1. ภาพรวม

ฟิลิปป์ โกมงต์ (Philippe Gaumont) เป็นอดีตนักปั่นจักรยานอาชีพชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1973 ที่เมืองอาเมียงส์ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 ที่เมืองอารัส ด้วยวัย 40 ปี เขาเป็นที่รู้จักในวงการจักรยานจากการคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 ประเภททีมไทม์ไทรอัลระยะทาง 100 km และเป็นแชมป์ฝรั่งเศสประเภทบุคคลไล่ล่าบนลู่สองสมัย อย่างไรก็ตาม โกมงต์เป็นที่จดจำมากที่สุดจากการสารภาพอย่างละเอียดเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้นตลอดอาชีพของเขา และการเปิดเผยกลโกงต่าง ๆ ที่ใช้ในการหลีกเลี่ยงการตรวจจับสารต้องห้าม ซึ่งนำไปสู่การเขียนหนังสือชื่อ "Prisonnier du dopage" (นักโทษแห่งการใช้สารกระตุ้น) การสารภาพของเขาได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับจริยธรรมในวงการกีฬาจักรยาน และเน้นย้ำถึงแรงกดดันที่นักกีฬาต้องเผชิญในการแข่งขันระดับสูง
2. ชีวิต
ฟิลิปป์ โกมงต์มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสำเร็จในเส้นทางอาชีพนักปั่นจักรยาน แต่ก็ต้องเผชิญกับข้อถกเถียงเรื่องการใช้สารกระตุ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตและการรับรู้ของสาธารณชนต่อตัวเขา เขามีส่วนสูงประมาณ 1.85 m และน้ำหนักประมาณ 76 kg
2.1. วัยเด็กและวัยเรียน
ฟิลิปป์ โกมงต์ เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1973 ที่เมืองอาเมียงส์ ประเทศฝรั่งเศส ข้อมูลเกี่ยวกับวัยเด็กและเส้นทางการศึกษาของเขามีไม่มากนักในบันทึกสาธารณะ แต่เขาได้เริ่มต้นเส้นทางในวงการจักรยานตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งบ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นและความสามารถพิเศษในกีฬาประเภทนี้ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต
2.2. ช่วงต้นอาชีพ
โกมงต์เริ่มต้นอาชีพนักปั่นจักรยานอาชีพในปี ค.ศ. 1994 โดยเซ็นสัญญากับทีมคาสโตรมา ซึ่งเป็นทีมที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น การเริ่มต้นอาชีพของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันทั้งประเภทถนนและประเภทลู่ ในปีเดียวกันนั้น เขาสามารถคว้าแชมป์รายการตูร์ดูปัวตู-ชาร็องต์ได้สำเร็จ และยังได้เหรียญทองแดงจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 ในประเภททีมไทม์ไทรอัลระยะทาง 100 km ซึ่งเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเขา
3. อาชีพและผลงานสำคัญ
ฟิลิปป์ โกมงต์มีอาชีพนักปั่นจักรยานที่ยาวนานและมีผลงานที่น่าประทับใจทั้งในประเภทถนนและประเภทลู่ แม้ว่าอาชีพของเขาจะถูกบดบังด้วยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้น แต่เขาก็ยังคงเป็นหนึ่งในนักปั่นที่ประสบความสำเร็จในยุคของเขา
3.1. อาชีพนักปั่นจักรยานประเภทถนน
โกมงต์เริ่มต้นอาชีพนักปั่นจักรยานประเภทถนนกับทีมคาสโตรมาในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งเป็นปีที่เขาคว้าแชมป์รายการตูร์ดูปัวตู-ชาร็องต์ได้สำเร็จ รวมถึงชนะสเตจ 5 ของรายการนั้นด้วย ในปี ค.ศ. 1996 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมกาน (Gan) และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยคว้าแชมป์รายการโฟร์เดย์สออฟดังเคิร์ก (Four Days of Dunkirk) และตูร์เดอปิการ์ดี (Tour de Picardie) รวมถึงชนะสเตจ 1 ของตูร์เดอปิการ์ดี และแชมป์ลาโกตปิการ์ด (La Côte Picarde) นอกจากนี้ยังได้อันดับ 2 ในรายการตูร์เดอว็องเด (Tour de Vendée)
ในปี ค.ศ. 1997 โกมงต์ย้ายไปร่วมทีมโกฟิดิส (Cofidis) ซึ่งเป็นทีมที่เขาอยู่จนกระทั่งสิ้นสุดอาชีพนักปั่นจักรยาน ในปีเดียวกันนั้น เขาสามารถคว้าชัยชนะในรายการคลาสสิกของเบลเยียมอย่างเกนต์-เวเฟลเกม (Gent-Wevelgem) ซึ่งเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในปฏิทินจักรยาน และยังชนะสเตจ 3a ของโฟร์เดย์สออฟดังเคิร์กอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1998 เขายังชนะสเตจ 1 ของรายการกร็องปรีดูมีดีลีเบอร์ (Grand Prix du Midi Libre) และได้อันดับ 3 ในรายการเอตวลเดอเบสเซจ (Étoile de Bessèges)
3.2. อาชีพนักปั่นจักรยานประเภทลู่
นอกเหนือจากความสำเร็จในประเภทถนนแล้ว ฟิลิปป์ โกมงต์ยังเป็นนักปั่นที่โดดเด่นในประเภทลู่ เขาสามารถคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 ที่บาร์เซโลนา ในประเภททีมไทม์ไทรอัลระยะทาง 100 km ซึ่งเป็นผลงานสำคัญที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
ในปี ค.ศ. 2000 เขาคว้าแชมป์ฝรั่งเศสในประเภทบุคคลไล่ล่าและประเภททีมไล่ล่า ซึ่งเป็นการยืนยันความสามารถของเขาในฐานะนักปั่นลู่ชั้นนำของประเทศ นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน เขายังคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลกบนลู่ 2000 ในประเภทบุคคลไล่ล่า และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 ที่ซิดนีย์ โดยได้อันดับ 5 ในประเภทบุคคลไล่ล่า และในปี ค.ศ. 2002 เขาก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ดี โดยคว้าแชมป์ฝรั่งเศสในประเภทบุคคลไล่ล่าได้อีกครั้ง
3.3. ผลการแข่งขันรายการสำคัญ
ปี | รายการ | ผลงาน |
---|---|---|
1992 | ตูร์เดอลาซอม | อันดับ 1 Overall |
1992 | กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 - ทีมไทม์ไทรอัลชาย | เหรียญทองแดง |
1994 | ตูร์ดูปัวตู-ชาร็องต์ | อันดับ 1 Overall |
1994 | ตูร์ดูปัวตู-ชาร็องต์ | อันดับ 1 Stage 5 |
1996 | โฟร์เดย์สออฟดังเคิร์ก | อันดับ 1 Overall |
1996 | ตูร์เดอปิการ์ดี | อันดับ 1 Overall |
1996 | ตูร์เดอปิการ์ดี | อันดับ 1 Stage 1 |
1996 | ลาโกตปิการ์ด | อันดับ 1 |
1996 | ตูร์เดอว็องเด | อันดับ 2 |
1997 | เกนต์-เวเฟลเกม | อันดับ 1 |
1997 | โฟร์เดย์สออฟดังเคิร์ก | อันดับ 1 Stage 3a |
1998 | กร็องปรีดูมีดีลีเบอร์ | อันดับ 1 Stage 1 |
1998 | เอตวลเดอเบสเซจ | อันดับ 3 Overall |
2000 | จักรยานชิงแชมป์ฝรั่งเศสบนลู่ - บุคคลไล่ล่า | แชมป์ |
2000 | จักรยานชิงแชมป์ฝรั่งเศสบนลู่ - ทีมไล่ล่า | แชมป์ |
2000 | จักรยานชิงแชมป์โลกบนลู่ 2000 - บุคคลไล่ล่า | เหรียญทองแดง |
2000 | กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 - บุคคลไล่ล่า | อันดับ 5 |
2002 | จักรยานชิงแชมป์ฝรั่งเศสบนลู่ - บุคคลไล่ล่า | แชมป์ |
4. การใช้สารกระตุ้นและข้อถกเถียง
ฟิลิปป์ โกมงต์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการสารภาพอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้นในวงการจักรยาน ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างข้อถกเถียงและส่งผลกระทบอย่างมากต่ออาชีพของเขาและวงการกีฬาโดยรวม
4.1. การสารภาพเรื่องการใช้สารกระตุ้นและหนังสือ
ในปี ค.ศ. 2004 ฟิลิปป์ โกมงต์ได้สารภาพอย่างละเอียดถึงประสบการณ์การใช้สารกระตุ้นของเขา และได้เขียนหนังสือชื่อ Prisonnier du dopageพริซงนีเย ดู โดปาจภาษาฝรั่งเศส (นักโทษแห่งการใช้สารกระตุ้น) ในหนังสือเล่มนี้ เขาได้เปิดเผยวิธีการใช้สารกระตุ้นต่าง ๆ รวมถึงวิธีการปกปิดการใช้สารเหล่านั้น การใช้สารผสมที่เรียกว่า pot belgeโปต์ แบลฌภาษาฝรั่งเศส (ซึ่งเป็นค็อกเทลยาหลายชนิด) ทั้งเพื่อการฝึกซ้อมและการพักผ่อนหย่อนใจ เขายังอธิบายถึงแรงกดดันที่นักกีฬาต้องเผชิญในการทำเงิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นักปั่นต้องใช้สารกระตุ้น นอกจากนี้ เขายังให้สัมภาษณ์หลายครั้ง โดยกล่าวว่าเขาเชื่อว่านักปั่นอาชีพถึง 95% ใช้สารกระตุ้น และแสดงความสงสัยอย่างมากว่านักปั่นจะสามารถชนะรายการใหญ่ เช่น ตูร์เดอฟร็องส์ ได้โดยไม่ใช้สารกระตุ้น
4.2. การตรวจพบสารกระตุ้นและการสอบสวน
อาชีพของฟิลิปป์ โกมงต์เต็มไปด้วยกรณีการตรวจพบสารกระตุ้นและการสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ในปี ค.ศ. 1996 ขณะที่อยู่กับทีมกาน เขาถูกตรวจพบสารแนนโดรโลน (Nandrolone) ในการแข่งขันสองรายการ ซึ่งทำให้เขาถูกยกเลิกสัญญา ในปี ค.ศ. 1998 หลังจากย้ายไปอยู่กับทีมโกฟิดิส เขาก็ถูกตรวจพบสารแนนโดรโลนอีกสองครั้ง แต่กรณีดังกล่าวถูกยกฟ้องเนื่องจากผลการตรวจตัวอย่าง B ไม่พบสารต้องห้าม อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1999 การตรวจเลือดในคดีความที่เรียกว่า "Docteur Mabuse" แสดงให้เห็นว่าเขาใช้สารแอมเฟตามีน (Amphetamine)
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2004 เมื่อเขาถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ยุติธรรมของฝรั่งเศสสอบสวนในคดีการใช้สารกระตุ้นของทีมโกฟิดิส (Cofidis doping case) ในระหว่างการสอบสวน เขาได้สารภาพว่าเขาใช้ผลิตภัณฑ์กระตุ้นประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพนักปั่นจักรยาน รวมถึงอีริโทรโพอีติน (EPO) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ผิดกฎหมาย การสารภาพครั้งนี้ทำให้เขาตัดสินใจยุติอาชีพนักปั่นจักรยานอาชีพ
4.3. วิธีการปกปิดการใช้สารกระตุ้น
ในหนังสือของเขา ฟิลิปป์ โกมงต์ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงการตรวจพบสารกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารคอร์ติคอยด์ (corticoids) เขายกตัวอย่างวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการปกปิดการใช้คอร์ติคอยด์ คือการใช้เกลือถูถุงอัณฑะเพื่อทำให้เกิดผื่นคัน ซึ่งจะทำให้สามารถขอใบสั่งยาสำหรับครีมคอร์ติคอยด์ได้ เนื่องจากการตรวจปัสสาวะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างคอร์ติคอยด์ที่ใช้เป็นครีมตามใบสั่งยา (ซึ่งถูกกฎหมาย) กับการฉีด (ซึ่งผิดกฎหมาย) ใบสั่งยาเหล่านี้จึงถูกนำมาใช้เพื่อปกปิดการใช้สารกระตุ้นที่ผิดกฎหมาย
5. ชีวิตส่วนตัว
หลังจากที่ฟิลิปป์ โกมงต์ยุติอาชีพนักปั่นจักรยานอาชีพในปี ค.ศ. 2004 เขาก็ได้ผันตัวไปใช้ชีวิตส่วนตัวที่ห่างไกลจากวงการกีฬา เขาได้เปิดร้านกาแฟในเมืองอาเมียงส์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา เพื่อเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิตนอกเหนือจากการแข่งขันจักรยาน
6. การเสียชีวิต
ฟิลิปป์ โกมงต์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 ที่เมืองอารัส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยวัย 40 ปี สาเหตุการเสียชีวิตของเขาคืออาการหัวใจวายรุนแรง ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 2013 เขาได้ประสบภาวะหัวใจวายอย่างรุนแรงและตกอยู่ในอาการโคม่า รายงานข่าวบางฉบับระบุว่าเขาอยู่ในภาวะสมองตายก่อนที่จะเสียชีวิตในที่สุด การเสียชีวิตของเขาเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับวงการจักรยานและผู้ที่ติดตามเรื่องราวการสารภาพการใช้สารกระตุ้นของเขา
7. การประเมินและผลกระทบ
การกระทำและคำสารภาพของฟิลิปป์ โกมงต์มีผลกระทบอย่างมากต่อวงการจักรยานและการรับรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหาการใช้สารกระตุ้น
7.1. การประเมินเชิงบวก
ฟิลิปป์ โกมงต์มีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงสภาพความเป็นจริงของการใช้สารกระตุ้นอย่างแพร่หลายในวงการจักรยานอาชีพ การสารภาพอย่างตรงไปตรงมาของเขาในหนังสือ "Prisonnier du dopage" และการให้สัมภาษณ์ต่าง ๆ ได้ช่วยกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายอย่างจริงจังเกี่ยวกับความยุติธรรมในกีฬา สวัสดิการของนักกีฬา และแรงกดดันที่นักกีฬาต้องเผชิญในการแข่งขันระดับสูง การเปิดเผยของเขาได้นำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเพื่อต่อต้านการใช้สารกระตุ้น ซึ่งถือเป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อความพยายามในการทำให้กีฬาจักรยานมีความสะอาดและเป็นธรรมมากขึ้น
7.2. คำวิจารณ์และข้อถกเถียง
แม้ว่าการสารภาพของฟิลิปป์ โกมงต์จะนำไปสู่การเปิดโปงปัญหาการใช้สารกระตุ้นในวงการกีฬา แต่ตัวเขาเองก็ยังคงเป็นเป้าหมายของคำวิจารณ์และข้อถกเถียง เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎการใช้สารกระตุ้นโดยตรงหลายครั้งตลอดอาชีพของเขา การกระทำของเขาทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของผลงานที่เขาได้รับ และสร้างความผิดหวังให้กับแฟนกีฬาที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของเกมกีฬา ข้อถกเถียงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหาการใช้สารกระตุ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งปัจเจกบุคคล โครงสร้างของวงการกีฬา และแรงกดดันทางเศรษฐกิจ