ไดโกะ อุเมฮาระ

1.1. วัยเด็กและการเข้าสู่วงการเกม

อุเมฮาระเริ่มเข้าสู่โลกของเกมตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ เมื่อเขายังเป็นนักเรียนประถม โดยเริ่มเล่นเกมต่อสู้ในร้านเกมอาร์เคด เกมแรกๆ ที่เขาได้สัมผัสคือเกม สตรีทไฟเตอร์ II และเกมซีรีส์ แฟทัลฟิวรี ในตอนนั้น ตู้เกมของสตรีทไฟเตอร์ II มักจะมีผู้เล่นคนอื่นๆ ที่อายุมากกว่ายืนต่อคิวยาวเหยียด ทำให้เขาต้องเริ่มต้นเรียนรู้เกมแฟทัลฟิวรีก่อน

เนื่องจากเวลาที่จำกัดในการอยู่ในร้านเกม อุเมฮาระจึงเริ่มท้าทายผู้เล่นคนอื่นๆ ในเกมสตรีทไฟเตอร์ II (ฉบับแชมเปี้ยนเอดิชั่น) เพื่อให้ได้โอกาสเล่นมากขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกเขินอายและต้องขออนุญาตก่อนก็ตาม แต่ในช่วงเวลานี้เองที่เขาค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบการแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นมากกว่าการเล่นคนเดียว
เมื่ออายุประมาณ 13 ปี ในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น อุเมฮาระได้เปลี่ยนเกมหลักที่เล่นมาเป็นเกม Vampire Hunter_{แวมไพร์ ฮันเตอร์}^{ภาษาอังกฤษ} (หรือที่รู้จักในญี่ปุ่นว่า ヴァンパイア_Vampire^{ภาษาญี่ปุ่น}) เพราะเขาคิดว่าตัวเองมีทักษะในเกมนี้มากกว่าสตรีทไฟเตอร์ II เขาสร้างชื่อเสียงในเกมแวมไพร์ ฮันเตอร์ด้วยการสร้างสถิติชนะรวด 286 ครั้งในการเล่นครั้งเดียว ก่อนที่เขาจะต้องหยุดเล่นเนื่องจากร้านเกมอากิฮาบาระเซก้า (ปัจจุบันคือคลับเซก้า) ปิดทำการ อุเมฮาระยังมีอีกหนึ่งสถิติที่น่าประทับใจคือการชนะ 50 ครั้งติดต่อกันในตู้เกมอาร์เคดที่ปุ่มเตะหนักเสีย

อุเมฮาระเคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการเล่นเกมในช่วงแรกว่า ถ้าเขาได้พบกับเกมต่อสู้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เน้นการแข่งขันออนไลน์และมีภาพลักษณ์ที่ "หรูหรา" ของเกมเมอร์มืออาชีพ เขาอาจจะไม่ได้ทุ่มเทให้กับเกมต่อสู้เลย เพราะเขาไม่สนใจเส้นทางที่คนอื่นปูไว้ให้ และรู้สึกสนุกกับการค้นหาว่าตัวเองมีพรสวรรค์หรือไม่

1.2. การเติบโตในฐานะผู้เล่นช่วงแรก

ในปี พ.ศ. 2538 อุเมฮาระเข้าสู่การแข่งขันครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ระดับประเทศของเกมเมสต์ คัพ เกม Vampire Hunter_{แวมไพร์ ฮันเตอร์}^{ภาษาอังกฤษ} แม้จะทำหน้าที่กล่าวปฏิญาณตนของนักกีฬา แต่เขากลับพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศของสาย อย่างไรก็ตาม ชัยชนะในการแข่งขันครั้งที่สองของเขาในทัวร์นาเมนต์เกมเมสต์ คัพ เกม Vampire Savior_{แวมไพร์ เซเวียร์}^{ภาษาอังกฤษ} ในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเขาเอาชนะ Ōnuki (ปัจจุบันคือ Nuki) ในรอบชิงชนะเลิศ เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ

ในปี พ.ศ. 2541 ขณะอายุ 17 ปี ไดโกะเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศอย่างเป็นทางการของแคปคอมในเกม Street Fighter Zero 3_{สตรีทไฟเตอร์ ซีโร่ 3}^{ภาษาอังกฤษ} และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศที่จัดขึ้นบนเวทีในงานโตเกียวเกมโชว์ 1998: ฤดูใบไม้ร่วง เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม หลังจากชนะทัวร์นาเมนต์ด้วยการเอาชนะ Ōnuki 3-1 ไดโกะในฐานะแชมป์ได้ไปเผชิญหน้ากับ อเล็กซ์ วัลเล ผู้ชนะการแข่งขัน Street Fighter Alpha 3_{สตรีทไฟเตอร์ แอลฟา 3}^{ภาษาอังกฤษ} ระดับประเทศของสหรัฐอเมริกา การแข่งขันชิงแชมป์โลกระหว่างประเทศจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของไดโกะและเป็นการปรากฏตัวในทัวร์นาเมนต์ต่างประเทศครั้งแรกของเขา การแข่งขันนี้เป็นการแข่งแบบชนะ 2 ใน 3 เกม แต่ละเกมมี 5 รอบ ไดโกะพลิกกลับมาเอาชนะได้ 2-1 เหตุการณ์ทั้งสองนี้ได้ออกอากาศในรายงานข่าวโทรทัศน์ความยาว 50 นาทีในญี่ปุ่น

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2544 ความนิยมของไดโกะนำไปสู่การตีพิมพ์หนังสืออัตชีวประวัติฉบับย่อชื่อ VERSUS_{เวอร์ซัส}^{ภาษาอังกฤษ} (เป็นที่รู้จักในหมู่แฟนคลับว่า "ウメ本_{อูเมะฮง}^{ภาษาญี่ปุ่น}" หรือ "สมุดอุเมะ") เนื้อหาของหนังสือแบ่งออกเป็นหกบท โดยเล่าเรื่องราวของเกมที่เขาแข่งขัน และรวมถึงเรื่องราวเบื้องหลัง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการแข่งขัน และการวิเคราะห์คู่ต่อสู้ของเขา

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 สี่เดือนหลังจากการแข่งขันชิงแชมป์สตรีทไฟเตอร์ B4 ผู้เล่นอันดับต้นๆ จากงานนี้ได้เดินทางไปยังชินางาวะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโชว์ตัว ผู้เล่นชาวอเมริกันแข่งขันในสี่เกม ได้แก่ Super Street Fighter II Turbo_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ II เทอร์โบ}^{ภาษาอังกฤษ}, Street Fighter Alpha 3_{สตรีทไฟเตอร์ แอลฟา 3}^{ภาษาอังกฤษ}, Street Fighter III 3rd Strike_{สตรีทไฟเตอร์ III เธิร์ด สไตรก์}^{ภาษาอังกฤษ} และ Marvel vs. Capcom 2_{มาร์เวล ปะทะ แคปคอม 2}^{ภาษาอังกฤษ} เพื่อชิงสิทธิ์ในการต่อสู้กับผู้เล่นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นในแต่ละเกม อุเมฮาระเข้าร่วมเฉพาะการแข่งขันโชว์ตัวของเกมเธิร์ด สไตรก์ แต่เขาก็เอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมด โดยจบแต่ละรอบด้วยท่า โชริวเคน อันดุดันของ เคน มาสเตอร์ส เหตุการณ์เหล่านี้ถูกถ่ายทำเป็นสารคดีเรื่อง [https://www.youtube.com/watch?v=w7cLvPmxtVM Bang the Machine|Bang the Machine]

ในปี พ.ศ. 2546 ไดโกะชนะการแข่งขัน Super Street Fighter II Turbo_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ II เทอร์โบ}^{ภาษาอังกฤษ} ในการแข่งขัน ซูเปอร์ แบทเทิล โอเปรา (Super Battle Opera - Tougeki) ครั้งแรก และชนะเกมเดียวกันในการแข่งขัน อีโว แชมเปียนชิป ซีรีส์ เมื่อเขาเข้าร่วมงานเป็นครั้งแรกในปีเดียวกัน ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ชนะทั้ง SBO และ Evo ในปีเดียวกันและในเกมเดียวกัน อุเมฮาระยังได้ไปร่วม Evo 2004 และ Absolution 2004 เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ประเทศอังกฤษ และชนะเกม SSFII Turbo_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ II เทอร์โบ}^{ภาษาอังกฤษ} ที่นั่น

ไดโกะได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างสม่ำเสมอในหลายทัวร์นาเมนต์ โดยปรากฏตัวอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งนับตั้งแต่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2540 ยกเว้นช่วงพักสั้นๆ ในปี พ.ศ. 2551

1.3. ช่วงพักและกลับมา

ในช่วงปี พ.ศ. 2548 อุเมฮาระเริ่มถอยห่างจากแนวหน้าของวงการเกมต่อสู้ เขาได้ยกเลิกการเข้าร่วมงาน อีโว ที่วางแผนไว้ โดยให้เหตุผลว่า "การจะชนะ 4 รายการโดยไม่ฝึกซ้อมนั้นยากเกินไป" ในช่วงนี้ เขาได้ทำงานพิเศษหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการทำงานในบ้านพักคนชราประมาณหนึ่งปี โดยส่วนใหญ่รับผิดชอบดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากโลกของการแข่งขันเกม

ในปี พ.ศ. 2551 อุเมฮาระเริ่มกลับมาเล่นเกมอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่เกม สตรีทไฟเตอร์ IV ที่เพิ่งเปิดตัว แม้จะหยุดพักไปนาน แต่เขาก็ยังคงรักษาอัตราการชนะมากกว่า 90% และขึ้นเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับแต้มต่อสู้ระดับประเทศบนเว็บไซต์โทรศัพท์มือถือเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551 โดยใช้ตัวละคร ริว นี่เป็นการส่งสัญญาณถึงการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของเขาในวงการเกมต่อสู้

2.1. การสนับสนุนและการเปลี่ยนแปลงสำคัญ

ในปี พ.ศ. 2553 ไดโกะได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเซ็นสัญญาผู้สนับสนุนกับบริษัท แมดแคทซ์ (Mad Catz) ผู้ผลิตอุปกรณ์เกมชื่อดัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของสถานะ "โปรเกมเมอร์" ของเขาในวงการเกมต่อสู้ การเซ็นสัญญาครั้งนี้ได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางจากสื่ออย่าง ITmedia Games และ 4gamer.net ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการรับรองสถานะของนักกีฬาอีสปอร์ต

หลังจากนั้น ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 เขาได้ประกาศเซ็นสัญญาผู้สนับสนุนกับ เรดบูล (Red Bull) ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาเรดบูลชาวญี่ปุ่นคนที่สองในวงการเกมมืออาชีพ การร่วมงานกับเรดบูลยิ่งเสริมสร้างภาพลักษณ์ระดับโลกของเขา และยังเปิดเผยว่า Mad Catz ได้เปลี่ยนสถานะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์แทนการเป็นผู้สนับสนุนหลัก

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน อุเมฮาระได้เซ็นสัญญากับ ไฮเปอร์เอ็กซ์ (HyperX) แบรนด์อุปกรณ์เกมมิ่งของ คิงสตัน เทคโนโลยี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการของแบรนด์ใหญ่ๆ ที่จะร่วมงานกับเขา

จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560 ไดโกะประกาศการร่วมงานกับ ไซเกมส์ (Cygames) บริษัทพัฒนาเกมญี่ปุ่น พร้อมกับผู้เล่นเกมต่อสู้มืออาชีพคนอื่นๆ คือ แดร์ริล "สเนค อายซ์" ลูอิส (Darryl "Snake Eyez" Lewis) และ เอดูอาร์โด "พีอาร์ บัลรอก" เปเรซ (Eduardo "PR Balrog" Perez) ทั้งสามได้ร่วมกันก่อตั้งทีมในนาม "Cygames Beast" โดยสวมเสื้อยืดที่มีโลโก้ทีมใหม่ แต่ความร่วมมือนี้ได้สิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 อุเมฮาระได้เซ็นสัญญาผู้สนับสนุนกับ มิลดอม (Mildom) แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงที่ดำเนินการโดย โดวหยู เจแปน (DouYuJapan) และได้เปลี่ยนชื่อทีมเป็น "Team Mildom Beast" ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวของเขาให้เข้ากับยุคของการถ่ายทอดสดและแพลตฟอร์มดิจิทัลในวงการอีสปอร์ต

2.2. ยุคสตรีทไฟท์เตอร์ IV (พ.ศ. 2551-2558)

ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2551 อุเมฮาระกลับมาจากการพักการแข่งขัน และมุ่งเน้นไปที่เกม สตรีทไฟเตอร์ IV ที่เพิ่งเปิดตัว เนื่องจากการกลับมาครั้งนี้ทำให้ อาร์เคเดีย นิตยสารเกมอาร์เคดของญี่ปุ่น ได้จัดทำดีวีดีที่ชื่อว่า "Umehara Concept Matches" ซึ่งรวมอยู่กับนิตยสารฉบับเดือนมกราคม พ.ศ. 2552 (วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551) และระบุในส่วนแนะนำผู้เล่นของอุเมฮาระว่า "เทพเจ้าได้กลับมาแล้ว" ดีวีดีดังกล่าวประกอบด้วยแมตช์โชว์ระหว่างเขากับผู้เล่นระดับท็อป 6 คนของญี่ปุ่น เช่น อิโนอุเอะ, อิแทบาชิ ซันกีฟ, ฟูโดะ, เนโมะ และมาโกะ

ในปี พ.ศ. 2552 อุเมฮาระได้ปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ "Gamer's โคชิเอ็ง" ในฐานะ "เทพเจ้าแห่งโลกเกมต่อสู้" เขาและผู้เล่นระดับท็อปคนอื่นๆ ของญี่ปุ่นอีกสี่คน (โซชิฮัน เคเอสเค, อิแทบาชิ ซันกีฟ, มาโกะ และ โทะคิโดะ) ได้แข่งขันกันเองและกับคนดังในทัวร์นาเมนต์สตรีทไฟเตอร์ IV แบบพบกันหมด

เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่การแข่งขัน GameStop's Street Fighter IV National Tournament 2009 ที่ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย ผู้เล่นสี่คนจากสามประเทศได้จัดการแข่งขันโชว์ตัวหลังจากการแข่งขันหลัก อุเมฮาระซึ่งได้รับเชิญจากแคปคอม ได้เอาชนะผู้เล่นอิโย, พงโก และจัสติน หว่อง เพื่อคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ และได้รับรางวัลเป็นการเดินทางฟรีไปยัง อีโว 2009 ที่ลาสเวกัส

อุเมฮาระเริ่มเขียนคอลัมน์ในนิตยสารอาร์เคเดียชื่อ "Umehara Column: Michi" ("คอลัมน์อุเมฮาระ: มิจิ" หรือ "ถนน") โดยเริ่มจากฉบับเดือนสิงหาคม

ด้วยชัยชนะในทัวร์นาเมนต์ GameStop ทำให้อุเมฮาระเข้าสู่การแข่งขันสตรีทไฟเตอร์ IV ใน อีโว 2009 ในฐานะผู้เล่นที่ได้รับสิทธิ์ในรอบรองชนะเลิศเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่สองของการแข่งขัน ในวันที่สามและวันสุดท้าย อุเมฮาระเอาชนะจัสติน หว่อง และส่งเขาไปอยู่ในสายผู้แพ้ จากนั้นก็ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับหว่องอีกครั้ง ทั้งสองต่อสู้กันจนถึงเกมสุดท้ายที่เป็นไปได้ แต่อุเมฮาระก็คว้าชัยชนะในการแข่งขันไปได้ในที่สุด

นิตยสารอาร์เคเดียฉบับเดือนกันยายน (วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม) ได้รวมดีวีดีที่นำเสนอชุด "Umehara's Concept Matches" ซึ่งเป็นภาคต่อของดีวีดีที่ออกมาก่อนหน้านี้ในปลายปี พ.ศ. 2551

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม อุเมฮาระเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ตลอดทั้งคืนที่ชื่อว่า "GODSGARDEN"

อุเมฮาระเข้าร่วมการแข่งขันโชว์ตัวในทัวร์นาเมนต์สตรีทไฟเตอร์ IV ที่ไต้หวันเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม การแข่งขันถ่ายทอดสดบนช่องเว็บของ แฟมิสึ

อุเมฮาระเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ชื่อ "Season's Beatings" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม ที่โคลัมบัส โอไฮโอ เขาชนะการแข่งขัน Super Street Fighter II Turbo HD Remix_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ II เทอร์โบ เอชดี รีมิกซ์}^{ภาษาอังกฤษ} และการแข่งขัน Street Fighter IV Singles_{สตรีทไฟเตอร์ IV ประเภทเดี่ยว}^{ภาษาอังกฤษ}

ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ไดโกะในวัย 28 ปีระบุว่าเขารู้สึกว่าปัจจุบันเขาอยู่ในจุดสูงสุดในฐานะเกมเมอร์ เขาอธิบายว่า "ปฏิกิริยาของผมอาจจะเทียบเท่ากับตอนที่ผมยังเด็กกว่านี้ แต่ผมไม่หงุดหงิดอีกต่อไปเมื่อผมถูกต้อนเข้ามุม ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมสติแตกได้อีกแล้ว ผมได้ควบคุมความประหม่าและความตึงเครียดได้แล้ว ผมสามารถแยกแยะคู่ต่อสู้ได้ทันทีและจัดหมวดหมู่พวกเขาเป็นกลุ่มและประเภทตามบุคลิกและจุดอ่อนของพวกเขา เนื่องจากผมยังไม่รู้สึกว่าความสามารถทางกายภาพของผมอ่อนแอลงเลย ผมคิดว่าผมอาจจะอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพในฐานะนักเล่นเกมต่อสู้"

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน อุเมฮาระและผู้เล่นสตรีทไฟเตอร์ IV ระดับท็อปอีกห้าคนของญี่ปุ่นได้เข้าร่วมรายการอินเทอร์เน็ตสดของ นิโกะนิโกะ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขัน GODSGARDEN ครั้งที่สอง รายการนี้ยังมีการแข่งขันโชว์ตัวระหว่างอุเมฮาระและมาโกะ

ในปี พ.ศ. 2553 อุเมฮาระไม่ได้เข้าร่วม GODSGARDEN #2 (6 มีนาคม) แต่เดินทางไปยังฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันสตรีทไฟเตอร์ IV ในงาน World Game Cup ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 มีนาคม เขาได้อันดับสองในประเภทเดี่ยวและอันดับหนึ่งในประเภท 2 ต่อ 2

เมื่อวันที่ 4 เมษายน อุเมฮาระและเพื่อนร่วมทีมสองคนเข้าร่วมการแข่งขันสตรีทไฟเตอร์ IV ระดับประเทศอย่างเป็นทางการ และผ่านเข้ารอบ 14 ทีมสุดท้าย ทีมของเขาถูกคัดออกในรอบก่อนรองชนะเลิศ

อุเมฮาระเข้าร่วมงานเปิดตัว "Fight Club" ของแคปคอมสำหรับเกม Super Street Fighter IV_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ} ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เมษายน อุเมฮาระได้จัดแข่งขันโชว์ตัวซึ่งเขาเล่นตัวละครต่างๆ รวมถึง ฮาคาน, กาย และ ดี เจย์ ปะทะคู่ท้าชิงนับสิบคน งานปิดท้ายด้วยการแข่งขันแบบ 3 ใน 5 เกมระหว่างอุเมฮาระและจัสติน หว่อง ซึ่งจบลงด้วยการเสมอแบบดับเบิลน็อคเอาต์ ทำให้อุเมฮาระไม่แพ้ตลอดคืน ในงานนี้ยังมีการเปิดเผยว่าอุเมฮาระได้ตกลงเซ็นสัญญาผู้สนับสนุนกับ แมดแคทซ์ และจะเล่นภายใต้ชื่อของพวกเขาในการแข่งขันในอนาคต

Super Street Fighter IV ฉบับลิมิเต็ดเอดิชั่นจากร้านค้า e-CAPCOM มีดีวีดีพิเศษที่นำเสนอการแข่งขันสองทัวร์นาเมนต์ระหว่างผู้เล่นระดับท็อป 8 คนของญี่ปุ่น: อุเมฮาระ, โทะคิโดะ, อิโย, ชิโร่, คิน เดฟุ, โมโมจิ, โทะคิโดะคิ นูคิงส์ และอิแทบาชิ ซันกีฟ คู่มือเทคนิค Super Street Fighter IV ที่ตีพิมพ์โดย Enterbrain ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 28 เมษายน มีดีวีดีที่นำเสนอการแข่งขันโชว์ตัวของตัวละครใหม่ที่เล่นโดยผู้เล่นระดับท็อป 7 คนของญี่ปุ่น: อุเมฮาระ, โทะคิโดะ, คิน เดฟุ, อิโย, โมโมจิ, อิแทบาชิ ซันกีฟ และชิโร่

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม อุเมฮาระปรากฏตัวในรายการ "MAG-NET" ของ เอ็นเอชเค ในช่วงพิเศษเกี่ยวกับสตรีทไฟเตอร์

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นิโกะนิโกะไลฟ์ได้จัดการแข่งขัน Super Street Fighter IV_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ} ออนไลน์ ซึ่งผู้เล่นออนไลน์ที่เข้าร่วมบน เอกซ์บอกซ์ไลฟ์ ได้รับโอกาสต่อสู้กับผู้เล่นระดับท็อป 3 คนของญี่ปุ่น: อุเมฮาระ, มาโกะ และโทะคิโดะ พวกเขายังจัดการแข่งขันแบบออฟไลน์และช่วงพูดคุยสั้นๆ

วันที่ 29-30 พฤษภาคม อุเมฮาระเดินทางไปออสเตรเลียเป็นครั้งแรกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน Super Street Fighter IV_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ} ของ Evolution Asia Pacific_{อีโว เอเชีย-แปซิฟิก}^{ภาษาอังกฤษ} ที่ซิดนีย์ เขาชนะการแข่งขัน โดยแพ้เพียงเกมเดียว ในฐานะรางวัลใหญ่ เขาได้รับค่าเดินทางไปยัง อีโว 2010 ที่ลาสเวกัส ซึ่งเขาจะเริ่มต้นในฐานะผู้เล่นที่ได้รับสิทธิ์

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน อุเมฮาระเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ Xbox Live Park ครั้งที่ 106 ที่จัดโดยไมโครซอฟท์ญี่ปุ่นร่วมกับแผนกบรรณาธิการของแฟมิสึ ในช่วงสองชั่วโมงของกิจกรรม สมาชิก Xbox Live Gold ที่เข้าร่วมมีโอกาสได้พูดคุยและเผชิญหน้ากับอุเมฮาระในการแข่งขัน Super Street Fighter IV_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ} ออนไลน์

หลังจากได้อันดับ 2 ใน Nagoya Street Battle 15 (4 กรกฎาคม) อุเมฮาระเข้าร่วม อีโว 2010 ระหว่างวันที่ 9-11 กรกฎาคม และเผชิญความท้าทายที่ยากกว่าเดิมด้วยผู้เล่นมากกว่า 1,700 คนจากทั่วโลกที่เข้าร่วมการแข่งขัน Super Street Fighter IV_{ซูเปอร์ สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ} อย่างไรก็ตาม อุเมฮาระก็คว้าชัยชนะโดยไม่เคยตกลงไปอยู่ในสายผู้แพ้ การถ่ายทอดสดของงานนี้สร้างสถิติใหม่ด้วยผู้ชมสูงสุดประมาณ 48,000 คนบนสองช่องทาง (Stickam 18,000 คน และ Ustream 30,000 คน)

หลังจากชนะรอบคัดเลือกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ทีมของอุเมฮาระเข้าร่วมรอบชิงชนะเลิศ Super Battle Opera 2010 Street Fighter IV_{ซูเปอร์ แบทเทิล โอเปรา 2010 สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ} เมื่อวันที่ 19 กันยายน และได้อันดับสอง งานนี้จัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของงานโตเกียวเกมโชว์ 2010 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติมาคุฮาริ เมสเสะ

อุเมฮาระเข้าร่วมการแข่งขัน Season's Beatings ที่โอไฮโอเป็นครั้งที่สองระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม, การแข่งขัน Southern California Regionals ที่ลอสแอนเจลิสระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน, Canada Cup ที่แคนาดาระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน และการแข่งขัน Northern California Regionals ระหว่างวันที่ 20-21 พฤศจิกายน เขายังเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในคูเวตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน

2.3. ยุคสตรีทไฟท์เตอร์ V (พ.ศ. 2559-2562)

ในปี พ.ศ. 2559 อุเมฮาระถูกแร็ปเปอร์และโปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน ลูเป้ เฟียสโก เอาชนะไปอย่างหวุดหวิดในการแข่งขันโชว์ตัวเกม Street Fighter V_{สตรีทไฟเตอร์ V}^{ภาษาอังกฤษ} เหตุการณ์นี้จัดขึ้นโดย มาร์ก ฮูลิโอ อดีตผู้บริหารของ แมดแคทซ์ และมีการถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมกว่า 75,000 คน ผู้สังเกตการณ์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจังหวะการเล่นของไดโกะดูไม่ปกติ และเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญระหว่างการแข่งขัน

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559 ไดโกะได้จัดเสวนาขึ้นร่วมกับธนาคาร มิซูโฮะ และศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ โยชิกิ อิชิกาวะ ที่เมืองโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 ไดโกะได้ปรากฏตัวในสารคดีสตรีทไฟเตอร์ชื่อ 格闘ゲームに生きる_{มีชีวิตอยู่กับเกมต่อสู้}^{ภาษาญี่ปุ่น} (Living the Game) ซึ่งออกอากาศทางช่อง WOWOW และต่อมาสารคดีนี้ได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Hot Docs ที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ภายใต้ชื่อ "Living the Game"

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559 สำนักพิมพ์โชงะกุกังของญี่ปุ่นได้ออกหนังสือชื่อ 悩みどころと逃げどころ_{นัยามิโดโกโระ โตะ นิเงโดโกโระ}^{ภาษาญี่ปุ่น} ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างอุเมฮาระและ จิกิริน บล็อกเกอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 ฉบับแปลภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการของหนังสือเล่มแรกของอุเมฮาระ The Will to Keep Winning ได้ถูกจำหน่ายให้กับผู้เข้าร่วมงาน อีโว ในฐานะสินค้าพิเศษเฉพาะงาน หนังสือเล่มนี้ยังคงถูกจำหน่ายในงานเกมต่อสู้ทั่วโลกตลอดช่วงที่เหลือของปี พ.ศ. 2559

เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559 อุเมฮาระประกาศว่าเขาได้รับ กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดส ใหม่สองรายการ ได้แก่ "จำนวนการดูสูงสุดสำหรับการแข่งขันเกมต่อสู้" (สำหรับแมตช์ที่โด่งดังของเขากับจัสติน หว่องจาก อีโว 2004) และ "อันดับสูงสุดตลอดกาลใน Ultra Street Fighter IV_{อัลตรา สตรีทไฟเตอร์ IV}^{ภาษาอังกฤษ}" อุเมฮาระได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการสำหรับสถิติเหล่านี้ในพิธีที่จัดขึ้นที่โตเกียวเกมโชว์

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 อุเมฮาระประกาศว่าเขาได้เซ็นสัญญาผู้สนับสนุนฉบับใหม่กับ ไฮเปอร์เอ็กซ์ (HyperX) ผู้ผลิตหูฟังสำหรับเล่นเกม

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เรดบูลและผู้กำกับ นิก แมคโดนัลด์ ได้ปล่อยสารคดีความยาว 11 นาทีเกี่ยวกับไดโกะ อุเมฮาระ ชื่อ "Mind of a Beast" ในสารคดีนี้ อุเมฮาระได้กล่าวถึงแรงกดดันในการใช้ชีวิตในฐานะนักเล่นเกมมืออาชีพ และยืนยันความแตกต่างระหว่างบุคคลสาธารณะในตำนาน "อุเมฮาระ" และมนุษย์ที่มีข้อบกพร่องอย่าง ไดโกะ อุเมฮาระ

ในปี พ.ศ. 2560 ไดโกะได้บรรยายเป็นเวลาสองชั่วโมงในหัวข้อ "1日ひとつだけ、強くなる_{แข็งแกร่งขึ้นวันละเล็กน้อย}^{ภาษาญี่ปุ่น}" ที่วิทยาเขตมารุโนะอุจิของมหาวิทยาลัยเคโอ ซึ่งเขาได้กล่าวถึงความท้าทายในการสร้างอาชีพเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ และเล่าประสบการณ์ทั้งด้านดีและร้ายให้แก่ผู้ชมที่มาเต็มห้อง

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 อุเมฮาระประกาศว่าเขาได้เซ็นสัญญาผู้สนับสนุนอีกครั้งกับ ไซเกมส์ (Cygames) ผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่น ร่วมกับนักเล่นเกมต่อสู้มืออาชีพอย่าง แดร์ริล "สเนค อายซ์" ลูอิส และ เอดูอาร์โด "พีอาร์ บัลรอก" เปเรซ (Eduardo "PR Balrog" Perez) ทั้งสามคนได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ "Cygames Beast" โดยสวมเสื้อยืดที่มีโลโก้ใหม่ที่เข้าชุดกัน

ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2560 อุเมฮาระเข้าร่วมการแข่งขัน อีลีก สตรีทไฟเตอร์ V อินวิเทชันแนล (ELEAGUE Street Fighter Invitational) ซึ่งเขาใช้ตัวละคร ไกล์ เพียงคนเดียว เขาเริ่มต้นในกลุ่ม B ร่วมกับ สเนค อายซ์ และ พีอาร์ บัลรอก และสามารถผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟได้สำเร็จ โดยจบอันดับที่ 8 โดยรวม

ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม อุเมฮาระเข้าร่วมการแข่งขัน เรดบูล คุมิเตะ (Red Bull Kumite) ที่ปารีส ฝรั่งเศส และได้อันดับที่ 4 โดยรวม

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน อุเมฮาระปรากฏตัวในสารคดีที่ผลิตโดย เรดบูล ฝรั่งเศส ชื่อ "The Art of Street Fighting" ร่วมกับนักเล่นเกมมืออาชีพคนอื่นๆ เช่น เซียว ไห่ (Xiao Hai), เกมเมอร์บี (Gamerbee), โทะคิโดะ (Tokido) และ ลูฟี่ (Luffy)

ระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม อุเมฮาระเข้าร่วม อีโว 2017 หลังจากชนะรวดในรอบที่ 1 เขาถูกไห่ทานิส่งไปอยู่ในสายผู้แพ้ในรอบที่ 2 และถูกคู่ปรับเก่าอย่าง จัสติน หว่อง เขี่ยตกรอบในรอบรองชนะเลิศ

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ไดโกะได้เปิดตัวแบรนด์เครื่องแต่งกาย "Beast" ร่วมกับผู้ผลิตเครื่องแต่งกาย เอ็นเซอร์โก (Nsurgo) แบรนด์นี้มีไดโกะ รวมถึงผู้เล่นที่ได้รับการสนับสนุนจากไซเกมส์อย่าง สเนค อายซ์ และ พีอาร์ บัลรอก เป็นตัวแทน

ในปี พ.ศ. 2561 มีการแข่งขันที่น่าจดจำเกิดขึ้นในช่วงต้นปีเมื่อไดโกะพบกับคู่ปรับเก่าอย่าง โทะคิโดะ ในการแข่งขันแบบ "ชนะ 10 รอบ" ในงาน Kemonomichi II exhibition ในเวลานั้น โทะคิิโดะเป็นแชมป์ Evo ที่ป้องกันตำแหน่งได้และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในวงการ และตั้งใจที่จะพิสูจน์ว่าเขาสามารถเอาชนะไดโกะได้ในรูปแบบการแข่งขันระยะยาว แม้ว่าไดโกะจะมีความเคลื่อนไหวน้อยกว่าและเน้นการจัดกิจกรรมมากขึ้น แต่เขาก็ยังคงมั่นใจในโอกาสของตนเอง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ทั้งคู่ได้ปะทะกันในการแข่งขันที่ผู้คนตั้งตารอคอย ผลสุดท้าย ไดโกะสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 10-5 ทำให้โทะคิโดะรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดกับการพ่ายแพ้ของเขา

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม เขาชนะการแข่งขัน VSFighting Premier Event ที่เบอร์มิงแฮม (สหราชอาณาจักร)

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ไดโกะได้เข้าร่วมการแข่งขัน Red Bull Kumite Invitational Tournament_{เรดบูล คุมิเตะ อินวิเทชันแนล ทัวร์นาเมนต์}^{ภาษาอังกฤษ} อีกครั้ง คราวนี้เขาได้อันดับที่ 3 รองจาก พร็อบเบลม เอ็กซ์ (Problem X) และแชมป์อย่าง ฟูจิมูระ (Fujimura)

ในการแข่งขัน แคปคอม คัพ ของปีนั้น ไดโกะจบอันดับที่ 25

ในปี พ.ศ. 2562 อุเมฮาระเริ่มต้นปีการแข่งขันด้วยผลงานที่น่าผิดหวัง โดยจบอันดับที่ 33 ในการแข่งขัน Final Round แต่ในเดือนเดียวกันนั้น เขากลับมาประสบความสำเร็จมากขึ้นในการแข่งขัน NorCal Regionals ซึ่งเขาติด 8 อันดับแรก

ในการแข่งขันหลักครั้งถัดไปที่ไดโกะเข้าร่วมคือ The Mixup เขาสามารถฝ่าฟันจนถึงรอบ Grand Finals ซึ่งเขาเผชิญหน้ากับ วิกเตอร์ วูดลีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "พังก์" (Punk) ซึ่งกำลังครองตำแหน่งใน แคปคอม โปร ทัวร์ ในแมตช์ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนถึงยกสุดท้าย พังก์เอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อย่างหวุดหวิด อย่างไรก็ตาม ผลงานของไดโกะในปีนั้นดีพอที่จะทำให้เขาติดอันดับ 4 โดยรวมในการจัดอันดับ CPT

หลังจากนั้น ไดโกะยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยจบอันดับที่ 5/6 ในการแข่งขัน CPT Premier ที่ Community Efforts Orlando 2019 ซึ่งเขาถูกฟูจิมูระคัดออก

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ไดโกะจบอันดับที่ 7/8 ในการแข่งขัน CPT Premier ที่ First Attack 2019 ซึ่งเขาถูก โจนาธาน "เจบี" บาวติสตา (Jonathan "JB" Bautista) คัดออก

แม้จะไม่ได้ชนะการแข่งขันหลักใดๆ แต่การปรากฏตัวอย่างสม่ำเสมอของไดโกะในกิจกรรม CPT ระหว่างประเทศตลอดทั้งปีก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับสิทธิ์เข้ารอบชิงชนะเลิศ แคปคอม คัพ 2019 ที่นั่น ไดโกะถูก โทะคิโดะ (Tokido) คัดออกด้วยคะแนน 3-2 ในรอบที่สองของการแข่งขัน ทำให้เขาจบอันดับที่ 17-24 ร่วมกันเพื่อปิดฤดูกาลแข่งขัน Street Fighter V_{สตรีทไฟเตอร์ V}^{ภาษาอังกฤษ} ปี 2562

ไดโกะยังได้เข้าร่วมการแข่งขัน เรดบูล คุมิเตะ (Red Bull Kumite) อีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งจัดขึ้นที่นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ด้วยกลุ่มการแข่งขันที่แข็งแกร่งซึ่งมี โทะคิโดะ (Tokido), พร็อบเบลม เอ็กซ์ (Problem X), พังก์ (Punk) และผู้เล่นที่แข็งแกร่งอื่นๆ อีกมากมาย ไดโกะทำได้เพียงอันดับที่ 13 ร่วมกับ บงจัง (Bonchan), กาชิคุน (Gachikun) และ ฮาคุ (Haku)

2.4. กิจกรรมล่าสุด (พ.ศ. 2563-ปัจจุบัน)

ในปี พ.ศ. 2564 อุเมฮาระได้ประกาศว่าเขาติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม หลังจากมีอาการไข้สูงและอ่อนเพลียเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม และเข้ารับการตรวจในวันถัดมา เขาระบุว่าจะกักตัวอยู่บ้านและรักษาตัวให้หายขาด เพื่อกลับมาแข่งขันได้ในเร็ววัน และในวันที่ 22 พฤษภาคม เขาก็ประกาศว่าได้ออกจากโรงพยาบาลและรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะได้กลับมาแข่งขันอีกครั้ง

ในปี พ.ศ. 2567 อุเมฮาระประกาศว่าจะเข้าร่วมการแข่งขัน "SFL" ภายใต้สังกัด Saishunkan Sol Kumamoto

อุเมฮาระยังเป็นผู้จัดงานแข่งขันสตรีทไฟเตอร์ของตัวเองในชื่อ Beast Cup ซึ่งมีเป้าหมายที่จะจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมถึง 10,000 คน

3.1. การเลือกตัวละครและสไตล์การเล่น

ตลอดอาชีพของเขา ริว เป็นตัวละครหลักของไดโกะ อุเมฮาระ และสไตล์การเล่นของเขาเน้นที่การ "โชนิง" (Zoning) หรือการรักษาระยะห่างกับคู่ต่อสู้ แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการปรับสมดุลของเกม สตรีทไฟเตอร์ V ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ที่ลดความสามารถของริวลงเพื่อปรับสมดุลของเกม ไดโกะได้เปลี่ยนไปใช้ ไกล์ ซึ่งเป็นตัวละครประเภท "ชาร์จ" (Charge Character) ไดโกะกล่าวว่า "ผมไม่สนใจว่าผมจะเล่นตัวละครระดับท็อปหรือไม่ ผมไม่จำเป็นต้องเลือกตัวละครระดับท็อป แต่ผมต้องการมีตัวละครที่สามารถต่อสู้กับตัวละครระดับท็อปได้ มันน่าเบื่อถ้าคุณไปแข่งขันแล้วรู้ว่าคุณจะต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่แย่มาก มันเหมือนกับว่า 'โอ้ ผมไม่สามารถชนะได้เพราะรูปแบบการต่อสู้'"

เขาลังเลระหว่าง Urien_{ยูเรียน}^{ภาษาอังกฤษ} และไกล์ แต่สุดท้ายก็เลือกไกล์ อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจลองใช้ริวอีกครั้งใน Topanga League 6 และ Final Round 20 ผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังของเขา (เขาได้อันดับสุดท้ายและอันดับที่ 33 ตามลำดับ) ทำให้เขาเลิกใช้ริวตั้งแต่นั้นมา เขาก็ยังคงเล่นไกล์ต่อไป แม้ว่าจะมีแพตช์ปรับสมดุลใหม่ที่คืนความสามารถบางส่วนให้กับริวในปี พ.ศ. 2560 ก็ตาม

นอกจากนี้ อุเมฮาระยังเป็นที่รู้จักในด้านงานอดิเรกและความสนใจส่วนตัวที่หลากหลาย เช่น ไพ่นกกระจอก และการสำรวจอาหารอร่อยๆ

3.2. การจับคันโยกแบบอุเมฮาระ

อุเมฮาระมีลักษณะเฉพาะในการจับจอยสติกที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเรียกว่า "อุเมฮาระ โมจิ" (ウメハラ持ち_{Umehara Mochi}^{ภาษาญี่ปุ่น} หรือ อุเมฮาระ กริป) โดยเขาจะใช้นิ้วนางและนิ้วก้อยหนีบแกนคันโยก และใช้นิ้วอื่นๆ คว่ำลงไปบนลูกบอลของคันโยก การจับแบบนี้ช่วยลดเวลาในการป้อนคำสั่งและลดข้อผิดพลาดในการป้อนคำสั่งในเกมต่อสู้ได้อย่างมาก เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขากล่าวว่า "ผมไม่เคยตั้งใจทำเลยครับ พอรู้ตัวอีกทีก็จับแบบนี้แล้ว" และเสริมว่า "แต่การจับคันโยกแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป บางทีอาจจะต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ก็ได้"

3.3. อุเม-ฮาโด และ อุเม-โชริว

อุเมฮาระใช้เทคนิคพิเศษกับท่าไม้ตายพื้นฐานอย่าง "ฮาโดเคน" (พลังคลื่น) และ "โชริวเคน" (หมัดมังกรทะยานฟ้า) ในแบบฉบับของเขาเอง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "อุเม-ฮาโด" (ウメ波動_Ume-Hadou^{ภาษาญี่ปุ่น}) และ "อุเม-โชริว" (ウメ昇龍_Ume-Shouryuu^{ภาษาญี่ปุ่น})

อุเม-ฮาโด คือการที่เขายิงฮาโดเคนเพื่อคุมพื้นที่เหมือนปกติ แต่จะหลีกเลี่ยงการยิงเมื่อคู่ต่อสู้กระโดดข้ามเพื่อโจมตี ซึ่งแสดงถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมของคู่ต่อสู้

อุเม-โชริว คือการใช้โชริวเคนในการต่อสู้ระยะประชิด โดยเขาจะอ่านการเคลื่อนไหวบนพื้นของคู่ต่อสู้ และใช้จังหวะที่ท่าโชริวเคนมีช่วงเวลาอมตะสั้นๆ เพื่อหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้และสวนกลับทันที ความแม่นยำของเขาถึงขั้นที่มีข่าวลือว่า "เห็นเท้าเล็กๆ แล้วโชริวเคนได้สบายๆ" (เท้าเล็กๆ หมายถึงท่าที่เร็วที่สุดในเกม ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกดโชริวเคนได้ทันทีที่เห็น)
อุเมฮาระกล่าวว่าการใช้เทคนิคอุเม-ฮาโดนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจทำ แต่เป็นความรู้สึกที่มาจากการสั่งสมประสบการณ์อันยาวนาน

5.1. หนังสือและงานเขียน

อุเมฮาระได้ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่ม ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโลกของเกมต่อสู้ ปรัชญาชีวิต และมุมมองการทำงานของเขา หนังสือเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดและประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดอาชีพการแข่งขัน

นอกจากนี้ อุเมฮาระยังเขียนบทความให้แก่สิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น บทนำสำหรับนิตยสาร Harvard Business Review ฉบับภาษาญี่ปุ่น ในหัวข้อที่น่าสนใจอย่าง "ทำในสิ่งที่ชอบดีกว่าสิ่งที่ถนัด" และ "ผู้ที่ควบคุมอารมณ์ได้คือผู้ที่ควบคุมเกมได้" ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองการใช้ชีวิตและการทำงานของเขาที่ข้ามพ้นขอบเขตของเกมไปสู่ปรัชญาทั่วไป

5.2. มังงะ

Umehara FIGHTING GAMERS! เป็นซีรีส์มังงะที่ดัดแปลงชีวิตของอุเมฮาระในฐานะผู้เล่นรุ่นเยาว์ในวงการเกมอาร์เคดสตรีทไฟเตอร์ เนื้อหาในเรื่องนำเสนอผู้เล่นชื่อดังหลายคนจากชุมชนเกมต่อสู้ของญี่ปุ่น ซีรีส์นี้ถือเป็นเรือธงของสำนักพิมพ์คาโดคาวะ โชะเต็น ซึ่งกำลังทำการตลาดซีรีส์นี้อย่างจริงจัง และมีแผนจะตีพิมพ์ต่อเนื่องในนิตยสารการ์ตูน青年_{เซย์เน็น}^{ภาษาญี่ปุ่น} Young Ace UP

ซีรีส์นี้วาดโดย เค็นโกะโร่ นิชิเดะ และเขียนโดย ไซทารุ โอะริกะ และ มากิ โทะโมะอิ โดยมีไดโกะเป็นผู้ดูแลด้านบรรณาธิการ

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 มังงะซีรีส์ของไดโกะฉบับแปลภาษาอังกฤษในชื่อ Daigo the Beast: Umehara Fighting Gamers ได้เปิดตัวพร้อมกับเล่ม 1 (ซึ่งรวบรวมเล่ม 1 และ 2 ของฉบับภาษาญี่ปุ่น) เล่มนี้จัดพิมพ์และแปลโดย อูดอน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Udon Entertainment) และวางจำหน่ายเฉพาะผู้เข้าร่วมงาน อีโว ก่อนที่จะมีการวางจำหน่ายในวงกว้างในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560

5.3. สารคดีและสื่อนำเสนอพิเศษ

ไดโกะ อุเมฮาระ ได้ปรากฏตัวในสื่อต่างๆ มากมาย ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจของสาธารณชนเกี่ยวกับอีสปอร์ตและชีวิตของนักเล่นเกมมืออาชีพ

เขาเป็นหัวข้อหลักในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Living the Game (ชื่อภาษาจีน: 我在快打求旋風) ซึ่งเป็นผลงานความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและไต้หวัน ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2559 สารคดีนี้ติดตามชีวิตของนักเล่นเกมมืออาชีพหลายคน เช่น อุเมฮาระ ไดโกะ, ยูซุเกะ โมะโมะชิ (Yusuke Momochi), 向玉麟_{เซียง ยูหลิน}^Chinese จากไต้หวัน, ลูฟี่ (Luffy) จากฝรั่งเศส และ จัสติน หว่อง (Justin Wong) จากสหรัฐอเมริกา แต่ส่วนใหญ่ของภาพยนตร์เน้นการสัมภาษณ์อุเมฮาระ

• 'โทรทัศน์และวิทยุ:'
  • Gamer's Koshien (MONDO21)
  • MAG-NET ช่วง "สตรีทไฟเตอร์" (เอ็นเอชเค BS2, 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553)
  • Mezamashi Doyoubi ช่วง "OH! Japandful" (ฟูจิ เทเลวิชั่น, 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557)
  • Suppin! (เอ็นเอชเค Radio 1, 28 เมษายน พ.ศ. 2557)
  • Ootake Makoto Golden Radio! ช่วง "Ootake Main Dish" (บุนกะ โฮโซะ, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557)
  • Mirai Theater (นิปปอน เทเลวิชั่น, 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557)
  • Yamada Goro to Nakagawa Shoko no 'Remix Z' (FM Tokyo, 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559)
  • Kizuki no Tobira (ทีวี อาซาฮี, 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560)
  • Samurai Gamer ~Shoukin 5 Okuen Sekai ni Idomu Wakamonotachi~ (เอ็นเอชเค BS1, 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560)
  • Professional Shigoto no Ryuugi (เอ็นเอชเค, 19 มีนาคม พ.ศ. 2561)
  • YUBIWAZA (ไมนิจิ บรอดคาสติ้ง ซิสเต็ม, 2 เมษายน, 9 เมษายน พ.ศ. 2563)
  • 'เว็บและโฆษณา:'
    • Super Street Fighter IV Online Matchmaking (นิโกะนิโกะ โดกะ, 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553)
    • เขาได้ปรากฏตัวในสารคดี Mind of a Beast โดย Red Bull และ The Art of Street Fighting โดย Red Bull France
    • โฆษณาทางเว็บของ คัพนูดเดิล ชื่อ "Umehara ga~h-! Hen" / "Umehara Daigo" (17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568)

5.4. การบรรยายและการปราศรัยสาธารณะ

อุเมฮาระมีบทบาทสำคัญในการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและมีส่วนร่วมในการอภิปรายทางสังคมในวงกว้างผ่านการบรรยายและการปราศรัยสาธารณะหลายครั้ง โดยเน้นย้ำถึงประสบการณ์ในฐานะนักเล่นเกมมืออาชีพและปรัชญาการใช้ชีวิตของเขา

• เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560 ไดโกะได้บรรยายเป็นเวลาสองชั่วโมงในหัวข้อ "1日ひとつだけ、強くなる_{แข็งแกร่งขึ้นวันละเล็กน้อย}^{ภาษาญี่ปุ่น}" ที่วิทยาเขตมารุโนะอุจิของมหาวิทยาลัยเคโอ ซึ่งเขาได้กล่าวถึงความท้าทายในการสร้างอาชีพเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ และเล่าประสบการณ์ทั้งด้านดีและร้ายให้แก่ผู้ชมที่มาเต็มห้อง
• เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เขาได้บรรยายที่ เอ็นเอชเค บังกา เซ็นเตอร์ ในหัวข้อ "การใช้ชีวิตของฉัน - แม้จะถูกบอกว่า 'ก็แค่เกม'" โดยมุ่งเน้นการใช้ชีวิตตามเส้นทางของตนเองแม้จะมีอุปสรรค
• เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ไดโกะได้บรรยายในงานสัมมนาชุดแรกที่จัดโดยบริษัท Tohmatsu Innovation Co., Ltd. ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารธุรกิจ
• เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ไดโกะได้จัดเสวนาที่งาน DODA Career Fair ซึ่งเขาได้พูดถึงประสบการณ์ของเขาในฐานะนักเล่นเกมมืออาชีพ

การบรรยายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิงและแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่สนใจเกมเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับอีสปอร์ตในฐานะอาชีพที่จริงจังและสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ได้ด้วย

6.1. สถิติและรางวัล

อุเมฮาระได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากความสำเร็จที่โดดเด่นในวงการเกมแข่งขัน และได้รับการบันทึกใน กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดสหลายครั้ง รวมถึงได้รับรางวัลเกียรติยศต่างๆ

• ในปี พ.ศ. 2553 เขาได้รับการบันทึกในกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดสว่าเป็น "ผู้เล่นมืออาชีพที่ได้รับรางวัลมากที่สุด" ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความยืนยาวและความสำเร็จของเขาในฐานะนักเล่นเกมมืออาชีพที่ทำรายได้จากรางวัลการแข่งขัน
• ในปี พ.ศ. 2559 เขายังได้รับการบันทึกในกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดสอีกสองรายการ ได้แก่ "จำนวนการดูสูงสุดสำหรับการแข่งขันเกมต่อสู้" (สำหรับ "การพลิกกลับของสัตว์ร้าย" ในอีโว 2004) และ "อันดับสูงสุดตลอดกาลใน อัลตรา สตรีทไฟเตอร์ IV"
• เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568 อุเมฮาระได้รับรางวัล "Esports Lifetime Achievement Award" (รางวัลความสำเร็จตลอดชีวิตในอีสปอร์ต) จาก Japan Esports Awards 2024 ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดที่มอบให้กับผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการอีสปอร์ตของญี่ปุ่น

6.2. การมีส่วนร่วมในวงการอีสปอร์ต

อุเมฮาระมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวงการอีสปอร์ตให้ก้าวหน้าและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง:

• 'การส่งเสริมการเล่นเกมต่อสู้:' เขามักจะปรากฏตัวในสื่อต่างๆ เพื่อพูดถึงความสำคัญของการเล่นเกมต่อสู้ และความจำเป็นในการทำให้เกมเหล่านี้ได้รับการยอมรับในฐานะงานอดิเรกหรือกีฬาที่จริงจัง เขามุ่งมั่นที่จะเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้
• 'งานการกุศล:' อุเมฮาระเป็นที่รู้จักในเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยได้บริจาคเงินรางวัลจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการศึกษาและองค์กรการกุศล
  • ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 เขาประกาศเจตนาที่จะบริจาคเงินรางวัลทั้งหมด 60.00 K USD จากการแข่งขัน แคปคอม โปร ทัวร์ 2015 ไฟนอลส์ ให้กับ Evo Scholarship ซึ่งเป็นโครงการทุนการศึกษาของ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นักศึกษาที่ต้องการศึกษาด้านการออกแบบเกมที่ NYU Game Center และมหาวิทยาลัยได้ยืนยันการบริจาคนี้ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559
  • เขายังร่วมจัดกิจกรรมสตรีมการกุศล 12 ชั่วโมงเพื่อระดมทุนสนับสนุนเด็กๆ โดยมีเป้าหมายในการจัดกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าการแข่งขันสตรีทไฟเตอร์ II ที่สนามกีฬาโคกุจิกัน ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือสังคมและการสร้างแรงบันดาลใจในวงกว้าง
• 'การให้คำปรึกษาและการสนับสนุนชุมชน:' อุเมฮาระยังได้เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่นักเล่นเกมรุ่นใหม่ๆ นอกจากนี้เขายังจัดงานแข่งขันเกมของตัวเอง เช่น "Beast Cup" โดยมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานที่จะมีผู้เข้าร่วมถึง 10,000 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างและบำรุงรักษาชุมชนเกมที่แข็งแกร่งและเปิดกว้าง