1. ภาพรวม
เอนริเก กวยตา (Enrique Guaitaเอน-รี-เก กวาย-ตาภาษาสเปน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอนริโก กวยตา (Enrico Guaitaเอน-รี-โก กวาย-ตาภาษาอิตาลี) เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาเชื้อสายอิตาลีผู้มากความสามารถ ซึ่งเล่นในตำแหน่งกองหน้าและสร้างชื่อเสียงโดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา กวยตาได้เล่นให้กับสโมสรชั้นนำในอาร์เจนตินาอย่างเอสตูเดียนเตส และราซิง คลับ รวมถึงประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเอเอส โรมาในประเทศอิตาลี ที่ซึ่งเขาได้รับฉายาว่า โจรสลัดดำ หรือ อิล คอร์ซาโร เนโร (Il Corsaro Neroอิล คอร์-ซา-โร เน-โรภาษาอิตาลี). เขายังเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลไม่กี่คนที่มีโอกาสลงเล่นให้กับทั้งทีมชาติอาร์เจนตินาและทีมชาติอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1934 และทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1937 ความสามารถและความสำเร็จของเขาได้ทิ้งมรดกอันสำคัญไว้ในวงการฟุตบอลอาร์เจนตินาและอิตาลี
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
เอนริเก กวยตาเกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1910 ที่ลูคัส กอนซาเลส ในเอนเตรริโอส ประเทศอาร์เจนตินา
3. สโมสรอาชีพ
กวยตาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอลของเขาในประเทศอาร์เจนตินากับสโมสรเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตา และราซิง คลับ แต่เขาก็ยังได้เดินทางไปเล่นในประเทศอิตาลีกับสโมสรเอเอส โรมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จสูงสุด
3.1. เอสตูเดียนเตสและช่วงต้นอาชีพ
กวยตาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสรเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตา ที่ซึ่งเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวรุกที่มีชื่อเสียงซึ่งรู้จักกันในฉายาว่า กลุ่มศาสตราจารย์ หรือ ลอส โปรเฟโซเรส (Los Profesoresลอส โปร-เฟ-โซ-เรสภาษาสเปน) แนวรุกนี้ได้รับการจดจำอย่างกว้างขวางในเรื่องความสามารถในการทำประตูและรูปแบบการเล่นที่น่าประทับใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จในช่วงต้นอาชีพของเขา
3.2. ย้ายไปอิตาลีและโรมา
ในปี ค.ศ. 1933 กวยตาได้ย้ายไปยังประเทศอิตาลีและเริ่มต้นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในอาชีพของเขากับสโมสรเอเอส โรมา เขาลงเล่นให้กับโรมาเป็นเวลาสองฤดูกาล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 ถึง ค.ศ. 1935 โดยในช่วงฤดูกาล 1934-35 เขาสร้างสถิติเป็นผู้ทำประตูสูงสุด (Capocannoniere) ของเซเรียอาด้วยการยิงไปถึง 28 ประตู ความสามารถที่โดดเด่นของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่า โจรสลัดดำ หรือ อิล คอร์ซาโร เนโร (Il Corsaro Neroอิล คอร์-ซา-โร เน-โรภาษาอิตาลี) อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1936 ด้วยความเกรงว่าอาจถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพอิตาลีในสถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียด เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปยังอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สะท้อนถึงการเลือกเสรีภาพส่วนบุคคลในยุคที่ผู้คนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากรัฐ
3.3. กลับสู่อาร์เจนตินาและเกษียณ
หลังจากกลับมายังอาร์เจนตินาในปี ค.ศ. 1936 กวยตาได้กลับไปเล่นให้กับสโมสรราซิง คลับ ก่อนที่จะย้ายกลับไปยังสโมสรเก่าของเขาคือเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตาอีกครั้ง เขาเล่นให้กับสโมสรเหล่านี้จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาลปี ค.ศ. 1939 ซึ่งเป็นปีที่เขาตัดสินใจเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ
4. อาชีพระดับทีมชาติ
เอนริเก กวยตาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสได้เป็นตัวแทนของทั้งทีมชาติอาร์เจนตินาและทีมชาติอิตาลีในระดับนานาชาติ ก่อนที่จะมีการห้ามการเล่นให้กับหลายทีมชาติพร้อมกัน
เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา 4 นัดและยิงได้ 1 ประตู โดยความสำเร็จที่สำคัญที่สุดกับทีมชาติอาร์เจนตินาคือการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1937
ส่วนกับทีมชาติอิตาลี เขาลงเล่นไป 10 นัดและยิงได้ 5 ประตู และเป็นส่วนสำคัญของทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1934 ซึ่งจัดขึ้นบนแผ่นดินแม่ของอิตาลี ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลโลกครั้งนั้น เขายิงประตูชัยเพียงประตูเดียวในนาทีที่ 19 ของเกม ทำให้ทีมชาติอิตาลีเอาชนะทีมชาติออสเตรียไป 1-0 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปกลาง 1933-35 (Central European International Cup) กับทีมชาติอิตาลีอีกด้วย
5. เกียรติประวัติ
เอนริเก กวยตาได้รับรางวัลและเกียรติประวัติมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลของเขา ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
5.1. ระดับทีมชาติ
- ฟุตบอลโลก: 1934 (กับ ทีมชาติอิตาลี)
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปกลาง: 1933-35 (กับ ทีมชาติอิตาลี)
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้: 1937 (กับ ทีมชาติอาร์เจนตินา)
5.2. ระดับบุคคล
- ผู้ทำประตูสูงสุดในเซเรียอา (Capocannoniere): 1934-35 (28 ประตู)
- ทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก: 1934
6. การเสียชีวิต
เอนริเก กวยตาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1959 ที่บายา บลังกา ในบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ด้วยวัยเพียง 48 ปี
7. มรดกและการตอบรับ
เอนริเก กวยตาได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในกองหน้าที่โดดเด่นที่สุดในยุคของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความสามารถในการทำประตูที่ยอดเยี่ยมและความสำเร็จในระดับนานาชาติที่หาได้ยาก การที่เขาสามารถลงเล่นให้กับทีมชาติชั้นนำถึงสองประเทศและคว้าแชมป์รายการใหญ่ทั้งฟุตบอลโลกกับอิตาลีและโกปาอาเมริกากับอาร์เจนตินานั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสามารถที่เหนือชั้นและความหลากหลายทางเชื้อชาติที่เพิ่มขึ้นในวงการฟุตบอลยุคแรก ๆ ในขณะที่การตัดสินใจของเขาที่จะเดินทางกลับอาร์เจนตินาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในอิตาลีนั้นอาจถูกมองว่าเป็นทางเลือกส่วนบุคคลที่สำคัญ ซึ่งเน้นย้ำถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกเส้นทางชีวิตของแต่ละบุคคลในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความผันผวนทางการเมือง มรดกของเขาในวงการฟุตบอลยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เล่นและแฟนบอลจำนวนมากในเรื่องความมุ่งมั่นและความสำเร็จบนสนามแข่งขัน