1. ภาพรวม
Joubert Araújo Martins (โจวแบร์ต อาราอูฌู มาร์ชิงส์) หรือที่รู้จักกันในนาม เบตู เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1975 ที่เมือง กุยอาบา ประเทศบราซิล เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวบราซิลที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง เขาเป็นที่รู้จักจากอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานและหลากหลาย โดยเคยเล่นให้กับสโมสรใหญ่หลายแห่งในบราซิล เช่น โบตาโฟโก, เกรมิโอ, ฟลาเมงโก, ฟลูมิเนนเซ และ วาสโก ดา กามา นอกจากนี้ เขายังมีประสบการณ์ในต่างแดนกับ เอสเอสซี นาโปลี ในอิตาลี รวมถึง คอนซาโดเล ซัปโปโร และ ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ในญี่ปุ่น
เบตูมักถูกเรียกขานว่า เบตู กาชาซา (Beto CachaçaPortuguese) หรือ เบตู บาลาดา (Beto BaladaPortuguese) โดยคู่แข่ง ซึ่งเป็นฉายาที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของเขาที่เกี่ยวข้องกับการปาร์ตี้และดื่มแอลกอฮอล์ นอกเหนือจากความสามารถในสนาม เขายังเป็นที่จดจำจากพฤติกรรมนอกสนามและปัญหาด้านวินัยตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา
2. ชีวิตช่วงต้นและการเริ่มต้นอาชีพ
เบตูเกิดที่เมือง กุยอาบา รัฐมาตูโกรซู ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1975 เขาเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลในระดับเยาวชนกับสโมสร เซ ดง บอสโก (CE Dom BoscoPortuguese) ในปี ค.ศ. 1986 ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมเยาวชนของ โบตาโฟโก ในปี ค.ศ. 1993
ในปี ค.ศ. 1994 เบตูได้ประเดิมสนามในระดับอาชีพกับโบตาโฟโก โดยมีรายงานว่าเขาเข้าร่วมทีมด้วยเงื่อนไขที่จะได้รับรองเท้าฟุตบอลถึง 50 คู่ เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก และมีส่วนสำคัญช่วยให้โบตาโฟโกคว้าแชมป์กังเปโอนาตู บราซีเลย์รู เซเรียอา ในปี ค.ศ. 1995 ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมนี้ ทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรกในปีเดียวกัน และได้ประเดิมสนามในโกปาอาเมริกา 1995 รอบรองชนะเลิศที่พบกับสหรัฐอเมริกา
ภายใต้การคุมทีมของโค้ชมาริโอ ซากัลโล เบตูได้รับการปรับตำแหน่งจากกองกลางตัวรุกมาเป็นกองกลางตัวรับ เนื่องจากซากัลโลมองเห็นความสามารถทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมของเขา อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 ที่แอตแลนตาเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
3. อาชีพสโมสร
เบตูมีอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานและหลากหลาย ทั้งในประเทศบราซิลและต่างประเทศ โดยเขาย้ายทีมอยู่บ่อยครั้งและประสบความสำเร็จคว้าแชมป์กับหลายสโมสร
3.1. อาชีพกับสโมสรในบราซิล
เบตูเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับโบตาโฟโกในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ลีกบราซิล เซเรียอา ในปี ค.ศ. 1995 หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1997 เขาย้ายไปร่วมทีมเกรมิโอ ก่อนจะไปอยู่กับฟลาเมงโกในช่วงปี ค.ศ. 1998-1999 และกลับมาร่วมทีมอีกครั้งในปี ค.ศ. 2001-2002 ช่วงเวลาที่อยู่กับฟลาเมงโก ถือเป็นช่วงที่เบตูประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยสามารถคว้าแชมป์ลีกรัฐรีโอเดจาเนโร ได้สามสมัยติดต่อกันในปี ค.ศ. 1999, 2000 และ 2001 รวมถึงโกปา เมร์โกซูร์ ในปี ค.ศ. 1999 และโกปา โดส ก็องปิโอส ในปี ค.ศ. 2000 เขายังคงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลฟลาเมงโกจากความมุ่งมั่นทุ่มเทที่แสดงให้เห็นในนัดชิงชนะเลิศกับวาสโก ดา กามา ในปี ค.ศ. 2000 และ 2001
ในปี ค.ศ. 2000 เบตูเล่นให้กับเซาเปาโล ก่อนจะกลับมาฟลาเมงโกอีกครั้ง และในปี ค.ศ. 2002 เขาย้ายไปฟลูมิเนนเซ ซึ่งเขาก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกรัฐรีโอเดจาเนโรได้อีกครั้งในปีเดียวกัน หลังจากนั้นเขาย้ายไปอยู่กับวาสโก ดา กามา ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2004 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 2008 ที่วาสโก เขาช่วยให้ทีมคว้ารองแชมป์ลีกรัฐรีโอเดจาเนโรในปี ค.ศ. 2004 ในช่วงปลายอาชีพ เขายังคงเล่นให้กับหลายสโมสรในบราซิล รวมถึงอิตูงเบียรา (ค.ศ. 2007), บราซิเลียนเซ (ค.ศ. 2007), มิซตู (ค.ศ. 2008), คองเฟียนซา (ค.ศ. 2009) และ อิมบิตูบา (ค.ศ. 2009) เบตูเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลเพียงไม่กี่คนที่ได้เล่นให้กับสโมสรใหญ่ทั้งสี่แห่งในรีโอเดจาเนโร ได้แก่ ฟลาเมงโก, วาสโก ดา กามา, ฟลูมิเนนเซ และโบตาโฟโก
3.2. อาชีพกับสโมสรต่างประเทศ
หลังจากประสบความสำเร็จในบราซิล เบตูได้ย้ายไปเล่นในเซเรียอา อิตาลี กับสโมสร เอสเอสซี นาโปลี ในช่วงฤดูกาล 1996-1997 อย่างไรก็ตาม เขาค้าแข้งที่นั่นได้เพียงฤดูกาลเดียวก็กลับมายังบราซิล
ในปี ค.ศ. 2003 เบตูตัดสินใจย้ายไปเล่นในเจลีก ประเทศญี่ปุ่น กับสโมสร คอนซาโดเล ซัปโปโร โดยได้รับการคาดหวังให้เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันทีมขึ้นสู่เจ1 แต่เขาอยู่กับทีมได้เพียงสองเดือนก็ขอลาออกเนื่องจากปัญหาโฮมซิก
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2004 เบตูย้ายกลับมาเล่นในญี่ปุ่นอีกครั้งกับสโมสร ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา เพื่อมาแทนที่เซซาร์ ซามไปโอ ที่ย้ายออกไป เขาได้เป็นกำลังสำคัญทั้งในแนวรุกและแนวรับให้กับทีม อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2006 ภายใต้การคุมทีมของโค้ชมิไฮโล เปโตรวิช โอกาสในการลงสนามของเขาลดลงอย่างมาก
3.3. เหตุการณ์สำคัญและข้อถกเถียง
ตลอดอาชีพค้าแข้ง เบตูมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เป็นข้อถกเถียงหลายครั้ง ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์และเส้นทางอาชีพของเขา
ที่สโมสรฟลาเมงโก ในปี ค.ศ. 1998 เขามีบทบาทในการจัดตั้งการเคลื่อนไหวบอยคอตต่อโค้ชสองคน ได้แก่ เซบาสเตียน ลาซาโรนี และ โฌแอล ซานตานา ซึ่งในท้ายที่สุดส่งผลให้โค้ชทั้งสองคนถูกปลดจากตำแหน่ง
ในช่วงที่เล่นให้กับซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 เบตูถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกายเพื่อนชาวบราซิลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การยกเลิกสัญญาของเขากับสโมสรเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2006
หลังจากกลับมาเล่นให้กับวาสโก ดา กามา ในปี ค.ศ. 2008 แม้ว่าโรมาริโอ ซึ่งในขณะนั้นเป็นโค้ชรักษาการของวาสโกต้องการตัวเขาอย่างมาก แต่เบตูกลับไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก และในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เขาก็ถูกยกเลิกสัญญาอีกครั้งหลังจากขาดการฝึกซ้อมโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ การค้าแข้งช่วงสั้นๆ กับ คองเฟียนซา และ อิมบิตูบา ในปี ค.ศ. 2009 ก็สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากปัญหาด้านวินัยของตัวเขาเอง
4. อาชีพทีมชาติ
เบตูได้รับโอกาสติดทีมชาติบราซิลและมีส่วนร่วมในการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการตลอดช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990
4.1. การประเดิมสนามและการลงเล่นในทีมชาติชุดใหญ่
เบตูได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลครั้งแรกในปี ค.ศ. 1995 และได้ประเดิมสนามในโกปาอาเมริกา 1995 รอบรองชนะเลิศกับสหรัฐอเมริกา แม้ว่าอังกฤษจะระบุว่าเขาได้ประเดิมสนามในการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับอาร์เจนตินาที่บัวโนสไอเรส แต่การแข่งขันโกปาอาเมริกาถือเป็นการประเดิมสนามในรายการสำคัญของเขา ตลอดอาชีพค้าแข้ง เบตูลงสนามให้กับทีมชาติบราซิลรวม 11 นัดระหว่างปี ค.ศ. 1995 ถึง 1999 โดยไม่สามารถทำประตูได้
4.2. การแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญและตำแหน่งแชมป์
เบตูเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติบราซิลที่เข้าร่วมการแข่งขันสำคัญหลายรายการ:
- โกปาอาเมริกา 1995: บราซิลคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ
- การแข่งขันฟุตบอลปรีโอลิมปิก 1996: บราซิลคว้าแชมป์
- คอนคาแคฟโกลด์คัพ 1996: บราซิลคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ
- โกปาอาเมริกา 1999: บราซิลคว้าแชมป์
- ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 1999: บราซิลคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ
5. รูปแบบการเล่นและลักษณะเด่น
เบตูเป็นกองกลางที่มีความสามารถรอบด้าน โดยเริ่มต้นอาชีพในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่ด้วยความสามารถทางกายภาพที่โดดเด่น ทำให้มาริโอ ซากัลโล อดีตโค้ชทีมชาติบราซิล ได้เปลี่ยนบทบาทให้เขามาเป็นกองกลางตัวรับ ความมุ่งมั่นและพลังในการเล่นของเขาในสนามเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะจากแฟนบอลฟลาเมงโก ที่ชื่นชมในความทุ่มเทของเขา
อย่างไรก็ตาม เบตูยังเป็นที่รู้จักจากพฤติกรรมนอกสนาม ซึ่งนำไปสู่ฉายาที่ได้รับจากคู่แข่งอย่าง "เบตู กาชาซา" (Beto Cachaça) ซึ่งหมายถึง "เบตู แอลกอฮอล์" และ "เบตู บาลาดา" (Beto Balada) ซึ่งหมายถึง "เบตู ปาร์ตี้" ฉายาเหล่านี้เกิดขึ้นจากข่าวลือและการรายงานข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์และการปาร์ตี้ของเขา ซึ่งบางครั้งก็เกิดขึ้นในช่วงที่เขายังคงต้องลงสนามแข่งขัน ภาพลักษณ์นี้ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่มีทั้งความสามารถและเรื่องราวที่เป็นข้อถกเถียงในเวลาเดียวกัน
6. สถิติอาชีพ
สถิติอาชีพของเบตูแสดงให้เห็นถึงการค้าแข้งที่ยาวนานและครอบคลุมทั้งในประเทศบราซิลและต่างประเทศ
6.1. สถิติสโมสร
| ผลงานสโมสร | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | ระดับทวีป | รวม | |||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ฤดูกาล | สโมสร | ลีก | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู |
| บราซิล | ลีก | โกปาดูบราซิล | ลีกคัพ | อเมริกาใต้ | รวม | |||||||
| 1994 | โบตาโฟโก | เซเรียอา | 22 | 0 | 22 | 0 | ||||||
| 1995 | 23 | 0 | 23 | 0 | ||||||||
| 1996 | 15 | 4 | 15 | 4 | ||||||||
| อิตาลี | ลีก | โกปปาอีตาเลีย | ลีกคัพ | ยุโรป | รวม | |||||||
| 1996-97 | นาโปลี | เซเรียอา | 22 | 4 | 22 | 4 | ||||||
| บราซิล | ลีก | โกปาดูบราซิล | ลีกคัพ | อเมริกาใต้ | รวม | |||||||
| 1997 | เกรมิโอ | เซเรียอา | 14 | 3 | 14 | 3 | ||||||
| 1998 | ฟลาเมงโก | เซเรียอา | 18 | 6 | 18 | 6 | ||||||
| 1999 | 16 | 1 | 16 | 1 | ||||||||
| 2000 | เซาเปาโล | เซเรียอา | 18 | 3 | 18 | 3 | ||||||
| 2001 | ฟลาเมงโก | เซเรียอา | 20 | 2 | 20 | 2 | ||||||
| 2002 | ฟลูมิเนนเซ | เซเรียอา | 15 | 3 | 15 | 3 | ||||||
| ญี่ปุ่น | ลีก | ถ้วยจักรพรรดิ | เจลีกคัพ | เอเชีย | รวม | |||||||
| 2003 | คอนซาโดเล ซัปโปโร | เจ2 ลีก | 7 | 1 | 0 | 0 | - | - | 7 | 1 | ||
| บราซิล | ลีก | โกปาดูบราซิล | ลีกคัพ | อเมริกาใต้ | รวม | |||||||
| 2003 | วาสโก ดา กามา | เซเรียอา | 17 | 2 | 17 | 2 | ||||||
| 2004 | 3 | 0 | 3 | 0 | ||||||||
| ญี่ปุ่น | ลีก | ถ้วยจักรพรรดิ | เจลีกคัพ | เอเชีย | รวม | |||||||
| 2004 | ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา | เจ1 ลีก | 14 | 2 | 1 | 0 | 1 | 0 | - | 16 | 2 | |
| 2005 | 28 | 1 | 2 | 0 | 5 | 0 | - | 35 | 1 | |||
| 2006 | 13 | 0 | 0 | 0 | 6 | 0 | - | 19 | 0 | |||
| บราซิล | ลีก | โกปาดูบราซิล | ลีกคัพ | อเมริกาใต้ | รวม | |||||||
| 2007 | อิตูงเบียรา | เซเรียซี | 0 | 0 | 0 | 0 | ||||||
| 2007 | บราซิเลียนเซ | เซเรียบี | 7 | 0 | 7 | 0 | ||||||
| 2008 | วาสโก ดา กามา | เซเรียอา | 4 | 0 | 4 | 0 | ||||||
| 2008 | มิซตู | |||||||||||
| 2009 | คองเฟียนซา | |||||||||||
| 2009 | อิมบิตูบา | |||||||||||
| สถิติรวมตามประเทศ | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | ระดับทวีป | รวม | |||||||
| บราซิล | 178 | 20 | 178 | 20 | ||||||||
| อิตาลี | 22 | 4 | 22 | 4 | ||||||||
| ญี่ปุ่น | 62 | 4 | 3 | 0 | 12 | 0 | - | 77 | 4 | |||
| รวมอาชีพ | 262 | 28 | 3 | 0 | 12 | 0 | 0 | 0 | 277 | 28 | ||
6.2. สถิติทีมชาติ
| ทีมชาติบราซิล | ||
|---|---|---|
| ปี | ลงเล่น | ประตู |
| 1995 | 2 | 0 |
| 1996 | 2 | 0 |
| 1997 | 0 | 0 |
| 1998 | 0 | 0 |
| 1999 | 8 | 0 |
| รวม | 12 | 0 |
7. เกียรติประวัติ
เบตูประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์และเกียรติประวัติมากมายตลอดอาชีพทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
- โกปาอาเมริกา: 1999
- พรี-โอลิมปิก ทัวร์นาเมนต์: 1996
- ลีกบราซิล: 1995 (กับโบตาโฟโก)
- ลีกรัฐรีโอเดจาเนโร: 1999, 2000, 2001 (กับฟลาเมงโก); 2002 (กับฟลูมิเนนเซ)
- ตาซซากัวนาบารา: 1999, 2001 (กับฟลาเมงโก)
- ตาซซารีโอ: 2000 (กับฟลาเมงโก); 2004 (กับวาสโก ดา กามา)
- โกปา เมร์โกซูร์: 1999 (กับฟลาเมงโก)
- โกปา โดส ก็องปิโอส: 2000 (กับฟลาเมงโก)
8. ชีวิตหลังการแขวนสตั๊ด
หลังจากยุติอาชีพนักฟุตบอลอาชีพ เบตูได้ผันตัวมาประกอบอาชีพใหม่ โดยปัจจุบันเขามีธุรกิจจัดเลี้ยงบุฟเฟต์สำหรับเด็ก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทบาทในชีวิตของเขาที่แตกต่างจากชีวิตนักฟุตบอลที่ผ่านมา
9. มรดกและการประเมินจากสาธารณะ
เบตูเป็นนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์และเป็นที่จดจำในฐานะกองกลางที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความมุ่งมั่น เขามีส่วนสำคัญในการช่วยให้หลายสโมสรใหญ่ในบราซิลคว้าแชมป์ลีกและถ้วยในระดับรัฐหลายรายการ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติบราซิลชุดที่คว้าแชมป์โกปาอาเมริกา 1999
อย่างไรก็ตาม มรดกของเขาไม่ได้มีเพียงแต่ความสำเร็จในสนามเท่านั้น เบตูยังเป็นที่รู้จักจากภาพลักษณ์ที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับพฤติกรรมนอกสนามและปัญหาด้านวินัย ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาอย่าง "เบตู กาชาซา" และ "เบตู บาลาดา" ที่สื่อถึงการปาร์ตี้และดื่มแอลกอฮอล์ เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกายและการยกเลิกสัญญาเนื่องจากการขาดการฝึกซ้อมโดยไม่ได้รับอนุญาต ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอาชีพของเขาที่ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ถูกประเมินทั้งในด้านบวกและลบในวงการฟุตบอลบราซิล