1. ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
คิม อี-ซอบเกิดที่ควังจู ประเทศเกาหลีใต้ เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมซุงอีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัยชอนจู ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลของเขา
2. อาชีพนักฟุตบอล
คิม อี-ซอบมีอาชีพนักฟุตบอลที่ยาวนานถึง 13 ปี โดยเล่นให้กับหลายสโมสรที่สำคัญในเคลีก บทบาทของเขามักจะเป็นผู้รักษาประตูที่แข็งแกร่งและเป็นที่พึ่งของทีมเสมอ
2.1. โพฮังสตีลเลอส์
คิม อี-ซอบเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพในปี พ.ศ. 2540 หลังจากเข้าร่วมสโมสรโพฮังสตีลเลอส์ เขาได้สร้างผลงานอันโดดเด่นในฐานะผู้รักษาประตูตัวจริงถึงสองฤดูกาลติดต่อกัน มีส่วนสำคัญในการพาทีมจบอันดับที่ 4 ในเคลีก ฤดูกาล 1997 และอันดับที่ 3 ในเคลีก ฤดูกาล 1998 นอกจากนี้ เขายังช่วยให้ทีมผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ (เกาหลีใต้)ได้สองฤดูกาลติดต่อกัน และคว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกได้ถึงสองสมัยติดต่อกัน ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของสโมสรในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2542 การเข้ามาของโช จุน-โฮ ผู้รักษาประตูฝีมือดี ทำให้คิม อี-ซอบต้องหลีกทางให้ และเมื่อคิม บย็อง-จี ย้ายมาร่วมทีมในปี พ.ศ. 2544 สถานะผู้รักษาประตูตัวจริงของคิม อี-ซอบก็ถูกลดทอนลงอย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุดเขาถูกปล่อยตัวในฐานะผู้เล่นไร้สังกัดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2544 และต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการหาสโมสรใหม่
2.2. ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์
หลังจากเป็นผู้เล่นไร้สังกัดอยู่ประมาณหนึ่งปี คิม อี-ซอบได้เซ็นสัญญากับช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ในช่วงกลางเคลีก ฤดูกาล 2002 ซึ่งเป็นสโมสรที่ตั้งอยู่ในเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเก่าของเขา ที่นี่เขาทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูสำรองเป็นหลักตลอดฤดูกาล พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2546 แม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ แต่เขาก็มีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ 2003 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในอาชีพของเขา
2.3. อินชอนยูไนเต็ด
เมื่อสิ้นสุดเคลีก ฤดูกาล 2003 คิม อี-ซอบได้รับสถานะผู้เล่นไร้สังกัดอีกครั้ง และได้ตัดสินใจเข้าร่วมสโมสรน้องใหม่ อินชอนยูไนเต็ด ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งก่อนเริ่มต้นเคลีก ฤดูกาล 2547 การตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาชีพของเขาและประวัติศาสตร์ของสโมสรอินชอนยูไนเต็ด ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับอินชอนยูไนเต็ดจนถึงปี พ.ศ. 2553 คิม อี-ซอบสลับบทบาทระหว่างการเป็นผู้รักษาประตูสำรองและตัวจริงตามความเหมาะสม เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดประวัติศาสตร์ที่คว้ารองชนะเลิศเคลีก ฤดูกาล 2005 และยังพาทีมผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพได้ถึงสองครั้งติดต่อกัน บทบาทของเขาไม่เพียงแต่เป็นการทำหน้าที่ในสนามเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำและเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรที่เพิ่งก่อตั้งใหม่แห่งนี้อีกด้วย หลังจากจบเคลีก ฤดูกาล 2010 เขาย้ายตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริงให้กับรุ่นน้อง ยุน กี-วอน ในปี พ.ศ. 2554 คิม อี-ซอบได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการพร้อมกับลิม จุง-ยง ซึ่งเป็นการยุติเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ 13 ปีของเขา
3. อาชีพโค้ช
หลังจากการประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในปี พ.ศ. 2554 คิม อี-ซอบได้ผันตัวเข้าสู่วงการผู้ฝึกสอนฟุตบอลในฐานะโค้ชผู้รักษาประตู เขาได้นำประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาตลอดอาชีพนักฟุตบอลมาถ่ายทอดให้กับผู้เล่นรุ่นใหม่ ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งโค้ชผู้รักษาประตูให้กับสโมสรเก่าของเขาอย่างโพฮังสตีลเลอส์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องในวงการฟุตบอลเกาหลีใต้
4. ชีวิตส่วนตัว
4.1. ความสัมพันธ์ในครอบครัว
คิม อี-ซอบมีลูกชายชื่อ คิม จุน-ฮง ซึ่งเดินตามรอยเท้าของพ่อในการเป็นนักฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูเช่นกัน คิม จุน-ฮงได้เข้าร่วมทีมช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรเก่าของพ่อในปี พ.ศ. 2564 หลังจากนั้นเขาได้เล่นให้กับทีมช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ บี และปัจจุบันเป็นผู้รักษาประตูให้กับคิมชอนซังมู รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี
5. การประเมิน
คิม อี-ซอบได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการฟุตบอลเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานะของเขาในฐานะ "ตำนาน" ของอินชอนยูไนเต็ด เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของสโมสรแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2547 และเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานกว่า 7 ปี มีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งสำคัญของสโมสร เช่น การคว้ารองชนะเลิศเคลีก ฤดูกาล 2005 และการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพถึงสองครั้งติดต่อกัน ความทุ่มเท ความเป็นมืออาชีพ และการเป็นแบบอย่างที่ดีตลอดระยะเวลาที่อยู่กับอินชอนยูไนเต็ด ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของทีม ซึ่งได้รับการจดจำและยกย่องจากแฟนบอลและสโมสรมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากเลิกเล่น เขายังคงถ่ายทอดประสบการณ์ในฐานะโค้ชผู้รักษาประตู ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง.