1. Overview

แมรี แนช (Mary Nashภาษาอังกฤษ; 15 สิงหาคม ค.ศ. 1884 - 3 ธันวาคม ค.ศ. 1976) หรือชื่อเกิด แมรี โฮโนรา ไรอัน (Mary Honora Ryanภาษาอังกฤษ) เป็นนักแสดงชาวอเมริกันผู้มีอาชีพการงานอันยาวนานถึง 40 ปี ทั้งบนเวทีบรอดเวย์ ในภาพยนตร์ และในวงการวอดวิลล์ อาชีพของเธอครอบคลุมยุคสมัยที่การบันเทิงของอเมริกันเปลี่ยนแปลงจากเวทีการแสดงสดไปสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่กำลังเติบโต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความหลากหลายในการแสดงของเธอ แนชมักรับบทบาทเป็นตัวละครหญิงที่มีความซับซ้อน ตั้งแต่บทบาทที่น่าเห็นใจไปจนถึงตัวร้าย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแง่มุมต่าง ๆ ของประสบการณ์มนุษย์และบทบาททางสังคมในช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่ เธอได้รับการจดจำจากผลงานอันโดดเด่นทั้งบนเวทีและการแสดงภาพยนตร์ ทิ้งมรดกอันสำคัญไว้ในภูมิทัศน์ทางศิลปะ
2. Early life
แมรี แนชมีภูมิหลังครอบครัวที่น่าสนใจและการศึกษาที่ปูทางไปสู่อาชีพการแสดงที่โดดเด่นของเธอ
2.1. Birth, family, and name change
แมรี แนช เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1884 ในชื่อ แมรี โฮโนรา ไรอัน (Mary Honora Ryanภาษาอังกฤษ) ที่เมืองทรอย รัฐนิวยอร์ก เธอมีน้องสาวหนึ่งคนคือ ฟลอเรนซ์ แนช ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นทั้งนักเขียนและนักแสดงเช่นกัน บิดาของเธอคือเจมส์ เอช. ไรอัน เป็นทนายความ และมารดาคือเอลเลน ฟรานเซส (นามสกุลเดิม แมคนามารา) หลังจากการเสียชีวิตของบิดา แมรีและฟลอเรนซ์ได้ใช้นามสกุลของพ่อเลี้ยงของพวกเธอ คือฟิลิป เอฟ. แนช ซึ่งเป็นผู้บริหารการจองคิวการแสดงวอดวิลล์ การเปลี่ยนนามสกุลในครั้งนี้เป็นเรื่องที่บังเอิญและเป็นผลดี เนื่องจากช่วยหลีกเลี่ยงความสับสนกับนักแสดงหญิงอีกคนหนึ่งชื่อแมรี ไรอัน ซึ่งได้รับความนิยมบนเวทีบรอดเวย์ก่อนที่แนชจะโด่งดัง แมรี แนชเป็นชาวคาทอลิก
2.2. Education
แมรี แนชได้รับการศึกษาเบื้องต้นที่คอนแวนต์ออฟเซนต์แอนน์ ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา จากนั้นเธอได้ฝึกฝนด้านการแสดงอย่างจริงจังที่สถาบันศิลปะการละครแห่งอเมริกา (American Academy of Dramatic Artsภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านการฝึกอบรมนักแสดง การศึกษาที่นี่ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับทักษะการแสดงของเธอ และเตรียมพร้อมเธอสำหรับการก้าวเข้าสู่อาชีพในวงการละครเวทีและภาพยนตร์
3. Career
แมรี แนชมีอาชีพการแสดงที่ยาวนานและหลากหลาย ทั้งบนเวทีบรอดเวย์ ละครเวทีในลอนดอน และในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของเธอ
3.1. Stage career

อาชีพการแสดงละครเวทีของแมรี แนชเริ่มต้นขึ้นด้วยการปรากฏตัวในฐานะนักเต้นช่วงสั้น ๆ ที่โรงละครเฮรัลด์สแควร์ในปี ค.ศ. 1904 เธอได้เปิดตัวนอกบรอดเวย์เป็นครั้งแรกในวันคริสต์มาสปี ค.ศ. 1905 ในบทบาทลีโอโนรา ดันบาร์ ในละครเรื่อง Alice-Sit-by-the-Fire ของเจมส์ เอ็ม. แบร์รี ซึ่งมีเอเธล แบร์รีมอร์เป็นนักแสดงนำ แนชได้ร่วมงานกับแบร์รีมอร์เป็นเวลาสองปี โดยแสดงร่วมกันในละครเรื่อง Captain Jinks และ The Silver Box เธอได้รับการยกย่องอย่างสูงจากการแสดงบนเวทีที่ลอนดอน และการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายบนเวทีบรอดเวย์ของเธอคือการแสดงในบทบาทแคสซีในละครเรื่อง อังเคิลทอมส์เคบิน (Uncle Tom's Cabinภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1933 ซึ่งมีโอทิส สกินเนอร์และเฟย์ เบนเทอร์ร่วมแสดง
3.2. Hollywood film career
แมรี แนชย้ายมายังฮอลลีวูดในปี ค.ศ. 1934 และเริ่มต้นอาชีพการแสดงภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1936 เธอปรากฏตัวในภาพยนตร์รวมทั้งสิ้น 18 เรื่องจนกระทั่งปี ค.ศ. 1946 บทบาทที่แนชมักได้รับคือผู้หญิงที่ดูเหมือนสุภาพเรียบร้อย แต่กลับกลายเป็นคนดุร้ายเมื่อถูกท้าทาย ดังที่เห็นได้จากผลงานของเธอในภาพยนตร์เรื่อง คอลเลจ สแกนดัล (College Scandalภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1936 และ ชาร์ลี ชาน ในปานามา (Charlie Chan in Panamaภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1940

บทบาทที่น่าเห็นใจที่สุดของแมรี แนชคือการรับบทเป็นภรรยาผู้ทนทุกข์ทรมานของมหาเศรษฐี จ.บ. บอล ในภาพยนตร์เรื่อง อีซี ลิฟวิง (Easy Livingภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1937 ในภาพยนตร์เรื่อง กอลด์ รัช เมซี (Gold Rush Maisieภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1940 เธอรับบทเป็นภรรยาและแม่ผู้มีความอดทนและอดกลั้นในครอบครัวที่ถูกบังคับให้ทิ้งฟาร์มของตนในอาร์คันซอเนื่องจากปรากฏการณ์ดัสต์โบวล์และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ โดยต้องเดินทางเร่ร่อนไปทั่วประเทศเป็นเวลาห้าปีเพื่อหางานทำตามฤดูกาล
แนชอาจเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากการรับบทเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ของเชอร์ลีย์ เทมเพิลสองเรื่อง ได้แก่ บทบาทฟรอยไลน์ รอตเทนเมเยอร์ในภาพยนตร์เรื่อง ไฮดี (Heidiภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1937 และบทบาทมิส มินชินในภาพยนตร์เรื่อง เดอะ ลิตเติล พรินเซส (The Little Princessภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1939 นอกจากนี้ เธอยังรับบทเป็นแม่ผู้เป็นชนชั้นสูงของแคทารีน เฮปเบิร์นในภาพยนตร์เรื่อง เดอะ ฟิลาเดลเฟีย สตอรี่ (The Philadelphia Storyภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1940 และมีบทบาทสมทบในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลรางวัลออสการ์เรื่อง คัม แอนด์ เก็ท อิท (Come and Get Itภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1936 และมีบทบาทเด่นในภาพยนตร์เรื่อง อิน เดอะ มีนไทม์, ดาร์ลิง (In the Meantime, Darlingภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1944
4. Personal life
ชีวิตส่วนตัวของแมรี แนชได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแต่งงานและการหย่าร้างของเธอ แมรี แนชแต่งงานกับโฮเซ รูเบน (José Rubenภาษาฝรั่งเศส) นักแสดงและผู้กำกับชาวฝรั่งเศส (ค.ศ. 1884-1969) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1918 อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้หย่าร้างกันหลังจากปี ค.ศ. 1923 ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขายังคงอาศัยอยู่ร่วมกับฟลอเรนซ์ แนช น้องสาวของเธอ
5. Death
แมรี แนชเสียชีวิตขณะนอนหลับที่บ้านพักของเธอในเบรนต์วูด รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1976 ด้วยวัย 92 ปี สาเหตุการเสียชีวิตของเธอระบุว่าเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ ร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่สุสานเซนต์แอกเนสในเมืองเมแนนดส์ รัฐนิวยอร์ก
6. Filmography
ปี | ภาพยนตร์ | บทบาท | ผู้กำกับ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
1915 | The Unbroken Road | คอนสแตนซ์ เทอร์เนอร์ | ||
Tides of Time | แมรี มาร์ติน (ในห้าช่วงอายุของผู้หญิง) | ภาพยนตร์สั้น | ||
1916 | Arms and the Woman | โรซิกา | จอร์จ ฟิตซ์มอริซ | |
1934 | Uncertain Lady | เอดิธ เฮย์ส | คาร์ล ฟรอยด์ | |
1935 | College Scandal | นางเฟรสเนล | เอลเลียต นูเจนท์ | |
1936 | Come and Get It | เอมมา ลูอีส | วิลเลียม ไวเลอร์ | |
1937 | The King and the Chorus Girl | ดัชเชสแอนนาแห่งเอลเบอร์ฟิลด์ | เมอร์วิน เลอรอย | |
Easy Living | นางบอล | มิตเชลล์ ลีเซน | ||
Heidi | ฟรอยไลน์ รอตเทนเมเยอร์ | อัลลัน ดวาน | ||
Wells Fargo | นางไพรเออร์ | แฟรงค์ ลอยด์ | ||
1939 | The Little Princess | อแมนดา มินชิน | วอลเตอร์ แลง | |
The Rains Came | มิสแมคเดด | คลาเรนซ์ บราวน์ | ||
1940 | Charlie Chan in Panama | มิสเจนนี ฟินช์ | นอร์แมน ฟอสเตอร์ | |
Sailor's Lady | มิสเพอร์วิส | อัลลัน ดวาน | ||
Gold Rush Maisie | ซาราห์ เดวิส | นอร์แมน ทอโรจ | ||
The Philadelphia Story | มาร์กาเร็ต ลอร์ด | จอร์จ คูคอร์ | ||
1941 | Men of Boys Town | นางเมตแลนด์ | นอร์แมน ทอโรจ | |
1942 | Calling Dr. Gillespie | เอมมา โฮป | ฮาโรลด์ เอส. บูเควต | |
1943 | The Human Comedy | มิสฮิกส์ | คลาเรนซ์ บราวน์ | |
1944 | The Lady and the Monster | นางเฟม - แม่บ้าน | จอร์จ เชอร์แมน | |
Cobra Woman | ราชินี | โรเบิร์ต ซิออดแมค | ||
In the Meantime, Darling | นางเวรา เพรสตัน | อ็อตโต เพรมิงเกอร์ | ||
1945 | Yolanda and the Thief | ดูเอนนา | วินเซนต์ มินเนลลี | |
1946 | Monsieur Beaucaire | เดอะ ดูเอนนา | จอร์จ มาร์แชล | |
Till the Clouds Roll By | นางมุลเลอร์ | ริชาร์ด ฮอร์ฟ | ||
Swell Guy | ซาราห์ ดันแคน | แฟรงค์ ทัตเติล | บทบาทภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย |
7. Legacy and reception
แมรี แนชเป็นที่จดจำจากความสามารถในการแสดงที่หลากหลายและบทบาทที่น่าประทับใจ ทั้งในด้านที่ได้รับการยกย่องและความท้าทายในการรับบทบาทซ้ำ ๆ
7.1. Positive reception
แนชได้รับการยอมรับอย่างสูงบนเวทีละครในลอนดอน ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถทางศิลปะของเธอ ในภาพยนตร์เรื่อง Easy Livingภาษาอังกฤษ (ค.ศ. 1937) บทบาทภรรยาผู้ทนทุกข์ทรมานของเธอได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบทบาทที่น่าเห็นใจที่สุดของเธอ แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งทางอารมณ์ ในภาพยนตร์เรื่อง Gold Rush Maisieภาษาอังกฤษ (ค.ศ. 1940) การแสดงของเธอในบทภรรยาและแม่ผู้มีความอดทนและอดกลั้น ที่ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากทางสังคมและเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของจิตวิญญาณมนุษย์ในยามวิกฤต ซึ่งเป็นบทบาทที่ได้รับการตอบรับอย่างดี การมีส่วนร่วมของเธอยังรวมถึงภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์อย่าง Come and Get Itภาษาอังกฤษ (ค.ศ. 1936) ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของเธอในฐานะนักแสดงในยุคทองของฮอลลีวูด
7.2. Criticism and controversies
แม้จะมีความสามารถ แต่แมรี แนชมักถูกจำกัดอยู่ในบทบาทประเภทเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของผู้หญิงที่ดูเหมือนสุภาพเรียบร้อยแต่กลับกลายเป็นคนดุร้ายเมื่อถูกท้าทาย แนวโน้มการคัดเลือกนักแสดงนี้ได้กลายเป็นลักษณะเด่นของบทบาทของเธอ ซึ่งอาจจำกัดขอบเขตการแสดงของเธอในสายตาของผู้ชมและนักวิจารณ์ การรับบทเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ของเชอร์ลีย์ เทมเพิลอย่าง Heidiภาษาอังกฤษ และ The Little Princessภาษาอังกฤษ ทำให้เธอเป็นที่จดจำในฐานะนักแสดงที่เชี่ยวชาญบทบาทประเภทนี้ แต่ก็อาจทำให้ภาพลักษณ์ของเธอถูกมองว่าติดอยู่กับบทบาทที่จำเพาะเจาะจงนี้เช่นกัน