1. ภาพรวม
บิชอปบาร์เตเลมี บรูกีแยร์ (Barthélemy Bruguièreบาร์เตเลมี บรูกีแยร์ภาษาฝรั่งเศส) เป็นนักบวชชาวฝรั่งเศสจากคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ท่านเกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1792 และถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1835 ก่อนที่จะได้เดินทางถึงเขตเผยแผ่แห่งใหม่ในโชซอน (ปัจจุบันคือประเทศเกาหลี) ซึ่งท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยอัครสังฆราชประจำเขตปกครองสยาม และต่อมาเป็นอัครสังฆราชประจำเขตปกครองโชซอนคนแรกในประวัติศาสตร์คริสตจักรเกาหลี โดยรู้จักกันในชื่อภาษาเกาหลีว่า โซ (소โซภาษาเกาหลี) ตลอดชีวิตของท่าน บรูกีแยร์ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเสียสละอย่างลึกซึ้งในการปฏิบัติภารกิจเผยแผ่ศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นไปยังกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยในสยาม และการเผชิญหน้ากับอุปสรรคนานัปการระหว่างการเดินทางสู่เกาหลีในช่วงเวลาที่มีการเบียดเบียนศาสนาคาทอลิกอย่างรุนแรง ความพยายามของท่านเป็นการปูทางสำหรับการเติบโตของคาทอลิกในภูมิภาคนี้ แม้ว่าท่านจะไม่ได้เห็นผลงานนั้นด้วยตนเองก็ตาม
2. ชีวิตช่วงต้นและการบวชเป็นบาทหลวง
บิชอปบรูกีแยร์เริ่มต้นเส้นทางชีวิตและการศึกษาในฝรั่งเศส ก่อนที่จะอุทิศตนเพื่อศาสนาและปฏิบัติหน้าที่เผยแผ่ศาสนาในหลากหลายบทบาท
2.1. การเกิดและการศึกษา
บาร์เตเลมี บรูกีแยร์ เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1792 ที่เมืองแรซแซก-โดด์ (Raissac-d'Aude) ในภูมิภาคล็องก์ด็อก ประเทศฝรั่งเศส ท่านได้เข้าศึกษาที่เซมินารีแห่งคาร์กาซอน (Carcassonne) เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นบาทหลวง
2.2. การบวชเป็นบาทหลวงและอาชีพช่วงต้น
หลังจากสำเร็จการศึกษา บรูกีแยร์ได้รับการบวชเป็นบาทหลวงเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1815 หลังจากการบวช ท่านได้ใช้เวลาประมาณหนึ่งทศวรรษในการสอนเทววิทยาและปรัชญาที่เซมินารีซึ่งเป็นสถาบันที่ท่านเคยศึกษามาก่อน ความมุ่งมั่นในการเผยแผ่ศาสนาของท่านเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดท่านก็ตัดสินใจเข้าร่วมคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ในปี ค.ศ. 1825 ด้วยความตั้งใจที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในเวียดนาม
3. กิจกรรมเผยแผ่ศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเดินทางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของบิชอปบรูกีแยร์ ซึ่งท่านได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการเผยแผ่ศาสนาคาทอลิก โดยเฉพาะในสยาม ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองโชซอน
3.1. การเข้าร่วมคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสและการเดินทางไปสยาม
บิชอปบรูกีแยร์เข้าร่วมคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสในปี ค.ศ. 1825 และเดินทางออกจากกรุงปารีสในปีเดียวกันนั้นเอง โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นคือการไปปฏิบัติภารกิจในเวียดนาม แต่เมื่อเดินทางถึงเอเชียในปี ค.ศ. 1827 ท่านกลับถูกมอบหมายให้ไปประจำที่เขตปกครองสยาม (ปัจจุบันคืออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ) เนื่องจากในขณะนั้น บิชอปเอสปรี-มารี-โจเซฟ ฟลอเรนส์ ซึ่งเป็นประมุขของเขตปกครองสยามมีบาทหลวงผู้เผยแผ่ศาสนาเพียงรูปเดียวเท่านั้น บรูกีแยร์จึงได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯหลังจากเดินทางถึงบาตาเวีย (ปัจจุบันคือจาการ์ตา) ในปี ค.ศ. 1826
3.2. ผู้ช่วยอัครสังฆราชประจำเขตปกครองสยาม
ในช่วงเวลาที่พำนักอยู่ในสยาม บรูกีแยร์ได้เรียนรู้ภาษาไทย และได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการปฏิบัติภารกิจเผยแผ่ศาสนาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มชุมชนคริสตชน ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1828 ท่านได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 12 ให้เป็นผู้ช่วยอัครสังฆราชประจำเขตปกครองสยาม และได้รับตำแหน่งมุขนายกเกียรตินามแห่งคัปซุส (Titular Bishop of Capsus) หลังจากนั้นท่านได้รับการอภิเษกเป็นบิชอปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1829 โดยบิชอปเอสปรี-มารี-โจเซฟ ฟลอเรนส์ ประมุขของเขตปกครองสยามในขณะนั้น
3.2.1. การมุ่งเน้นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยและการศึกษา
บิชอปบรูกีแยร์สังเกตเห็นว่าคริสตชนส่วนใหญ่ในสยามไม่ได้เป็นคนไทยโดยกำเนิด แต่เป็นผู้ที่มีเชื้อสายชาวเขมร ชาวจีน ชาวเวียดนาม และผู้ที่มีเชื้อสายโปรตุเกสผสมเอเชีย เนื่องจากชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธไม่เปิดรับการเปลี่ยนศาสนาเท่าที่ควร ท่านจึงมุ่งเน้นความพยายามในการเผยแผ่ศาสนาไปยังกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยเหล่านี้ ซึ่งให้การตอบรับที่ดีกว่า นอกจากการปฏิบัติภารกิจเผยแผ่ศาสนาแล้ว ท่านยังได้สอนอยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญซึ่งตั้งอยู่ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1830 เมื่อมีบาทหลวงมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสสองรูปใหม่ คือ โกลด-อ็องตวน เดชาวันน์ และฌ็อง-บาติสต์ ปาลเลอกัวซ์ เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ บรูกีแยร์จึงได้ย้ายไปปีนังในปี ค.ศ. 1831 เพื่อสอนที่วิทยาลัยสามัญ (General College) ซึ่งบริหารโดยคณะ MEP โดยมีเพื่อนร่วมงานอย่างฌัก-ออนอเร ชัสตอง ฌ็อง-บาติสต์ บูโช ฌ็อง ปีแยร์ บาร์บ และโลร็อง-โจเซฟ-มาริอุส อ็องแบร์
4. การแต่งตั้งเป็นอัครสังฆราชประจำเขตปกครองเกาหลี
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยแผ่ศาสนาในดินแดนใหม่ บิชอปบรูกีแยร์จึงได้รับโอกาสสำคัญในการเป็นผู้บุกเบิกศาสนาคาทอลิกในโชซอน แม้ว่าสถานการณ์ในขณะนั้นจะเต็มไปด้วยความท้าทายและการเบียดเบียน
4.1. การอาสาสำหรับภารกิจในโชซอน
ในช่วงเวลาที่บิชอปบรูกีแยร์อยู่ในสยาม การหลั่งไหลของเงินทุนและมิสชันนารีจากคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสเข้ามาในภูมิภาค ทำให้ความจำเป็นที่ท่านจะต้องอยู่ในสยามลดลง ด้วยเหตุนี้จึงมีการเสนอให้ท่านเดินทางไปยังเกาหลีเพื่อก่อตั้งคณะธรรมทูตแห่งใหม่ ซึ่งบิชอปเอสปรี-มารี-โจเซฟ ฟลอเรนส์ ได้สนับสนุนภารกิจนี้อย่างเต็มที่ แม้ว่าการจากไปของบิชอปบรูกีแยร์จะทำให้ท่านต้องอยู่โดยไม่มีผู้ช่วยอัครสังฆราชเมื่อท่านมรณภาพไปก็ตาม บิชอปบรูกีแยร์ได้อาสาที่จะเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาในโชซอน (ปัจจุบันคือเกาหลี) โดยตระหนักถึงสถานการณ์การเบียดเบียนคาทอลิกอย่างรุนแรงในดินแดนนั้น
4.2. การก่อตั้งเขตปกครองโชซอนและการแต่งตั้ง
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1831 สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 16 ได้ก่อตั้งเขตปกครองอัครสังฆมณฑลโซล (หรือเขตปกครองโชซอนในขณะนั้น) และแต่งตั้งบิชอปบรูกีแยร์ให้เป็นอัครสังฆราชประจำเขตปกครองโชซอนคนแรก ท่านดำรงตำแหน่งอัครสังฆราชประจำเขตปกครองโชซอนและเป็นมุขนายกเกียรตินามแห่งคัปซุส (Capsus) การแต่งตั้งนี้เป็นการปูทางสำหรับการเผยแผ่ศาสนาคาทอลิกอย่างเป็นทางการในคาบสมุทรเกาหลี แม้ว่าการเดินทางไปถึงที่นั่นจะเต็มไปด้วยอุปสรรคก็ตาม
5. การเดินทางสู่โชซอนและการมรณภาพ
การเดินทางของบิชอปบรูกีแยร์สู่โชซอนเต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตราย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของท่านในการปฏิบัติภารกิจเผยแผ่ศาสนา แม้ว่าท้ายที่สุดท่านจะไม่ได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางก็ตาม
5.1. การเตรียมการและการเดินทางผ่านจีน
บิชอปบรูกีแยร์รอคอยที่จะเดินทางจากมาเก๊าไปยังโชซอนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1831 หลังจากได้รับข่าวการแต่งตั้งเป็นบิชอปในปี ค.ศ. 1832 ท่านจึงเริ่มเตรียมการเดินทางเพื่อเข้าสู่โชซอน เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1832 บรูกีแยร์และโจเซฟ หวัง ซึ่งเป็นนักศึกษาเซมินารีจากปีนัง ได้เดินทางออกจากสิงคโปร์มุ่งหน้าสู่จีน เส้นทางการเดินทางของท่านรวมถึงการแวะที่มะนิลา ก่อนที่จะเดินทางไปยังมาเก๊า จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่มณฑลฝูเจี้ยน และสุดท้ายคือมณฑลชานซี เนื่องจากมีการเบียดเบียนคริสตชนในจีน และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเกาหลี ท่านจึงต้องลี้ภัยในหมู่ชาวคริสต์ที่ซีหว่านจื่อ (Xiwanzi) ในเทศมณฑลฉงหลี่ ที่นั่นท่านได้พบกับปีแยร์-ฟีลีแบร์ โมบ็อง มิสชันนารีคณะ MEP ซึ่งอาสาเข้าร่วมภารกิจเผยแผ่ศาสนาในเกาหลี บิชอปบรูกีแยร์ใช้เวลาประมาณสามปีในจีนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่เกาหลี โดยได้ออกจากมณฑลชานซีเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1834 ไปถึงกำแพงเมืองจีนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และมาถึงซีหว่านจื่อในวันที่ 8 ตุลาคม ในที่สุด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1835 บิชอปบรูกีแยร์ พร้อมด้วยหวัง และโมบ็อง ก็ได้ออกเดินทางมุ่งสู่โชซอน
5.2. การมรณภาพก่อนถึงโชซอน
โชคร้ายที่การเดินทางของบิชอปบรูกีแยร์ต้องยุติลงก่อนที่ท่านจะเดินทางถึงจุดหมายปลายทางเพียงไม่กี่วัน ภายในสองสัปดาห์หลังจากออกเดินทาง ท่านก็ล้มป่วยและถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1835 ด้วยอาการเลือดออกในสมอง ณ บริเวณที่เรียกว่าเปริกุ (Périque) ในมณฑลเย่เฮ่อ (Rehe) ของจีน ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนโชซอน ศพของท่านได้รับการฝังชั่วคราวในบริเวณนั้นโดยบาทหลวงปีแยร์ โมบ็อง ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทางและต่อมาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของท่านในฐานะอัครสังฆราชประจำเขตปกครองเกาหลี โมบ็องจะได้รับการตามมาโดยฌัก-ออนอเร ชัสตอง และโลร็อง-โจเซฟ-มาริอุส อ็องแบร์ ผู้ซึ่งต่อมาจะถูกจับกุมและพลีชีพเพื่อศาสนา
6. มรดกและการย้ายศพ
แม้ว่าบิชอปบรูกีแยร์จะไม่ได้เดินทางไปถึงโชซอนตามความตั้งใจ แต่ท่านได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ ทั้งในรูปของงานเขียนและการย้ายศพของท่าน ซึ่งเป็นการรำลึกถึงความเสียสละของท่าน
6.1. งานเขียน
บิชอปบรูกีแยร์ได้ทิ้งผลงานเขียนที่สำคัญไว้ ได้แก่ "บันทึกการเดินทางในแมนจูเรีย" (Manchuria Travelogueแมนจูเรีย ทราเวลล็อกภาษาฝรั่งเศส) ซึ่งต่อมาได้ถูกนำไปบรรจุไว้ในหนังสือ "ประวัติศาสตร์คริสตจักรเกาหลี" (Histoire de l'Église de Coréeอิสตวาร์ เดอ เลกลิส เดอ กอเรภาษาฝรั่งเศส) ที่เขียนโดยบาทหลวงอาดริยง ดัลเลต์ (Adrien Dallet) งานเขียนนี้ได้ให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศและวัฒนธรรมของแมนจูเรียในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 รวมถึงการเดินทางของท่าน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับประวัติศาสตร์คริสตจักรเกาหลี
6.2. การย้ายศพไปฝังที่โซล
หลังจากบิชอปบรูกีแยร์มรณภาพ ศพของท่านถูกฝังชั่วคราวโดยบาทหลวงปีแยร์ โมบ็อง ณ สถานที่ที่ท่านเสียชีวิตในมณฑลเย่เฮ่อ ต่อมาในปี ค.ศ. 1931 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 100 ปีของการเผยแผ่ศาสนาคาทอลิกในเกาหลีของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ร่างของท่านจึงถูกย้ายไปฝังอย่างเป็นทางการยังสุสานนักบวชที่ยงซาน ในกรุงโซล การย้ายศพครั้งนี้เป็นการแสดงความเคารพและรำลึกถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของบิชอปบรูกีแยร์ ผู้ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญในการก่อตั้งเขตปกครองอัครสังฆมณฑลโซล แม้ท่านจะไม่ได้มีโอกาสเดินทางถึงดินแดนนั้นด้วยตนเองก็ตาม