1. ภาพรวม
เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ (جابر مبارك الحمد الصباحญาบิร มุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ภาษาอาหรับ) เป็นสมาชิก ราชวงศ์อัลเศาะบาห์ และนักการเมืองผู้คร่ำหวอดใน คูเวต ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศมายาวนาน เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคูเวตระหว่างปี 2011 ถึง 2019 และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ รองนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม บั้นปลายชีวิตทางการเมืองของเขาต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมตัวโดยคำสั่งศาลในปี 2021 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามในการส่งเสริมธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบของนักการเมืองในคูเวต
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1942 ที่คูเวตซิตี เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของราชวงศ์อัลเศาะบาห์ ซึ่งเป็นราชวงศ์ผู้ปกครองคูเวตมาอย่างยาวนาน ภูมิหลังของเขาในฐานะสมาชิกราชวงศ์ได้ปูทางไปสู่การเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองในระดับสูงตลอดอาชีพของเขา.
3. ประวัติการทำงาน
เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ เริ่มต้นอาชีพในตำแหน่งราชการที่หลากหลาย ซึ่งค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในรัฐบาลคูเวต
3.1. การทำงานช่วงต้น
ญาบิรเริ่มต้นเส้นทางการทำงานในปี ค.ศ. 1968 ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกิจการบริหารที่สำนักพระราชวัง (Amiri Diwan) และดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี ค.ศ. 1971 จากนั้น เขาก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกิจการบริหารในสำนักพระราชวังจนถึงปี ค.ศ. 1975 และต่อมาได้เป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวงฝ่ายกิจการบริหารและการเงินที่สำนักพระราชวังจนถึงปี ค.ศ. 1979 ในปีเดียวกันนั้น เขาได้เริ่มดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ โดยเป็นผู้ว่าการเขตฮะวาลลีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ถึง 1985 และผู้ว่าการเขตอะฮ์มะดีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 หลังจากนั้น เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและแรงงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 ถึง 1988 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารนิเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ถึง 1990
3.2. การดำรงตำแหน่งระดับสูง
ภายหลังการปลดปล่อยคูเวตในปี ค.ศ. 1991 เชค ญาบิรได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาสำนักงานของเอมีร์ และดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี ค.ศ. 2001 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในปี ค.ศ. 2004 เขาได้รับตำแหน่งประธานสภาสิ่งแวดล้อมสูงสุด ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนแรก รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในปีถัดมา ค.ศ. 2007 เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนแรกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม.
3.3. การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เชค ญาบิรได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนสำคัญของคูเวตเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2011 หลังจากนั้นหนึ่งปี ในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2012 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังการเลือกตั้งรัฐสภาที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2012 และในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เขาก็ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งเดิมเป็นครั้งที่สาม โดยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2019.
3.4. การปรับคณะรัฐมนตรีและนโยบาย
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 ได้มีการประกาศปรับคณะรัฐมนตรีซึ่งดำรงตำแหน่งมาได้เพียงห้าเดือน โดยมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีถึงเจ็ดตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์หลังจากที่รัฐมนตรีทั้งหมดได้ยื่นใบลาออกต่อเชค ญาบิร ภายหลังจากที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีหลายคน รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเองด้วย สมเด็จพระราชาธิบดีเชค เศาะบาห์ อัลอะฮ์มัด อัลญาบิร อัศเศาะบาห์ ทรงยอมรับการลาออกของรัฐมนตรีเจ็ดในสิบห้าคน และทรงออกพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ คณะรัฐมนตรีที่ปรับปรุงใหม่ได้รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันคนใหม่ คือ อะลี อัลอุเมร์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นสมาชิกอาวุโสของพันธมิตรซะละฟีอิสลามิก โดยเขาเข้ามารับตำแหน่งแทนมุสเฏาะฟา อัชชะมาลี
4. ข้อกล่าวหาคอร์รัปชันและกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2021 ศาลคูเวตได้มีคำสั่งให้ควบคุมตัวเชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ ในข้อกล่าวหาการทุจริต เขาเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของคูเวตที่ถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง การกระทำผิดที่ถูกกล่าวหาเกิดขึ้นในระหว่างที่เขารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ถึง 2011 กรณีนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนต่อวงการการเมืองคูเวตและเน้นย้ำถึงความพยายามในการปราบปรามการทุจริตในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง.
5. กิจกรรมอื่น ๆ
นอกเหนือจากบทบาททางการเมืองแล้ว เชค ญาบิรยังเป็นผู้อุปถัมภ์รางวัลวารสารศาสตร์เชคมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2008 เพื่อเชิดชูความเป็นเลิศในด้านวารสารศาสตร์ของคูเวต กิจกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความสนใจของเขาในการสนับสนุนสื่อสารมวลชนและส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพในประเทศ.
6. ชีวิตส่วนตัว
เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ เกิดที่คูเวตซิตีเมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1942 เขาอภิเษกสมรสกับสตรีหลายคน หนึ่งในโอรสของเขาคือ อะห์มัด ได้อภิเษกสมรสกับบุตรีของอิบราฮิม บิน มุฮัมมัด อัลฆอนิม ซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลอัลฆอนิมที่มีชื่อเสียงในคูเวต อย่างไรก็ตาม ชีวิตส่วนตัวของเขาก็มีเรื่องราวที่น่าเศร้า เมื่อโอรสของเขาอีกคนคือ มุบารัก ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2023 ด้วยวัยเพียง 45 ปี.
7. การถึงแก่อสัญกรรม
เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ ถึงแก่อสัญกรรมในคูเวตซิตีเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2024 ขณะมีอายุ 82 ปี การจากไปของเขาถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของนักการเมืองผู้มากประสบการณ์ที่รับใช้ประเทศมาหลายทศวรรษ.
8. เครื่องราชอิสริยาภรณ์และรางวัล
ตลอดช่วงชีวิตและอาชีพการงาน เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และรางวัลอันทรงเกียรติมากมายเพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการของเขา:
- เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อัลเคาะลีฟะฮ์ แห่งบาห์เรน ได้พระราชทาน "เหรียญแห่งพระเจ้าอีซา ชั้นหนึ่ง" ให้แก่เชค ญาบิร หลังจากการเยือนบาห์เรนของเขาเพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีตะวันออกกลางว่าด้วยความมั่นคงภายในและโลก.
- เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 เขากลายเป็นชาวอาหรับคนแรกที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นสายสะพายสูงสุด (Order of the Rising Sun, Grand Cordon) ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของญี่ปุ่นที่มอบให้แก่ชาวต่างชาติ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือระหว่างคูเวตและญี่ปุ่น.
9. การประเมินและผลกระทบ
เชค ญาบิร อัลมุบารัก อัลฮะมัด อัศเศาะบาห์ มีเส้นทางการเมืองที่ยาวนานและมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเมืองคูเวตในหลายทศวรรษ เขาเริ่มต้นอาชีพในตำแหน่งราชการระดับล่างและค่อย ๆ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญมากมาย รวมถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคูเวตเป็นเวลาแปดปี ช่วงเวลาที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นยุคที่คูเวตเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมหลายครั้ง เขามีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งและปรับคณะรัฐมนตรีหลายชุด ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการตอบสนองต่อพลวัตทางการเมืองภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ผลงานและนโยบายของเขาก็ต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากรัฐสภาและความเห็นที่หลากหลายจากสังคมคูเวต
กรณีข้อกล่าวหาการทุจริตและการถูกควบคุมตัวในปี ค.ศ. 2021 ถือเป็นจุดหักเหที่สำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองคูเวต เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่อดีตนายกรัฐมนตรีต้องเผชิญกับการดำเนินคดีในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง เหตุการณ์นี้ได้เน้นย้ำถึงความท้าทายด้านธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในคูเวต และเป็นสัญญาณถึงความพยายามของประเทศในการต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชันในทุกระดับ แม้ว่าเส้นทางอาชีพของเชค ญาบิรจะเต็มไปด้วยความสำเร็จในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นในบั้นปลายชีวิตได้ทิ้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานของความโปร่งใสและหลักนิติธรรมในวงการการเมืองของคูเวต ซึ่งเป็นประเด็นที่จำเป็นต้องมีการติดตามและประเมินผลกระทบต่อไปเพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในระยะยาว.