1. ภาพรวม
มักซ์ พิคาด (Max Picardภาษาเยอรมัน) เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1888 ที่เมือง ช็อพฟ์ไฮม์ ในแกรนด์ดัชชีบาเดิน จักรวรรดิเยอรมัน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1965 ที่เมือง โซเรนโก สวิตเซอร์แลนด์ เขาเป็นนักเขียนและนักปรัชญาชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะหนึ่งในไม่กี่นักคิดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่เขียนงานโดยมีรากฐานจากความรู้สึกแบบลัทธิเพลโตอย่างลึกซึ้ง ผลงานของพิคาดมักจะวิพากษ์วิจารณ์สังคมสมัยใหม่และวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่างเข้มข้น โดยเน้นย้ำถึงประเด็นการแปลกแยกและการลดทอนความเป็นมนุษย์
2. ประวัติ
2.1. การเกิดและช่วงต้นของชีวิต
มักซ์ พิคาด เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1888 ในครอบครัวชาวยิวที่หมู่บ้าน ช็อพฟ์ไฮม์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของประเทศเยอรมนีที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนสวิตเซอร์แลนด์
2.2. การศึกษา
พิคาดได้ศึกษาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ก, มหาวิทยาลัยฮุมบัลท์แห่งเบอร์ลิน และมหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซีมีลีอานแห่งมิวนิก ก่อนที่จะได้รับปริญญาทางการแพทย์ในปี ค.ศ. 1911 นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นแพทย์ฝึกหัดที่มหาวิทยาลัยไฮเดิลแบร์ค
2.3. อาชีพแพทย์และการเปลี่ยนผ่านสู่ปรัชญา
ในช่วงแรก พิคาดได้ประกอบอาชีพแพทย์ในเมืองไฮเดิลแบร์คและต่อมาที่เมืองมิวนิก อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกไม่พอใจกับแนวโน้มของวงการแพทย์ในขณะนั้นที่มุ่งเน้นไปทางปฏิฐานนิยมและทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเริ่มตีตัวออกห่างจากการแพทย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915 เพื่อหันมาสนใจปรัชญามากขึ้น และได้เลิกประกอบอาชีพแพทย์อย่างถาวรในปี ค.ศ. 1918
2.4. การย้ายถิ่นฐานสู่สวิตเซอร์แลนด์และชีวิตส่วนตัว
ในปี ค.ศ. 1919 มักซ์ พิคาด ได้อพยพไปยังสวิตเซอร์แลนด์ โดยอาศัยอยู่ที่เมืองโลการ์โนในรัฐตีชีโน และต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองบริสซาโก ซึ่งยังคงอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 เขาได้พัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับกุนเทอร์ เบอห์เมอร์ ซึ่งเป็นศิลปินและเพื่อนร่วมผู้อพยพด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1939 พิคาดได้เปลี่ยนมานับถือโรมันคาทอลิก จากเดิมที่เคยนับถือศาสนายูดายมาตั้งแต่เยาว์วัย
ในปี ค.ศ. 1947 เขาได้พบกับกาเบรียล มาร์แซล นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก และได้พัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตร รวมถึงมีการติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิตของพวกเขา ซึ่งต่อมาได้มีการตีพิมพ์จดหมายโต้ตอบเหล่านี้ในปี ค.ศ. 2006 มาร์แซลยังได้เขียนคำนำให้กับฉบับแปลภาษาฝรั่งเศสฉบับแรกของผลงาน Die Welt des Schweigens (โลกแห่งความเงียบ) ของพิคาดในปี ค.ศ. 1953
3. ผลงานชิ้นเอกและปรัชญา
3.1. หนังสือเล่มสำคัญ
มักซ์ พิคาด ได้ประพันธ์หนังสือและบทความจำนวนมากตลอดชีวิตการทำงานของเขา ผลงานที่สำคัญบางส่วนได้แก่:
- ค.ศ. 1914: Der Bürgerแดร์ บืร์เกอร์ภาษาเยอรมัน (พลเมือง)
- ค.ศ. 1916: Das Ende des Impressionismusดาส เอ็นเดอ เดส อิมเพรสชันนิสมุสภาษาเยอรมัน (จุดจบของอิมเพรสชันนิสม์)
- ค.ศ. 1917: Expressionistische Bauernmalereiเอ็กซ์เพรสชันนิสทิเชอ เบาเอิร์นมาเลไรภาษาเยอรมัน (จิตรกรรมชาวบ้านแบบสำแดงนิยม)
- ค.ศ. 1919: Mittelalterliche Holzfigurenมิทเทิลอัลเทอร์ลิเชอ ฮอลซ์ฟิกูเรนภาษาเยอรมัน (รูปไม้สมัยกลาง)
- ค.ศ. 1921: Der letzte Menschแดร์ เลทซ์เทอ เมนช์ภาษาเยอรมัน (มนุษย์คนสุดท้าย)
- ค.ศ. 1929: Das Menschengesichtดาส เมนเชินเกซิชท์ภาษาเยอรมัน (ใบหน้ามนุษย์)
- ค.ศ. 1933: Die Ungeborenenดี อุนเกบอร์เรนเนนภาษาเยอรมัน (ผู้ที่ยังไม่เกิด)
- ค.ศ. 1934: Die Flucht vor Gottดี ฟลุคท์ ฟอร์ ก็อทท์ภาษาเยอรมัน (การหนีจากพระเจ้า) ซึ่งมีการตีพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1952
- ค.ศ. 1937: Die Grenzen der Physiognomikดี เกรนเซน แดร์ ฟีซีอ็อกโนมิคภาษาเยอรมัน (ขีดจำกัดของสรีรวิทยา)
- ค.ศ. 1942: Die unerschütterliche Eheดี อุนเออร์ชุทเทอร์ลิเชอ เอเฮอภาษาเยอรมัน (การแต่งงานที่มั่นคง)
- ค.ศ. 1946: Hitler in uns selbstฮิตเลอร์ อิน อุนส์ เซลบสท์ภาษาเยอรมัน (ฮิตเลอร์ในตัวเรา)
- ค.ศ. 1948: Die Welt des Schweigensดี เวลท์ เดส ชไวเกนส์ภาษาเยอรมัน (โลกแห่งความเงียบ)
- ค.ศ. 1951: Zerstörte und unzerstörbare Weltเซร์สเทอร์เทอ อุนด์ อุนเซร์สเทอร์บาร์เรอ เวลท์ภาษาเยอรมัน (โลกที่ถูกทำลายและไม่อาจถูกทำลาย)
- ค.ศ. 1953: Wort und Wortgeräuschวอร์ท อุนด์ วอร์ทเกรอยช์ภาษาเยอรมัน (คำและเสียงคำ)
- ค.ศ. 1954: Die Atomisierung der Modernen Künsteดี อาโทมิซีรุง แดร์ โมเดอร์เนน คืนสเทอภาษาเยอรมัน (การแตกตัวของศิลปะสมัยใหม่)
- ค.ศ. 1955: Der Mensch und das Wortแดร์ เมนช์ อุนด์ ดาส วอร์ทภาษาเยอรมัน (มนุษย์และคำ)
- ค.ศ. 1955: Ist Freiheit heute überhaupt möglich?อิสท์ ไฟรไฮท์ ฮอยเทอ อือเบอร์เฮาพท์ เมอคลิช์?ภาษาเยอรมัน (เสรีภาพเป็นไปได้จริงหรือในวันนี้?)
- ค.ศ. 1958: Die Atomisierung der Personดี อาโทมิซีรุง แดร์ แพรซอนภาษาเยอรมัน (การแตกตัวของบุคคล)
- ค.ศ. 1961: Einbruch in die Kinderseeleไอน์บรุค อิน ดี คินเดอร์เซเลอภาษาเยอรมัน (การบุกรุกจิตวิญญาณเด็ก)
- ค.ศ. 1965: Fragmente. Aus dem Nachlass 1920-1965ฟรากเมนเทอ. เอาส์ เดม นาคลัส 1920-1965ภาษาเยอรมัน (เศษเสี้ยว. จากมรดก 1920-1965)
- ค.ศ. 1967: Nacht und Tagนาคท์ อุนด์ ทาคภาษาเยอรมัน (กลางคืนและกลางวัน)
- ค.ศ. 1970: Briefe an den Freund Karl Pflegerบรีเฟอ อัน เดน ฟรอยนด์ คาร์ล พฟเลเกอร์ภาษาเยอรมัน (จดหมายถึงเพื่อน คาร์ล พฟเลเกอร์)
- ค.ศ. 1974: Das alte Haus in Schopfheim. Aus dem Nachlassดาส อัลเทอ เฮาส์ อิน ช็อพฟ์ไฮม์. เอาส์ เดม นาคลัสภาษาเยอรมัน (บ้านเก่าในช็อพฟ์ไฮม์. จากมรดก)
- ค.ศ. 1988: Wie der letzte Teller eines Akrobatenวี แดร์ เลทซ์เทอ เทลเลอร์ ไอน์เนส อักโรบาเทนภาษาเยอรมัน (ราวกับจานสุดท้ายของนักกายกรรม)
- ค.ศ. 1989: Nach Santa Fosca. Tagebuch aus Italien.นาค ซานตา ฟอสกา. ทาเกอบุค เอาส์ อิตาเลียน.ภาษาเยอรมัน (หลังซานตาฟอสกา. บันทึกประจำวันจากอิตาลี.)
3.2. มุมมองทางปรัชญา
มักซ์ พิคาด ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักคิดแบบลัทธิเพลโตที่สำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 20 แนวคิดทางปรัชญาของเขาโดดเด่นด้วยจุดยืนที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมและมีรากฐานทางศาสนาอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวิพากษ์วิจารณ์วัฒนธรรมและทฤษฎีศิลปะ
เขามองว่าสังคมสมัยใหม่กำลังเผชิญกับปัญหาความแปลกแยกและการลดทอนความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้คนห่างเหินจากแก่นแท้ของความเป็นจริงและคุณค่าทางจิตวิญญาณ พิคาดเชื่อว่าความเงียบและใบหน้าของมนุษย์เป็นประตูสู่ความจริงอันลึกซึ้งที่ถูกละเลยในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงรบกวน เขาจึงพยายามชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการกลับคืนสู่คุณค่าดั้งเดิมและสัมผัสกับความจริงที่อยู่เหนือปรากฏการณ์ทางวัตถุ
4. การประเมินและอิทธิพล
4.1. รางวัลและการยอมรับทางวิชาการ
ในปี ค.ศ. 1952 มักซ์ พิคาด ได้รับรางวัลโยฮัน-เพเทอร์-เฮเบล ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ ผลงานของเขายังได้รับการยกย่องจากนักปรัชญาคนสำคัญหลายท่าน เช่น กาเบรียล มาร์แซล ซึ่งได้เขียนคำนำให้กับฉบับแปลภาษาฝรั่งเศสของหนังสือ Die Welt des Schweiling และเอ็มมานูเอล เลวินัส นักปรัชญาชาวลิทัวเนีย-ฝรั่งเศส ก็ได้กล่าวชื่นชมผลงานของพิคาดในคอลเลกชัน Noms propresโนม ปรอปร์ภาษาฝรั่งเศส (ชื่อเฉพาะ) ของเขาในปี ค.ศ. 1976
4.2. อิทธิพลในภายหลัง
แนวคิดและผลงานของมักซ์ พิคาด มีอิทธิพลต่อวงการปรัชญาและศิลปะในยุคต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักคิดที่วิพากษ์วิจารณ์ผลกระทบของความทันสมัยและแสวงหาความหมายทางจิตวิญญาณในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป งานเขียนของเขายังคงเป็นแหล่งอ้างอิงสำคัญสำหรับผู้ที่ศึกษาลัทธิเพลโต, ทฤษฎีศิลปะ และปรัชญาวัฒนธรรม
5. การถึงแก่กรรม
มักซ์ พิคาด ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1965 ที่เมืองโซเรนโก สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตลูการ์โน และใกล้กับเมืองเนกจิโอ