1. ภาพรวม
มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู (Marques Batista de Abreuมาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอูPortuguese) เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1973 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวบราซิลที่เล่นในตำแหน่งกองหน้า เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากอาชีพการค้าแข้งที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะกับสโมสรต่างๆ ในบราซิลและญี่ปุ่น ตลอดอาชีพค้าแข้ง มาร์เกสโดดเด่นด้วยทักษะการทำประตูและการแอสซิสต์อันยอดเยี่ยม หลังจากการแขวนสตั๊ดในปี ค.ศ. 2010 มาร์เกสได้ผันตัวเข้าสู่วงการการเมือง โดยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจำรัฐมินัสเชไรส์ สังกัดพรรคแรงงานบราซิล ก่อนจะกลับคืนสู่วงการฟุตบอลอีกครั้งในฐานะผู้ประสานงานในระดับเยาวชน ซึ่งสะท้อนถึงการอุทิศตนเพื่อสังคมและการพัฒนาวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1973 ที่เมืองกวารูลยุส (GuarulhosกวารูลยุสPortuguese) ในรัฐเซาเปาลู ประเทศบราซิล เขาเติบโตขึ้นในภูมิภาคนี้และได้เริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะและความสามารถของเขาในฐานะนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต
3. อาชีพนักฟุตบอล
มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู มีเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลที่ยาวนานและประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในระดับสโมสรและกับทีมชาติบราซิล
3.1. อาชีพกับสโมสร
มาร์เกสเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรคอรินเทียนส์ เปาลิสตา (SC Corinthians Paulistaเอสซี คอรินเทียนส์ เปาลิสตาPortuguese) ในปี ค.ศ. 1993 และค้าแข้งอยู่ที่นั่นจนถึงปี ค.ศ. 1995 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมฟลาเมงโก (CR Flamengoเซแอร์ ฟลาเมงโกPortuguese) ในปี ค.ศ. 1996 หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่กับอัตเลติโก มิเนโร (Clube Atlético Mineiroกลูบี อัตเลติโก มิเนโรPortuguese) ในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาสร้างชื่อเสียงอย่างมากและอยู่กับสโมสรแห่งนี้เป็นระยะเวลานานถึง 6 ปี จนถึงปี ค.ศ. 2002 โดยในปี ค.ศ. 1997 เขามีช่วงเวลาสั้นๆ กับเซาเปาลู ก่อนจะกลับมายังอัตเลติโก มิเนโรอีกครั้ง
ในปี ค.ศ. 2003 มาร์เกสย้ายไปร่วมทีมวาสโก ดา กามา (CR Vasco da Gamaเซแอร์ วาสโก ดา กามาPortuguese) ก่อนจะเริ่มต้นประสบการณ์การค้าแข้งในญี่ปุ่นกับสโมสรนาโกยา แกรมปัส เอต (名古屋グランパスエイトนาโกยา แกรมปัส เอตภาษาญี่ปุ่น) ในเจ1 ลีก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ถึงปี ค.ศ. 2005 ในฤดูกาล 2003 เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์ได้เป็นอันดับสองในเจ1 ลีก ด้วยจำนวน 10 ครั้ง เป็นรองเพียงยูกิฮิโกะ ซาโตะ (佐藤 由紀彦ซาโต ยูกิฮิโกะภาษาญี่ปุ่น) ที่ทำได้ 12 ครั้ง เขายังสร้างความร่วมมืออันยอดเยี่ยมกับอูเอสเลย์ (Uesleiอูเอสเลย์Portuguese) กองหน้าเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งเป็นดาวซัลโวในฤดูกาลนั้น นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2004 ในการแข่งขันกับเซเรโซ โอซากะ (セレッソ大阪เซเรโซ โอซากะภาษาญี่ปุ่น) มาร์เกสยังสามารถทำแฮตทริกได้สำเร็จ โดยหนึ่งในประตูนั้นเป็นการยิงลูกชิปด้วยเท้าซ้ายจากมุมแคบทางขวาของประตู ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำในการใช้เท้าซ้ายของเขาที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเป็นนักเตะถนัดขวาก็ตาม
หลังจากนั้น มาร์เกสกลับมายังอัตเลติโก มิเนโรอีกครั้งในปี ค.ศ. 2005 ก่อนจะกลับไปค้าแข้งในญี่ปุ่นอีกครั้งกับโยโกฮามะ เอฟ. มารินอส (横浜F・マリノスโยโกฮามะ เอฟ. มารินอสภาษาญี่ปุ่น) ในช่วงปี ค.ศ. 2006 ถึง ค.ศ. 2007 และปิดท้ายอาชีพการค้าแข้งกับอัตเลติโก มิเนโรเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 จนกระทั่งแขวนสตั๊ดในปี ค.ศ. 2010
3.2. อาชีพกับทีมชาติ
มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู ได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชาติบราซิลในช่วงปี ค.ศ. 1994 ถึง ค.ศ. 2002 โดยมีสถิติรวม 13 นัด ทำได้ 4 ประตู เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติในรายการสำคัญหลายรายการ รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก ซึ่งเขาลงสนาม 6 นัด และทำได้ 1 ประตู มีส่วนช่วยให้ทีมชาติบราซิลผ่านเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2002 ได้สำเร็จ
3.3. สไตล์การเล่นและลักษณะเฉพาะ
มาร์เกสเป็นกองหน้าที่โดดเด่นด้วยทักษะและความสามารถรอบด้าน แม้ว่าจะเป็นนักเตะถนัดเท้าขวา แต่เขาก็มีความแม่นยำในการใช้เท้าซ้ายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยิงประตูและแอสซิสต์ เขามีความสามารถในการอ่านเกมและเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างโอกาสทำประตูและช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้บ่อยครั้ง เพื่อนร่วมทีมเรียกเขาด้วยชื่อเล่นว่า "การ์ซง" (Garçonการ์ซงPortuguese) ซึ่งแปลว่า "บริกร" ในภาษาโปรตุเกส อาจสะท้อนถึงการบริการและการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมในการสร้างสรรค์เกมรุกของเขา
4. ความสำเร็จและเกียรติยศ
ตลอดอาชีพนักฟุตบอล มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู ประสบความสำเร็จและได้รับเกียรติยศมากมาย ทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถและผลงานอันยอดเยี่ยมของเขา
4.1. เกียรติยศระดับสโมสร
- คอรินเทียนส์
- กังเปโอนาโต เปาลิสตา: 1995
- โกปา ดู บราซิล: 1995
- ฟลาเมงโก
- กังเปโอนาโต การียอการ์: 1996
- โกปา เด โอโร: 1996
- อัตเลติโก มิเนโร
- โกปา คอนเมโบล: 1997
- กังเปโอนาโต มิเนโร: 1999, 2000, 2010
- วาสโก ดา กามา
- กังเปโอนาโต การียอการ์: 2003
4.2. เกียรติยศส่วนบุคคล
- ทีมยอดเยี่ยมเจ1 ลีก: 2004
- ดาวซัลโวกังเปโอนาโต มิเนโร: 1998
- โบลาเดปราตา (รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของบราซิลจากนิตยสารพลาการ์): 1999, 2001
5. กิจกรรมหลังการแขวนสตั๊ด
หลังจากปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลอาชีพ มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู ได้เริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าสู่วงการการเมืองและต่อมาได้กลับมามีส่วนร่วมในวงการฟุตบอลอีกครั้ง
5.1. อาชีพทางการเมือง
ในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นปีที่เขาวางแผนจะแขวนสตั๊ด มาร์เกสได้ประกาศความตั้งใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งทางการเมือง เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจำรัฐมินัสเชไรส์ สังกัดพรรคแรงงานบราซิล (Partido Trabalhista Brasileiroปาร์ตีดู ตราบัลญิสตา บราซีเลย์รูPortuguese) โดยได้รับคะแนนเสียงถึง 153,000 คะแนน ซึ่งเป็นการชนะการเลือกตั้งอันดับต้นๆ ในรัฐ แสดงให้เห็นถึงความนิยมและการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง เขาได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาเป็นเวลา 8 ปี
5.2. การกลับคืนสู่วงการฟุตบอล
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในเส้นทางทางการเมือง มาร์เกสได้กลับคืนสู่วงการฟุตบอลอีกครั้งในปี ค.ศ. 2018 โดยรับตำแหน่งเป็นผู้ประสานงานในระดับเยาวชนของสโมสรอัตเลติโก มิเนโร ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาสร้างชื่อเสียงอย่างมากในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ การกลับมาครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการช่วยพัฒนาเยาวชนและสร้างนักฟุตบอลรุ่นใหม่ให้กับวงการ
6. สถิติ
สถิติการลงสนามและจำนวนประตูของมาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู ตลอดอาชีพนักฟุตบอลอาชีพมีดังนี้
6.1. สถิติระดับสโมสร
ผลงานกับสโมสร | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | รวม | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ฤดูกาล | สโมสร | ลีก | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | ||||
บราซิล | ลีก | โกปา ดู บราซิล | ลีกคัพ | รวม | ||||||||||
1993 | คอรินเทียนส์ | แซรีเออา | 1 | 0 | 1 | 0 | ||||||||
1994 | 26 | 8 | 26 | 8 | ||||||||||
1995 | 9 | 1 | 9 | 1 | ||||||||||
1996 | ฟลาเมงโก | แซรีเออา | 19 | 4 | 19 | 4 | ||||||||
1997 | เซาเปาลู | |||||||||||||
1997 | อัตเลติโก มิเนโร | แซรีเออา | 25 | 6 | 25 | 6 | ||||||||
1998 | 21 | 8 | 21 | 8 | ||||||||||
1999 | 21 | 5 | 21 | 5 | ||||||||||
2000 | 18 | 4 | 18 | 4 | ||||||||||
2001 | 24 | 15 | 24 | 15 | ||||||||||
2002 | 21 | 8 | 21 | 8 | ||||||||||
2003 | วาสโก ดา กามา | แซรีเออา | 11 | 1 | 11 | 1 | ||||||||
ญี่ปุ่น | ลีก | ถ้วยจักรพรรดิ | เจลีกคัพ | รวม | ||||||||||
2003 | นาโกยา แกรมปัส เอต | เจ1 ลีก | 19 | 5 | 1 | 0 | 4 | 0 | 24 | 5 | ||||
2004 | 29 | 17 | 1 | 1 | 7 | 5 | 37 | 23 | ||||||
2005 | 11 | 3 | 0 | 0 | 3 | 2 | 14 | 5 | ||||||
บราซิล | ลีก | โกปา ดู บราซิล | ลีกคัพ | รวม | ||||||||||
2005 | อัตเลติโก มิเนโร | แซรีเออา | 30 | 10 | 30 | 10 | ||||||||
ญี่ปุ่น | ลีก | ถ้วยจักรพรรดิ | เจลีกคัพ | รวม | ||||||||||
2006 | โยโกฮามะ เอฟ. มารินอส | เจ1 ลีก | 19 | 2 | 3 | 1 | 2 | 1 | 24 | 4 | ||||
2007 | 12 | 0 | 1 | 0 | 3 | 1 | 16 | 1 | ||||||
บราซิล | ลีก | โกปา ดู บราซิล | ลีกคัพ | รวม | ||||||||||
2008 | อัตเลติโก มิเนโร | แซรีเออา | 21 | 4 | 21 | 4 | ||||||||
2009 | 2 | 0 | 2 | 0 | ||||||||||
2010 | ||||||||||||||
ประเทศ | บราซิล | 249 | 74 | 249 | 74 | |||||||||
ญี่ปุ่น | 90 | 27 | 6 | 2 | 19 | 9 | 115 | 38 | ||||||
รวม | 339 | 101 | 6 | 2 | 19 | 9 | 364 | 112 |
6.2. สถิติทีมชาติ
ทีมชาติบราซิล | ||
---|---|---|
ปี | นัด | ประตู |
1994 | 1 | 0 |
1995 | 1 | 1 |
1996 | 2 | 2 |
1997 | 0 | 0 |
1998 | 0 | 0 |
1999 | 0 | 0 |
2000 | 6 | 1 |
2001 | 0 | 0 |
2002 | 3 | 0 |
รวม | 13 | 4 |
7. มรดกและการตอบรับ
มาร์เกส บาติสตา เด อาเบรอู ได้รับการจดจำในฐานะนักฟุตบอลที่มีความสามารถรอบด้านและเป็นที่รักของแฟนบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลงานที่โดดเด่นกับสโมสรต่างๆ ในบราซิลและญี่ปุ่น ทักษะการทำประตูที่เฉียบคม การแอสซิสต์ที่ชาญฉลาด และความทุ่มเทในสนาม ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในหลายทีมที่เขาค้าแข้งด้วย การผันตัวเข้าสู่วงการการเมืองหลังการแขวนสตั๊ด โดยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจำรัฐมินัสเชไรส์ สังกัดพรรคแรงงานบราซิล แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมนอกเหนือจากวงการฟุตบอล ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากสาธารณชน การกลับมามีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการฟุตบอลระดับเยาวชนในภายหลังยังตอกย้ำถึงความรักและความปรารถนาของเขาที่จะส่งต่อประสบการณ์และความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้มาร์เกสไม่เพียงเป็นที่รู้จักในฐานะนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างในการอุทิศตนเพื่อสังคมอีกด้วย