1. ชีวิตและครอบครัว
มัตสึไดระ โยริทากะ เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1810 เป็นบุตรชายคนที่สี่ของมัตสึไดระ โยริสุเกะ (松平 頼救มัตสึไดระ โยริสุเกะภาษาญี่ปุ่น) ไดเมียวลำดับที่ 5 แห่งแคว้นชิชิโด มารดาของท่านคือคุณหญิงทากูจิ (田口氏ทากูจิ-ชิภาษาญี่ปุ่น) ในขณะที่โยริทากะถือกำเนิด บิดาของท่านได้เกษียณอายุไปแล้ว และบุตรชายคนโตของโยริสุเกะคือมัตสึไดระ โยริทากะ (松平 頼敬มัตสึไดระ โยริทากะภาษาญี่ปุ่น) ได้เสียชีวิตลง ทำให้มัตสึไดระ โยริคุนิ (松平 頼筠มัตสึไดระ โยริคุนิภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นหลานชายของโยริทากะ ได้รับการรับบุตรบุญธรรมเข้ามาสืบทอดตำแหน่งแทน
ในปี ค.ศ. 1827 โยริทากะได้สมรสกับคุณหญิงอิโตะ (絲อิโตะภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของมัตสึไดระ โยริโยชิ (松平 頼善มัตสึไดระ โยริโยชิภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นผู้ดูแลตระกูลสาขาของตระกูลโทคุงาวะแห่งมิโตะ และเป็นหลานสาวแท้ๆ ของมัตสึไดระ โฮฟุกุ (松平保福มัตสึไดระ โฮฟุกุภาษาญี่ปุ่น) หลังจากนั้น ท่านก็ได้รับการรับบุตรบุญธรรมและสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลสาขา ได้รับศักดินา 3,000 โคกุ และได้รับตำแหน่งชูเซอิโนะคามิ (主税頭ชูเซอิโนะคามิภาษาญี่ปุ่น)
โยริทากะมีบุตรธิดาหลายคน ได้แก่:
- บุตรชายคนโต: มัตสึไดระ โยริโนริ (松平 頼徳มัตสึไดระ โยริโนริภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1831
- บุตรสาวคนโต: ยูกิ (雪ยูกิภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1832 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1849 ด้วยวัย 17 ปี
- บุตรสาวคนที่สอง: เทอิ (珽เทอิภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1847 ภายหลังสมรสกับคาเคอิ มาซาโนริ (筧正尊คาเคอิ มาซาโนริภาษาญี่ปุ่น)
- บุตรชายคนที่สอง: มัตสึไดระ โยริยาสุ (松平 頼安มัตสึไดระ โยริยาสุภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1856
- บุตรสาวคนที่สาม: ทากะ (高ทากะภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1857 ภายหลังสมรสกับนางาอิ อิวาโนโจ (永井 岩之丞นางาอิ อิวาโนโจภาษาญี่ปุ่น)
- บุตรชายคนที่สาม: มัตสึไดระ โยริฮิระ (松平 頼平มัตสึไดระ โยริฮิระภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1858
- บุตรสาวคนที่สี่: เอ็น (艶เอ็นภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1861 ภายหลังสมรสกับอิชิดะ โยชิชิเงะ (石田義重อิชิดะ โยชิชิเงะภาษาญี่ปุ่น)
- บุตรสาวคนที่ห้า: เออิ (鋭เออิภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1862
2. การดำรงตำแหน่งไดเมียวแห่งแคว้นชิชิโด
มัตสึไดระ โยริทากะ ดำรงตำแหน่งไดเมียวแห่งแคว้นชิชิโดในช่วงเวลาที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุคปลายเอโดะ บทบาทของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการเมืองของแคว้นมิโตะและการปฏิรูปต่างๆ ที่เกิดขึ้น
2.1. การสืบทอดตำแหน่งและช่วงต้น
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1839 มัตสึไดระ โยริคุนิ (松平 頼筠มัตสึไดระ โยริคุนิภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งไดเมียวแห่งแคว้นชิชิโด ได้ล้มป่วยหนักและไม่มีทายาท โยริทากะจึงได้รับการรับบุตรบุญธรรมอย่างเร่งด่วนและสืบทอดตำแหน่งไดเมียวแห่งแคว้นชิชิโดในฐานะไดเมียวลำดับที่ 8 ในปีเดียวกันนั้น วันที่ 18 ธันวาคม ท่านได้รับพระราชทานตำแหน่งจูโกอิเงะ (従五位下จูโกอิเงะภาษาญี่ปุ่น) ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งไดเมียว ท่านได้ให้การสนับสนุนโทคุงาวะ นาริอากิ (徳川斉昭โทคุงาวะ นาริอากิภาษาญี่ปุ่น) ในการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหลักแห่งมิโตะ และได้ร่วมกับนาริอากิในการผลักดันการปฏิรูปการปกครองภายในแคว้น
2.2. กิจกรรมทางการเมืองและการปฏิรูป
โยริทากะมีบทบาทสำคัญในการเมืองของแคว้นมิโตะ โดยเฉพาะการสนับสนุนโทคุงาวะ นาริอากิ ซึ่งเป็นอาของท่านและเป็นไดเมียวแห่งแคว้นมิโตะ ท่านได้เข้าร่วมในการปฏิรูปการปกครองแคว้นที่นาริอากิริเริ่มขึ้น ในปี ค.ศ. 1838 ท่านได้รับคำสั่งจากโทคุงาวะ นาริอากิ ให้ทำการบูรณะซ่อมแซมซากปราสาทนางากูระ (長倉城นางากูระโจภาษาญี่ปุ่น) และสร้างจินยะ (ที่ทำการปกครอง) แห่งนางากูระขึ้นใหม่
2.3. การก่อจลาจลเท็งงุและการยุบเลิกแคว้น
เมื่อเกิดการก่อจลาจลเท็งงุ (天狗党の乱เท็งงุโตะ โนะ รันภาษาญี่ปุ่น) ในแคว้นมิโตะในปี ค.ศ. 1864 บุตรชายคนโตของโยริทากะคือมัตสึไดระ โยริโนริ (松平 頼徳มัตสึไดระ โยริโนริภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งได้รับตำแหน่งไดเมียวต่อจากบิดาในปี ค.ศ. 1846 ไม่สามารถปราบปรามการจลาจลได้สำเร็จ จึงถูกรัฐบาลโชกุนตำหนิและถูกบังคับให้กระทำเซ็ปปุกุเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1864 ด้วยวัย 35 ปี โยริทากะเองก็ถูกจับกุมและคุมขังเนื่องจากความเกี่ยวข้องกับการจลาจลดังกล่าว และแคว้นชิชิโดก็ถูกยุบเลิกไปชั่วคราว
2.4. การฟื้นฟูและการดำรงตำแหน่งช่วงปลาย
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1868 หลังจากการปฏิรูปเมจิ รัฐบาลใหม่ได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูแคว้นชิชิโด และโยริทากะได้รับอนุญาตให้กลับมาสืบทอดตำแหน่งไดเมียวอีกครั้งในฐานะไดเมียวลำดับที่ 10 ในปี ค.ศ. 1869 คำขอฮันเซกิโฮคัง (การคืนดินแดนและประชากรให้แก่จักรพรรดิ) ของโยริทากะได้รับการอนุมัติ และในวันที่ 25 พฤษภาคม ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นชิฮันจิ (知藩事ชิฮันจิภาษาญี่ปุ่น) หรือผู้ว่าการแคว้น ในปี ค.ศ. 1870 ท่านได้ยื่นคำขอขยายพื้นที่ชิชิโด จินยะ (宍戸陣屋ชิชิโด จินยะภาษาญี่ปุ่น) แต่ในปี ค.ศ. 1871 ท่านก็ถูกปลดจากตำแหน่งเนื่องจากการยกเลิกระบบแคว้นและจัดตั้งจังหวัดขึ้นแทน (ไฮฮันชิเค็ง)
3. กิจกรรมช่วงปลายและงานวรรณกรรม
หลังจากพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการแคว้นในปี ค.ศ. 1871 มัตสึไดระ โยริทากะ ได้ผันตัวมาใช้ชีวิตในฐานะบุคคลทั่วไป และในปี ค.ศ. 1877 ท่านได้เข้ารับตำแหน่งคันนูชิ (神官คันนูชิภาษาญี่ปุ่น) หรือนักบวชประจำศาลเจ้าโทคิวะ (常磐神社โทคิวะ จินจะภาษาญี่ปุ่น) ท่านเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนที่มีผลงานมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมในการรวบรวมและเผยแพร่ผลงานวรรณกรรม ได้แก่:
- โคคุ ชิ ชิ เฮ็น (告志篇โคคุ ชิ ชิ เฮ็นภาษาญี่ปุ่น): เป็นบันทึกที่รวบรวมความสำเร็จและคุณงามความดีของโทคุงาวะ นาริอากิ ซึ่งเป็นผู้ที่โยริทากะให้ความเคารพและสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
- เมริน คาชู (明倫歌集เมริน คาชูภาษาญี่ปุ่น): เป็นชุดบทกวี 10 เล่ม ที่รวบรวมโดยโทคุงาวะ นาริอากิและคณะ โยริทากะได้เขียนบทส่งท้าย (跋文) ให้กับผลงานชุดนี้ และได้จัดพิมพ์เผยแพร่จากโรงเรียนประจำแคว้นชิชิโดชื่อชูโตะกุกัง (脩徳館ชูโตะกุกังภาษาญี่ปุ่น) และจัดจำหน่ายผ่านร้านหนังสือในเอโดะ
ในปี ค.ศ. 1880 (ปีเมจิที่ 13) เดือนกรกฎาคม โยริทากะได้ยกตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้แก่บุตรชายคนที่สองของท่านคือมัตสึไดระ โยริยาสุ (松平 頼安มัตสึไดระ โยริยาสุภาษาญี่ปุ่น) และในปี ค.ศ. 1883 (ปีเมจิที่ 16) วันที่ 6 กันยายน ท่านได้รับพระราชทานตำแหน่งจูชิอิ (従四位จูชิอิภาษาญี่ปุ่น)
4. เชื้อสายและบรรพบุรุษ
มัตสึไดระ โยริทากะ สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมัตสึไดระ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของตระกูลโทคุงาวะ บรรพบุรุษของท่านมีความเชื่อมโยงกับไดเมียวสำคัญหลายท่านในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ดังนี้:
- มัตสึไดระ โยริทากะ (ลำดับที่ 1) ไดเมียวลำดับที่ 8 และ 10 แห่งแคว้นชิชิโด
- บิดา: มัตสึไดระ โยริสุเกะ (ลำดับที่ 2) ไดเมียวลำดับที่ 5 แห่งแคว้นชิชิโด (ค.ศ. 1756-1830)
- มารดา: ทากูจิ นามิเอะ (ลำดับที่ 3)
- ปู่ (ทางบิดา): โทคุงาวะ มุเนโมโตะ (ลำดับที่ 4) ไดเมียวลำดับที่ 5 แห่งแคว้นมิโตะ (ค.ศ. 1728-1766)
- ย่า (ทางบิดา): นากาซาวะ (ลำดับที่ 5)
- ปู่ทวด (ทางบิดา): โทคุงาวะ มุเนทากะ (ลำดับที่ 8) ไดเมียวลำดับที่ 4 แห่งแคว้นมิโตะ (ค.ศ. 1705-1730)
- ย่าทวด (ทางบิดา): โทคุงาวะ มิโยฮิเมะ (ลำดับที่ 9) (ค.ศ. 1708-1746)
- ปู่ทวด (ทางปู่ทวด): มัตสึไดระ โยริโทโย (ลำดับที่ 16) ไดเมียวลำดับที่ 3 แห่งแคว้นทากามัตสึ (ค.ศ. 1680-1735)
- ย่าทวด (ทางปู่ทวด): ยูอาซะ ซาโตเรียว-อิน (ลำดับที่ 17)
- ปู่ทวด (ทางย่าทวด): โทคุงาวะ โยชิซาเนะ (ลำดับที่ 18) (ค.ศ. 1685-1709)
- ย่าทวด (ทางย่าทวด): ทากัตสึกาสะ ยาเอฮิเมะ (ลำดับที่ 19) (ค.ศ. 1689-1746)
5. มรดกและความเชื่อมโยงทางครอบครัว
มัตสึไดระ โยริทากะ มีมรดกที่สำคัญผ่านทางสายเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงกับมิชิมะ ยูคิโอะ นักเขียนชื่อดังระดับโลก บุตรชายคนโตของโยริทากะคือมัตสึไดระ โยริโนริ ได้เสียชีวิตลงในช่วงการจลาจลเท็งงุ ทำให้บุตรชายคนที่สองคือมัตสึไดระ โยริยาสุ ได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลต่อจากโยริทากะในปี ค.ศ. 1880 และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นชิชากุ (子爵ชิชากุภาษาญี่ปุ่น) หรือไวเคานต์ภายใต้ระบบขุนนางใหม่
ความเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดคือผ่านทางบุตรสาวคนที่สามของโยริทากะ นามมัตสึไดระ ทากะ (松平 高มัตสึไดระ ทากะภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเกิดในปี ค.ศ. 1857 ทากะได้สมรสกับนางาอิ อิวาโนโจ (永井 岩之丞นางาอิ อิวาโนโจภาษาญี่ปุ่น) บุตรชายของนางาอิ นาโอยูกิ (永井 尚志นางาอิ นาโอยูกิภาษาญี่ปุ่น) บุตรีของทากะและอิวาโนโจ คือนัตสึ (なつนัตสึภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นย่าของมิชิมะ ยูคิโอะ ดังนั้น มัตสึไดระ โยริทากะจึงถือเป็นทวดของทวดของมิชิมะ ยูคิโอะ (great-great-grandfather) ความเชื่อมโยงทางสายเลือดนี้ได้ส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานมายังหนึ่งในนักเขียนที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 20
6. การถึงแก่อสัญกรรม
มัตสึไดระ โยริทากะ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1886 ด้วยอายุ 76 ปี