1. ภาพรวม
จูเซปเป เด ซังค์ติส Giuseppe De Sanctisจูเซปเป เด ซังค์ติสภาษาอิตาลี (พ.ศ. 2401-2467) เป็น จิตรกร ชาวอิตาลี ผู้มีชื่อเสียงเป็นหลักในด้านภาพเหมือนและภาพทิวทัศน์เมือง เขาเกิดที่เนเปิลส์และได้รับการสนับสนุนจากบิดาผู้เป็นนักธุรกิจซึ่งมีความหลงใหลในศิลปะ เขาได้เข้ารับการศึกษาอย่างเป็นทางการที่ Accademia di Belle Arti ในเนเปิลส์ ภายใต้การดูแลของศิลปินผู้ทรงอิทธิพลหลายท่าน
หลังจากสำเร็จการศึกษา เด ซังค์ติสได้เดินทางไปศึกษาและทำงานในลอนดอนและปารีส ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พัฒนาฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานภาพเหมือนสตรีอันเป็นที่รู้จักมากที่สุด เขามีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอในนิทรรศการศิลปะทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เช่น ปารีสซาลง และได้รับการยอมรับจากผลงานของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพวาด "La preghiera della sera a Bisanzio" ที่ได้รับรางวัลและถูกซื้อโดยสมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการศิลปะของอิตาลี โดยเฉพาะในเนเปิลส์ รวมถึงการร่วมก่อตั้งสมาคมศิลปะ การมีส่วนร่วมในการตกแต่งCaffè Gambrinus อันโด่งดัง และการเป็นกรรมการจัดงานเวนิส เบียนนาเล ในช่วงบั้นปลายชีวิต เขายังได้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ Accademia di Belle Arti di Napoli อีกด้วย ผลงานของเขาในช่วงหลังมักเน้นไปที่ทิวทัศน์แบบฝรั่งเศสและภาพเหมือนของราชวงศ์ การสร้างสรรค์และบทบาทของเขาเป็นเครื่องสะท้อนถึงการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของศิลปะอิตาลีในปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20
2. ชีวประวัติ
จูเซปเป เด ซังค์ติส เกิดในครอบครัวที่สนับสนุนความสามารถทางศิลปะของเขา และได้พัฒนาฝีมือผ่านการศึกษาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในต่างประเทศ
2.1. วัยเด็กและการศึกษา
จูเซปเป เด ซังค์ติส เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2401 ที่เมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี บิดาของเขาคือ เชซาเร เด ซังค์ติส เป็นนักธุรกิจที่มีความสนใจอย่างลึกซึ้งในดนตรี ศิลปะ และโรงละคร บิดาของเขายังเป็นเพื่อนสนิทของแวร์ดี คีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้เข้าร่วมพิธีบัพติศมาของจูเซปเปด้วย ด้วยอิทธิพลและการสนับสนุนจากครอบครัว ซึ่งแตกต่างจากศิลปินผู้ใฝ่ฝันหลายคนในยุคนั้น จูเซปเปได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเลือกเส้นทางอาชีพจิตรกร
ในปี พ.ศ. 2415 เมื่ออายุ 14 ปี เขาได้เข้าศึกษาที่ Accademia di Belle Arti (สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งเนเปิลส์) ซึ่งเป็นสถาบันศิลปะที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ที่นั่นเขาได้เรียนรู้และฝึกฝนกับอาจารย์ผู้ทรงอิทธิพลหลายท่าน เช่น โดเมนิโก โมเรลลี ฟิลิปโป ปาลิซซี และ โจอัคคิโน โตมา ซึ่งมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานทางศิลปะให้กับเขา
2.2. อาชีพช่วงต้นและประสบการณ์ในต่างประเทศ
หลังจากสำเร็จการศึกษาจาก Accademia di Belle Arti เด ซังค์ติสได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาประสบการณ์และพัฒนาทักษะทางศิลปะเพิ่มเติม เขาได้ใช้เวลาในการวาดภาพที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ในช่วงที่พำนักอยู่ในปารีส ด้วยคำแนะนำจากอาจารย์เก่าของเขาคือ โดเมนิโก โมเรลลี ทำให้เขาได้ร่วมงานกับบริษัทศิลปะชื่อดังอย่าง Goupil & Cie ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์และผู้ค้างานศิลปะระดับนานาชาติ การร่วมงานครั้งนี้ทำให้เขามีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานภาพเหมือนสตรีจำนวนมาก ซึ่งหลายภาพวาดจากนางแบบคนเดียวกัน และผลงานชุดนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดของเขา
นอกจากการทำงานเชิงพาณิชย์แล้ว เขายังคงศึกษาศิลปะต่อในปารีสกับ ฌอง-เลออง เฌอโรม จิตรกรชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงด้านศิลปะแบบวิชาการ และยังได้รับอิทธิพลจากศิลปินร่วมสมัยอย่าง ปาสกาล ดัญญอง-บูฟเวอเร ซึ่งเป็นจิตรกรชาวฝรั่งเศสที่เชี่ยวชาญด้านภาพเหมือนและภาพวาดชนบท ประสบการณ์ในต่างประเทศนี้มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมรูปแบบและสไตล์ทางศิลปะของเด ซังค์ติสให้มีความหลากหลายและทันสมัย
3. กิจกรรมทางศิลปะที่สำคัญ
จูเซปเป เด ซังค์ติส มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในวงการศิลปะ ทั้งการจัดแสดงผลงานในนิทรรศการสำคัญ และการมีบทบาทในสถาบันศิลปะชั้นนำของอิตาลี
3.1. นิทรรศการและการได้รับการยอมรับ
จูเซปเป เด ซังค์ติส เป็นศิลปินที่มีผลงานจัดแสดงอย่างสม่ำเสมอ เขาเข้าร่วมนิทรรศการต่างๆ ในเนเปิลส์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2425 ถึง พ.ศ. 2460 นอกจากนี้ เขายังได้นำผลงานไปจัดแสดงในระดับนานาชาติที่ ปารีสซาลง (Salon) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทั้งในปี พ.ศ. 2433 และ พ.ศ. 2442

ผลงานชิ้นหนึ่งของเขาคือ "La preghiera della sera a Bisanzio" (คำอธิษฐานยามเย็นที่ไบแซนไทน์) ได้รับเหรียญเงินจากการประกวดที่ปาแลร์โมในปี พ.ศ. 2429 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในฝีมือของเขาในระดับสูง ความสำเร็จนี้ยังนำไปสู่เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่กว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลี ทรงสนพระทัยและทรงซื้อภาพวาดชิ้นนี้ไว้ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับจากสถาบันพระมหากษัตริย์และสถานะของเขาในฐานะศิลปิน
3.2. การมีส่วนร่วมในวงการศิลปะอิตาลี
เด ซังค์ติส ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเท่านั้น แต่เขายังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนวงการศิลปะในอิตาลีอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2433 เขามีส่วนร่วมในการก่อตั้ง "Circolo artistico di Napoli" (สโมสรศิลปะแห่งเนเปิลส์) ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินท้องถิ่น ในปีเดียวกันนั้น เขายังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับมอบหมายให้ตกแต่งCaffè Gambrinus อันโด่งดังในเนเปิลส์ ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง
หลังจากปี พ.ศ. 2438 เขาได้เข้ามามีส่วนร่วมกับงานเวนิส เบียนนาเล (Venice Biennale) ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงศิลปะร่วมสมัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก โดยเขาได้ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการจัดงานในปี พ.ศ. 2446 และ พ.ศ. 2448 แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและความน่าเชื่อถือของเขาในระดับชาติ
ในปี พ.ศ. 2444 เด ซังค์ติสได้กลับไปที่ Accademia di Belle Arti ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยศึกษา โดยเข้ามารับตำแหน่งแทนอาจารย์เก่าของเขาคือ โดเมนิโก โมเรลลี และต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการแกะสลักและการแกะแม่พิมพ์ บทบาทในฐานะอาจารย์นี้ทำให้เขาสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อมรดกทางศิลปะของประเทศ
3.3. ผลงานช่วงปลายและหัวข้อหลัก
ในช่วงบั้นปลายชีวิต จูเซปเป เด ซังค์ติส มีแนวโน้มที่จะวาดภาพในหัวข้อที่แตกต่างออกไปจากเดิม โดยเฉพาะภาพทิวทัศน์ที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการใช้ชีวิตและศึกษาในปารีส นอกจากภาพทิวทัศน์แล้ว เขายังได้สร้างสรรค์ผลงานภาพเหมือนของสมาชิกราชวงศ์อิตาลี (House of Savoy) อีกหลายภาพ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะและความสามารถของเขาในฐานะจิตรกรภาพเหมือนผู้มีความน่าเชื่อถือ
4. รูปแบบศิลปะและผลงานเด่น

จูเซปเป เด ซังค์ติส เป็นที่รู้จักจากผลงานภาพเหมือนและภาพทิวทัศน์เมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพเหมือนสตรีที่มีความงดงามและละเอียดอ่อน ซึ่งสร้างขึ้นในระหว่างที่เขาทำงานในปารีสกับ Goupil & Cie ผลงานของเขาแสดงให้เห็นถึงการใช้สีสันและแสงที่กลมกลืน ผสมผสานความเหมือนจริงเข้ากับสัจนิยมที่นุ่มนวล
ผลงานเด่นของเขาได้แก่:
- ภาพฉากภายในพร้อมบุคคล (Interior Scene with Figure)
- จักรพรรดินีเทโอโดรา
- ตลาดดอกไม้ในบรัสเซลส์ (Flower Market in Brussels)
- ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง (Spring and Autumn)
- หมวกสีแดง (The Red Bonnet)
- ปารีส (Paris)
- ป่าไม้ (Forest)
- คอร์เตซาน่า (Cortesã)







5. การเสียชีวิต
จูเซปเป เด ซังค์ติส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2467 ที่เมืองเนเปิลส์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา สิริอายุ 65 ปี
6. การประเมินและมรดกทางศิลปะ
จูเซปเป เด ซังค์ติส ได้รับการประเมินว่าเป็นจิตรกรที่มีความสำคัญในบริบทของศิลปะอิตาลีปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มศิลปินสัจนิยมและภาพเหมือน เขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงศิลปะอิตาลีเข้ากับกระแสนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลจากโรงเรียนศิลปะฝรั่งเศสที่เขาได้ไปศึกษาและทำงาน
มรดกทางศิลปะของเขาไม่เพียงแค่สะท้อนผ่านผลงานภาพวาดอันงดงาม แต่ยังรวมถึงบทบาทของเขาในฐานะผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการก่อตั้งและขับเคลื่อนสถาบันศิลปะต่างๆ เช่น Circolo artistico di Napoli และการเป็นกรรมการในงาน Venice Biennale ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการส่งเสริมวงการศิลปะในบ้านเกิด
การที่เขาได้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ Accademia di Belle Arti di Napoli ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณูปการของเขาในฐานะผู้ให้ความรู้และแรงบันดาลใจแก่ศิลปินรุ่นใหม่ การสอนของเขามีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมทิศทางของศิลปะอิตาลีในอนาคต ผลงานของเด ซังค์ติสยังคงได้รับการชื่นชมในความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและความงามในชีวิตประจำวัน รวมถึงความชำนาญในการสร้างสรรค์ภาพเหมือนที่ทรงพลัง ทำให้เขายังคงเป็นศิลปินที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ศิลปะอิตาลี