1. ชีวิต
โฮเซ เปโดร เซอา อูร์ริซา มีชีวิตที่โดดเด่นทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้ฝึกสอน โดยมีภูมิหลังครอบครัวและจุดเริ่มต้นอาชีพที่น่าสนใจ
1.1. การเกิดและภูมิหลัง
โฮเซ เปโดร เซอา เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1900 ที่เมืองเรดอนเดลา ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสเปน เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในอุรุกวัยและเป็นที่รู้จักในฐานะกองหน้าที่มีความสามารถ
2. อาชีพนักฟุตบอล
เซอาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในปี ค.ศ. 1922 และเป็นที่รู้จักในฐานะกองหน้าตัวฉกาจที่ทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุคทองของฟุตบอลอุรุกวัย

2.1. อาชีพกับสโมสร
เซอาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสร เซนตรัล อัตเลติโก ลิโต (Central Atletico Lito) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1922 ถึง ค.ศ. 1927 โดยลงสนามไป 231 นัดและทำได้ 111 ประตู ในปี ค.ศ. 1928 เขาย้ายไปร่วมทีม เบลลา วิสตา (Bella Vista) และลงเล่น 26 นัด ทำได้ 17 ประตู ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมนาซิอองนาล (Club Nacional de Football) ในปี ค.ศ. 1929 และอยู่กับสโมสรจนถึงปี ค.ศ. 1934 หรือบางแหล่งข้อมูลระบุว่าถึงปี ค.ศ. 1935 ที่นาซิอองนาล เขาลงสนามไป 325 นัดและทำได้ 138 ประตู (หรือ 128 ประตูตามบางแหล่งข้อมูล) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ปริเมราดิบิซิออนอุรุกวัยถึง 2 สมัยติดต่อกันในปี ค.ศ. 1933 และ ค.ศ. 1934 นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ตอร์เนโอคอมเปเตนเซีย (Torneo Competencia) ในปี ค.ศ. 1934 ตลอดอาชีพค้าแข้งในระดับสโมสร เขาลงสนามรวม 582 นัด และทำได้ 266 ประตู
2.2. อาชีพกับทีมชาติ
เซอาประเดิมสนามให้กับฟุตบอลทีมชาติอุรุกวัยในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1923 เขามีบทบาทสำคัญในทีมชาติอุรุกวัยที่คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1923 (ปัจจุบันคือโกปาอาเมริกา) โดยทำประตูแรกในระดับนานาชาติในนัดที่สองของรายการกับบราซิล ในปีต่อมา เซอาช่วยให้อุรุกวัยคว้าแชมป์ระดับทวีปเป็นสมัยที่สองติดต่อกันในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1924
เขายังคว้าเหรียญทองฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อนถึงสองครั้งในโอลิมปิกฤดูร้อน 1924 ที่ปารีส และโอลิมปิกฤดูร้อน 1928 ที่อัมสเตอร์ดัม โดยทำได้รวม 5 ประตูจากการแข่งขันทั้งสองครั้ง
เซอาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของอุรุกวัยในฟุตบอลโลก 1930 ซึ่งจัดขึ้นในบ้านเกิดของเขา โดยทำได้ 5 ประตู เขายิงประตูตีเสมอที่สำคัญในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1930 นัดชิงชนะเลิศ กับอาร์เจนตินา ทำให้สกอร์เป็น 2-2 ในนาทีที่ 57 ก่อนที่อุรุกวัยจะชนะไป 4-2 และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลรองเท้าเงินฟุตบอลโลก และติดทีมรวมดาราฟุตบอลโลก 1930 อีกด้วย
เซอาลงเล่นนัดสุดท้ายในระดับนานาชาติในปี ค.ศ. 1932 โดยลงสนามให้กับ "ลาเซเลสเต" (ฉายาของทีมชาติอุรุกวัย) ไปทั้งหมด 26 หรือ 27 นัด และทำได้ 13 ประตู
3. อาชีพผู้ฝึกสอน
หลังจากแขวนสตั๊ด เซอาผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนและได้คุมทีมชาติอุรุกวัยในปี ค.ศ. 1941 และ ค.ศ. 1942 เขานำทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1942 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สำคัญในอาชีพผู้ฝึกสอนของเขา
4. สถิติ
สถิติการลงสนามและทำประตูของโฮเซ เปโดร เซอาในระดับนานาชาติแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอและบทบาทสำคัญของเขาในทีมชาติอุรุกวัย
4.1. สถิติการลงสนามและประตูในระดับนานาชาติ
| ทีมชาติ | ปี | การลงสนาม | ประตู |
|---|---|---|---|
| อุรุกวัย | 1923 | 3 | 1 |
| 1924 | 10 | 6 | |
| 1925 | 0 | 0 | |
| 1926 | 0 | 0 | |
| 1927 | 1 | 0 | |
| 1928 | 5 | 1 | |
| 1929 | 2 | 0 | |
| 1930 | 4 | 5 | |
| 1931 | 0 | 0 | |
| 1932 | 1 | 0 | |
| รวม | 26 | 13 | |
4.2. รายละเอียดประตูในระดับนานาชาติ
ประตูของอุรุกวัยขึ้นก่อน
| # | วันที่ | สนาม | คู่แข่ง | สกอร์ | ผลการแข่งขัน | รายการ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 1. | 25 พฤศจิกายน 1923 | เอสตาดิโอ กราน ปาร์เก เซนตรัล, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | บราซิล | 2-1 | 2-1 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1923 |
| 2. | 26 พฤษภาคม 1924 | สตาดอแล็งปิกอีฟว์-ดูว์-มานัวร์, กอลอมบ์, ฝรั่งเศส | ยูโกสลาเวีย | 4-0 | 7-0 | ฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1924 |
| 3. | 7-0 | |||||
| 4. | 6 มิถุนายน 1924 | สตาดอแล็งปิกอีฟว์-ดูว์-มานัวร์, กอลอมบ์, ฝรั่งเศส | เนเธอร์แลนด์ | 1-1 | 2-1 | |
| 5. | 9 มิถุนายน 1924 | สตาดอแล็งปิกอีฟว์-ดูว์-มานัวร์, กอลอมบ์, ฝรั่งเศส | สวิตเซอร์แลนด์ | 2-0 | 3-0 | ฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1924 นัดชิงเหรียญทอง |
| 6. | 2 ตุลาคม 1924 | เอสตาดิโอ บาร์รากัส, บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา | อาร์เจนตินา | 1-1 | 1-2 | การแข่งขันกระชับมิตร |
| 7. | 26 ตุลาคม 1924 | เอสตาดิโอ กราน ปาร์เก เซนตรัล, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | ปารากวัย | 3-0 | 3-1 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ 1924 |
| 8. | 7 มิถุนายน 1928 | โอลิมปิกสเตเดียม, อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ | อิตาลี | 1-1 | 3-2 | ฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1928 |
| 9. | 21 กรกฎาคม 1930 | เอสตาดิโอเซนเตนาริโอ, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | โรมาเนีย | 4-0 | 4-0 | ฟุตบอลโลก 1930 |
| 10. | 27 กรกฎาคม 1930 | เอสตาดิโอเซนเตนาริโอ, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | ยูโกสลาเวีย | 1-1 | 6-1 | |
| 11. | 5-1 | |||||
| 12. | 6-1 | |||||
| 13. | 30 กรกฎาคม 1930 | เอสตาดิโอเซนเตนาริโอ, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | 2-2 | 4-2 | ฟุตบอลโลก 1930 นัดชิงชนะเลิศ |
5. รางวัลและเกียรติประวัติ
โฮเซ เปโดร เซอา ได้รับรางวัลและเกียรติประวัติมากมายตลอดอาชีพของเขา ทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้ฝึกสอน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขาในวงการฟุตบอล
5.1. รางวัลในฐานะนักฟุตบอล
ในฐานะนักฟุตบอล เซอาประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ
5.1.1. รางวัลระดับสโมสร
- ปริเมราดิบิซิออนอุรุกวัย (กับ นาซิอองนาล): ค.ศ. 1933, ค.ศ. 1934
- ตอร์เนโอคอมเปเตนเซีย (กับ นาซิอองนาล): ค.ศ. 1934
5.1.2. รางวัลระดับทีมชาติ
- ฟุตบอลโลก: ค.ศ. 1930
- โกปาอาเมริกา (ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้): ค.ศ. 1923, ค.ศ. 1924
- ฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน: ค.ศ. 1924, ค.ศ. 1928
- ลิปตันคัพ (Lipton Cup): ค.ศ. 1924, ค.ศ. 1927, ค.ศ. 1929
- นิวตันคัพ (Newton Cup): ค.ศ. 1929, ค.ศ. 1930
5.2. รางวัลส่วนบุคคล
- ทีมรวมดาราฟุตบอลโลก 1930
- รองเท้าเงินฟุตบอลโลก: ค.ศ. 1930
5.3. รางวัลในฐานะผู้ฝึกสอน
- โกปาอาเมริกา (กับ ฟุตบอลทีมชาติอุรุกวัย): ค.ศ. 1942
6. การเสียชีวิต
โฮเซ เปโดร เซอา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1970 ที่มอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย ด้วยวัย 70 ปี 17 วัน
7. การประเมิน
โฮเซ เปโดร เซอา ได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุรุกวัย บทบาทของเขาในฐานะกองหน้าตัวหลักของทีมชาติในช่วงยุคทองถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จระดับโลกและระดับทวีป การทำประตูที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูตีเสมอในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1930 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการตัดสินเกมและความเป็นผู้นำของเขา ความสำเร็จในการคว้าแชมป์โกปาอาเมริกาและเหรียญทองโอลิมปิกถึงสองสมัยซ้อน ตอกย้ำสถานะของอุรุกวัยในฐานะมหาอำนาจลูกหนังในยุคนั้น และเซอาคือหัวใจสำคัญของทีมชุดประวัติศาสตร์นั้น นอกจากนี้ การที่เขาสามารถนำทีมชาติอุรุกวัยคว้าแชมป์โกปาอาเมริกาได้อีกครั้งในฐานะผู้ฝึกสอน ยิ่งเป็นการยืนยันถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเกมฟุตบอลและคุณูปการอันยาวนานที่เขามีต่อวงการฟุตบอลอุรุกวัย