสนามรวม 34 นัดและทำได้ 1 ประตู
หลังจากเหตุการณ์ถ่มน้ำลายใส่กรรมการในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 นัดที่เซอร์เบียพบกับอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2008 ราจโควิชถูกฟีฟ่าสั่งแบนเป็นเวลา 12 เดือน คำตัดสินดังกล่าวประกาศเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2008 ทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการได้ทั้งในนามทีมชาติและสโมสรเอฟซี ทเวนเต จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 อย่างไรก็ตาม ราจโควิชได้อุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว โดยยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์ และในที่สุดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 ฟีฟ่าได้ลดโทษแบนลงเหลือเพียงการห้ามลงเล่นในนามทีมชาติเท่านั้น ทำให้เขาสามารถกลับมาเล่นให้สโมสรได้ ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ราจโควิชย้ายไปร่วมทีมวิเทสส์ สโมสรอีกแห่งในเอเรอดีวีซี ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมเก่าจากเชลซีอย่างเนมานยา มาติช และมาเตย์ เดลัช ในระหว่างที่เล่นกับวิเทสส์ ราจโควิชได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมภายใต้การคุมทีมของอัลเบร์โต เฟร์เรร์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 โดยรวมแล้วเขาลงเล่น 27 นัดให้วิเทสส์
2.3. การกลับไปเชลซีและการย้ายทีมภายหลัง
หลังจากถูกปล่อยยืมตัวหลายครั้ง ราจโควิชได้กลับมายังเชลซี เอฟซีอีกครั้งก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2011-12 ตามคำร้องขอของอันเดร วิลลัส-โบอัส ผู้จัดการทีมคนใหม่ เขามีโอกาสลงเล่นในเสื้อเชลซีเป็นครั้งแรกในเกมกระชับมิตรกับวิคอมบ์ วันเดอเรอส์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ที่ศูนย์ฝึกอบรมค็อบแฮมของเชลซี โดยลงเล่นในช่วงครึ่งหลังและทำประตูที่สามของทีมได้จากการวอลเลย์ลูกเตะมุมของยูริ ชีร์คอฟ อย่างไรก็ตาม สี่ปีหลังจากที่เซ็นสัญญากับเชลซี ราจโควิชก็ยังคงไม่ได้รับใบอนุญาตทำงานหรือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป ทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นในเกมที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้ (นั่นคือเหตุผลที่เขาเล่นในเกมปิดกับวิคอมบ์ แต่ไม่สามารถเล่นกับพอร์ตสมัทได้) อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ลงเล่นในเกมกระชับมิตรช่วงปรีซีซั่นกับทีมรวมดารามาเลเซีย โดยเล่นเต็มครึ่งแรก นอกจากนี้เขายังได้ลงเล่นกับคิตชีในรายการบาร์เคลย์ส เอเชีย โทรฟี 2011ที่ฮ่องกง
ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ราจโควิชได้ย้ายจากเชลซีไปร่วมทีมฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟาในบุนเดสลีกาของเยอรมนี ด้วยสัญญา 4 ปี โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 2.00 M EUR
2.4. ช่วงเวลาในบุนเดสลีกาเยอรมัน
หลังย้ายไปร่วมทีมฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟาในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ราจโควิชไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างมั่นคงตลอดสี่ปีที่สโมสร โดยเขาได้ลงสนามเพียง 45 นัดในทุกรายการและทำได้ 2 ประตู เขาประเดิมสนามในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ในนัดที่พบกับ1. เอฟซี โคโลญ และทำประตูที่สองซึ่งเป็นประตูตีเสมอให้กับทีมได้
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 ราจโควิชมีเหตุปะทะกับซน ฮึง-มิน เพื่อนร่วมทีมชาวเกาหลีใต้ระหว่างการฝึกซ้อม ซึ่งทำให้ทอลกาย อาร์สลัน ที่พยายามเข้าห้ามต้องได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากรอยฉีกขาดจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทอร์สเทน ฟิงค์ ผู้จัดการทีมจึงสั่งให้ราจโควิชไปเล่นกับทีมสำรอง หลังจากนั้นราจโควิชได้ออกมาวิจารณ์การตัดสินใจของฟิงค์ ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามอีกเลยตลอดทั้งปี เขาได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2013 ในศึกนอร์ดเดอร์บี้ที่พบกับแวร์เดอร์ เบรเมิน
ในฤดูกาล 2013-14 ราจโควิชพร้อมกับไมเคิล แมนเชียน และโกจโก คาชาร์ ถูกมองว่าเป็นผู้เล่นที่เกินความจำเป็นในตอนแรก แต่ในเดือนกันยายนเขาก็ถูกเรียกตัวกลับมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานหลังจากที่ฟิงค์ถูกปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2013 ราจโควิชก็ได้รับบาดเจ็บที่เอ็นยึดข้อเข่าด้านในที่เข่าซ้ายระหว่างการฝึกซ้อม เขายังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นภายใต้การคุมทีมของแบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ จนกระทั่งมีร์โค สโลมกาเข้ารับตำแหน่ง ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ราจโควิชได้กลับมาลงสนามเต็มเกมในนัดที่พบกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทว่าในนัดถัดไปกับเบรเมิน เขากลับได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าซ้ายขาดในนาทีที่ 68 ซึ่งทำให้ต้องพักยาวอีกครั้ง เขากลับมาฝึกซ้อมได้ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2015 เขาก็ได้กลับมาลงเล่นในลีกอีกครั้งหลังจากพักไปนานถึง 10 เดือนในนัดที่พบกับโคโลญ เขาเล่นเต็มเกมในนัดนั้น สัญญาของเขากับฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟาได้สิ้นสุดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2014-15
ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2015 ราจโควิชได้เซ็นสัญญาสองปีกับสโมสรดาร์มสตัดท์ 98 ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา โดยเขาได้ลงเล่น 17 นัดและทำได้ 1 ประตูให้กับดาร์มสตัดท์
2.5. ช่วงเวลาในเซเรียอาอิตาลี
ในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2016 ราจโควิชได้เซ็นสัญญาสี่ปีกับสโมสรปาแลร์โมในเซเรียอาของอิตาลี เขาลงเล่นสามฤดูกาลให้กับปาแลร์โม (หนึ่งฤดูกาลในเซเรียอาและสองฤดูกาลในเซเรียบี) ในฤดูกาล 2016-17 เขาได้ลงสนามเพียง 5 นัดในทุกรายการเนื่องจากอาการบาดเจ็บ และสโมสรก็ตกชั้นจากเซเรียอา อย่างไรก็ตาม ราจโควิชยังคงอยู่กับทีมต่อไปในเซเรียบี ในฤดูกาล 2017-18 เขาลงเล่น 16 นัด ทำได้ 1 ประตู และในฤดูกาล 2018-19 เขาได้ลงเล่น 32 นัด ทำได้ 4 ประตู
หลังจากที่ปาแลร์โมถูกขับออกจากการแข่งขันเซเรียบีเนื่องจากปัญหาทางการเงินในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 เขาก็ถูกปล่อยตัวพร้อมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั้งหมด หลังจากไม่ได้ลงเล่นเป็นเวลาหกเดือน ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2020 ราจโควิชได้เซ็นสัญญาเป็นเวลาสองปีครึ่งกับสโมสรเปรูจาในเซเรียบีในฐานะผู้เล่นไร้สังกัด เขาลงเล่น 12 นัดให้กับเปรูจา ก่อนที่สัญญาของเขาจะถูกยกเลิกด้วยความยินยอมร่วมกันในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2020
2.6. ลีกรัสเซียและลีกยุโรปอื่น ๆ
ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2020 สโลโบดัน ราจโควิช ได้เซ็นสัญญาระยะเวลาหนึ่งปีกับสโมสรโลโคโมทีฟ มอสโกในลีกสูงสุดของรัสเซีย เขาลงเล่นรวม 9 นัดในทุกรายการ รวมถึงการแข่งขันในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2021 สัญญาของเขากับโลโคโมทีฟ มอสโกได้ถูกยกเลิกด้วยความยินยอมร่วมกัน
หลังจากนั้น ราจโควิชได้ย้ายไปร่วมทีมทีเอสซี ในเซอร์เบียนซูเปอร์ลีกาของเซอร์เบีย ในฤดูกาล 2021-22 โดยลงสนาม 5 นัดและทำได้ 1 ประตู และในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2022 ราจโควิชได้ย้ายไปเซ็นสัญญากับเอ็มทีเค บูดาเปสต์ในฮังการี ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพของเขา โดยเขาได้ลงเล่น 11 นัดและทำได้ 1 ประตูในฤดูกาล 2021-22
3. อาชีพระหว่างประเทศ
เมื่ออายุ 16 ปี ราจโควิชเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมชาติเซอร์เบียรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีในเวลาต่อมาเขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่เคยลงแข่งขันในรอบคัดเลือกของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2007 ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2007 ซึ่งทีมเซอร์เบียรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ ราจโควิชมีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูที่สองที่เป็นที่ถกเถียงของอังกฤษ เขาได้รับบาดเจ็บและล้มลงกับพื้น และในขณะที่ผู้เล่นเซอร์เบียคาดหวังว่าคู่แข่งจะเตะบอลออกนอกสนาม แมตต์ เดอร์บีเชียร์ กลับพุ่งเข้าใส่แนวรับเซอร์เบียที่งงงวยและทำประตูที่สองในคืนนั้นให้กับอังกฤษ ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ปั่นป่วนจากผู้เล่นเซอร์เบีย
ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชาย รอบแบ่งกลุ่มนัดที่พบกับอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2008 ราจโควิชถูกไล่ออกจากการแข่งขันหลังจากถ่มน้ำลายใส่กรรมการ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ฟีฟ่าสั่งลงโทษแบนเขาเป็นเวลา 12 เดือนจากเกมอย่างเป็นทางการทั้งหมด โดยคำตัดสินมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2008 ทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นได้ทั้งในนามทีมชาติและสโมสรเอฟซี ทเวนเต จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 อย่างไรก็ตาม ราจโควิชได้ยื่นอุทธรณ์ โดยยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ และในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 ฟีฟ่าได้ลดโทษแบนลงเหลือเพียงการห้ามลงเล่นในนามทีมชาติเท่านั้น ทำให้เขาสามารถลงเล่นให้สโมสรได้
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 ราจโควิชถูกเรียกตัวติดทีมชาติเซอร์เบียชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยมีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เล่น 30 คนเบื้องต้นสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่กำลังจะมาถึง เขาประเดิมสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ด้วยวัย 19 ปี ในเกมกระชับมิตรที่พบกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ โดยลงเล่นเต็มเกมภายใต้การคุมทีมของมิโรสลาฟ จูคิช ราจโควิชถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้งในปี 2016 หลังจากห่างหายไปนานกว่าสองปี เขามีสถิติการลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่รวม 19 นัด
4. รูปแบบการเล่น
สโลโบดัน ราจโควิชเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นที่มีสไตล์การเล่นที่ดุดันสูง หลังจากการย้ายมายังฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟา เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมชอบที่จะเล่นดุดันมากกว่าที่กรรมการชอบ" เขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางเป็นหลัก และเป็นผู้เล่นเท้าซ้ายที่มีความสูง 191 cm และน้ำหนัก 88 kg
5. เกียรติประวัติ
ราจโควิชประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกร่วมกับสโมสรในเนเธอร์แลนด์ ดังนี้:
- พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน**
- เอเรอดีวีซี: 2007-08
- เอฟซี ทเวนเต**
- เอเรอดีวีซี: 2009-10
6. สถิติ
6.1. สถิติสโมสร
| สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ระดับทวีป | อื่น ๆ | รวม | |||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | |||
| OFK เบลเกรด | 2004-05 | First League of Serbia and Montenegro | 6 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | - | 6 | 0 |
| 2005-06 | 20 | 1 | 1 | 0 | 2 | 0 | - | - | 23 | 1 | ||
| 2006-07 | Serbian SuperLiga | 11 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | - | - | 12 | 0 | |
| รวม | 37 | 1 | 1 | 0 | 3 | 0 | - | - | 41 | 1 | ||
| พีเอสวี (ยืมตัว) | 2007-08 | เอเรอดีวีซี | 13 | 0 | 0 | 0 | 5 | 0 | - | - | 18 | 0 |
| ทเวนเต (ยืมตัว) | 2008-09 | 13 | 1 | 4 | 0 | 3 | 0 | - | - | 20 | 1 | |
| 2009-10 | 10 | 0 | 1 | 0 | 3 | 0 | - | - | 14 | 0 | ||
| รวม | 23 | 1 | 5 | 0 | 6 | 0 | - | - | 34 | 1 | ||
| วิเทสส์ (ยืมตัว) | 2010-11 | เอเรอดีวีซี | 24 | 0 | 3 | 0 | - | - | 27 | 0 | ||
| ฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟา | 2011-12 | บุนเดสลีกา | 16 | 1 | 1 | 0 | - | - | 17 | 1 | ||
| 2012-13 | 13 | 0 | 0 | 0 | - | - | 13 | 0 | ||||
| 2013-14 | 2 | 0 | 0 | 0 | - | - | 2 | 0 | ||||
| 2014-15 | 11 | 1 | 2 | 0 | - | - | 13 | 1 | ||||
| รวม | 42 | 2 | 3 | 0 | - | - | 45 | 2 | ||||
| ฮัมบวร์คเคอร์ เอสเฟา II | 2012-13 | เรกิโอนาลลีกา นอร์ด | 4 | 1 | - | - | - | 4 | 1 | |||
| 2014-15 | 1 | 0 | - | - | - | 1 | 0 | |||||
| รวม | 5 | 1 | - | - | - | 5 | 1 | |||||
| ดาร์มสตัดท์ 98 | 2015-16 | บุนเดสลีกา | 15 | 1 | 2 | 0 | - | - | 17 | 1 | ||
| ปาแลร์โม | 2016-17 | เซเรียอา | 4 | 0 | 1 | 0 | - | - | 5 | 0 | ||
| 2017-18 | เซเรียบี | 16 | 1 | 0 | 0 | - | - | 16 | 1 | |||
| 2018-19 | 30 | 2 | 2 | 2 | - | - | 32 | 4 | ||||
| รวม | 50 | 3 | 3 | 2 | - | - | 53 | 5 | ||||
| เปรูจา | 2019-20 | เซเรียบี | 12 | 0 | 0 | 0 | - | - | 12 | 0 | ||
| โลโคโมทีฟ มอสโก | 2020-21 | รัสเซียนพรีเมียร์ลีก | 5 | 0 | 0 | 0 | 4 | 0 | - | 9 | 0 | |
| ทีเอสซี | 2021-22 | เซอร์เบียนซูเปอร์ลีกา | 5 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 5 | 1 | |
| เอ็มทีเค บูดาเปสต์ | 2021-22 | เนมเซตี บายโนกซาก I | 11 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 11 | 1 | |
| รวมอาชีพ | 242 | 11 | 17 | 2 | 18 | 0 | - | 277 | 13 | |||
6.2. สถิติทีมชาติ
| ทีมชาติ | ปี | นัด | ประตู |
|---|---|---|---|
| เซอร์เบีย | 2008 | 2 | 0 |
| 2009 | 0 | 0 | |
| 2010 | 2 | 0 | |
| 2011 | 7 | 0 | |
| 2012 | 2 | 0 | |
| 2013 | 1 | 0 | |
| 2014 | 0 | 0 | |
| 2015 | 0 | 0 | |
| 2016 | 5 | 0 | |
| รวม | 19 | 0 | |