1. ภาพรวม
ฮิโระ โทไน (ヒロ・トウナイHiro Tounaiภาษาญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1983) เป็นอดีตนักมวยปล้ำอาชีพชาวญี่ปุ่นจากจังหวัดโอซาก้า เป็นที่รู้จักกันดีในอาชีพของเขากับค่ายไคเอนไท โดโจ (KAIENTAI DOJO) ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งของค่ายนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 12 ปี และยังเป็นที่รู้จักจากผลงานของเขาในฐานะนักมวยปล้ำอิสระในวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น เขาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์สำคัญหลายรายการ รวมถึงแชมป์ Strongest-K Tag Team Championship และแชมป์ UWA World Middleweight Championship นอกจากนี้ เขายังมีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมการแข่งขันและทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ในโปรโมชั่นมวยปล้ำชั้นนำของญี่ปุ่น เช่น นิวเจแปนโปรเรสต์ลิง (New Japan Pro-Wrestling) และโปรเรสต์ลิงโนอาห์ (Pro Wrestling Noah) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความหลากหลายในสไตล์การต่อสู้ของเขา บทความนี้จะครอบคลุมข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตช่วงต้น อาชีพมวยปล้ำอาชีพ รูปแบบการต่อสู้ แชมป์ที่ได้รับ ตลอดจนชีวิตส่วนตัวและเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การเกษียณของเขา
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
ฮิโระ โทไน เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1983 ที่จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เขามีกรุ๊ปเลือดบี อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเปิดเผยเกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กและภูมิหลังของครอบครัวเขาค่อนข้างจำกัด
3. อาชีพมวยปล้ำอาชีพ
ฮิโระ โทไน มีเส้นทางอาชีพในวงการมวยปล้ำอาชีพที่ยาวนานและหลากหลาย โดยเริ่มต้นจากการฝึกฝนและเปิดตัวในค่ายไคเอนไท โดโจ (KAIENTAI DOJO) ก่อนที่จะขยายขอบเขตการทำงานไปยังโปรโมชั่นอื่น ๆ ทั้งในฐานะนักมวยปล้ำอิสระและนักมวยปล้ำรับเชิญในค่ายใหญ่
3.1. การเปิดตัวและกิจกรรมช่วงแรก
ฮิโระ โทไน เปิดตัวในวงการมวยปล้ำอาชีพที่ค่ายไคเอนไท โดโจ (KAIENTAI DOJO) แม้ว่าแหล่งข้อมูลจะมีวันที่เปิดตัวที่แตกต่างกันไป แหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษระบุว่าเขาเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ในอีเวนต์ K-DOJO Club-K Tour In Nagoya โดยเป็นแมตช์แท็กทีมที่เขาจับคู่กับ ซาบูโร่ อิเนมัตสึ (Saburo Inematsu) แต่พ่ายแพ้ให้กับ มิยาวากิ (Miyawaki) และ โยชิยะ (Yoshiya)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข้อมูลภาษาญี่ปุ่นระบุวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 เป็นวันเปิดตัวของเขา ที่ ไคเอนไท โดโจ ชิบะ บลูฟิลด์ (KAIENTAI DOJO Chiba Blue Field) ในการแข่งขันเดี่ยวกับทากะ มิจิโนกุ (TAKA Michinoku)
3.2. ไคเอนไท โดโจ (2006-2018)
โทไนใช้เวลา 12 ปีในอาชีพมวยปล้ำของเขากับค่ายไคเอนไท โดโจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จและมีบทบาทสำคัญหลายอย่าง ในช่วงแรกของอาชีพ เขามีบุคลิกที่เป็นเบบี้เฟซ (babyface) แต่ในปี ค.ศ. 2009 ในการแข่งขันKAIENTAI DOJO Tag League เขาได้จับคู่กับไทชิ ทาคิซาวะ (Taishi Takizawa) และสามารถคว้าชัยชนะในทัวร์นาเมนต์นี้ได้สำเร็จ
หลังจากนั้น ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน ในการแข่งขันที่โคราคุเอน ฮอลล์ (Korakuen Hall) โทไนได้ทำการฮีลเทิร์น (heel turn) โดยการหักหลังคู่แท็กทีมของเขาอย่างทาคิซาวะ และเข้าร่วมกลุ่ม MONSTER Plant ของทากะ มิจิโนกุ หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก เช่น การย้อมผมสีทอง และเปลี่ยนกางเกงมวยปล้ำจากสีแดงสั้นเป็นสีแดงยาว รวมถึงการใช้เทคนิคการต่อสู้ที่เน้นความรุนแรงมากขึ้น
ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2010 โทไนพ่ายแพ้ในแมตช์ 4-way tag team สำหรับการออกจากกลุ่มที่โคราคุเอน ฮอลล์ ซึ่งทำให้เขาต้องออกจาก MONSTER Plant หลังจากนั้นเขาได้เริ่มร่วมงานกับ มาโคโตะ โออิชิ (Makoto Oishi), ชิโอริ อาซาฮิ (Shiori Asahi) และยูกิ ซาโตะ (Yuki Sato) ซึ่งต่อมาได้ก่อตั้งกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อ Little Galaxy
ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2011 ในฐานะสมาชิกของ Little Galaxy โทไน พร้อมกับอาซาฮิและซาโตะ ได้เข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์ Chiba Six Man Tag Team Championship และสามารถคว้าแชมป์นี้ได้สำเร็จ โดยเอาชนะทีมของมารีนส์ มาสก์ (Marines Mask), คาจิ โทมาโตะ (Kaji Tomato) และไทชิ ทาคิซาวะ กลายเป็นแชมป์เปิดตัวกลุ่มแรก
ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2011 โทไนได้คว้าแชมป์ Strongest-K Tag Team Championship เป็นครั้งแรก โดยจับคู่กับเพื่อนร่วมกลุ่ม Little Galaxy อย่างยูกิ ซาโตะ เอาชนะริวอิจิ เซกิเนะ (Ryuichi Sekine) และซาบูโร่ อิเนมัตสึ เขาได้ครองแชมป์นี้อีกครั้งในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2012 โดยจับคู่กับชิโอริ อาซาฮิ เอาชนะซาบูโร่ อิเนมัตสึ และยูจิ ฮิโนะ (Yuji Hino)
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โทไนประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์เดี่ยวครั้งแรกในอาชีพ โดยเอาชนะคาจิ โทมาโตะ คว้าแชมป์ UWA World Middleweight Championship มาครองได้ นอกจากนี้ เขายังได้เข้าร่วมกลุ่ม Akutouha (赤闘覇ภาษาญี่ปุ่น) ร่วมกับไทชิ ทาคิซาวะ และโคทาโร่ โยชิโนะ (Kotaro Yoshino) โดยมีเป้าหมายในการโค่นล้มกลุ่ม Kyougetsu (凶月ภาษาญี่ปุ่น)
หลังจากการแต่งงานและการย้ายไปโอซาก้าในปี ค.ศ. 2016 โทไนยังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ KAIENTAI DOJO ที่จัดขึ้นในโอซาก้า และยังเข้าร่วมการแข่งขันกับค่ายโดตงโบริ โปรเรสต์ลิง (Dotonbori Pro Wrestling) อีกด้วย
3.3. เวทีอิสระญี่ปุ่น
นอกเหนือจากบทบาทหลักในไคเอนไท โดโจ ฮิโระ โทไน ยังเป็นที่รู้จักจากการทำงานในฐานะนักมวยปล้ำอิสระในหลายโปรโมชั่นทั่วประเทศญี่ปุ่น เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันที่มีขนาดใหญ่และน่าจดจำหลายครั้ง อาทิเช่น การแข่งขันแบทเทิลรอยัล 108 คน ในอีเวนต์ Tenka Sanbun no Kei: Ōmisoka New Year's Eve Special ซึ่งเป็นการแข่งขันข้ามโปรโมชั่นที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2009 โดยความร่วมมือระหว่าง KAIENTAI DOJO, บิ๊กเจแปนโปรเรสต์ลิง (Big Japan Pro Wrestling) และดีดีที โปรเรสต์ลิง (DDT Pro-Wrestling) แมตช์ดังกล่าวมีจุน คาไซ (Jun Kasai) เป็นผู้ชนะ และมีนักมวยปล้ำชื่อดังมากมายเข้าร่วม เช่น ธนศักดิ์ โทบะ (Thanomsak Toba), เกรท โคจิกะ (Great Kojika), ไดโกโร่ เบนเคอิ (Daikokubo Benkei), ซันชิโร่ ทาคากิ (Sanshiro Takagi), พอยซัน ซาวาดะ จูลี่ (Poison Sawada Julie), โคตะ อิบูชิ (Kota Ibushi) และเคนนี โอเมก้า (Kenny Omega) เป็นต้น
โทไนยังได้เข้าร่วมในการแข่งขันแท็กทีมขนาดใหญ่อีกครั้ง ในแมตช์แท็กทีม 74 คนจาก New Year's Eve Pro-Wrestling 2011 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้ชนะที่มีนักมวยปล้ำ 37 คน โดยเขาได้ร่วมทีมกับนักมวยปล้ำหลากหลายคน อาทิ อับดุลลาห์ โคบายาชิ (Abdullah Kobayashi), ไดสุเกะ เซกิโมโตะ (Daisuke Sekimoto), จากิ นูมาซาวะ ("Black Angel" Jaki Numazawa), เกนทาโร่ (Gentaro), ฮาราชิมะ (Harashima), ชูจิ อิชิคาวะ (Shuji Ishikawa) และคาจิ เบอร์ดอก (Kaji Burdock)
3.4. นิวเจแปนโปรเรสต์ลิง
ฮิโระ โทไน ยังได้ปรากฏตัวในค่ายนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง (New Japan Pro-Wrestling) ในฐานะนักมวยปล้ำดาวรุ่งจาก KAIENTAI DOJO โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ในอีเวนต์ NJPW Last Of CTU ซึ่งเขาได้ร่วมทีมกับแอปเปิ้ล มิยูกิ (Apple Miyuki), ไดโกโร่ คาชิวะ (Daigoro Kashiwa), ทาคุ อันซาวะ (Taku Anzawa) และเทปเปอิ อิชิซากะ (Teppei Ishizaka) ในแมตช์ที่พ่ายแพ้ให้กับกลุ่ม Control Terrorism Unit (CTU) ของจูชิน ไลเกอร์ (Jushin Liger)
หลังจากนั้น โทไนยังคงปรากฏตัวอย่างไม่ต่อเนื่องในอีเวนต์ของสาขา NEVER ของ NJPW การปรากฏตัวครั้งแรกของเขาในอีเวนต์เหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2012 ในรายการ NJPW NEVER.9 ~ Road To The Super Junior Tournament โดยเขาเอาชนะฮิโรมุ ทาคาฮาชิ (Hiromu Takahashi) ในรอบแรก สองวันต่อมาในวันที่ 15 เมษายน เขาพ่ายแพ้ให้กับมาโดกะ (Madoka) ในรอบรองชนะเลิศ
โทไนยังได้เข้าร่วมในงาน NJPW Tokyo Game Show 2012 สองคืน ในคืนแรกเมื่อวันที่ 21 กันยายน เขาจับคู่กับชิโอริ อาซาฮิ ในนาม Little Galaxy และเอาชนะริวอิจิ เซกิเนะ และซาบูโร่ อิเนมัตสึ ส่วนในวันที่ 23 กันยายน โทไนก็สามารถเอาชนะริวอิจิ เซกิเนะ ในการแข่งขันเดี่ยวได้
เขายังได้เข้าร่วมการแข่งขันแชมป์ NEVER Openweight Championship ในครั้งแรกของประวัติศาสตร์ แต่พ่ายแพ้ให้กับริวสุเกะ ทากุจิ (Ryusuke Taguchi) ในรอบแรกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012
ในปี ค.ศ. 2013 โทไนปรากฏตัวหลายครั้งในรายการ NJPW Road To The New Beginning 2013 โดยในคืนแรกเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เขาได้ร่วมทีมกับสมาชิกของกลุ่มSuzuki-gun อย่างมิโนรุ ซูซูกิ (Minoru Suzuki) และเคนโกะ มาชิโมะ (Kengo Mashimo) แต่พ่ายแพ้ให้กับกลุ่มChaos ซึ่งประกอบด้วยคาซึชิกะ โอคาดะ (Kazuchika Okada), ชินสุเกะ นากามูระ (Shinsuke Nakamura) และโทโมฮิโระ อิชิอิ (Tomohiro Ishii) ซึ่งเปิดเผยว่าโทไนได้รับการชักชวนจากทากะ มิจิโนกุ ให้เข้าร่วมกลุ่ม Suzuki-gun ในช่วงสั้นๆ การปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของเขาใน NJPW เกิดขึ้นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ที่ NJPW New Japan Road #1 โดยเขาได้ร่วมทีมกับสมาชิก Suzuki-gun อย่างเดวีย์ บอย สมิธ จูเนียร์ (Davey Boy Smith Jr.), แลนซ์ อาร์เชอร์ (Lance Archer) และทากะ มิจิโนกุ เพื่อเอาชนะเทนโคจิ (TenKoji) ซึ่งประกอบด้วยฮิโรโยชิ เทนซาน (Hiroyoshi Tenzan) และซาโตชิ โคจิมะ (Satoshi Kojima), กัปตันนิวเจแปน (Captain New Japan) และทามะ ทองก้า (Tama Tonga)
3.5. โปรเรสต์ลิงโนอาห์
ฮิโระ โทไน เปิดตัวในค่ายโปรเรสต์ลิงโนอาห์ (Pro Wrestling Noah) ด้วยการเข้าร่วมอีเวนต์สำคัญของโปรโมชั่น คือ Global Junior Heavyweight Tag League โดยเขาปรากฏตัวครั้งแรกในการแข่งขันปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเขาได้จับคู่กับชิโอริ อาซาฮิ ทั้งคู่ทำคะแนนรวมได้ 4 คะแนนในบล็อก A หลังจากเผชิญหน้ากับทีมของอัตสึชิ โคโตเกะ (Atsushi Kotoge) และไทจิ อิชิโมริ (Taiji Ishimori), อัตสึชิ อาโอกิ (Atsushi Aoki) และโคทาโร่ ซูซูกิ (Kotaro Suzuki), บ็อบบี้ ฟิช (Bobby Fish) และเอ็ดดี้ เอ็ดเวิร์ดส์ (Eddie Edwards) รวมถึงกาสตง มาเตโอ (Gastón Mateo) และไคเซอร์ (Kaiser)
ในการแข่งขันปี ค.ศ. 2013 โทไนได้ร่วมทีมกับอาซาฮิอีกครั้ง โดยอยู่ในบล็อก B และทำคะแนนรวมได้ 2 คะแนน หลังจากเผชิญหน้ากับทีมของจูชิน ธันเดอร์ ไลเกอร์ (Jushin Thunder Liger) และไทเกอร์ มาสก์ (Tiger Mask), โยชินาริ โอกาวะ (Yoshinari Ogawa) และแซ็ค เซเบอร์ จูเนียร์ (Zack Sabre Jr.), รอเดอริก สตรอง (Roderick Strong) และสเล็กซ์ (Slex) รวมถึงไดสุเกะ ฮาราดะ (Daisuke Harada) และฮิโตชิ คุมาโนะ (Hitoshi Kumano) จากการแข่งขันใน Global Junior Heavyweight Tag League ปี 2012 โทไนและอาซาฮิได้รับรางวัล Skill Award ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงทักษะและความโดดเด่นของพวกเขา
โทไนและอาซาฮิปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในการแข่งขันนี้ใน Global Junior Heavyweight Tag League ปี ค.ศ. 2014 ซึ่งพวกเขาอยู่ในบล็อก B และทำคะแนนรวมได้ 4 คะแนน หลังจากเผชิญหน้ากับทีมของไดสุเกะ ฮาราดะ และควอเธอร์ สตอร์ม (Quiet Storm), อัตสึชิ โคโตเกะ และไทจิ อิชิโมริ, ฮิโตชิ คุมาโนะ และมิตสึฮิโร่ คิตามิยะ (Mitsuhiro Kitamiya) รวมถึงจินโซ่ (Jinzo) และร็อกกี้ โลโบ (Rocky Lobo)
ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ที่อีเวนต์ NOAH One Day Cruise โทไนและอาซาฮิได้ท้าชิงแชมป์ GHC Junior Heavyweight Tag Team Championship ที่ครองโดยอัตสึชิ โคโตเกะ และไทจิ อิชิโมริ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์
3.6. โปรโมชั่นอื่น ๆ
นอกเหนือจากโปรโมชั่นหลักที่กล่าวมา ฮิโระ โทไน ยังได้เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษและโปรโมชั่นอื่น ๆ อีกด้วย หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นคือการชนะเลิศรายการ Dave Finlay Cup ซึ่งจัดโดย Wrestling New Classic (WNC) ในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2014 โดยเขาเอาชนะโคจิ โดฮิ (Koji Dohi) ในรอบชิงชนะเลิศ
4. รูปแบบการต่อสู้และลักษณะเฉพาะ
ฮิโระ โทไน เป็นนักมวยปล้ำที่มีสไตล์การต่อสู้ที่ผสมผสานความคล่องตัวและเทคนิคเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปลี่ยนบทบาทเป็นฮีล เขามักจะใช้เทคนิคที่เน้นความรุนแรงและนอกรีตมากขึ้น แต่ก็ยังคงความสามารถในการใช้ท่าทางเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
4.1. ท่าไม้ตายและเทคนิคเด่น
ฮิโระ โทไน มีท่าไม้ตายและเทคนิคเด่นหลายท่าที่เขาใช้ในการแข่งขัน:
- ฮาราย กอชิ (払い腰Harai Goshiภาษาญี่ปุ่น) - เป็นท่ามวยปล้ำแบบทุ่มสะโพก
- ดรอปคิก (Dropkick) - การกระโดดเตะด้วยเท้าทั้งสองข้าง
- คิโดะ ครันช์ (キドクラッチKido Clutchภาษาญี่ปุ่น) - เป็นท่ากดแบบพิเศษ
- อูเดะ กาตาเมะ (腕固めUde Gatameภาษาญี่ปุ่น) - ท่าล็อคแขน
- ทาคิ โอโตชิ (滝落としTaki Otoshiภาษาญี่ปุ่น) - คล้ายกับท่า Lightning Spiral จากท่าแบ็คดรอป
- ฮิโช โอโตชิ (飛鳥落としHichou Otoshiภาษาญี่ปุ่น) - เป็นท่าจัมปิงไฮคิก
4.2. เพลงเปิดตัว
ตลอดเส้นทางอาชีพของฮิโระ โทไน เขาได้ใช้เพลงเปิดตัวสองเพลง:
- เพลงแรก: CHANGE!
- เพลงที่สอง: อาร์ม คิลเลอร์ (アームキラーArm Killerภาษาญี่ปุ่น)
5. แชมป์และความสำเร็จ
ฮิโระ โทไน ได้รับแชมป์และความสำเร็จที่โดดเด่นตลอดเส้นทางอาชีพของเขาในวงการมวยปล้ำอาชีพ:
- ไคเอนไท โดโจ
- แชมป์ UWA World Middleweight Championship (1 สมัย)
- แชมป์ Strongest-K Tag Team Championship (2 สมัย) - ร่วมกับ ยูกิ ซาโตะ (1) และ ชิโอริ อาซาฮิ (1)
- แชมป์ Chiba Six Man Tag Team Championship (1 สมัย, เป็นแชมป์เปิดตัวกลุ่มแรก) - ร่วมกับ ยูกิ ซาโตะ และ ชิโอริ อาซาฮิ
- ทัวร์นาเมนต์
- Kaientai Dojo Tag League (2009) - ร่วมกับ ไทชิ ทาคิซาวะ
- Dave Finlay Cup (2014)
- รางวัลอื่น ๆ
- NTV G+ Cup Junior Heavyweight Tag League Skill Award (2012) - ร่วมกับ ชิโอริ อาซาฮิ
6. ชีวิตส่วนตัวและกิจกรรมอื่น ๆ
ฮิโระ โทไน ได้ประกาศการแต่งงานของเขาในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2016 และได้ย้ายที่อยู่ไปยังเมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของเขา แม้จะย้ายที่อยู่ เขายังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมมวยปล้ำที่จัดขึ้นในพื้นที่โอซาก้า
นอกเหนือจากอาชีพมวยปล้ำ โทไนยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เขาเริ่มจำหน่ายแก้วที่แกะสลักด้วยมือของเขาเองที่ร้านค้าของ KAIENTAI DOJO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 นอกจากนี้ เขายังเคยปรากฏตัวทางโทรทัศน์ในรายการ โปรเรสต์ลิง คิง (プロレスKINGPro Wrestling KINGภาษาญี่ปุ่น) ทางช่อง GAORA อีกด้วย
7. การเกษียณ
ฮิโระ โทไน ได้เกษียณจากวงการมวยปล้ำอาชีพอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โดยการแข่งขันครั้งสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในอีเวนต์ K-DOJO GWSP7 ที่ KAIENTAI DOJO ชิบะ บลูฟิลด์ ในแมตช์แท็กทีมที่เขาจับคู่กับไทชิ ทาคิซาวะ โดยพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับทีมของคาจิ โทมาโตะ และทากะ มิจิโนกุ ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนของเขา การแข่งขันนี้เป็นการปิดฉากเส้นทางอาชีพมวยปล้ำที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความสำเร็จของโทไน