1. ช่วงต้นของชีวิตและภูมิหลัง
แอมโบรส แมนด์วูโล ดลามินี เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1968 ที่เมือง มเบเกลเวนี (Mbekelweni) ในเขตมันซินีของประเทศเอสวาตินี เขาเป็นบุตรชายของหัวหน้าแมนด์วูโล และมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์ดลามินีของเอสวาตินีอย่างใกล้ชิด
1.1. การเกิดและครอบครัว
แอมโบรส แมนด์วูโล ดลามินี เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1968 ที่เมือง มเบเกลเวนี ในเขตมันซินี ประเทศเอสวาตินี เขาเป็นบุตรชายของหัวหน้าแมนด์วูโล และสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ดลามินี ปู่ทวดของเขาคือเจ้าชายมาลุนเก (Prince Malunge) ซึ่งเป็นพระอนุชาของสมเด็จพระราชาธิบดีโซบูซาที่ 2 และปู่ของเขาคือเจ้าชายมากองโก (Prince Magongo) หรือที่รู้จักกันในชื่อมาคอมบาเน ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายจากสมเด็จพระราชาธิบดีดลามินีที่ 4 (Dlamini IV) ผู้ปกครองระหว่างปี ค.ศ. 1875-1889 เขาสมรสกับพอร์เทีย ทวาลา-ดลามินี (Portia Thwala-Dlamini) และมีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ โนซิโฟ (Nosipho), มิห์ลา (Mihla) และทาเนเล (Tanele)
1.2. การศึกษา
แอมโบรส ดลามินี สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมซาเลเซียน (Salesian High School) ในเมืองมันซินี เมื่อปี ค.ศ. 1987 หลังจากนั้นเขาได้ศึกษาด้านพาณิชยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสวาซิแลนด์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเอสวาตินี) และได้รับปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) จากมหาวิทยาลัยแฮมป์ตัน ในรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
2. การทำงาน
ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง แอมโบรส ดลามินี มีประสบการณ์การทำงานอย่างกว้างขวางในภาคเอกชน โดยเฉพาะในภาคการเงินและการโทรคมนาคม ซึ่งรวมระยะเวลากว่า 18 ปี
2.1. การทำงานในภาคการเงิน
แอมโบรส ดลามินี มีประสบการณ์ในภาคการเงินมากกว่า 18 ปี โดยเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารหลายแห่ง รวมถึงสแตนดาร์ดแบงก์ (Standard Bank) และดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของเนดแบงก์ (Nedbank) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ถึง ค.ศ. 2010
2.2. การทำงานในภาคโทรคมนาคม
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 ถึง ค.ศ. 2018 แอมโบรส ดลามินี ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของเอ็มทีเอ็น เอสวาตินี (MTN Eswatini) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอ็มทีเอ็น กรุ๊ป (MTN Group) บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากแอฟริกาใต้ ในปี ค.ศ. 2017 เขายังได้อนุมัติการสนับสนุนการจัดงานเอ็มทีเอ็น สวามา อวอร์ดส์ (MTN SWAMA Awards) ซึ่งเป็นพิธีมอบรางวัลที่จัดโดยสมาคมศิลปะและดนตรีเอสวาตินี (SWAMA)
3. นายกรัฐมนตรีแห่งเอสวาตินี
แอมโบรส แมนด์วูโล ดลามินี ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งเอสวาตินีในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทสำคัญในภาครัฐของเขา
3.1. การแต่งตั้งและภูมิหลัง
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2018 สมเด็จพระราชาธิบดีมสุวาตีที่ 3 ได้ประกาศในที่ประชุม ณ พระราชวังหลวงในโลบัมบา (Lobamba) ว่าแอมโบรส ดลามินี จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศ โดยเข้ารับตำแหน่งต่อจากบาร์นาบาส ซิบูซิโซ ดลามินี (Barnabas Sibusiso Dlamini) ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือนก่อนหน้า เข้ารับการสาบานตนในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ในขณะนั้น แอมโบรส ดลามินี ไม่เคยมีประสบการณ์ในภาครัฐมาก่อนเลย และเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอสวาตินี การแต่งตั้งของเขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากลิซา เจ. ปีเตอร์สัน (Lisa J. Peterson) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเอสวาตินี โดยระบุว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรแห่งเอสวาตินีในขณะนั้น ซึ่งเป็นการตั้งคำถามถึงความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยของกระบวนการแต่งตั้ง
3.2. นโยบายและกิจกรรมของรัฐบาล
ในฐานะนายกรัฐมนตรี แอมโบรส ดลามินี ได้ประกาศว่าจะดำเนินแผน "ฟื้นฟูเศรษฐกิจ" สำหรับประเทศ เพื่อเตรียมการดังกล่าว เขาได้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาลลง โดยการใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งคันเดิมของนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า ห้ามการเดินทางโดยเครื่องบินชั้นหนึ่งสำหรับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ และจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ เขายังต้องปกป้องการตัดสินใจของรัฐบาลในการระงับการปรับค่าครองชีพสำหรับพนักงานภาครัฐ ซึ่งนำไปสู่การประท้วงเรื่องเงินเดือนในปี ค.ศ. 2019 ในปี ค.ศ. 2020 เขาได้ตีพิมพ์บทความแสดงความคิดเห็นในหนังสือพิมพ์ บิสซิเนสเดย์ และ ไฟแนนเชียลเมล ซึ่งได้สรุปแผนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยการปรับปรุงอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของประเทศ และสนับสนุนการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 นายกรัฐมนตรีดลามินีได้เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมการประชุมนานาชาติโตเกียวว่าด้วยการพัฒนาแอฟริกา (TICAD VII) ครั้งที่ 7 และได้พบปะกับชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2019 เขายังได้เข้าพบไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีแห่ง[[ประเทศไต้หวัน ที่ทำเนียบประธานาธิบดี
3.3. การมีส่วนร่วมด้านสาธารณสุข
แอมโบรส ดลามินี ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโรคเอดส์แห่งชาติของเอสวาตินี และเป็นหัวหน้ากลไกประสานงานระดับประเทศของเอสวาตินีสำหรับกองทุนโลกเพื่อต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (The Global Fund to Fight AIDS, Tuberculosis and Malaria) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเขาในการจัดการปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ
3.4. การวิพากษ์วิจารณ์และข้อถกเถียง
การแต่งตั้งแอมโบรส ดลามินี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยสมเด็จพระราชาธิบดีมสุวาตีที่ 3 ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากลิซา เจ. ปีเตอร์สัน เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเอสวาตินี ว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรแห่งเอสวาตินีในขณะนั้น ซึ่งนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยของกระบวนการแต่งตั้ง นอกจากนี้ เขายังเผชิญกับการประท้วงเรื่องเงินเดือนจากพนักงานภาครัฐในปี ค.ศ. 2019 หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจระงับการปรับค่าครองชีพ
4. ชีวิตส่วนตัว
แอมโบรส แมนด์วูโล ดลามินี สมรสกับพอร์เทีย ทวาลา-ดลามินี และมีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ โนซิโฟ (Nosipho), มิห์ลา (Mihla) และทาเนเล (Tanele)
5. การเสียชีวิต
แอมโบรส แมนด์วูโล ดลามินี เสียชีวิตในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
5.1. การติดเชื้อโควิด-19 และการเสียชีวิต
แอมโบรส ดลามินี ซึ่งมีภาวะเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 หลังจากนั้นแปดวัน (23 พฤศจิกายน) เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากมีอาการไม่รุนแรง ในช่วงต้นเดือนธันวาคม เขาถูกย้ายไปโรงพยาบาลในประเทศแอฟริกาใต้ โดยในขณะนั้น เทมบา เอ็น. มาซูกู (Themba N. Masuku) รองนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่าเขามีอาการคงที่และตอบสนองต่อการรักษา อย่างไรก็ตาม แอมโบรส ดลามินี ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ที่แอฟริกาใต้ ด้วยวัย 52 ปี จากภาวะแทรกซ้อนของโรคโควิด-19 การเสียชีวิตของเขาทำให้เขากลายเป็นหัวหน้ารัฐบาลคนแรกของโลกที่เสียชีวิตในขณะดำรงตำแหน่งจากโรคระบาดใหญ่นี้ ครอบครัวของเขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างเรื่องการวางยาพิษ ตามรัฐธรรมนูญแห่งเอสวาตินี เทมบา มาซูกู ควรจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการเป็นระยะเวลาสูงสุดสามเดือน แต่เขากลับดำรงตำแหน่งเกือบเจ็ดเดือน จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2021 เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีมสุวาตีที่ 3 ทรงแต่งตั้งคลีโอปาส ดลามินี (Cleopas Dlamini) เข้ามาแทนที่
6. การประเมินและผลกระทบ
แม้ว่าแอมโบรส แมนด์วูโล ดลามินี จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่เขาก็ได้ริเริ่มนโยบายและกิจกรรมสำคัญหลายอย่างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของเอสวาตินี รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล และการวางแผนเพื่อปรับปรุงอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของประเทศ ความพยายามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการพัฒนาประเทศจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ บทบาทของเขาในฐานะประธานคณะกรรมการโรคเอดส์แห่งชาติยังเน้นย้ำถึงความใส่ใจในปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของเอสวาตินี การเสียชีวิตของเขาจากโรคโควิด-19 ในขณะดำรงตำแหน่ง ถือเป็นเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญในระดับโลก เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้ารัฐบาลคนแรกที่เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ ซึ่งตอกย้ำถึงความรุนแรงและผลกระทบของโรคต่อผู้นำระดับสูง อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งของเขาโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งและไม่มีประสบการณ์ในภาครัฐมาก่อน ได้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลกระทบโดยรวมของเขา