1. ชีวิตช่วงต้นและชีวิตส่วนตัว
ดาวี เพรอปเปอร์เกิดที่เมืองอาร์เนม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขามีพี่น้องสองคนคือ โรบิน เพรอปเปอร์ และไมค์ ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน
1.1. วัยเด็กและการศึกษา
เพรอปเปอร์เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลสมัครเล่นท้องถิ่นชื่อ VDZ ซึ่งเขาได้รับการฝึกสอนจากบิดาของเขาเอง คือ ปีเตอร์ เพรอปเปอร์ หลังจากนั้น เขาก็ได้พัฒนาฝีเท้าและเข้าสู่ศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรวีเทสเซ่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเริ่มต้นอาชีพฟุตบอลของเขา
1.2. จุดเริ่มต้นอาชีพ
ประสบการณ์การฝึกสอนโดยบิดาของเขาที่ VDZ เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะฟุตบอลของเพรอปเปอร์ เขาได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของวีเทสเซ่ และได้เปิดตัวในฐานะนักเตะอาชีพกับสโมสรแห่งนี้ในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเส้นทางอาชีพของเขา
2. อาชีพค้าแข้งกับสโมสร
2.1. วีเทสเซ่ (ช่วงแรก)
เพรอปเปอร์เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสรวีเทสเซ่ในฤดูกาล 2009-10 โดยประเดิมสนามในศึกเอเรดิวิซีเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 2010 ในนัดที่พบกับเอ็น.อี.ซี. ที่สตาดิโอน เดอ กอฟเฟิร์ต โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทนเควิน ฟาน เดียร์เมนในนาทีที่ 84 เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2010 ในนัดที่พบกับเอ็นเอซี เบรดา ที่เกลเรโดม ในฤดูกาล 2009-10 เขาลงสนามในเอเรดิวิซีไปทั้งหมด 11 นัด ในฤดูกาลถัดมา เขายิงประตูแรกให้กับสโมสรได้ในนัดที่พ่ายแพ้ต่ออายักซ์ 4-2
2.2. พีเอสวี (ช่วงแรก)

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เพรอปเปอร์ยิงประตูชัยให้กับพีเอสวีในบ้านที่พบกับซีเอสเคเอ มอสโกในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ทำให้พีเอสวีผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในรอบเก้าปี ในฤดูกาล 2015-16 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พีเอสวีคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ เขายิงไป 10 ประตูจากการลงเล่นเกือบทุกนัดในลีก (ขาดไปเพียงนัดเดียว) ซึ่งเป็นการป้องกันแชมป์ลีกของพีเอสวีได้อีกครั้ง
2.3. ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2017 เพรอปเปอร์เซ็นสัญญา 4 ปีกับสโมสรไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสูงสุดของสโมสรในขณะนั้น ห้าวันต่อมา เขาประเดิมสนามให้กับไบรตันในนัดแรกของพรีเมียร์ลีก โดยลงเล่นเต็มเกมในนัดที่พ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ซิตี 2-0 ในบ้าน เขาประเดิมสนามในอีเอฟแอลคัพเมื่อวันที่ 19 กันยายน โดยลงเป็นตัวสำรองในนัดที่พ่ายแพ้ต่อบอร์นมัท 1-0 ในวันที่ 9 กันยายน ไบรตันสามารถเก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรก โดยเอาชนะเวสต์บรอมมิชอัลเบียน 3-1 ซึ่งเพรอปเปอร์ลงเล่นเต็มเกมในนัดนั้นด้วย เขาลงสนาม 4 นัดในเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2017-18 รวมถึงนัดที่พ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2018 เพรอปเปอร์ได้รับใบแดงโดยตรงจากการเข้าสกัดโจนาธาน ฮอกก์อย่างรุนแรงในนัดที่เสมอฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 1-1 ในบ้าน เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ไบรตันเผชิญหน้ากับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกครั้งในลีก และสามารถเอาชนะไปได้ 1-0 ที่ฟัลเมอร์ สเตเดียม ซึ่งทำให้สโมสรการันตีสถานะในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ โดยเพรอปเปอร์ลงเล่นเต็มเกมในนัดนั้น
ในฤดูกาลที่สองของเขากับไบรตัน เขาลงเล่นในนัดที่ชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นนัดที่สองติดต่อกัน โดยชนะ 3-2 ในบ้านเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เขาลงเล่นในนัดเดียวของไบรตันในอีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2018-19 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม โดยลงเป็นตัวสำรองในนัดที่พ่ายแพ้ต่อเซาแทมป์ตัน 1-0 ในบ้าน เพรอปเปอร์ยิงประตูแรกให้กับไบรตันได้ในนัดที่พ่ายแพ้ต่อเลสเตอร์ซิตี 2-1 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 เขาลงสนาม 4 นัดในเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2018-19 ซึ่งไบรตันเข้าถึงรอบรองชนะเลิศที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ก่อนจะตกรอบด้วยการพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ซิตี เพรอปเปอร์ยังคงเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม และไบรตันสามารถการันตีสถานะในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่คาร์ดิฟฟ์ซิตีพ่ายแพ้ต่อคริสตัลพาเลซในบ้าน
ในวันเปิดฤดูกาล 2019-20 เพรอปเปอร์ทำแอสซิสต์ให้ฟลอริน อันโดเนทำประตูในนัดที่ไบรตันสามารถเก็บชัยชนะนอกบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้ โดยเอาชนะวอตฟอร์ด 3-0 ฤดูกาล 2020-21 ของเพรอปเปอร์กับไบรตันต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาลงสนามในพรีเมียร์ลีกได้เพียง 7 นัด และลงเล่นรวมทุกรายการเพียง 11 นัดตลอดทั้งฤดูกาล
2.4. พีเอสวี (ช่วงที่สอง)
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2021 พีเอสวีประกาศว่าได้เซ็นสัญญากับเพรอปเปอร์อีกครั้งจากไบรตันด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย เขาประเดิมสนามครั้งที่สองให้กับพีเอสวีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยลงเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 63 แทนมาร์โก ฟาน คิงเคลในนัดที่ชนะกาลาตาซาราย 5-1 ในบ้าน ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก รอบที่สอง นัดแรก เขาลงเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 61 แทนอิบราฮิม ซ็องกาเรในการแข่งขันโยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ 2021 ซึ่งพีเอสวีคว้าแชมป์สมัยที่ 12 ได้สำเร็จหลังจากเอาชนะอายักซ์ 4-0 ที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม การกลับมาเล่นในลีกของเขากับพีเอสวีเริ่มต้นด้วยความสำเร็จ โดยเขาลงเล่นเต็มเกมในนัดเปิดฤดูกาลที่ชนะเฮราเคิลส์ อัลเมโล 2-0 นอกบ้านเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เขายิงประตูแรกในการกลับมาเล่นให้พีเอสวีได้ในอีกเจ็ดวันต่อมา โดยเป็นประตูเบิกร่องในนัดที่ชนะเอสซี คัมบูร์ 4-1 ในบ้าน
2.5. วีเทสเซ่ (ช่วงที่สอง)
เมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2023 เพรอปเปอร์ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งและเซ็นสัญญากับสโมสรแรกของเขาคือวีเทสเซ่ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2024
3. อาชีพกับทีมชาติ
3.1. ทีมเยาวชน
เพรอปเปอร์เคยเป็นตัวแทนของทีมชาติเนเธอร์แลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 2010 เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 เพรอปเปอร์ประเดิมสนามให้กับทีมชาติ U-19 ในนัดคัดเลือกที่พบกับไซปรัส โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทนสตีเฟน เบิร์กเฮาส์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 เพรอปเปอร์ได้ลงสนามเป็นตัวจริงและเล่นเต็มเกมในนัดที่พบกับเช็กเกีย
3.2. ทีมชาติชุดใหญ่
เขาประเดิมสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 2015 โดยลงมาแทนโรบิน ฟัน แปร์ซี กัปตันทีมในนาทีที่ 57 ในนัดกระชับมิตรที่พ่ายแพ้ต่อสหรัฐอเมริกา 3-4 ที่อัมสเตอร์ดัม อารีนา เพรอปเปอร์ยิงประตูแรกให้กับทีมชาติได้ในนัดที่ 6 ของเขา ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2017 โดยยิงสองประตูในนัดที่ชนะบัลแกเรีย 3-1 ในบ้าน ในนัดถัดมา เขายิงประตูได้อีกครั้งในนัดที่ชนะเบลารุส 3-1 ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกเช่นกัน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2017
เพรอปเปอร์เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2019 เมื่อวันที่ 6 กันยายน เขาลงเป็นตัวสำรองในนัดที่พบกับเยอรมนี ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก ซึ่งเนเธอร์แลนด์สามารถเก็บชัยชนะได้ 4-2
4. การเลิกเล่นและการกลับมาเล่น
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2022 ดาวี เพรอปเปอร์ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรก โดยให้เหตุผลว่าเขารู้สึกขาดแรงจูงใจในการเล่นฟุตบอล และรู้สึกไม่สบายใจกับวัฒนธรรมของวงการฟุตบอลในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2023 เขากลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง โดยเซ็นสัญญากับวีเทสเซ่ สโมสรแรกของเขา จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2024 แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 เขาก็ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งที่สองและเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่สโมสรวีเทสเซ่ตกชั้นจากเอเรดิวิซี
5. สถิติอาชีพ
5.1. สโมสร
| สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วยในประเทศ | ลีกคัพ | ยุโรป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ดิวิชัน | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ||
| วีเทสเซ่ | 2009-10 | เอเรดิวิซี | 11 | 0 | 0 | 0 | - | - | - | 11 | 0 | |||
| 2010-11 | เอเรดิวิซี | 29 | 3 | 3 | 1 | - | - | - | 32 | 4 | ||||
| 2011-12 | เอเรดิวิซี | 19 | 1 | 3 | 0 | - | - | - | 22 | 1 | ||||
| 2012-13 | เอเรดิวิซี | 14 | 0 | 3 | 2 | - | 4 | 0 | - | 21 | 2 | |||
| 2013-14 | เอเรดิวิซี | 35 | 7 | 2 | 0 | - | 1 | 0 | - | 38 | 7 | |||
| 2014-15 | เอเรดิวิซี | 34 | 7 | 4 | 0 | - | - | - | 38 | 7 | ||||
| 2022-23 | เอเรดิวิซี | 2 | 0 | 0 | 0 | - | - | - | 2 | 0 | ||||
| 2023-24 | เอเรดิวิซี | 2 | 0 | 1 | 0 | - | - | - | 3 | 0 | ||||
| รวม | 146 | 18 | 16 | 3 | - | 5 | 0 | - | 167 | 21 | ||||
| พีเอสวี | 2015-16 | เอเรดิวิซี | 33 | 10 | 2 | 1 | - | 8 | 1 | 1 | 0 | 44 | 12 | |
| 2016-17 | เอเรดิวิซี | 34 | 6 | 2 | 2 | - | 6 | 1 | 1 | 1 | 43 | 10 | ||
| 2017-18 | เอเรดิวิซี | - | - | - | 2 | 0 | - | 2 | 0 | |||||
| 2021-22 | เอเรดิวิซี | 9 | 1 | 0 | 0 | - | 6 | 0 | 1 | 0 | 16 | 1 | ||
| รวม | 76 | 17 | 4 | 3 | - | 22 | 2 | 3 | 1 | 105 | 23 | |||
| ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน | 2017-18 | พรีเมียร์ลีก | 35 | 0 | 4 | 0 | 1 | 0 | - | - | 40 | 0 | ||
| 2018-19 | พรีเมียร์ลีก | 30 | 1 | 4 | 0 | 1 | 0 | - | - | 35 | 1 | |||
| 2019-20 | พรีเมียร์ลีก | 35 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | - | 35 | 1 | |||
| 2020-21 | พรีเมียร์ลีก | 7 | 0 | 2 | 0 | 2 | 0 | - | - | 11 | 0 | |||
| รวม | 107 | 2 | 10 | 0 | 4 | 0 | - | - | 121 | 2 | ||||
| รวมตลอดอาชีพ | 329 | 37 | 30 | 6 | 4 | 0 | 27 | 2 | 3 | 1 | 393 | 46 | ||
5.2. ทีมชาติ
| ทีมชาติ | ปี | ลงสนาม | ประตู |
|---|---|---|---|
| เนเธอร์แลนด์ | 2015 | 1 | 0 |
| 2016 | 3 | 0 | |
| 2017 | 4 | 3 | |
| 2018 | 5 | 0 | |
| 2019 | 6 | 0 | |
| รวม | 19 | 3 | |
| ลำดับ | วันที่ | สนาม | นัดที่ | คู่แข่ง | คะแนน | ผลการแข่งขัน | การแข่งขัน |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | 3 กันยายน 2017 | อัมสเตอร์ดัม อารีนา, อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ | 6 | บัลแกเรีย | 1-0 | 3-1 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
| 2 | 3-1 | ||||||
| 3 | 7 ตุลาคม 2017 | บอริซอฟ อารีนา, บารีซาว, เบลารุส | 7 | เบลารุส | 1-0 | 3-1 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
6. เกียรติประวัติ
พีเอสวี
- เอเรดิวิซี: 2015-16
- โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์: 2015, 2016, 2021
เนเธอร์แลนด์
- รองชนะเลิศยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก: 2018-19
7. การประเมินและผลกระทบ
ดาวี เพรอปเปอร์เป็นนักฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับในความสามารถในการเล่นตำแหน่งกองกลาง ทั้งในบทบาทของกองกลางตัวกลางและกองกลางตัวรุก ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำประตู การจ่ายบอล และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการนำพาสโมสรที่เขาสังกัดประสบความสำเร็จ
7.1. การประเมินเชิงบวก
เพรอปเปอร์มีส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์เอเรดิวิซีกับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟนในฤดูกาล 2015-16 และการคว้าแชมป์โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์หลายสมัย การมีส่วนร่วมของเขากับไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนก็เป็นที่ประจักษ์ โดยเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยให้สโมสรสามารถรักษาสถานะในพรีเมียร์ลีกได้หลายฤดูกาล การเล่นที่ชาญฉลาดและการตัดสินใจที่ดีในสนามทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล นอกจากนี้ การที่เขาสามารถทำประตูสำคัญๆ ได้หลายครั้ง ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเขาในฐานะผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมได้
7.2. ข้อวิจารณ์และข้อถกเถียง
ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาชีพของเพรอปเปอร์คือการตัดสินใจประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพถึงสองครั้ง ครั้งแรกในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022 ด้วยเหตุผลว่าเขา "ขาดแรงจูงใจ" และ "รู้สึกไม่สบายใจกับวัฒนธรรมฟุตบอลในปัจจุบัน" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางจิตใจที่นักกีฬาอาชีพอาจเผชิญในวงการฟุตบอลที่มีการแข่งขันสูง การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับสุขภาพจิตของนักกีฬาและความกดดันในอาชีพ แม้ว่าเขาจะกลับมาเล่นอีกครั้งในปี ค.ศ. 2023 แต่การประกาศเลิกเล่นครั้งที่สองในปี ค.ศ. 2024 ก็ตอกย้ำถึงความรู้สึกส่วนตัวของเขาที่มีต่อวงการนี้ การกระทำของเพรอปเปอร์ได้กระตุ้นให้เกิดการพิจารณาถึงความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีของนักกีฬา และการปรับตัวของวงการฟุตบอลให้เข้ากับความต้องการทางอารมณ์และจิตใจของผู้เล่น