1. ภาพรวม
เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ (Abram Nicholas Pritzkerเอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) เป็นนักธุรกิจและทนายความชาวอเมริกันผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างรากฐานของอาณาจักรธุรกิจตระกูลพริตซ์เกอร์ เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูลพริตซ์เกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐอเมริกา พริตซ์เกอร์เริ่มต้นอาชีพในฐานะทนายความ ก่อนที่จะผันตัวไปสู่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนาดเล็ก ร่วมกับพี่น้องของเขา ซึ่งนำไปสู่การสะสมความมั่งคั่งมหาศาล นอกจากความสำเร็จทางธุรกิจแล้ว เขายังเป็นที่รู้จักจากกิจกรรมเพื่อการกุศล โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านการศึกษาและการแพทย์ ซึ่งสะท้อนถึงปณิธานของครอบครัวในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และมรดกของเขาได้ส่งต่อผ่านบุตรชายและหลานที่ขยายอาณาจักรธุรกิจไปทั่วโลก เช่น โรงแรมไฮแอท และ มาร์มอนกรุ๊ป รวมถึงการมีบทบาทสำคัญในการเมืองและศิลปะ
2. ภูมิหลังครอบครัว
เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ มีภูมิหลังครอบครัวที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนถึงเรื่องราวการอพยพและการสร้างตัวในสหรัฐอเมริกา
2.1. บิดามารดาและการอพยพ
เอบรัมเป็นบุตรชายของผู้อพยพชาวยิวจากยูเครน คือ นิโคลัส เจ. พริตซ์เกอร์ (Nicholas J. Pritzkerนิโคลัส เจ. พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) และแอนนี่ พี. พริตซ์เกอร์ (Annie P. Pritzkerแอนนี่ พี. พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) นามสกุลเดิมโคห์น (Cohnโคห์นภาษาอังกฤษ) บิดาของเขา นิโคลัส ได้เดินทางออกจากเคียฟ (Kyivเคียฟภาษายูเครน) ในปี ค.ศ. 1881 เพื่อมายังชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงแรกของการตั้งรกราก นิโคลัสทำงานเป็นเภสัชกร ก่อนที่จะศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยกฎหมายมหาวิทยาลัยเดอพอล (DePaul University College of Lawวิทยาลัยกฎหมายมหาวิทยาลัยเดอพอลภาษาอังกฤษ) และผันตัวมาเป็นทนายความ นิโคลัส เจ. พริตซ์เกอร์ ได้เขียนหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่สืบทอดกันมาในตระกูล ซึ่งมีเนื้อหาหลักว่า "ความเป็นอมตะเพียงอย่างเดียวของท่านคือผลกระทบที่ท่านมีต่อผู้สืบทอด" แนวคิดนี้ได้กลายเป็นหลักปรัชญาสำคัญที่ชี้นำการดำเนินชีวิตและธุรกิจของตระกูลพริตซ์เกอร์ในรุ่นต่อ ๆ มา
3. ชีวิตและการศึกษา
เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ ได้รับการศึกษาที่ดีและเริ่มต้นอาชีพทนายความในสำนักงานกฎหมายของบิดา ก่อนที่จะขยายบทบาทไปสู่การลงทุนทางธุรกิจ
3.1. วัยเด็กและการศึกษา
เอบรัมเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมศึกษาวิคเกอร์พาร์ค (Wicker Park Elementary Schoolวิคเกอร์พาร์คภาษาอังกฤษ) ในวัยเด็ก ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนประถมศึกษาเอ.เอ็น. พริตซ์เกอร์ (A.N. Pritzker Elementary Schoolเอ.เอ็น. พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา หลังจากจบการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เขามุ่งมั่นศึกษาต่อด้านกฎหมายและสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ด (Harvard Law Schoolโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ดภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาด้านกฎหมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
3.2. การเริ่มต้นอาชีพทนายความ
หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมาย เอบรัมได้เข้าร่วมทำงานในสำนักงานกฎหมายของบิดา คือ พริตซ์เกอร์ แอนด์ พริตซ์เกอร์ (Pritzker & Pritzkerพริตซ์เกอร์ แอนด์ พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) ร่วมกับพี่ชายของเขา แฮร์รี นิโคลัส พริตซ์เกอร์ (Harry Nicholas Pritzkerแฮร์รี นิโคลัส พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) และน้องชาย แจ็ค นิโคลัส พริตซ์เกอร์ (Jack Nicholas Pritzkerแจ็ค นิโคลัส พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) พี่น้องแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยแฮร์รีเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาญา เอบรัม (หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็บ หรือ เอ.เอ็น.) เชี่ยวชาญด้านกฎหมายธุรกิจ และแจ็คเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ การแบ่งความเชี่ยวชาญนี้ช่วยให้สำนักงานกฎหมายของครอบครัวสามารถให้บริการทางกฎหมายได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
4. กิจการและการสร้างความมั่งคั่ง
เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจกฎหมายไปสู่การลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การสร้างความมั่งคั่งมหาศาลให้กับตระกูล
4.1. การดำเนินงานสำนักงานกฎหมาย
แม้ว่าเอบรัมจะผันตัวไปสู่ธุรกิจอื่นในภายหลัง แต่สำนักงานกฎหมายพริตซ์เกอร์ แอนด์ พริตซ์เกอร์ ยังคงดำเนินงานต่อไปภายใต้การบริหารของพี่ชายของเขา แฮร์รี สำนักงานแห่งนี้ได้พัฒนาไปสู่การเป็นสำนักงานกฎหมายภายใน (in-house firm) ที่ให้บริการเฉพาะความต้องการทางกฎหมายของตระกูลพริตซ์เกอร์และธุรกิจของพวกเขาเท่านั้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.2. อสังหาริมทรัพย์และการลงทุน
ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เอบรัมได้ตัดสินใจออกจากวงการกฎหมายและเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะนักลงทุน เขาได้ร่วมมือกับน้องชาย แจ็ค ในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนาดเล็ก โดยเน้นการลงทุนในพื้นที่ชิคาโกเป็นหลัก การลงทุนเหล่านี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้พี่น้องพริตซ์เกอร์สามารถสะสมความมั่งคั่งจำนวนมหาศาลได้
4.3. การบริหารจัดการทรัพย์สินผ่านทรัสต์
เพื่อปกป้องทรัพย์สินที่สะสมได้จากภาษี และเพื่อให้การกระจายทรัพย์สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตระกูลพริตซ์เกอร์ได้ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการทรัพย์สินผ่านทรัสต์ (trusts) หลายรูปแบบ ระบบทรัสต์นี้ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการและจัดสรรเงินทุนได้อย่างอิสระตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความมั่งคั่งของตระกูลเติบโตและคงอยู่ข้ามรุ่น
5. กิจกรรมเพื่อการกุศล
เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อสังคมและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณกุศลอย่างมาก โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านการศึกษาและการแพทย์
5.1. การสนับสนุนด้านการศึกษา
เอบรัมให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างมาก เขาได้จัดตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อสนับสนุนโรงเรียนประถมศึกษาวิคเกอร์พาร์ค (Wicker Park Elementary Schoolวิคเกอร์พาร์คภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เขาเคยศึกษาในวัยเด็ก เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณูปการของเขา โรงเรียนแห่งนี้จึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนประถมศึกษาเอ.เอ็น. พริตซ์เกอร์ (A.N. Pritzker Elementary Schoolเอ.เอ็น. พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ)
5.2. การสนับสนุนด้านการแพทย์
นอกจากการศึกษาแล้ว เอบรัมยังให้การสนับสนุนทางการแพทย์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการให้เงินทุนแก่คณะแพทยศาสตร์พริตซ์เกอร์ (Pritzker School of Medicineคณะแพทยศาสตร์พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) ของมหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicagoมหาวิทยาลัยชิคาโกภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมในการพัฒนาความก้าวหน้าทางการแพทย์และสาธารณสุข
6. ชีวิตส่วนตัวและทายาท
เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ มีบุตรชายสามคน ซึ่งได้สืบทอดและขยายอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก รวมถึงทายาทรุ่นหลังที่สร้างชื่อเสียงในหลากหลายสาขา
6.1. บุตรและธุรกิจครอบครัว
เอบรัมมีบุตรชายสามคน ได้แก่ เจย์ พริตซ์เกอร์ (Jay Pritzkerเจย์ พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ), โรเบิร์ต พริตซ์เกอร์ (Robert Pritzkerโรเบิร์ต พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) และโดนัลด์ พริตซ์เกอร์ (Donald Pritzkerโดนัลด์ พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) บุตรชายทั้งสามได้สานต่อและขยายธุรกิจของครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 1957 พวกเขาได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมไฮแอทเฮาส์ (Hyatt House hotelไฮแอทเฮาส์ภาษาอังกฤษ) ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและรากฐานสำคัญของเครือโรงแรมไฮแอท (Hyattไฮแอทภาษาอังกฤษ) ที่เติบโตเป็นกลุ่มโรงแรมระดับโลกในปัจจุบัน
โรเบิร์ต พริตซ์เกอร์ บุตรชายคนหนึ่งของเอบรัม ได้สร้างกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่เรียกว่า มาร์มอนกรุ๊ป (Marmon Groupมาร์มอนกรุ๊ปภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นการรวมตัวของบริษัทผู้ผลิตจำนวนมาก มาร์มอนกรุ๊ปมีความหลากหลายทางธุรกิจอย่างมาก ตั้งแต่ธุรกิจไม้แปรรูปไปจนถึงรถไฟขนส่งสินค้า และสินค้าจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ครั้งหนึ่งมาร์มอนกรุ๊ปเคยคิดเป็นครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งทั้งหมดของตระกูลพริตซ์เกอร์ ต่อมาในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2007 ได้มีการประกาศว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffettวอร์เรน บัฟเฟตต์ภาษาอังกฤษ) ผ่านบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ (Berkshire Hathawayเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ภาษาอังกฤษ) จะเข้าซื้อหุ้น 60% ของมาร์มอนกรุ๊ปจากตระกูลพริตซ์เกอร์เป็นมูลค่า 4.50 B USD นอกจากนี้ ตระกูลพริตซ์เกอร์ยังถือหุ้นใหญ่ในรอยัลแคริบเบียนอินเตอร์เนชันแนล (Royal Caribbean Internationalรอยัลแคริบเบียนอินเตอร์เนชันแนลภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือสำราญชั้นนำอีกด้วย บริษัททรานส์ยูเนียน (TransUnionทรานส์ยูเนียนภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นหน่วยงานรายงานข้อมูลเครดิตผู้บริโภค ก็เคยเป็นบริษัทในเครือของมาร์มอนกรุ๊ปจนกระทั่งเดือนมกราคม ค.ศ. 2005 จึงได้แยกตัวออกมาเป็นบริษัทอิสระ
6.2. ทายาทที่มีชื่อเสียง
ทายาทรุ่นหลานของเอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ หลายคนได้สร้างชื่อเสียงในสาขาอาชีพที่หลากหลาย หนึ่งในหลานสาวของเขาคือลีเซล พริตซ์เกอร์ (Liesel Pritzkerลีเซล พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นนักแสดง อีกคนหนึ่งคือเพนนี พริตซ์เกอร์ (Penny Pritzkerเพนนี พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิการสหรัฐ ส่วนหลานชายคนหนึ่งคือแดเนียล พริตซ์เกอร์ (Daniel Pritzkerแดเนียล พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) ผู้ก่อตั้งวงดนตรีโซเนีย ดาดา (Sonia Dadaโซเนีย ดาดาภาษาอังกฤษ) จากชิคาโก และหลานชายอีกคนหนึ่งคือ เจ.บี. พริตซ์เกอร์ (J. B. Pritzkerเจ.บี. พริตซ์เกอร์ภาษาอังกฤษ) ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จากพรรคพรรคเดโมแครตในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2018 โดยเข้ารับตำแหน่งแทนบรูซ ราวน์เนอร์ (Bruce Raunerบรูซ ราวน์เนอร์ภาษาอังกฤษ) จากพรรคพรรคริพับลิกัน
7. มรดกและอิทธิพล
มรดกและอิทธิพลของเอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ และตระกูลของเขามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งภาคธุรกิจและสังคมโดยรวม
7.1. การก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจ
เอบรัมและพี่น้องของเขาได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจอันกว้างใหญ่ของตระกูลพริตซ์เกอร์ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนาดเล็กของเขาได้เติบโตและขยายตัวอย่างมหาศาลภายใต้การนำของบุตรชายและทายาทรุ่นหลัง ธุรกิจสำคัญอย่างโรงแรมไฮแอท (Hyatt Hotelsโรงแรมไฮแอทภาษาอังกฤษ) ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมโรงแรมและการบริการ ส่วนมาร์มอนกรุ๊ป (Marmon Groupมาร์มอนกรุ๊ปภาษาอังกฤษ) ได้กลายเป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสมัยใหม่ การสร้างอาณาจักรธุรกิจที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหารจัดการของตระกูลพริตซ์เกอร์
7.2. การมีส่วนร่วมทางสังคม
นอกเหนือจากความสำเร็จทางธุรกิจแล้ว เอบรัม นิโคลัส พริตซ์เกอร์ ยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมผ่านกิจกรรมเพื่อการกุศล การสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญของเขาต่อคณะแพทยศาสตร์พริตซ์เกอร์ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก และการจัดตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อโรงเรียนประถมศึกษาเอ.เอ็น. พริตซ์เกอร์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน การลงทุนในด้านการศึกษาและการแพทย์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับมาตรฐานของสถาบันเหล่านั้น แต่ยังสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชุมชนและสังคมโดยรวม ซึ่งเป็นมรดกที่สำคัญและยั่งยืนของเขา