1. Overview
รอเบิร์ต เอเบอร์ลี (Robert Eberlyรอเบิร์ต เอเบอร์ลีภาษาอังกฤษ; เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1916 - เสียชีวิต 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981) หรือชื่อเกิดว่า รอเบิร์ต เอเบอร์เล (Robert Eberleรอเบิร์ต เอเบอร์เลภาษาอังกฤษ) เป็นนักร้องบิ๊กแบนด์ชาวอเมริกันที่เป็นที่รู้จักกันดีจากการร่วมงานกับวงออร์เคสตราของจิมมี่ ดอร์ซีย์ และการร้องเพลงคู่กับเฮเลน โอ'คอนเนลล์ เขามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวงการดนตรีบิ๊กแบนด์และดนตรีแจ๊สในช่วงยุคทองของดนตรีแจ๊ส ด้วยเสียงร้องบาริโทนที่โรแมนติกและอ่อนหวาน ทำให้เพลงที่เขาร้องหลายเพลงกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตและเป็นที่จดจำมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากอาชีพนักร้องแล้ว เขายังมีบทบาทเป็นนักแต่งเพลง และนักแสดงภาพยนตร์อีกด้วย
2. Early Life and Background
รอเบิร์ต เอเบอร์ลีมีจุดเริ่มต้นอาชีพที่น่าสนใจและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความสามารถทางดนตรีของเขา
2.1. Birth and Family
รอเบิร์ต เอเบอร์ลี เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1916 โดยมีชื่อเกิดว่า โรเบิร์ต เอเบอร์เล แต่ภายหลังได้เปลี่ยนการสะกดนามสกุลเล็กน้อยเป็น "เอเบอร์ลี" ซึ่งออกเสียงคล้ายกัน เรย์ เอเบอร์ลี น้องชายของเขาเองก็เป็นนักร้องบิ๊กแบนด์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงออร์เคสตราของเกล็น มิลเลอร์ บิดาของพวกเขาชื่อ จอห์น เอ. เอเบอร์เล ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่างเขียนป้าย และเจ้าของร้านเหล้า นอกจากนี้ อัล เอเบอร์เล พี่ชายอีกคนหนึ่งยังเป็นสมาชิกสภาหมู่บ้านในเมืองฮูซิกฟอลส์ รัฐนิวยอร์กอีกด้วย
2.2. Early Career and Debut
เอเบอร์ลีเริ่มต้นอาชีพนักร้องด้วยการชนะการประกวดมือสมัครเล่นในรายการวิทยุของเฟรด แอลเลน ในปี ค.ศ. 1935 หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับการว่าจ้างให้เข้าร่วมวงดอร์ซีย์บราเธอส์ออร์เคสตรา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ก่อนที่ทอมมี่ ดอร์ซีย์จะแยกตัวออกจากวงไปตั้งวงของตัวเอง เอเบอร์ลียังคงอยู่กับจิมมี่ ดอร์ซีย์และกลายเป็นส่วนสำคัญของวงออร์เคสตรานี้จนกระทั่งเขาถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหารในช่วงปลายปี ค.ศ. 1943 นอกจากนี้ เขายังได้เปิดตัวในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1942 โดยได้รับบทเป็นนักแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่อง เดอะฟลีทส์อิน (The Fleet's Inเดอะฟลีทส์อินภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตกิจกรรมทางศิลปะของเขา
3. Music Career and Major Achievements
ตลอดอาชีพนักดนตรีของรอเบิร์ต เอเบอร์ลี เขาได้สร้างผลงานและประสบความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เขาร่วมงานกับวงออร์เคสตราชื่อดังและการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพเดี่ยว
3.1. Activities with Jimmy Dorsey Orchestra
ในช่วงต้นทศวรรษ 1940s วงออร์เคสตราของจิมมี่ ดอร์ซีย์ได้สร้างเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย โดยมีเอเบอร์ลีและเฮเลน โอ'คอนเนลล์เป็นนักร้องนำ เอเบอร์ลีจะร้องเพลงแนวบาริโทนที่ช้าและโรแมนติกในเวอร์ชันแรกของเพลง เช่น "อามาโปลา" (Amapolaอามาโปลาภาษาอังกฤษ) และ "แทนเจอริน" (Tangerineแทนเจอรินภาษาอังกฤษ) ตามด้วยการร้องซ้ำในจังหวะที่เร็วขึ้นและสดใสขึ้นโดยโอ'คอนเนลล์ การผสมผสานสไตล์การร้องของทั้งสองทำให้เกิดความนิยมอย่างมาก เอเบอร์ลียังได้บันทึกเสียงเพลง "I'm Glad There Is You" เวอร์ชันต้นฉบับในปี ค.ศ. 1942 ให้กับวงของดอร์ซีย์ภายใต้สังกัดเดคคาเรเคิดส์ ซึ่งเพลงนี้ต่อมาได้กลายเป็นเพลงมาตรฐานในแนวดนตรีแจ๊สและดนตรีป็อป
3.2. Solo Career and Broadcast Appearances
หลังจากออกจากวงออร์เคสตราของจิมมี่ ดอร์ซีย์ เอเบอร์ลีก็เริ่มเส้นทางอาชีพเดี่ยวและปรากฏตัวในรายการออกอากาศต่างๆ ในปี ค.ศ. 1953 เอเบอร์ลีและเฮเลน โอ'คอนเนลล์ได้เป็นพิธีกรหลักของรายการแทนช่วงฤดูร้อนของรายการโทรทัศน์ซีบีเอสของเพอร์รี โคโม โดยมีเรย์ แอนโทนี่และวงออร์เคสตราของเขาเข้าร่วมในรายการด้วย การปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์นี้ช่วยรักษาชื่อเสียงและความนิยมของเขาในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคบิ๊กแบนด์
3.3. Representative Songs and Popularity
รอเบิร์ต เอเบอร์ลีมีผลงานเพลงที่โดดเด่นมากมายที่สะท้อนถึงความสามารถและอิทธิพลทางดนตรีของเขา เพลงที่ได้รับการบันทึกเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางได้แก่:
- "It's the Dreamer in Me" (ร่วมกับจิมมี่ ดอร์ซีย์ และวงออร์เคสตราของเขา; ค.ศ. 1938)
- "กรีนอายส์" (Green Eyesกรีนอายส์ภาษาอังกฤษ) (ร่วมกับเฮเลน โอ'คอนเนลล์; ค.ศ. 1941)
- "แทนเจอริน" (Tangerineแทนเจอรินภาษาอังกฤษ) (ร่วมกับเฮเลน โอ'คอนเนลล์; ค.ศ. 1941)
- "I'm Glad There Is You (In a World of Ordinary Peopleอิน อะ เวิลด์ ออฟ ออร์ดินารี พีเพิลภาษาอังกฤษ)" (ร่วมกับจิมมี่ ดอร์ซีย์ และวงออร์เคสตราของเขา; ค.ศ. 1942)
- "Bésame Mucho" (Bésame Muchoเบซาเม มูโชภาษาสเปน) (ร่วมกับคิตตี้ แคลเลน; ค.ศ. 1944)
- "Love Letters in the Sand (Cartas De Amor En La Arenaการ์ตัส เด อามอร์ เอน ลา อาเรนาภาษาสเปน)" (ร่วมกับอีโนช ไลท์ และวงออร์เคสตราของเขา; ค.ศ. 1957)
- "เล็ทแดร์บีเลิฟ" (Let There Be Loveเล็ทแดร์บีเลิฟภาษาอังกฤษ)
- "มาเรีย เอเลนา" (Maria Elenaมาเรีย เอเลนาภาษาสเปน)
เพลงเหล่านี้หลายเพลงไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมอย่างมากในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่งเพลง "เล็ทแดร์บีเลิฟ", "ไอม์แกลดแดร์อิสยู" และ "มาเรีย เอเลนา" ในเวอร์ชันที่เขาร้องต้นฉบับได้สร้างชื่อเสียงและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องผู้สร้างเพลงฮิต
4. Personal Life
ด้านชีวิตส่วนตัว รอเบิร์ต เอเบอร์ลี แต่งงานกับฟลอรีน คาลลาฮาน เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1940 และใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1981 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ รอเบิร์ต จูเนียร์, แคธี และเรเน่ รอเบิร์ต จูเนียร์ บุตรชายของเขาได้ตามรอยเท้าพ่อและประกอบอาชีพนักร้องอาชีพเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จหรือเป็นที่นิยมเท่ากับบิดา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและการลดลงของกระแสวงการไนต์คลับ
5. Death
ในปี ค.ศ. 1980 เอเบอร์ลีต้องเข้ารับการผ่าตัดปอดออกไปหนึ่งข้าง แต่เขาก็ยังคงทำงานร้องเพลงต่อไปได้ รอเบิร์ต เอเบอร์ลี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981 ที่เมืองเกลนเบอร์นี รัฐแมริแลนด์ ในขณะที่มีอายุ 65 ปี (ในขณะที่ข้อมูลจากแหล่งภาษาเกาหลีระบุว่าเสียชีวิตด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน)
6. Legacy
รอเบิร์ต เอเบอร์ลีได้ทิ้งมรดกทางดนตรีที่สำคัญไว้ในฐานะหนึ่งในนักร้องบิ๊กแบนด์ชั้นนำแห่งยุคทองของดนตรีแจ๊ส เสียงร้องบาริโทนอันเป็นเอกลักษณ์และสไตล์การนำเสนอเพลงที่อ่อนโยนของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักร้องรุ่นหลังมากมาย เพลงฮิตที่เขาร่วมร้องกับจิมมี่ ดอร์ซีย์และเฮเลน โอ'คอนเนลล์ยังคงเป็นที่จดจำและถูกนำมาเล่นซ้ำบ่อยครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมและความสำคัญของเขาในประวัติศาสตร์ดนตรีอเมริกา แม้ว่ากระแสบิ๊กแบนด์จะจางหายไป แต่ผลงานของเอเบอร์ลีก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการรักษาวิญญาณของยุคนั้นไว้ และยืนยันสถานะของเขาในฐานะบุคคลสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดนตรีอย่างยั่งยืน