1. อาชีพนักฟุตบอล
เฆซุส อิญญิโก ลิเซรันซู โอโชอา มีเส้นทางอาชีพในฐานะนักฟุตบอลที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความสำเร็จ โดยเริ่มต้นจากระดับเยาวชน ก่อนจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดกับอัตเลติกเดบิลบาโอ และปิดท้ายอาชีพกับสโมสรสุดท้าย
1.1. อาชีพนักฟุตบอลเยาวชนและช่วงเริ่มต้น
ลิเซรันซูเกิดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 1959 ที่บิลบาโอ จังหวัดบิซกายา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นประเทศบาสก์ในประเทศสเปน เขาเป็นผลผลิตจากสถาบันฝึกเยาวชน (กานเตรา) ของสโมสรยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่นอย่างอัตเลติกเดบิลบาโอ
หลังจากใช้เวลาสามปีกับทีมสำรองของอัตเลติกเดบิลบาโอ คือ บิลบาโอ อัตเลติก ซึ่งเขาลงสนามไป 109 นัดและทำได้ 11 ประตู เขาได้ประเดิมสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับเพื่อนบ้านจากแคว้นบาสก์อย่างสโมสรบารากัลโด ซีเอฟ ในลีกเซกุนดา ดิวิซิออน ในฤดูกาล 1980-81 โดยลงเล่นไป 37 นัดและทำได้ 1 ประตู เขาได้ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ของอัตเลติกเดบิลบาโอเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1981 ในการแข่งขันลา ลีกา นัดที่ 7 กับสโมสรโอซาซูนา โดยทีมของเขาชนะไป 2-0
1.2. จุดสูงสุดในอาชีพกับอัตเลติกเดบิลบาโอ
เมื่อเขากลับมายังสโมสรหลักในฤดูร้อนปี 1981 ลิเซรันซูก็กลายเป็นกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ของทีม เขาร่วมมือกับอันโดนิ โกยโกเอตเชอา ในตำแหน่งกองหลังตัวหยุด และด้วยสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งดุดัน ทำให้เขาได้รับฉายาว่า ร็อกกี้
ในช่วงฤดูกาล 1982-83 ถึง 1984-85 เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์รวม 4 รายการ โดยเฉพาะในฤดูกาล 1983-84 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตเลติกเดบิลบาโอได้ต่อยอดความยิ่งใหญ่ในประเทศ ลิเซรันซูทำประตูได้ถึง 7 ประตูจากการลงเล่น 32 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1984 เขายิงสองประตูในเกมบาสก์ ดาร์บี ที่บ้านของตัวเองซึ่งชนะเรอัล โซเซียดาด ไป 2-1 โดยประตูที่สองของเขาเป็นประตูที่ 3,000 ของสโมสรในลาลิกา ตลอดอาชีพค้าแข้งในลา ลีกา เขาลงเล่นไปทั้งหมด 188 นัดและทำได้ 17 ประตู
1.3. อาชีพช่วงปลายและการเกษียณ
ลิเซรันซูค้าแข้งกับอัตเลติกเดบิลบาโอจนถึงปี 1988 โดยรวมแล้วเขาลงเล่น 169 นัดและทำได้ 17 ประตูในระหว่างปี 1981 ถึง 1988 หลังจากนั้น เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรเอลเช ซีเอฟ ในลีกสูงสุดเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล คือ ฤดูกาล 1988-89 โดยลงเล่นไป 19 นัดและทำประตูไม่ได้ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปี 1989 ด้วยอายุเพียง 30 ปี
2. อาชีพระดับทีมชาติ
ลิเซรันซูเคยได้รับโอกาสติดทีมชาติสเปนเพียงครั้งเดียวในชีวิต เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1985 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 รอบคัดเลือก พบกับทีมชาติเวลส์ ที่เมืองเรกซัม โดยเขาได้ลงเล่นตลอดทั้งเกม แต่ทีมสเปนพ่ายแพ้ไป 0-3 นอกจากนี้ เขายังเคยติดทีมชาติสเปนชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ในช่วงปี 1976-1977 โดยลงเล่นไป 6 นัด และทำประตูไม่ได้
3. อาชีพผู้จัดการทีม
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990s หลังจากการเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอล ลิเซรันซูได้เริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้จัดการทีม โดยส่วนใหญ่ทำงานในภูมิภาคบ้านเกิดของเขาในประเทศบาสก์ สโมสรที่เขาเคยคุมได้แก่:
- ซายา ยูซี (Zalla UC) ระหว่างปี 1997-1999
- เอสดี เลโมน่า (SD Lemona) ระหว่างปี 1999-2003
- อามูริโอ คลับ (Amurrio Club) ระหว่างปี 2003-2005
- บารากัลโด ซีเอฟ (Barakaldo CF) ระหว่างปี 2006-2008
- ซาโมรา ซีเอฟ (Zamora CF) ระหว่างปี 2009-2011
4. เกียรติประวัติ
ลิเซรันซูได้รับเกียรติประวัติสำคัญหลายรายการในอาชีพนักฟุตบอลกับอัตเลติกเดบิลบาโอ:
- อัตเลติกเดบิลบาโอ
- ลา ลีกา: 1982-83, 1983-84 (2 สมัย)
- โกปา เดล เรย์: 1983-84 (1 สมัย)
- ซูเปร์โกปา เด เอสปัญญา: 1984 (อัตเลติกเดบิลบาโอได้รับรางวัลนี้โดยอัตโนมัติในฐานะผู้ชนะสองรายการคือลา ลีกาและโกปา เดล เรย์)
5. การประเมินและมรดก
เฆซุส อิญญิโก ลิเซรันซู โอโชอา ถูกจดจำในฐานะกองหลังตัวกลางที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาว่า "ร็อกกี้" เขามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำพาอัตเลติกเดบิลบาโอกลับสู่ความยิ่งใหญ่ในช่วงกลางทศวรรษ 1980s ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันและความสามารถในการทำประตูจากตำแหน่งกองหลัง โดยเฉพาะการทำประตูสูงสุดในอาชีพถึง 7 ลูกในฤดูกาล 1983-84 และการยิงประตูที่ 3,000 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรในลา ลีกา แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่เขามอบให้กับทีม การเป็นกำลังสำคัญในทีมที่คว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย และโกปา เดล เรย์ 1 สมัย ตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่สร้างยุคทองให้กับสโมสรอัตเลติกเดบิลบาโอ การมีส่วนร่วมของเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นรุ่นหลัง และยังคงได้รับการจดจำจากแฟนบอลในฐานะสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่ง
6. ดูเพิ่ม
- ฟุตบอลในประเทศสเปน
- นักฟุตบอล
- ผู้จัดการทีมฟุตบอล
- อัตเลติกเดบิลบาโอ
- ลาลิกา
- โกปาเดลเรย์
- สเปน
- ประเทศบาสก์