1. ภาพรวม

โยส ฮูอิเฟลด์ (Jos Hooiveldยอส ฮูอิเฟลด์ภาษาดัตช์; เกิด 22 เมษายน พ.ศ. 2526 ณ ไซเยิน, เดรนเทอ, ประเทศเนเธอร์แลนด์) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง โดยหลักแล้วคือเซ็นเตอร์แบ็ก ฮูอิเฟลด์เป็นที่รู้จักจากสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่ง เขามีส่วนสูง 193 cm และน้ำหนัก 74 kg
ฮูอิเฟลด์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสร เอเรอดีวีซี อย่าง เอสซี ฮีเรนวีน ในปี พ.ศ. 2546 ก่อนจะย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ เปก ซโวลล์ ในช่วงปี พ.ศ. 2547 ถึง พ.ศ. 2549 จากนั้นในปี พ.ศ. 2549 เขาได้ย้ายไปร่วมทีม คัพเฟินแบร์เกอร์ เอสเฟา ในออสเตรีย และหนึ่งปีต่อมาก็ย้ายไปเล่นให้กับ เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู ในฟินแลนด์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาคว้าแชมป์ไวเคาส์ลีกาและฟินนิชลีกคัพในปี พ.ศ. 2551 และยังได้รับรางวัล 'กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปี' ถึงสองครั้ง
ในปี พ.ศ. 2552 เขาเซ็นสัญญากับ เอไอเค ฟุตบอล ในสวีเดน และคว้าแชมป์ออลสเวนสคาน รวมถึงสเวนสกาคัพในปีเดียวกัน ทำให้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่คว้าดับเบิลแชมป์ได้สำเร็จ จากนั้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2553 เขาได้ย้ายไปร่วมทีม เซลติก เอฟซี ในสกอตแลนด์ ด้วยค่าตัวประมาณ 2.00 M GBP แต่หลังจากหนึ่งปีก็ถูกยืมตัวไปยัง เอฟซี โคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก ซึ่งเขาได้แชมป์เดนิชซูเปอร์ลีกาในฤดูกาล พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554 ต่อมาเขาถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ เซาแทมป์ตัน เอฟซี ในแชมเปียนชิป ในช่วงต้นฤดูกาล พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2555 ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมแบบถาวรในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 เขาเป็นผู้เล่นตัวหลักตลอดฤดูกาลที่ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ฮูอิเฟลด์ใช้เวลาปีสุดท้ายของสัญญากับเซาแทมป์ตันในรูปแบบการยืมตัวกับ นอริชซิตี เอฟซี และ มิลล์วอลล์ เอฟซี ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2558 เขากลับไปเซ็นสัญญากับ เอไอเค ฟุตบอล อีกครั้ง ก่อนจะย้ายไป เอฟซี ทเวนเต ในปี พ.ศ. 2560 และปิดท้ายอาชีพกับ ออเรนจ์เคาน์ตี เอสซี ในสหรัฐอเมริกา โดยประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
โยส ฮูอิเฟลด์ เกิดและเติบโตในประเทศเนเธอร์แลนด์ และเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย โดยผ่านการฝึกฝนจากสโมสรเยาวชนหลายแห่งก่อนจะก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
2.1. การเกิดและอาชีพเยาวชน
โยส ฮูอิเฟลด์ เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2526 ที่เมืองไซเยิน ในจังหวัดเดรนเทอ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในช่วงวัยเด็กและเยาวชน เขาได้ฝึกฝนฟุตบอลกับสโมสรเยาวชนหลายแห่ง ได้แก่ อคิลเลส 1894 และ เอฟซี เอ็มเมน ก่อนจะเข้าร่วมสโมสรเยาวชนของ เอสซี ฮีเรนวีน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในเส้นทางอาชีพของเขา ในช่วงฤดูกาล พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2548 ฮูอิเฟลด์เคยเข้ารับการทดสอบฝีเท้ากับสโมสร ลิฟวิงสตัน เอฟซี ในสกอตแลนด์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเขาอ้างในภายหลังว่างานเลี้ยงของพนักงานโรงแรมที่เสียงดังทำให้เขาพักผ่อนไม่เพียงพอและส่งผลกระทบต่อโอกาสในการได้รับสัญญา
3. อาชีพนักฟุตบอลอาชีพ
โยส ฮูอิเฟลด์ มีอาชีพนักฟุตบอลอาชีพที่ยาวนานและประสบความสำเร็จ โดยได้ค้าแข้งกับสโมสรหลายแห่งในประเทศต่างๆ ทั้งในเนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ฟินแลนด์ สวีเดน สกอตแลนด์ เดนมาร์ก อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
3.1. เอสซี ฮีเรนวีน
ฮูอิเฟลด์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับ เอสซี ฮีเรนวีน ในปี พ.ศ. 2546 โดยลงสนามในฐานะตัวสำรองแทนที่ เพตเตอร์ ฮันส์สัน ในฤดูกาลถัดมา เขาลงสนาม 12 นัดในลีก ส่วนใหญ่ในตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยเป็นตัวจริง 5 นัด ซึ่งรวมถึงชัยชนะเหนือทีมใหญ่อย่าง อายักซ์ และ เปเอสเฟ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ได้ในฤดูกาลต่อมา และถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ เปก ซโวลล์ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2548 เป็นเวลา 18 เดือน เขาออกจากสโมสรในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2549
3.2. เปก ซโวลล์ (ยืมตัว)
ฮูอิเฟลด์ประเดิมสนามให้กับ เปก ซโวลล์ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ในนัดที่เสมอกัน 0-0 โดยเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย เขาลงเล่นส่วนใหญ่ในตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับสโมสร โดยมีการขยับไปเล่นในตำแหน่งกองกลางและเซ็นเตอร์แบ็กเป็นครั้งคราว ในช่วงที่ถูกยืมตัว เขาลงสนามในลีกทั้งหมด 45 นัด และยิงได้ 3 ประตู
3.3. คัพเฟินแบร์เกอร์ เอสเฟา
ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2549 ฮูอิเฟลด์ได้ย้ายไปร่วมทีม คัพเฟินแบร์เกอร์ เอสเฟา ในออสเตรีย อย่างไรก็ตาม อาชีพนักฟุตบอลของเขาเกือบจะสิ้นสุดลงเนื่องจากปัญหาภายในสโมสรและกับฝ่ายบริหาร ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2550 หลังจากอยู่กับสโมสรเพียงแปดเดือนและลงสนามไปเพียง 14 นัด เขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นเวลาสองปีกับ เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู
3.4. เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู
ในฤดูกาลแรกของเขากับ เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู ฮูอิเฟลด์ได้รับเลือกให้เป็น 'ผู้เล่นทรงคุณค่าที่สุด' ในฟินนิชลีกคัพ และหลังจากจบฤดูกาล เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสารฟินแลนด์ชื่อดังอย่าง อิลตาเลห์ติ และยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็น 'กองหลังยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล' ของไวเคาส์ลีกาอีกด้วย ในช่วงต้นฤดูกาล พ.ศ. 2551 เขาคว้าแชมป์ฟินนิชลีกคัพได้สำเร็จ โดย เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู เอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง ตูรุน ปัลโลเซอูรา ในรอบชิงชนะเลิศ เขายังคงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และได้รับเลือกให้เป็น 'กองหลังยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล' ของไวเคาส์ลีกาเป็นครั้งที่สองในรอบสองปีที่อยู่ในฟินแลนด์ ซึ่งเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เนื่องจาก เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู สามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 16 นัดจาก 26 นัดในลีกที่ฮูอิเฟลด์ลงสนาม หลังจากลงสนามในลีก 52 นัดและยิงได้ 5 ประตูตลอดสองปีที่ประสบความสำเร็จในประเทศฟินแลนด์ เขาก็เซ็นสัญญากับ เอไอเค ฟุตบอล ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2552
3.5. เอไอเค ฟุตบอล
ฮูอิเฟลด์ประเดิมสนามให้กับ เอไอเค ฟุตบอล เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552 ในนัดที่ชนะ ฮาล์มสตัดส์ บีเค 1-0 ในรายการออลสเวนสคาน เขาคว้าแชมป์ออลสเวนสคานกับเอไอเคในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สโมสรคว้าแชมป์ได้ในรอบ 11 ปี นอกจากนี้ สโมสรยังคว้าแชมป์สเวนสกาคัพในปีเดียวกัน ทำให้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เอไอเคคว้าดับเบิลแชมป์ได้สำเร็จ ฮูอิเฟลด์ลงสนามรวม 28 นัดให้กับสโมสรในฤดูกาลเดียวที่เขาอยู่กับทีม มีกาเอล สตาห์เร ผู้จัดการทีมในขณะนั้นได้กล่าวอวยพรให้ฮูอิเฟลด์ประสบความสำเร็จในการย้ายทีม โดยแสดงความเห็นว่า "โยสได้ช่วยและมีส่วนร่วมในการสร้างจิตวิญญาณแห่งชัยชนะที่โดดเด่นของเอไอเคมาตลอดปีนี้"
3.6. เซลติก เอฟซี
เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553 เซลติก เอฟซี ได้ประกาศว่าฮูอิเฟลด์ได้เซ็นสัญญาเป็นเวลาสามปีครึ่งกับสโมสร โดยย้ายมาด้วยค่าตัวประมาณ 2.00 M GBP ฮูอิเฟลด์ได้รับเสื้อหมายเลข 16 ซึ่งว่างลงหลังจาก วิลโล ฟลัด ย้ายไป มิดเดิลส์เบรอ เอฟซี เขาประเดิมสนามให้กับเซลติกในเกมกับ แฮมิลตัน อคาเดมิคัล เอฟซี เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553 ในเกมถัดมากับ คิลมาร์น็อก เอฟซี ฮูอิเฟลด์ได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา และไม่ได้ลงสนามอีกเลยในฤดูกาลนั้น
ในฤดูกาลถัดมา ฮูอิเฟลด์ได้รับเสื้อหมายเลข 6 หลังจาก ลันดรี เอ็นกูเอโม กลับไป อาแอส น็องซี เขาประเดิมสนามในรายการยุโรปให้กับทีมจากกลาสโกว์ในเกมแชมเปียนส์ลีก ที่พ่ายแพ้ต่อ บรากา จากโปรตุเกส 3-0 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เขาเสียตำแหน่งในทีมหลังจากทำเสียลูกจุดโทษในเกมยูโรปาลีก ที่พ่ายแพ้ต่อ เอฟซี อูเทรคต์ 4-0 ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ก่อนจะกลับมาลงสนามในฐานะตัวสำรองในเกมที่เซลติกชนะ แอเบอร์ดีน 9-0 ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เขาลงสนามรวม 7 นัดและไม่สามารถทำประตูได้
3.7. เอฟซี โคเปนเฮเกน (ยืมตัว)
เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554 ฮูอิเฟลด์ย้ายไปร่วมทีม เอฟซี โคเปนเฮเกน แบบยืมตัวจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล ฮูอิเฟลด์ลงสนาม 11 นัดให้กับโคเปนเฮเกน (เป็นตัวสำรอง 4 นัด) แต่ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 สโมสรได้ประกาศว่าจะไม่ใช้สิทธิ์ซื้อขาดเขา
3.8. เซาแทมป์ตัน เอฟซี
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะช่วงฤดูร้อน ฮูอิเฟลด์ได้ย้ายไปร่วมทีม เซาแทมป์ตัน เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัวจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554 เขาทำประตูแรกได้ในเกมที่ชนะ เพรสตันนอร์ทเอนด์ เอฟซี 2-1 ในลีกคัพ และเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม เขาทำประตูแรกในลีกได้ในเกมที่ชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด เอฟซี 1-0 ซึ่งทำให้เซาแทมป์ตันมีคะแนนนำจ่าฝูงถึง 5 แต้ม
หลังจากสร้างความประทับใจในช่วงยืมตัว การย้ายทีมจึงกลายเป็นแบบถาวรในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554 โดยไม่มีการเปิดเผยค่าตัว เซาแทมป์ตันสามารถเซ็นสัญญากับเขาได้นอกตลาดซื้อขายนักเตะ เนื่องจากเขาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้เล่นของสโมสรอยู่แล้ว เขาทำประตูได้เป็นครั้งที่สองในเกมกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด เอฟซี ซึ่งเสมอกัน 1-1 และอีกไม่กี่วันต่อมาก็ทำได้อีกสองประตูในเกมที่ชนะ ดาร์บีเคาน์ตี เอฟซี 4-0 เขาทำประตูได้ในวันสุดท้ายของฤดูกาลในเกมที่ชนะ โคเวนทรีซิตี เอฟซี 4-0 ซึ่งช่วยให้สโมสรกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ นี่เป็นประตูที่ 8 ของเขาในฤดูกาลนั้น โดย 7 ประตูเป็นประตูในลีก ฮูอิเฟลด์ลงสนามให้กับเซาแทมป์ตันรวม 68 นัดและทำได้ 7 ประตู
3.9. นอริชซิตี เอฟซี (ยืมตัว)
ฮูอิเฟลด์ใช้เวลาปีสุดท้ายของสัญญากับเซาแทมป์ตันในรูปแบบการยืมตัวกับ นอริชซิตี เอฟซี ในช่วงฤดูกาล พ.ศ. 2557-พ.ศ. 2558 เขาลงสนามให้กับนอริชซิตีรวม 6 นัด และไม่สามารถทำประตูได้
3.10. มิลล์วอลล์ เอฟซี (ยืมตัว)
เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558 ฮูอิเฟลด์ย้ายไปร่วมทีม มิลล์วอลล์ เอฟซี แบบยืมตัวจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล หลังจากที่เคยถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ นอริชซิตี เอฟซี มาก่อน ที่มิลล์วอลล์ เขาทำประตูได้หนึ่งครั้งในเกมที่ชนะ ชาร์ลตันแอธเลติก 2-1 เขาลงสนามให้กับมิลล์วอลล์รวม 15 นัดและทำได้ 1 ประตู
3.11. เอไอเค ฟุตบอล (กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง)
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 มีการประกาศว่าฮูอิเฟลด์ได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 2.5 ปีกับ เอไอเค ฟุตบอล อีกครั้ง เขาทำประตูแรกในการกลับมาร่วมทีมในเกมกับ จีไอเอฟ ซุนด์สวาลล์ ฮูอิเฟลด์ลงสนามให้กับเอไอเคในการค้าแข้งครั้งที่สองรวม 22 นัดและทำได้ 1 ประตู
3.12. เอฟซี ทเวนเต
เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560 ฮูอิเฟลด์ย้ายไปร่วมทีม เอฟซี ทเวนเต ด้วยสัญญาจนถึงฤดูร้อนปี พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นการกลับมาเล่นในบ้านเกิดอีกครั้งหลังจากห่างหายไป 10 ปี เขาลงสนามให้กับเอฟซี ทเวนเต รวม 21 นัดและไม่สามารถทำประตูได้
3.13. ออเรนจ์เคาน์ตี เอสซี
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ฮูอิเฟลด์ได้เซ็นสัญญากับ ออเรนจ์เคาน์ตี เอสซี ซึ่งเป็นสโมสรในยูไนเต็ดซอกเกอร์ลีกที่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย นี่เป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอลของเขา เขาลงสนามให้กับออเรนจ์เคาน์ตี เอสซี รวม 14 นัดและทำได้ 1 ประตู
4. อาชีพทีมชาติ
โยส ฮูอิเฟลด์ มีโอกาสได้ลงเล่นในระดับทีมชาติในทีมเยาวชนของเนเธอร์แลนด์
4.1. เนเธอร์แลนด์ U-19
ฮูอิเฟลด์เคยลงสนามให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี โดยลงสนามไปทั้งหมด 4 นัดและยังไม่สามารถทำประตูได้ในระดับทีมชาติเยาวชน
5. รูปแบบการเล่นและสไตล์
โยส ฮูอิเฟลด์ เป็นที่รู้จักในฐานะกองหลัง โดยเฉพาะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเล่นเป็นหลักตลอดอาชีพการค้าแข้ง จุดแข็งที่โดดเด่นของเขาคือสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้เขามีความได้เปรียบในการเข้าปะทะ การแย่งบอล และการเล่นลูกกลางอากาศ
6. รางวัลที่ได้รับ
ตลอดอาชีพนักฟุตบอล โยส ฮูอิเฟลด์ ได้รับรางวัลทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนบุคคลมากมาย ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จและผลงานอันโดดเด่นของเขา
6.1. รางวัลระดับสโมสร
- เอฟซี อินเตอร์ ตูร์กู
- ไวเคาส์ลีกา: พ.ศ. 2551
- ฟินนิชลีกคัพ: พ.ศ. 2551
- เอไอเค ฟุตบอล
- ออลสเวนสคาน: พ.ศ. 2552
- สเวนสกาคัพ: พ.ศ. 2552
- เอฟซี โคเปนเฮเกน
- เดนิชซูเปอร์ลีกา: พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554
- เซาแทมป์ตัน เอฟซี
- ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป รองชนะเลิศ: พ.ศ. 2554-พ.2555 (เลื่อนชั้น)
6.2. รางวัลส่วนบุคคล
- ไวเคาส์ลีกา กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปี: พ.ศ. 2550, พ.ศ. 2551
- ออลสเวนสคาน ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี: พ.ศ. 2552
- ผู้เล่นทรงคุณค่าที่สุดในฟินนิชลีกคัพ: พ.ศ. 2550
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลโดยนิตยสารอิลตาเลห์ติ: พ.ศ. 2550
7. การเลิกเล่น
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561 โยส ฮูอิเฟลด์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทางอินสตาแกรมว่าเขาได้ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว หลังจากค้าแข้งมาอย่างยาวนานกับหลายสโมสรในหลายประเทศ