1. ภาพรวม
ซายูริ ยามางูจิ (山口 小百合ยามางูจิ ซายูริภาษาญี่ปุ่น) เกิดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1966 เป็นอดีตนักฟุตบอลหญิงชาวญี่ปุ่นในตำแหน่งกองหลัง และปัจจุบันเป็นโค้ชฟุตบอล เธอได้สร้างชื่อเสียงในวงการฟุตบอลหญิงของญี่ปุ่นผ่านอาชีพการเล่นอันยาวนานกับหลายสโมสร เช่น ชิมิซุดาอิฮาจิ สปอร์ตคลับ, ซูซูโยะ ชิมิซุ เอฟซี เลิฟลี เลดี้ส์ และ ทาซากิ เพรูเล่ เอฟซี รวมถึงการเป็นสมาชิกคนสำคัญของฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น
ความสำเร็จของเธอรวมถึงการชนะเลิศการแข่งขันระดับสโมสรหลายรายการ เช่น ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติญี่ปุ่น 6 สมัย และแอลลีก 1 สมัย ตลอดจนการได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่ทีมยอดเยี่ยมของแอลลีกถึง 4 ครั้ง นอกจากนี้เธอยังมีบทบาทในการแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญ เช่น ฟุตบอลโลกหญิงครั้งแรกในปี ค.ศ. 1991, ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย และเอเชียนเกมส์ หลังจากแขวนสตั๊ด เธอยังคงทุ่มเทให้กับการพัฒนาฟุตบอลหญิงในฐานะโค้ช โดยปัจจุบันเป็นโค้ชของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น และโค้ชของทีมฟุตบอลหญิงรุ่นเยาวชนของชิมิซุฟุตบอลคลับ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความก้าวหน้าและความเท่าเทียมทางสังคมในวงการกีฬา
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
ซายูริ ยามางูจิ อดีตนักฟุตบอลหญิงและโค้ชชาวญี่ปุ่น มีภูมิหลังและรายละเอียดส่วนบุคคลที่สำคัญซึ่งเป็นรากฐานของอาชีพของเธอในวงการฟุตบอล
2.1. ข้อมูลการเกิดและรายละเอียดส่วนบุคคล
ซายูริ ยามางูจิ เกิดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1966 ที่จังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เธอเริ่มต้นเส้นทางในวงการฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งนำไปสู่อาชีพการเล่นในระดับสูงทั้งในสโมสรและทีมชาติ
3. อาชีพนักฟุตบอล
ซายูริ ยามางูจิมีอาชีพนักฟุตบอลที่ยาวนานและประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น ทั้งในระดับสโมสรและในนามฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น บทบาทของเธอในฐานะกองหลังที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอทำให้เธอเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในยุคบุกเบิกของฟุตบอลหญิงญี่ปุ่น
3.1. อาชีพกับสโมสร
ตลอดอาชีพการเล่นระดับสโมสร ซายูริ ยามางูจิได้สังกัดและประสบความสำเร็จกับหลายสโมสรชั้นนำในฟุตบอลหญิงญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างรากฐานและยกระดับมาตรฐานของฟุตบอลหญิงในประเทศ
3.1.1. ประวัติการเล่นกับสโมสร
ซายูริ ยามางูจิเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรต่างๆ โดยมีช่วงเวลาที่สำคัญดังนี้:
- ระหว่างปี ค.ศ. 1981 ถึง ค.ศ. 1988 เธอเล่นให้กับชิมิซุดาอิฮาจิ สปอร์ตคลับ ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ ชิมิซุ เอฟซี เลดี้ส์ หรือ ชิมิซุดาอิฮาจิ สปอร์ตคลับ
- ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1995 เธอสังกัดซูซูโยะ ชิมิซุ เอฟซี เลิฟลี เลดี้ส์
- ช่วงสุดท้ายของอาชีพการเล่นสโมสร เธอเล่นให้กับทาซากิ เพรูเล่ เอฟซี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ถึง ค.ศ. 2000
3.1.2. ความสำเร็จกับสโมสร
ซายูริ ยามางูจิประสบความสำเร็จอย่างมากกับสโมสรที่เธอสังกัด โดยคว้าแชมป์และรางวัลสำคัญมากมาย:
- กับชิมิซุดาอิฮาจิ สปอร์ตคลับ: เธอคว้าแชมป์ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติญี่ปุ่นถึง 6 สมัย ในปี ค.ศ. 1981, 1982, 1983, 1984, 1985 และ 1986
- กับซูซูโยะ ชิมิซุ เอฟซี เลิฟลี เลดี้ส์: เธอคว้าแชมป์แอลลีก 1 สมัยในปี ค.ศ. 1989 และแชมป์ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติญี่ปุ่นอีก 1 สมัยในปี ค.ศ. 1991
- กับทาซากิ เพรูเล่ เอฟซี: เธอคว้าแชมป์ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติญี่ปุ่น 1 สมัยในปี ค.ศ. 1999
3.2. อาชีพกับทีมชาติ
ซายูริ ยามางูจิมีบทบาทสำคัญในฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น ตลอดระยะเวลาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เธอได้เป็นตัวแทนของประเทศในการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเทของเธอในระดับสูงสุด
3.2.1. การเปิดตัวและการแข่งขันสำคัญ
ซายูริ ยามางูจิ เปิดตัวในนามฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1981 ในการแข่งขันกับฟุตบอลหญิงทีมชาติอังกฤษ ขณะที่เธอมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น
เธอเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติญี่ปุ่นที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญหลายรายการ:
- ฟุตบอลโลกหญิง 1991: เธอเป็นสมาชิกของทีมชาติญี่ปุ่นชุดแรกที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงของฟีฟ่า และลงสนามครบทั้ง 3 นัดในการแข่งขันครั้งนั้น
- ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 1986: ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ
- ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 1991: ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ
- ฟุตบอลในเอเชียนเกมส์ 1990: ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ
- ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 1993: ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าอันดับสาม
3.2.2. สถิติทีมชาติ
ซายูริ ยามางูจิลงสนามในนามฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่นรวมทั้งหมด 29 นัด และทำได้ 1 ประตู ตลอดอาชีพของเธอจนถึงปี ค.ศ. 1993 สถิติโดยรวมของเธอในนามทีมชาติแสดงในตารางด้านล่าง:
ฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น | ||
---|---|---|
ปี | ลงสนาม | ประตู |
1981 | 2 | 0 |
1982 | 0 | 0 |
1983 | 0 | 0 |
1984 | 3 | 0 |
1985 | 0 | 0 |
1986 | 13 | 0 |
1987 | 0 | 0 |
1988 | 0 | 0 |
1989 | 0 | 0 |
1990 | 1 | 0 |
1991 | 9 | 1 |
1992 | 0 | 0 |
1993 | 1 | 0 |
รวม | 29 | 1 |
3.2.3. บันทึกการแข่งขันและประตูโดยละเอียด
ตารางด้านล่างแสดงรายละเอียดการลงสนามและประตูที่ซายูริ ยามางูจิทำได้ในนามฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น
4. ความสำเร็จและรางวัล
ซายูริ ยามางูจิ ได้รับการยอมรับในฐานะนักกีฬาที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จ เธอได้รับรางวัลส่วนบุคคลและมีส่วนร่วมในความสำเร็จของทีมหลายครั้งตลอดอาชีพของเธอ
4.1. รางวัลส่วนบุคคล
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งแอลลีก: เธอได้รับการคัดเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งแอลลีกถึง 4 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1989, 1991, 1992 และ 1993
5. อาชีพหลังการเล่น
หลังจากเกษียณจากการเป็นนักกีฬา ซายูริ ยามางูจิยังคงทุ่มเทให้กับวงการฟุตบอล โดยผันตัวมาเป็นโค้ชและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผู้เล่นรุ่นใหม่
5.1. อาชีพโค้ช
ปัจจุบัน ซายูริ ยามางูจิ ดำรงตำแหน่งเป็นโค้ชของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) โดยรับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนภาคโทไกสำหรับทีมหญิง ซึ่งเป็นบทบาทที่เคยเป็นที่รู้จักในฐานะโค้ชศูนย์ฝึกเยาวชนแห่งชาติ นอกจากนี้ เธอยังเป็นโค้ชให้กับทีมฟุตบอลหญิงรุ่นมัธยมต้นและมัธยมปลายของชิมิซุฟุตบอลคลับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของนักฟุตบอลหญิงรุ่นเยาวชน
6. มรดกและการประเมินผล
มรดกของซายูริ ยามางูจิในฐานะนักฟุตบอลและโค้ชนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาฟุตบอลหญิงในประเทศญี่ปุ่น การประเมินผลงานของเธอสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนต่อคนรุ่นหลังและความก้าวหน้าของวงการฟุตบอลหญิง
6.1. การมีส่วนร่วมต่อฟุตบอลหญิง
ซายูริ ยามางูจิ ได้มีส่วนร่วมอย่างมากต่อการพัฒนาและการสร้างสถานะของฟุตบอลหญิงในญี่ปุ่น ตลอดอาชีพการเล่นของเธอตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ถึง ค.ศ. 2000 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการบุกเบิกฟุตบอลหญิงอาชีพในญี่ปุ่น การเป็นนักฟุตบอลที่สม่ำเสมอและมีผลงานโดดเด่น ทั้งการเป็นตัวแทนทีมชาติในการแข่งขันระดับนานาชาติครั้งสำคัญหลายครั้ง รวมถึงฟุตบอลโลกหญิงครั้งแรก และการคว้าแชมป์และรางวัลส่วนบุคคลมากมาย ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยยกระดับความนิยมและมาตรฐานของฟุตบอลหญิงในประเทศ
หลังจากแขวนสตั๊ด การที่เธอยังคงมีส่วนร่วมในวงการฟุตบอลในฐานะโค้ช โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นโค้ชของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นและโค้ชทีมเยาวชน แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องในการปั้นนักฟุตบอลรุ่นใหม่ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความสามารถด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักฟุตบอลหญิงรุ่นต่อไป และมีส่วนช่วยในการส่งเสริมความเท่าเทียมและความก้าวหน้าทางสังคมผ่านกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นมรดกที่สำคัญของเธอในวงการฟุตบอลญี่ปุ่น