1. ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
คว็อน โอ-กนมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการทำงานด้านกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณของอี จุน (Yi Jun) ผู้ซึ่งเป็นนักการทูตและนักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีที่เสียชีวิตขณะพยายามเข้าร่วมการประชุมสันติภาพกรุงเฮกในปี พ.ศ. 2450 ความปรารถนาส่วนตัวที่จะเห็นชาวเกาหลีมีส่วนร่วมในเวทีระหว่างประเทศเช่นเดียวกับพระราชวังแห่งสันติภาพในเฮก ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการประชุมสันติภาพดังกล่าว ได้กระตุ้นให้เขาตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY)
1.1. วัยเด็กและการศึกษา
คว็อน โอ-กนจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมคย็องกีในปี พ.ศ. 2515 และสำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล โดยได้รับปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์ (LL.B.) ในปี พ.ศ. 2519 ด้วยเกียรตินิยมสูงสุด (บัณฑิตเกียรตินิยม) และปริญญาโทด้านนิติศาสตร์ (LL.M.) ในปี พ.ศ. 2526 หลังจากนั้น เขายังคงศึกษาต่อในระดับนานาชาติและได้รับปริญญาโทด้านนิติศาสตร์ (LL.M.) เพิ่มเติมจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี พ.ศ. 2528
1.2. การสอบและสถาบันฝึกอบรมตุลาการ
ในปี พ.ศ. 2520 คว็อน โอ-กนสอบผ่านการสอบเนติบัณฑิตของเกาหลีใต้ด้วยคะแนนสูงสุด และเข้าฝึกงานในสถาบันวิจัยและฝึกอบรมตุลาการของศาลฎีกาเกาหลีในปี พ.ศ. 2522 ซึ่งเขาได้สำเร็จการฝึกอบรมด้วยเกียรตินิยมสูงสุดเช่นกัน ทำให้เขามีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการเข้าสู่ระบบตุลาการของเกาหลีใต้
1.3. แรงจูงใจเพื่อความยุติธรรมทางกฎหมายระหว่างประเทศ
แรงจูงใจของคว็อน โอ-กนในการอุทิศตนเพื่อความยุติธรรมทางสังคมระหว่างประเทศเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวจากผู้พิพากษารุ่นน้องที่เดินทางกลับจากเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้เล่าถึงความรู้สึกเสียใจที่ไม่มีชาวเกาหลีปรากฏตัวอยู่ในพระราชวังแห่งสันติภาพ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของการประชุมสันติภาพกรุงเฮก เขาจึงได้รับแรงบันดาลใจจากอี จุน ผู้ซึ่งเป็นทูตพิเศษของจักรวรรดิเกาหลีที่เสียชีวิตในเฮกขณะพยายามเรียกร้องสิทธิของเกาหลีในการประชุมสันติภาพดังกล่าว และด้วยความปรารถนาที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของอี จุน และเห็นเกาหลีมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้เขาตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) และได้รับการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2544 กลายเป็นผู้พิพากษาสหประชาชาติคนแรกของเกาหลี
2. ประวัติการทำงานในสายงานตุลาการที่เกาหลีใต้
ก่อนก้าวสู่เวทีระหว่างประเทศ คว็อน โอ-กนได้สร้างสมประสบการณ์อันแข็งแกร่งในระบบตุลาการของเกาหลีใต้ โดยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาและตำแหน่งบริหารสำคัญในศาลต่างๆ อย่างเป็นระบบ
2.1. การปฏิบัติหน้าที่ในศาล
คว็อน โอ-กนเริ่มต้นอาชีพผู้พิพากษาที่ศาลแขวงโซลระหว่างปี พ.ศ. 2522-2523 และได้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาที่ศาลอาญาแขวงโซลและศาลสูงแทกูระหว่างปี พ.ศ. 2529-2533 นอกจากนี้ เขายังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้พิพากษาหัวหน้าคณะที่ศาลแขวงชางว็อน ศาลแขวงซูว็อน และศาลแขวงโซลอย่างต่อเนื่องระหว่างปี พ.ศ. 2536-2542 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ขณะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะที่ศาลสูงแทกู
2.2. การเป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีและฝ่ายบริหารศาล
นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผู้พิพากษาแล้ว คว็อน โอ-กนยังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในฝ่ายบริหารของรัฐบาลเกาหลีใต้และหน่วยงานตุลาการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522-2527 เขาได้เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับประธานาธิบดีช็อน ดู-ฮวัน ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนที่กระทรวงบริหารศาลระหว่างปี พ.ศ. 2533-2535 จากนั้นเป็นผู้พิพากษาผู้วิจัยที่ศาลฎีกาเกาหลีระหว่างปี พ.ศ. 2535-2536 และผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีระหว่างปี พ.ศ. 2540-2542 บทบาทเหล่านี้สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความสามารถรอบด้านของเขาในวงการกฎหมายและการบริหาร
3. กิจกรรมทางตุลาการระหว่างประเทศ
ในฐานะผู้พิพากษาสหประชาชาติคนแรกจากเกาหลีใต้ คว็อน โอ-กนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินคดีประวัติศาสตร์ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) และเป็นผู้นำในการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศในตำแหน่งสำคัญอื่นๆ
3.1. ผู้พิพากษาที่ศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY)

ในปี พ.ศ. 2544 คว็อน โอ-กนได้รับการเลือกตั้งจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) ซึ่งเป็นองค์กรที่สหประชาชาติจัดตั้งขึ้นในเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรบอลข่านช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ซึ่งรวมถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ในฐานะผู้พิพากษา ICTY เขามีหน้าที่ในการพิจารณาตัดสินความผิดและกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่ออาชญากรรมสงครามในช่วงความขัดแย้งดังกล่าว
3.1.1. การพิจารณาคดีสโลโบดาน มิโลเชวิช
หลังจากการได้รับเลือกให้เป็นผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) คว็อน โอ-กนได้เข้าร่วมในการพิจารณาคดีของสโลโบดาน มิโลเชวิช ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย การมีส่วนร่วมของเขาในคดีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุความยุติธรรมระหว่างประเทศสำหรับอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในสงครามยูโกสลาเวีย
3.1.2. การพิจารณาคดีราโดวาน คาราจิช
คว็อน โอ-กนดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในการพิจารณาคดีของราโดวาน คาราจิช อดีตผู้นำชาวเซิร์บเชื้อสายบอสเนีย และประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐเซิร์ปสกา ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดต่ออาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามบอสเนีย การพิจารณาคดีนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยคำตัดสินที่ออกมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559 ได้กำหนดโทษจำคุก 40 ปีแก่คาราจิช คำพิพากษาความยาวกว่า 2,700 หน้า นี้ ซึ่งอ้างอิงจากพยานมากกว่า 600 ปาก และเอกสารประกอบคดีกว่า 300,000 หน้า ถือว่ามีความสำคัญไม่เพียงในด้านกฎหมายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ด้วย เนื่องจากได้เปิดเผยรายละเอียดและความรับผิดชอบของสงครามบอสเนียอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประยุกต์ใช้หลักกฎหมายอาญาระหว่างประเทศที่สำคัญ เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การร่วมก่ออาชญากรรม (joint criminal enterprise) และความรับผิดชอบของหัวหน้างาน (superior responsibility) ทำให้คำตัดสินนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการตัดสินที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์กฎหมายอาญาระหว่างประเทศนับตั้งแต่การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก
3.1.3. การพิจารณาคดี โปโปวิช และคณะ
ในฐานะผู้พิพากษา คว็อน โอ-กนได้พิจารณาคดี อัยการปะทะ โปโปวิช และคณะ (Prosecutor v. Popović et al.) ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาหลัก 7 คนในการสังหารหมู่สเรเบรนิตซา ซึ่งรวมถึง วูยาดิน โปโปวิช ผู้ถูกตั้งข้อหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สมคบคิดเพื่อก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกวาดล้าง การฆาตกรรม การประหัตประหาร และการโยกย้ายถิ่นฐานโดยใช้กำลัง การเข้าร่วมในคดีนี้เป็นการยืนยันบทบาทของเขาในการดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีการตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแก่จำเลยบางคนในปี พ.ศ. 2553
3.2. รองประธานศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY)
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 คว็อน โอ-กนได้รับการเลือกตั้งจากผู้พิพากษาด้วยกันให้ดำรงตำแหน่งรองประธานศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญด้านการเป็นผู้นำและการบริหารภายในศาล นอกจากนี้ เขายังได้รับการเลือกตั้งซ้ำในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานอีกสองปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจและความยอมรับจากเพื่อนร่วมงานในบทบาทผู้นำของเขา
3.3. ประธานสมัชชาภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)
ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560 คว็อน โอ-กนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสมัชชาภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เป็นวาระสามปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ตำแหน่งนี้ถือเป็นบทบาทสูงสุดในการกำกับดูแลศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยมีอำนาจตัดสินใจที่สำคัญ เช่น การเลือกตั้งผู้พิพากษาและอัยการ การกำกับดูแลการดำเนินงานของศาล การตัดสินใจด้านงบประมาณ และการแก้ไขธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่เป็นรากฐานของการก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ บทบาทของเขาในตำแหน่งนี้เป็นการยืนยันถึงการมีส่วนร่วมที่สำคัญในการดำเนินงานและพัฒนาระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศ
3.4. คณะกรรมการอิสระเพื่อการเลือกตั้งผู้พิพากษา ICC
ระหว่างปี พ.ศ. 2553-2554 คว็อน โอ-กนได้รับเลือกจากกลุ่มองค์กรนอกภาครัฐ (NGOs) ที่เกี่ยวข้องกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ให้เป็นหนึ่งในห้าสมาชิกของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศ (Independent Panel on International Criminal Court Judicial Elections) คณะกรรมการนี้ก่อตั้งขึ้นโดยพันธมิตรเพื่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (Coalition for the International Criminal Court - CICC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศ การมีส่วนร่วมของเขาในคณะกรรมการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการสร้างความยุติธรรมและความโปร่งใสในกระบวนการสรรหาบุคลากรสำหรับองค์กรตุลาการระหว่างประเทศที่สำคัญ
4. กิจกรรมหลัง ICTY และตำแหน่งอื่นๆ
หลังจากสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งที่ศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) คว็อน โอ-กนได้เดินทางกลับเกาหลีใต้และยังคงมีบทบาทสำคัญในแวดวงกฎหมายและวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ
4.1. ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยกฎหมายระหว่างประเทศ ณ สำนักงานกฎหมายคิม แอนด์ ชาง
หลังจากเดินทางกลับเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2559 คว็อน โอ-กนได้เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยกฎหมายระหว่างประเทศคนแรก ณ สำนักงานกฎหมายคิม แอนด์ ชาง ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ในบทบาทนี้ เขานำความเชี่ยวชาญอันลึกซึ้งในสาขาการดำเนินคดีระหว่างประเทศและกฎหมายอาญาระหว่างประเทศมาใช้ในการวิจัยกรณีศึกษาต่างๆ เช่น คดีพิพาทระหว่างนักลงทุนกับรัฐ (ISD) และให้คำปรึกษาทางกฎหมายสำหรับคดีระหว่างประเทศต่างๆ
4.2. ประธานสถาบันวิจัยกฎหมายแห่งเกาหลี
คว็อน โอ-กนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานคนที่ 15 และ 16 ของสถาบันวิจัยกฎหมายแห่งเกาหลี ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งเดียวในเกาหลีใต้ ซึ่งรวมผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ และอาจารย์กฎหมาย การมีส่วนร่วมของเขาในตำแหน่งผู้นำนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการกฎหมายของเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2552 เขายังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในสี่ผู้สมัครเพื่อดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาด้วย
5. งานเขียนและกิจกรรมทางวิชาการ
คว็อน โอ-กนได้เผยแพร่งานเขียนสำคัญและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวิชาการหลายอย่าง โดยอาศัยประสบการณ์จริงจากการพิจารณาคดีอาญาระหว่างประเทศ
5.1. งานเขียนสำคัญ
คว็อน โอ-กนได้เขียนบทความที่สำคัญซึ่งรวบรวมประสบการณ์และมุมมองของเขาจากการพิจารณาคดีอาญาระหว่างประเทศ โดยบทความที่มีชื่อเสียงคือ "ความท้าทายของการพิจารณาคดีอาญาระหว่างประเทศจากมุมมองของผู้พิพากษา" (The Challenge of an International Criminal Trial as Seen from the Bench) ตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ (Journal of International Criminal Justice) เล่มที่ 5 ฉบับที่ 2 หน้า 360-376 ในปี พ.ศ. 2550 บทความนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความซับซ้อนของการดำเนินคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศจากมุมมองของผู้พิพากษา นอกจากนี้ เขายังเป็นสมาชิกคณะบรรณาธิการของวารสารกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ (Journal of International Criminal Justice) ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 และเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการริเริ่มอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crimes Against Humanity Initiative Advisory Council) ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการจัดตั้งสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับแรกว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
6. รางวัลและเกียรติยศ
คว็อน โอ-กนได้รับการยอมรับและเชิดชูเกียรติจากรัฐบาลเกาหลีใต้และองค์กรต่างๆ สำหรับผลงานอันโดดเด่นและคุณูปการของเขาต่อวงการกฎหมายทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
- พ.ศ. 2551: ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งชาติชั้น โมรัน (Moran National Order of Merit) จากประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
- พ.ศ. 2552: ได้รับรางวัลนักกฎหมายแห่งปี (Lawyer of the Year Award)
- พ.ศ. 2554: ได้รับรางวัลวัฒนธรรมกฎหมายย็องซัน (Youngsan Legal Culture Award)
- พ.ศ. 2556: ได้รับรางวัลวัฒนธรรมกฎหมายเกาหลี (Korean Legal Culture Award)
- พ.ศ. 2561: ได้รับรางวัลคย็อง-อัม (Kyung-Ahm Prize) จากมูลนิธิคย็อง-อัมเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรม
7. ผลกระทบและการประเมิน
กิจกรรมของคว็อน โอ-กนได้ทิ้งร่องรอยอันสำคัญไว้ในวงการกระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศและวงการกฎหมายโดยรวม โดยได้รับการประเมินทั้งทางประวัติศาสตร์และสังคมอย่างกว้างขวาง
7.1. การมีส่วนร่วมในการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ
คว็อน โอ-กนมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในการพัฒนากฎหมายอาญาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านคำตัดสินในคดีสำคัญต่างๆ เช่น การพิจารณาคดีราโดวาน คาราจิช ซึ่งคำพิพากษาของเขาได้ประยุกต์ใช้หลักกฎหมายอาญาระหว่างประเทศที่ซับซ้อน เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การร่วมก่ออาชญากรรม และความรับผิดชอบของหัวหน้างานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการพัฒนากฎหมายอาญาระหว่างประเทศนับตั้งแต่การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก การตัดสินของเขาไม่เพียงแต่สร้างบรรทัดฐานสำหรับคดีในอนาคต แต่ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำความยุติธรรมมาสู่ผู้ที่ก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
7.2. การประเมินทางสังคมและชื่อเสียง
คว็อน โอ-กนได้รับการยกย่องอย่างสูงและได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางทั้งภายในและภายนอกวงการกฎหมาย ประเทศเกาหลีใต้ โดยได้รับการยอมรับว่าเป็น "ผู้พิพากษาชั้นนำ" และ "ผู้เชี่ยวชาญด้านนานาชาติ" ซึ่งมีทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่โดดเด่น และความเป็นมิตรอย่างยิ่ง ชื่อเสียงของเขาในฐานะผู้ที่มีวิสัยทัศน์ระหว่างประเทศและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและภูมิหลัง ได้ทำให้เขาเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถือ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกฎหมายรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมความยุติธรรมในระดับโลก