1. ภาพรวม
มาเรีย "มารี" โยฮันนา ฟิลิปเซน-เบราน์ (Maria "Marie" Johanna Philipsen-Braunมารีอา "มารี" โยฮันนา ฟิลิปเซิน-เบราน์ภาษาดัตช์; เกิด 22 มิถุนายน ค.ศ. 1911 - เสียชีวิต 23 มิถุนายน ค.ศ. 1982) หรือรู้จักกันในชื่อ ซุส เบราน์ เป็น นักว่ายน้ำ ชาวดัตช์ ผู้โดดเด่นในยุคต้นศตวรรษที่ 20 เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพการแข่งขัน โดยคว้าเหรียญทองในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1928 ที่ อัมสเตอร์ดัม ในรายการ แบ็กสโตรก 100 เมตร และเหรียญเงินในรายการ ฟรีสไตล์ 400 เมตร นอกจากนี้เธอยังสร้างสถิติโลกถึง 6 รายการ และสถิติระดับประเทศ 25 รายการตลอดอาชีพนักกีฬาของเธอ
เบราน์ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นตัวเต็งในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1932 ที่ ลอสแอนเจลิส แต่กลับต้องถอนตัวจากการแข่งขันอย่างกะทันหันเนื่องจากอาการป่วยร้ายแรง ซึ่งนำไปสู่ข้อสงสัยเกี่ยวกับการถูกทำให้บาดเจ็บโดยเจตนาพร้อมกับการคาดการณ์ถึงการเชื่อมโยงกับการพนันผิดกฎหมาย หลังจากการเกษียณจากการแข่งขัน เธอได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่ หอเกียรติยศการว่ายน้ำนานาชาติ ในปี ค.ศ. 1980 เพื่อเป็นการยกย่องในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเธอ
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
มารี เบราน์ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1911 ที่ โรตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เธอมาจากครอบครัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในวงการว่ายน้ำ โดยมารดาของเธอคือ มา เบราน์ ผู้เป็น โค้ชว่ายน้ำ ชาวดัตช์ที่มีชื่อเสียง มารดาของเธอมีบทบาทสำคัญในการฝึกสอนนักว่ายน้ำหญิงทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และประสบความสำเร็จในการเป็นโค้ชทีมในกีฬาโอลิมปิกถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1928 จนถึง ค.ศ. 1958 อิทธิพลจากมารดาและสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการว่ายน้ำอย่างใกล้ชิดมีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะพรสวรรค์และเส้นทางอาชีพการเป็นนักว่ายน้ำของมารี เบราน์
3. อาชีพนักว่ายน้ำแข่งขัน
ตลอดอาชีพการเป็นนักว่ายน้ำแข่งขัน มารี เบราน์ สร้างผลงานอันโดดเด่นและเป็นที่จดจำอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแข่งขันในระดับทวีปยุโรปและระดับโอลิมปิก รวมถึงการทำลายสถิติมากมาย
3.1. ความสำเร็จระดับนานาชาติช่วงต้น
มารี เบราน์ เริ่มต้นสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติจากการแข่งขัน การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปทางน้ำ 1927 ที่เมืองโบโลญญา เธอสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้หลายรายการ ได้แก่ เหรียญทองในรายการฟรีสไตล์ 400 เมตร, เหรียญเงินในรายการแบ็กสโตรก 100 เมตร และเหรียญเงินในรายการฟรีสไตล์ผลัด 4x100 เมตร สี่ปีต่อมาในการแข่งขัน การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปทางน้ำ 1931 ที่ ปารีส เธอยังคงรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยม โดยสามารถคว้าเหรียญทองได้ถึง 3 รายการ ได้แก่ ฟรีสไตล์ 400 เมตร, แบ็กสโตรก 100 เมตร และฟรีสไตล์ผลัด 4x100 เมตร
3.2. การเข้าร่วมและการได้รับเหรียญโอลิมปิก

มารี เบราน์ เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสองครั้ง โดยครั้งแรกคือใน กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1928 ที่ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งเธอประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าเหรียญทองในรายการแบ็กสโตรก 100 เมตร และเหรียญเงินในรายการฟรีสไตล์ 400 เมตร ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาว่ายน้ำที่น่าจับตามองและถูกคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็งในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งถัดไป อย่างไรก็ตาม ใน กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1932 ที่ ลอสแอนเจลิส ซึ่งเธอเข้าร่วมเพื่อป้องกันตำแหน่งและชิงเหรียญเพิ่ม เธอประสบปัญหาด้านสุขภาพอย่างกะทันหันในระหว่างรอบคัดเลือก ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการที่เธอเคยทำผลงานได้ดีเยี่ยม
3.3. สถิติโลกและสถิติระดับประเทศ
ตลอดเส้นทางอาชีพนักว่ายน้ำ มารี เบราน์ ได้สร้างสถิติอันน่าประทับใจมากมาย เธอสามารถทำลาย สถิติโลก ได้ถึง 6 รายการ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถระดับโลกของเธอ นอกจากนี้ เธอยังเป็นเจ้าของสถิติระดับประเทศของเนเธอร์แลนด์ถึง 25 รายการ ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นนักว่ายน้ำที่โดดเด่นและครองความเป็นหนึ่งในประเทศของเธอในช่วงเวลานั้น
4. เหตุการณ์โอลิมปิกที่ลอสแอนเจลิส ปี 1932
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1932 ที่ลอสแอนเจลิส เป็นช่วงเวลาที่พลิกผันอย่างมากในอาชีพของมารี เบราน์ เนื่องจากการถอนตัวอย่างกะทันหันจากอาการป่วยที่นำไปสู่ข้อสงสัยเกี่ยวกับการถูกทำร้ายร่างกายโดยเจตนา
4.1. อาการป่วยและการถอนตัว
ในระหว่างการแข่งขันว่ายน้ำโอลิมปิกที่ลอสแอนเจลิส ปี 1932 มารี เบราน์ ล้มป่วยลงอย่างรุนแรงและกะทันหันด้วย ไข้สูง หลังจากว่ายน้ำในรอบคัดเลือกของรายการ 400 เมตรฟรีสไตล์ เธอถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาล และต้องพักรักษาตัวอยู่สามสัปดาห์ด้วยอาการไข้สูงมาก ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถลงแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศของรายการสำคัญได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่เธอถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้ชนะเลิศ ทำให้เกิดความผิดหวังอย่างมากทั้งต่อตัวเธอเองและแฟนกีฬา
4.2. ข้อกล่าวหาการบาดเจ็บโดยเจตนา
หลังจากการแข่งขันโอลิมปิกสิ้นสุดลงและเธอกลับถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ มารี เบราน์ ได้จัดการแถลงข่าวและเปิดเผยรายละเอียดที่น่าตกใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเล่าว่าในวันที่ 9 สิงหาคม ระหว่างที่เธอกำลังนั่งชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟรีสไตล์ 400 เมตรชายอยู่ในอัฒจันทร์ส่วนที่สงวนไว้สำหรับนักกีฬาโอลิมปิกต่างชาติ เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มชาวอเมริกันสองคนซึ่งดูเหมือนไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสถานที่นั้น และคอยจับตาดูเธออย่างใกล้ชิด เมื่อการแข่งขันจบลงและเธอลุกขึ้นยืน เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ขาซ้าย จากนั้นชายหนุ่มชาวอเมริกันทั้งสองคนก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
อาการเจ็บที่ขาของเธอเริ่มแย่ลงในวันถัดมา และภายในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแบ็กสโตรก 100 เมตร เธอก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล มารี เบราน์ เล่าว่าแพทย์สี่คนได้เข้ามาตรวจขาของเธอ และเธอได้ยินหนึ่งในแพทย์พูดว่า "แต่นี่ไม่ใช่การติดเชื้อ" ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเธอเข้าใจภาษาอังกฤษและเดินออกไปหารือกันที่อื่น เหตุการณ์นี้ทำให้เธอนึกย้อนไปถึงความเจ็บปวดที่รู้สึกในสนามกีฬาและชายหนุ่มชาวอเมริกันทั้งสองคน เธอจึงเชื่อว่าอาการป่วยของเธอไม่ใช่สาเหตุจากแมลงกัดต่อยตามที่เคยเข้าใจในตอนแรก แต่เป็นผลมาจากการถูกทำให้บาดเจ็บโดยเจตนา มีการคาดการณ์และข้อสงสัยเกิดขึ้นตามมาว่าเหตุการณ์นี้อาจมีความเชื่อมโยงกับการ พนันผิดกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันครั้งนั้น
5. การเกษียณและชีวิตภายหลัง
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตกใจในกีฬาโอลิมปิก 1932 ที่ลอสแอนเจลิส มารี เบราน์ ได้ประกาศเกษียณจากการแข่งขันว่ายน้ำในเวลาอันสั้นหลังจากนั้น เหตุการณ์นี้ถือเป็นการปิดฉากอาชีพนักว่ายน้ำที่เต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์และความสามารถของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แข่งขันในระดับสูงอีกต่อไป แต่ชื่อเสียงและผลงานของเธอยังคงเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์การว่ายน้ำของเนเธอร์แลนด์และของโลก ในช่วงชีวิตที่เหลือหลังจากเกษียณจากการแข่งขัน ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของมารี เบราน์ ที่ปรากฏต่อสาธารณะมีไม่มากนัก
6. มรดกและเกียรติยศ

มารี เบราน์ ทิ้งมรดกอันสำคัญไว้ในวงการว่ายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้บุกเบิกความสำเร็จของนักว่ายน้ำหญิงชาวดัตช์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นหลัง เธอได้รับการยกย่องจากผลงานอันยอดเยี่ยมที่ทำไว้ในระหว่างอาชีพนักกีฬา
6.1. การบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศการว่ายน้ำนานาชาติ
เพื่อเป็นการยกย่องความสำเร็จและคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของเธอต่อวงการว่ายน้ำโลก ในปี ค.ศ. 1980 หรือสองปีก่อนที่เธอจะเสียชีวิต มารี เบราน์ ได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่ หอเกียรติยศการว่ายน้ำนานาชาติ (International Swimming Hall of Fame) การได้รับเกียรตินี้เป็นการยืนยันสถานะของเธอในฐานะหนึ่งในนักว่ายน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นการรำลึกถึงความสามารถ ความมุ่งมั่น และผลงานอันเป็นสถิติที่เธอบรรลุไว้ตลอดอาชีพการเป็นนักกีฬา