1. ชีวิต
ตาเดอุช กอชชีอุชกอ มีเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตย ตั้งแต่การศึกษาในวัยหนุ่ม การเข้าร่วมสงครามปฏิวัติอเมริกา ไปจนถึงการนำการลุกฮือในโปแลนด์ และการลี้ภัยในบั้นปลายชีวิต
1.1. ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
กอชชีอุชกอเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1746 ที่หมู่บ้านเมเรชอฟชชีซนา (Мерачоўшчынаภาษาเบลารุส, Mereczowszczyznaภาษาโปแลนด์) ในจังหวัดเบรสต์ แกรนด์ดัชชีลิทัวเนีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเบลารุส ใกล้กับเมืองโกซาวา เขาเป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัวขุนนางชาวเบลารุส (szlachtaภาษาโปแลนด์) ซึ่งเคยรับใช้ราชสำนักของพระเจ้าซิกมุนต์ที่ 1 แห่งโปแลนด์ ในภูมิภาคนี้มีทั้งศาสนาคริสต์นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์และคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอยู่ร่วมกัน และเขาได้รับบัพติศมาในทั้งสองนิกาย โดยได้รับสองชื่อคือ อันด์แชย์ (Andrzej) และ ตาเดอุช (Tadeusz)
เมื่ออายุ 20 ปี เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยในวอร์ซอ โปแลนด์ หลังจากนั้นระหว่างปี ค.ศ. 1769 ถึง ค.ศ. 1774 เขาถูกส่งไปศึกษาต่อด้านการทหารในเยอรมนี, อิตาลี และฝรั่งเศส
1.2. การเข้าร่วมสงครามปฏิวัติอเมริกา

ในปี ค.ศ. 1776 กอชชีอุชกอได้เดินทางไปยังอเมริกาเหนือและเข้าร่วมสงครามปฏิวัติอเมริกาในฐานะอาสาสมัคร โดยได้รับยศเป็นพันเอกในกองทัพภาคพื้นทวีป เขาทำงานเป็นวิศวกรการทหารที่มีความสามารถสูง โดยออกแบบและควบคุมการก่อสร้างป้อมปราการที่ทันสมัยหลายแห่ง รวมถึงป้อมปราการที่เวสต์พอยต์ รัฐนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1783 เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการของเขา สภาภาคพื้นทวีปได้เลื่อนยศให้เขาเป็นพลจัตวา ในช่วงเวลานี้เองที่เขาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากแนวคิดเสรีนิยมของบุคคลเช่น ทอมัส เจฟเฟอร์สัน
1.3. กิจกรรมในเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย
หลังจากสงครามปฏิวัติอเมริกา กอชชีอุชกอเดินทางกลับโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1784 และได้รับการแต่งตั้งเป็นพลตรีในกองทัพโปแลนด์-ลิทัวเนียในปี ค.ศ. 1789 ในปี ค.ศ. 1791 เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกรัฐสภาสี่ปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญ 3 พฤษภาคม ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยฉบับแรกของยุโรป ในฐานะนักการเมืองสายกลางซ้าย เขาทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างกลุ่มปฏิรูปสายกลาง (ซึ่งสืบทอดมาจากกลุ่ม "ฟามีเลีย") และกลุ่มปฏิรูปหัวรุนแรง (ซึ่งเป็นจาโกแบงของโปแลนด์) ภายในพรรคผู้รักชาติโปแลนด์ ซึ่งเป็นพรรคที่ขับเคลื่อนรัฐสภาสี่ปี เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการเมืองที่เชี่ยวชาญในการจัดการกิจการรัฐสภา
ในปี ค.ศ. 1792 โปแลนด์ต้องเผชิญกับการแทรกแซงจากจักรวรรดิรัสเซียเนื่องจากรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งนำไปสู่สงครามโปแลนด์-รัสเซีย (ค.ศ. 1792) แม้จะพ่ายแพ้ในสงคราม เขาก็ต้องลี้ภัยไปใช้ชีวิตในไลพ์ซิกและปารีส
1.4. การลุกฮือของกอชชีอุชกอ

หลังจากการแบ่งโปแลนด์ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1793 กอชชีอุชกอเดินทางกลับมายังโปแลนด์และนำการลุกฮือของประชาชนในปี ค.ศ. 1794 ที่เมืองกรากุฟ โดยรวบรวมกำลังจากกลุ่มจาโกแบงและชาวนา การต่อสู้ที่สำคัญที่สุดคือยุทธการที่รัชลาวีตเซอ (ซึ่งปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อยู่ที่วรอตสวัฟ) ซึ่งกองทัพโปแลนด์ได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่เหนือกองทัพรัสเซีย ทำให้เขาสามารถยึดครองวอร์ซอและวิลนีอุสได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม กองทัพรัสเซียและปรัสเซียที่ได้รับการเสริมกำลังอย่างต่อเนื่องก็มีจำนวนทหารที่เหนือกว่า ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1794 กอชชีอุชกอได้รับบาดเจ็บจากการรบและถูกกองทัพรัสเซียจับกุมในยุทธการมาชีเยยอวีตเซ ความพ่ายแพ้ของการลุกฮือของกอชชีอุชกอในเดือนพฤศจิกายนนำไปสู่การแบ่งโปแลนด์ครั้งที่สามในปี ค.ศ. 1795 ซึ่งทำให้โปแลนด์สิ้นสุดการดำรงอยู่เป็นรัฐอิสระเป็นเวลา 123 ปี
1.5. การลี้ภัยและชีวิตช่วงปลาย
ในปี ค.ศ. 1796 หลังจากการสวรรคตของจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย กอชชีอุชกอได้รับการอภัยโทษจากจักรพรรดิพอลที่ 1 แห่งรัสเซีย ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ และเดินทางลี้ภัยไปยังสหรัฐอเมริกา ที่นั่นเขาเป็นเพื่อนสนิทกับทอมัส เจฟเฟอร์สัน ซึ่งมีอุดมการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนร่วมกัน ในปี ค.ศ. 1798 กอชชีอุชกอได้เขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินในอเมริกาของเขาให้กับการศึกษาและการปลดปล่อยทาสชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามพินัยกรรมของเขาเป็นเรื่องยาก และเงินทุนจากทรัพย์สินของเขาก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้ตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม
หลังจากนั้น เขากลับมายังยุโรปแต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดจักรวรรดินิยมของนโปเลียน โบนาปาร์ต และนโยบายของนโปเลียนที่มีต่อโปแลนด์ เขาจึงย้ายไปพำนักในสวิตเซอร์แลนด์และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิต
2. แนวคิดและปรัชญา
กอชชีอุชกอได้รับอิทธิพลอย่างมากจากแนวคิดเสรีนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทอมัส เจฟเฟอร์สัน เพื่อนสนิทของเขา เขามีมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นในเจตนารมณ์ของเขาที่จะสนับสนุนการศึกษาและเสรีภาพของทาส เขาเชื่อมั่นในหลักการความเท่าเทียมกันและศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน และพยายามนำแนวคิดเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของโปแลนด์และในการปฏิรูปสังคม
3. ชีวิตส่วนตัว
ในชีวิตส่วนตัวของกอชชีอุชกอ มีเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของเขา รวมถึงความพยายามที่จะหลบหนีไปกับบุตรสาวของนายจ้างของเขา คือ ยูแซฟ ซิลเวสเตอร์ ซอสโนฟสกี ซึ่งความพยายามครั้งนั้นไม่สำเร็จและเขาถูกลูกน้องของบิดาของหญิงสาวทำร้ายร่างกาย
4. การเสียชีวิต
ตาเดอุช กอชชีอุชกอ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1817 ที่เมืองโซโลทูร์น สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่
5. การประเมินและมรดก
ตาเดอุช กอชชีอุชกอ ได้รับการยกย่องอย่างสูงในประวัติศาสตร์และถือเป็นวีรบุรุษของชาติในโปแลนด์, ลิทัวเนีย, เบลารุส และสหรัฐอเมริกา มรดกทางสังคมและการเมืองของเขามีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อคนรุ่นหลัง โดยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย, สิทธิมนุษยชน และอิสรภาพจากอำนาจเผด็จการ บทบาทของเขาในการนำการลุกฮือเพื่อเอกราชของโปแลนด์ และการสนับสนุนการปลดปล่อยทาสในสหรัฐอเมริกา ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับขบวนการเพื่อความยุติธรรมทางสังคมในหลายยุคสมัย
6. การระลึกและอนุสรณ์สถาน
มีการสร้างอนุสรณ์สถาน, สถานที่, และองค์กรหลายแห่งเพื่อระลึกถึงตาเดอุช กอชชีอุชกอ:
- เนินเขากอชชีอุชกอ - เนินเขาที่สร้างขึ้นในกรากุฟ โปแลนด์ เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
- ค่ายกอชชีอุชกอ - ฐานทัพของกองทัพบกสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในปอซนัญ โปแลนด์
- ภูเขากอชชีอุชกอ - ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปออสเตรเลีย
- ฝูงบินขับไล่ที่ 303 กอชชีอุชกอ (กองทัพอากาศสหราชอาณาจักร) - ฝูงบินขับไล่ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วยนักบินชาวโปแลนด์ที่หลบหนีจากการรุกรานโปแลนด์
7. หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- กองทัพอากาศโปแลนด์