1. Overview
วิษณุคุปต์ จันทราทิตย์ (विष्णुगुप्तภาษาสันสกฤต) เป็นหนึ่งในจักรพรรดิผู้มีบทบาทสำคัญแต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักของราชวงศ์คุปตะ โดยทั่วไปแล้ว พระองค์ได้รับการยอมรับว่าเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายที่ได้รับการยอมรับของจักรวรรดิคุปตะอย่างแท้จริง การครองราชย์ของพระองค์กินเวลานาน 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 540 ถึง 550 ในช่วงเวลาที่จักรวรรดิเริ่มอ่อนแอและเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัด การค้นพบหลักฐานสำคัญ เช่น ตราประทับดินเหนียวที่นาลันทาและจารึกแผ่นทองแดงดัมโมดาร์ปูร์ ได้ช่วยยืนยันการมีอยู่ของพระองค์และสายพระโลหิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตราประทับนาลันทาระบุว่าพระองค์เป็นพระโอรสของกุมารคุปต์ที่ 3 และเป็นพระราชนัดดาของปุรุคุปต์ ในช่วงรัชสมัยของพระองค์ จักรวรรดิคุปตะเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักจากการผงาดขึ้นของอำนาจท้องถิ่นและคู่แข่ง เช่น ผู้ปกครองเอาลิการะนามยโสธรมัน ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียการควบคุมเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในอินเดียเหนือและตอนกลาง ทำให้พระองค์เป็นผู้ปกครองที่อยู่ในช่วงปลายของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่แห่งนี้
2. Life and Reign
วิษณุคุปต์ทรงมีภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับสายเลือดของราชวงศ์คุปตะโดยตรง และขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิในช่วงเวลาที่อาณาจักรกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรง ทั้งจากภายในและภายนอก
2.1. Family and Accession

ข้อมูลเกี่ยวกับสายพระโลหิตของวิษณุคุปต์ได้รับการเปิดเผยจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชิ้นส่วนตราประทับดินเหนียวของพระองค์ที่ถูกค้นพบ ณ นาลันทา ในระหว่างการขุดค้นเมื่อปี ค.ศ. 1927-1928 ตราประทับดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนว่าพระองค์เป็นพระโอรสของกุมารคุปต์ที่ 3 และเป็นพระราชนัดดาของปุรุคุปต์ อย่างไรก็ตาม บันทึกบางฉบับก็ระบุว่าพระองค์เป็นพระราชนัดดาของนรสิงห์คุปต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนในข้อมูลลำดับวงศ์ตระกูลของราชวงศ์คุปตะในช่วงปลาย การขึ้นครองราชย์ของวิษณุคุปต์เกิดขึ้นในยุคที่ราชวงศ์คุปตะกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยและสูญเสียอิทธิพลในหลายพื้นที่
2.2. Period of Reign
วิษณุคุปต์ทรงปกครองจักรวรรดิคุปตะเป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 540 ถึง 550 ซึ่งนับเป็นช่วงท้ายสุดของราชวงศ์นี้ ในระหว่างรัชสมัยของพระองค์ จักรวรรดิได้เผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรุกรานจากอำนาจภายนอกและการแข็งข้อของบรรดาผู้ปกครองท้องถิ่น การครองราชย์ของพระองค์เกิดขึ้นหลังจากที่ดินแดนส่วนใหญ่ของอินเดียเหนือและตอนกลางถูกยึดครองโดยผู้ปกครองเอาลิการะนามยโสธรมันเมื่อประมาณปี ค.ศ. 532 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่บีบคั้นอำนาจและขอบเขตของจักรวรรดิคุปตะอย่างมาก
3. Historical Records and Background
การดำรงอยู่ของวิษณุคุปต์ได้รับการยืนยันจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตราประทับและจารึก ซึ่งเป็นบันทึกสำคัญที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพระองค์และบริบททางประวัติศาสตร์ในยุคปลายของราชวงศ์คุปตะ
3.1. Major Seals and Inscriptions
หลักฐานสำคัญที่ยืนยันถึงการมีอยู่และสายพระโลหิตของวิษณุคุปต์ประกอบด้วย:
- ตราประทับดินเหนียวนาลันทา: ตราประทับนี้ถูกค้นพบจากการขุดค้นที่นาลันทาเมื่อปี ค.ศ. 1927-1928 เป็นหลักฐานสำคัญที่ระบุว่าวิษณุคุปต์เป็นพระโอรสของกุมารคุปต์ที่ 3 และเป็นพระราชนัดดาของปุรุคุปต์ การค้นพบนี้ช่วยเชื่อมโยงลำดับกษัตริย์ในช่วงปลายของราชวงศ์คุปตะได้อย่างชัดเจน
- จารึกแผ่นทองแดงดัมโมดาร์ปูร์: จารึกนี้เป็นบันทึกสุดท้ายที่กล่าวถึงวิษณุคุปต์ โดยมีการกล่าวถึงการพระราชทานที่ดินในเขตโคติวารศะ (ปัจจุบันคือบังการ์หในรัฐเบงกอลตะวันตก) ในปี ค.ศ. 542/543 จารึกนี้ไม่เพียงยืนยันรัชสมัยของพระองค์ แต่ยังเป็นหลักฐานที่แสดงถึงกิจกรรมการปกครองที่สำคัญในช่วงปลายของจักรวรรดิ

3.2. Decline of the Gupta Empire and Contemporary Powers
รัชสมัยของวิษณุคุปต์เป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดิคุปตะกำลังเผชิญกับการเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว จักรวรรดิที่เคยรุ่งเรืองและมีอำนาจครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอนุทวีปอินเดียกำลังสูญเสียการควบคุมและอิทธิพลในหลายภูมิภาค การเสื่อมถอยนี้ได้รับผลกระทบจากการรุกรานของกลุ่มชนต่างๆ เช่น พวกฮันขาว (Hunas) และการผงาดขึ้นของอำนาจท้องถิ่นที่เข้มแข็ง
หนึ่งในอำนาจร่วมสมัยที่สำคัญคือผู้ปกครองเอาลิการะนามยโสธรมัน ผู้ซึ่งได้ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอินเดียเหนือและตอนกลางเมื่อประมาณปี ค.ศ. 532 การขยายอำนาจของยโสธรมันได้ลดทอนขอบเขตและอำนาจของจักรวรรดิคุปตะอย่างมาก ทำให้วิษณุคุปต์เป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจจำกัดและเผชิญกับความท้าทายที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแผนที่การเมืองของอินเดีย ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดของยุคคุปตะและเข้าสู่ยุคที่อาณาจักรขนาดเล็กต่างๆ ผงาดขึ้นมาแทนที่
4. Legacy and Historical Assessment
วิษณุคุปต์มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์คุปตะที่ได้รับการยอมรับ แม้ว่ารัชสมัยของพระองค์จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จักรวรรดิกำลังเสื่อมถอยอย่างหนัก แต่บทบาทของพระองค์ยังคงเป็นจุดสิ้นสุดของยุคทองแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดีย
4.1. Role as the Last Emperor
วิษณุคุปต์ได้รับการพิจารณาว่าเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายที่ได้รับการยอมรับของราชวงศ์คุปตะอย่างแท้จริง การครองราชย์ของพระองค์ระหว่างปี ค.ศ. 540 ถึง 550 เป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดิกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างหนัก การสูญเสียดินแดนและอิทธิพลให้กับอำนาจท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรุกรานจากภายนอก ส่งผลให้จักรวรรดิคุปตะแตกสลายและสิ้นสุดลงในรัชสมัยของพระองค์ บทบาทของพระองค์จึงไม่ใช่ในฐานะผู้ขยายอาณาจักรหรือผู้สร้างความรุ่งเรือง แต่เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในช่วงเวลาที่จักรวรรดิถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากยุคที่รวมศูนย์อำนาจไปสู่ยุคที่ราชอาณาจักรขนาดเล็กต่างๆ มีอำนาจเหนือภูมิภาคของตนเองมากขึ้น การสิ้นสุดของจักรวรรดิคุปตะภายใต้การปกครองของวิษณุคุปต์จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ.