1. Early Life
กฤษดา วงษ์แก้ว เกิดเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2531
2. Career
กฤษดา วงษ์แก้ว มีเส้นทางอาชีพที่โดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยเขาเป็นผู้เล่นที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อฟุตซอลไทยมาโดยตลอด
2.1. Club Career
ตลอดเส้นทางอาชีพในระดับสโมสร กฤษดา วงษ์แก้ว มีบทบาทสำคัญกับหลายสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสโมสรฟุตซอลชลบุรีบลูเวฟ และการยืมตัวระยะสั้นกับสโมสรฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ด
2.1.1. Chonburi Bluewave
กฤษดาเป็นกำลังหลักของสโมสรฟุตซอลชลบุรีบลูเวฟ มาอย่างยาวนาน และได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม เขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตซอลไทยลีกมาแล้วถึง 10 สมัย ซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งในวงการฟุตซอลไทย ในการแข่งขันฟุตซอลไทยลีก ฤดูกาล 2012-2013 กฤษดาในฐานะกัปตันทีมได้นำทีมชนะสโมสรฟุตซอลนนทบุรีไป 5-0 และชนะสโมสรฟุตซอลสมุทรสงครามไป 8-2 ที่โรงเรียนชลกันยานุกูล แสดงให้เห็นถึงบทบาทผู้นำและฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งของเขา
2.1.2. Loan to Nakhon Pathom United
เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2566 หลังจบการแข่งขันฟุตซอลไทยลีก ฤดูกาล 2565 กฤษดา วงษ์แก้ว ได้บรรลุข้อตกลงในการย้ายไปเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองกลางให้กับสโมสรฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ด ในไทยลีก 2 ด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 3 เดือน ความเคลื่อนไหวนี้เป็นไปตามความฝันของกฤษดาที่ต้องการจะลองเล่นฟุตบอลอาชีพ และเขามีส่วนสำคัญในการช่วยให้นครปฐม ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2565-66 และเลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีกได้สำเร็จ หลังจากนั้นในไทยลีก ฤดูกาล 2566-67 เขาก็ได้กลับมาร่วมทีมนครปฐม ยูไนเต็ดอีกครั้ง
2.2. International Career
กฤษดา วงษ์แก้ว เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมฟุตซอลทีมชาติไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นกัปตันทีมในการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ที่เข้าร่วมฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และเป็นครั้งแรกที่ทีมชาติไทยสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
ก่อนการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 กฤษดาได้ทำประตูช่วยให้ทีมชาติไทยชนะฟุตซอลทีมชาติอียิปต์ 4-3 ในนัดอุ่นเครื่องที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ในระหว่างการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มของฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 กฤษดาซึ่งเป็นเพลย์เมกเกอร์หลักของทีม ไม่สามารถลงสนามในนัดที่พบกับฟุตซอลทีมชาติปารากวัยที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก เนื่องจากติดโทษแบน อย่างไรก็ตาม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 กฤษดาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ทำประตูให้ทีมชาติไทยได้ ในเกมที่พบกับฟุตซอลทีมชาติสเปน ที่อาคารนิมิบุตร แม้ทีมจะพ่ายแพ้และตกรอบไป แต่การทำประตูในนัดนี้ก็เป็นที่จดจำ
กฤษดา วงษ์แก้ว ยังคงมีบทบาทสำคัญในฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2016 โดยเขารับหน้าที่เป็นกัปตันทีมภายใต้การคุมทีมของมิเกล โรดริโก และในฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2021 เขายังคงดำรงตำแหน่งกัปตันทีมภายใต้การนำของรักษ์พล สายเนตรงาม ส่วนในฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2024 เขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติไทย โดยมีจิรวัฒน์ สอนวิเชียรเป็นกัปตันทีม และมิเกล โรดริโกกลับมารับหน้าที่ผู้ฝึกสอนอีกครั้ง
3. Achievements
กฤษดา วงษ์แก้ว ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเส้นทางอาชีพฟุตซอล ทั้งในระดับสโมสรและรางวัลส่วนบุคคล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถและผลงานอันยอดเยี่ยมของเขา
3.1. Club Achievements
- ฟุตซอลไทยลีก (10 สมัย)
- ชนะเลิศ: 2009, 2010, 2011-12, 2012-13, 2014, 2015, 2016, 2017, 2020, 2021-22 (กับสโมสรฟุตซอลชลบุรีบลูเวฟ)
- ไทยลีก 2 (1 สมัย)
- ชนะเลิศ: ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2565-66 (กับสโมสรฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ด)
3.2. Individual Awards
- รางวัลนักฟุตซอลยอดเยี่ยมประจำปี (จากทีมงานฟุตบอลสยาม)
- รางวัลนักฟุตซอลยอดเยี่ยมแห่งปี (จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์): 2564-2565
- นักฟุตซอลยอดเยี่ยมในรายการฟุตซอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน: พ.ศ. 2565
4. Playing Style
กฤษดา วงษ์แก้ว เล่นในตำแหน่งกองกลางและได้รับยกย่องให้เป็นเพลย์เมกเกอร์หลักของทีม เขามีวิสัยทัศน์ในการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม การจ่ายบอลที่แม่นยำ และความสามารถในการควบคุมจังหวะการเล่นของทีม นอกจากนี้ เขายังมีความแข็งแกร่งและทักษะการป้องกันที่ดี ทำให้เขามีบทบาทสำคัญทั้งในเกมรุกและเกมรับ
5. Legacy
กฤษดา วงษ์แก้ว ได้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อวงการฟุตซอลไทย ด้วยการเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยืนระยะได้ยาวนานที่สุดและมีผลงานสม่ำเสมอ เขาเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จของสโมสรฟุตซอลชลบุรีบลูเวฟ และเป็นแกนหลักของทีมฟุตซอลทีมชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดประวัติศาสตร์ที่ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการฟุตซอลไทย บทบาทของเขาในฐานะกัปตันทีมและความเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนามได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตซอลรุ่นใหม่ และทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักฟุตซอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ.