1. Overview
เออร์เนสโต มาร์เซล (Ernesto Marcelเออร์เนสโต มาร์เซลภาษาอังกฤษ) (23 พฤษภาคม ค.ศ. 1948 - 29 มิถุนายน ค.ศ. 2020) เป็นนักมวยอาชีพชาวปานามาผู้แข่งขันในระหว่างปี ค.ศ. 1966 ถึง ค.ศ. 1974 เขาเคยครองตำแหน่งWBA รุ่นเฟเธอร์เวท ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 ถึง ค.ศ. 1974 และเคยท้าชิงตำแหน่งWBC รุ่นเฟเธอร์เวทในปี ค.ศ. 1971 มาร์เซลเป็นที่รู้จักจากการเป็นหนึ่งในนักมวยเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่อำลาวงการในฐานะแชมป์โลกที่ยังครองตำแหน่งอยู่
2. Early life and background
q=Panama|position=right
2.1. Birth and childhood
เออร์เนสโต มาร์เซล เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1948 ที่ประเทศปานามา รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในวัยเด็กของเขาไม่ได้ถูกระบุไว้มากนักในข้อมูล แต่เขาก็ได้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักมวยอาชีพในวัยรุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966
3. Professional boxing career
เออร์เนสโต มาร์เซล เริ่มต้นอาชีพนักมวยอาชีพของเขาในวัยรุ่น และพัฒนาฝีมือจนสามารถท้าชิงตำแหน่งแชมป์โลกได้ในที่สุด โดยประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ WBA รุ่นเฟเธอร์เวท และยังคงตำแหน่งแชมป์จนกระทั่งอำลาวงการ
3.1. Early career
มาร์เซลเปิดตัวในฐานะนักมวยอาชีพในปี ค.ศ. 1966 ในช่วงต้นอาชีพ เขาสร้างสถิติการชก 31 ชนะ 3 แพ้ 1 เสมอ ซึ่งรวมถึงการเอาชนะน็อกเบอร์นาร์โด คาราบาโย (Bernardo Caraballoเบอร์นาร์โด คาราบาโยภาษาอังกฤษ) ในยกที่สอง ผู้ที่เคยขึ้นชกชิงตำแหน่งแชมป์โลกกับไฟติง ฮาราดะ (Fighting Haradaไฟติง ฮาราดะภาษาอังกฤษ) และเอเดอร์ โชเฟร (Éder Jofreเอเดอร์ โชเฟรภาษาอังกฤษ) มาก่อน นอกจากนี้ เขายังเคยพ่ายแพ้จากการน็อกทางเทคนิคในยกที่สิบให้กับโรเบร์โต ดูรัน (Roberto Duránโรเบร์โต ดูรันภาษาอังกฤษ) ซึ่งยังอยู่ในช่วงต้นอาชีพ โดยนับเป็นการพ่ายแพ้จากการถูกหยุดชกเพียงครั้งเดียวในอาชีพของมาร์เซล
3.2. World title challenges and WBA championship
เส้นทางสู่ตำแหน่งแชมป์โลกของเออร์เนสโต มาร์เซล ได้แก่การท้าชิงตำแหน่งแชมป์ WBC และประสบความสำเร็จในการคว้าตำแหน่งแชมป์ WBA รุ่นเฟเธอร์เวท พร้อมทั้งป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายครั้ง
3.2.1. WBC Featherweight title challenge
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1971 มาร์เซลได้เผชิญหน้ากับคุเนียกิ ชิบาตะ (柴田国明คุเนียกิ ชิบาตะภาษาญี่ปุ่น) (Kuniaki Shibataคุเนียกิ ชิบาตะภาษาอังกฤษ) แชมป์WBC รุ่นเฟเธอร์เวท ในมัตสึยามะ ประเทศญี่ปุ่น ณ เวทีพิเศษสนามรักบี้จังหวัดเอฮิเมะ ในขณะนั้น มาร์เซลได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นนักมวยที่มีรูปร่างสูง มีความเร็ว และมีความสามารถในการวางแผนการชกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขาสามารถปิดกั้นพลังหมัดที่แข็งแกร่งของชิบาตะได้อย่างชาญฉลาด แต่ผลการแข่งขันจบลงด้วยการเสมอ ทำให้ชิบาตะยังคงครองตำแหน่งแชมป์ไว้ได้
3.2.2. WBA Featherweight champion
ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา มาร์เซลได้เอาชนะอันโตนิโอ โกเมซ (Antonio Gómezอันโตนิโอ โกเมซภาษาอังกฤษ) ซึ่งเคยคว้าตำแหน่งมาจากโชโซ ไซโจ (西城正三โชโซ ไซโจภาษาญี่ปุ่น) เพื่อคว้าตำแหน่งแชมป์WBA รุ่นเฟเธอร์เวทได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1972 หลังจากนั้น เขาก็ประสบความสำเร็จในการป้องกันตำแหน่งถึง 4 ครั้ง โดยหนึ่งในการป้องกันตำแหน่งที่โดดเด่นคือการเอาชนะเนโมโตะ ชิเงมิตสึ (根本重光เนโมโตะ ชิเงมิตสึภาษาญี่ปุ่น) (Spider Nemotoเนโมโตะ ชิเงมิตสึภาษาอังกฤษ) นักมวยชาวญี่ปุ่น
3.3. Retirement as champion
การป้องกันตำแหน่งครั้งที่สี่และครั้งสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1974 โดยเป็นการเผชิญหน้ากับอเล็กซิส อาร์เกลโล (Alexis Argüelloอเล็กซิส อาร์เกลโลภาษาอังกฤษ) ผู้ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นแชมป์โลกผู้โด่งดัง มาร์เซลเป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนเอกฉันท์หลังจากชกครบ 15 ยก หลังจากศึกครั้งนั้น มาร์เซลได้ประกาศอำลาวงการมวย การตัดสินใจนี้เป็นไปตามความปรารถนาของมารดา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักมวยเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่สามารถอำลาวงการในฐานะแชมป์โลกที่ยังครองตำแหน่งอยู่
4. Overall fight record
ในอาชีพนักมวยอาชีพ เออร์เนสโต มาร์เซล มีสถิติการชกทั้งหมดดังนี้:
- การชกทั้งหมด: 47 ครั้ง
- ชนะ: 41 ครั้ง (น็อก 24 ครั้ง)
- แพ้: 4 ครั้ง
- เสมอ: 2 ครั้ง
ตามข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษ สถิติของเขาเมื่ออำลาวงการคือ 40 ชนะ 4 แพ้ 2 เสมอ
5. Death
เออร์เนสโต มาร์เซล เสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2020 ไม่มีการระบุสถานที่และสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเขาในข้อมูลที่เปิดเผย
6. Legacy and evaluation
เออร์เนสโต มาร์เซล ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ในวงการมวยจากการเป็นหนึ่งในนักมวยไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่สามารถอำลาวงการได้ในขณะที่ยังคงเป็นแชมป์โลก การป้องกันตำแหน่งครั้งสุดท้ายของเขาที่เอาชนะอเล็กซิส อาร์เกลโล ผู้ที่จะกลายเป็นยอดนักมวยในภายหลัง ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่โดดเด่นและได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ
6.1. Significance of retirement
การอำลาวงการของเออร์เนสโต มาร์เซล ในฐานะแชมป์โลกที่ยังคงครองตำแหน่งอยู่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์มวย เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จสูงสุดของนักมวยที่สามารถตัดสินใจเลิกชกในขณะที่ยังอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ โดยไม่มีความพ่ายแพ้หรือการเสียตำแหน่งเป็นเครื่องหมายปิดท้าย