1. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
อาเวดิส โดนาเบเดียน เกิดที่เบรุต ประเทศเลบานอน ในครอบครัวชาวอาร์เมเนียที่มีต้นกำเนิดจากอาร์เมเนียตะวันตก แม้ว่าสมาชิกครอบครัวของบิดามารดาของเขาที่เหลือจะเสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนีย แต่ครอบครัวของโดนาเบเดียนเองก็สามารถหลบหนีและในที่สุดก็อพยพไปยังปาเลสไตน์ในอาณัติ บิดาของเขาสำเร็จการศึกษาด้านแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุตในเลบานอน และได้เปิดคลินิกในเมืองรามัลลอฮ์ ซึ่งเป็นเมืองคริสเตียนเล็กๆ ใกล้กับเยรูซาเล็ม โดนาเบเดียนได้รับการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนเฟรนด์ส (เควกเกอร์) ที่นั่น ก่อนจะตามรอยบิดาไปศึกษาแพทย์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุต
2. การศึกษา
โดนาเบเดียนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (BA) ในปี 1940 และปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (MD) ในปี 1944 จากมหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุต หลังจากนั้น เขามีโอกาสศึกษาต่อด้านระบาดวิทยาและการบริหารงานบริการสุขภาพที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาความสนใจอย่างลึกซึ้งในด้านคุณภาพการดูแลสุขภาพ เขาได้รับปริญญาโทสาธารณสุขศาสตร์ (MPH) ด้วยเกียรตินิยมสูงสุด (magna cum laude) ในปี 1955
3. อาชีพการงาน
หลังจากสำเร็จการศึกษา โดนาเบเดียนได้ทำงานที่โรงพยาบาลมิชชันนารีอังกฤษในเยรูซาเล็ม และได้เดินทางไปอังกฤษช่วงสั้นๆ เมื่อเกิดสงครามในท้องถิ่นจากการแบ่งแยกปาเลสไตน์ในปี 1948 เขาจึงย้ายกลับมาที่มหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุต โดยดำรงตำแหน่งอาจารย์หลายตำแหน่งและเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยทั้งหมด ในช่วงเวลานี้เองที่เขาตระหนักถึงข้อจำกัดของตนในฐานะผู้บริหาร และเริ่มพัฒนาความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านคุณภาพการดูแลสุขภาพและสาธารณสุข เนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองในเลบานอน เขาจึงไม่ประสงค์ที่จะกลับประเทศ และได้รับการสนับสนุนให้อยู่ในสหรัฐอเมริกาพร้อมภรรยาและบุตร เขาเป็นอาจารย์และนักวิจัยที่ไม่ใช่แพทย์ที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์นิวยอร์กตั้งแต่ปี 1957 ถึง 1961 ก่อนจะถูกทาบทามให้เข้าร่วมคณะสาธารณสุขศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนในปี 1961 เขาใช้ชีวิตการทำงานที่เหลืออยู่ที่นั่น โดยได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์เกียรติคุณสาธารณสุข Nathan Sinai ในปี 1979 และยังคงทำงานในฐานะศาสตราจารย์กิตติคุณจนกระทั่งเสียชีวิตที่แอนอาร์เบอร์ มิชิแกน สหรัฐอเมริกา ในปี 2000
4. การมีส่วนสำคัญต่อคุณภาพการดูแลสุขภาพ
อาเวดิส โดนาเบเดียน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในฐานะผู้ริเริ่มการศึกษาด้านคุณภาพการดูแลสุขภาพ เขาได้รวบรวมงานวิจัยด้านบริการสุขภาพที่กำลังเติบโตในช่วงทศวรรษ 1950 และต้นทศวรรษ 1960 และนำเสนอผลการค้นพบของเขาในบทความขนาดยาวในปี 1966 ในชื่อ "Evaluating the Quality of Medical Care" (การประเมินคุณภาพการดูแลทางการแพทย์) บทความนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงในทันทีและยังคงถูกอ้างอิงและอ่านอย่างกว้างขวาง โดยได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดยวารสาร The Milbank Quarterly ในปี 2005
ในบทความดังกล่าว เขาได้กำหนดความจำเป็นในการตรวจสอบคุณภาพของการบริการสุขภาพในสามด้านหลัก ได้แก่:
- โครงสร้าง (Structure): หมายถึงคุณลักษณะที่ค่อนข้างคงที่ของผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และเครื่องมือและทรัพยากรที่ใช้ในการจัดหาการดูแล
- กระบวนการ (Process): หมายถึงชุดกิจกรรมที่ประกอบขึ้นเป็นการดูแลสุขภาพ รวมถึงการวินิจฉัย การรักษา การป้องกัน และการฟื้นฟู
- ผลลัพธ์ (Outcome): หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในสถานะสุขภาพของผู้ป่วยหรือประชากรที่เกิดจากการดูแลสุขภาพ
แนวคิดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อแบบจำลองโดนาเบเดียน (Donabedian model) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการประเมินคุณภาพการดูแลสุขภาพทั่วโลก งานวิจัยในเวลาต่อมาของเขาส่วนใหญ่เป็นการอธิบายแนวคิดและวิธีการโดยละเอียดที่จำเป็นในการตรวจสอบด้านพื้นฐานเหล่านี้ของการดูแลสุขภาพ เขาเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการจัดการระบบในบริการสุขภาพ เขาพยายามกำหนดทุกแง่มุมของคุณภาพในระบบสุขภาพ และเสนอแบบจำลองสำหรับการวัดคุณภาพในบทความกว่า 100 ฉบับและหนังสือ 11 เล่ม ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ ความสมบูรณ์และความถูกต้องของเวชระเบียน อคติของผู้สังเกตการณ์ ความพึงพอใจของผู้ป่วย และความชอบทางวัฒนธรรมในการดูแลสุขภาพ
ผลรวมของความพยายามของเขาพบได้ในชุดหนังสือไตรภาคของเขา Explorations in quality assessment and monitoring (การสำรวจการประเมินและการเฝ้าระวังคุณภาพ) (1980-1985) ซึ่งเป็นผลงานชิ้นใหญ่ที่แสดงถึงความรู้ส่วนตัวและการคิดวิเคราะห์ที่นำมาใช้กับทุกแง่มุมของการจัดหาการดูแลสุขภาพ ในผลงานนี้ เขาได้เสนอเสาหลักเจ็ดประการของคุณภาพ ได้แก่:
- ประสิทธิผล (Efficacy)
- ประสิทธิภาพ (Efficiency)
- ความเป็นเลิศ (Optimality)
- การยอมรับได้ (Acceptability)
- ความชอบธรรม (Legitimacy)
- ความเท่าเทียม (Equity)
- ต้นทุน (Cost)
5. งานเขียนและสิ่งพิมพ์
ผลงานเขียนของโดนาเบเดียนมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการสาธารณสุขและการจัดการสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกำหนดมาตรฐานและวิธีการวัดคุณภาพ ผลงานที่สำคัญที่สุดของเขาคือชุดหนังสือไตรภาค Explorations in quality assessment and monitoring ซึ่งประกอบด้วย:
- เล่มที่ 1: The definition of quality and approaches to its assessment (1980) (คำจำกัดความของคุณภาพและแนวทางการประเมิน)
- เล่มที่ 2: The criteria and standards of quality (1982) (เกณฑ์และมาตรฐานของคุณภาพ)
- เล่มที่ 3: The methods and findings of quality assessment and monitoring: an illustrated analysis (1985) (วิธีการและผลการประเมินและการเฝ้าระวังคุณภาพ: บทวิเคราะห์ประกอบภาพ)
นอกจากนี้ บทความ "Evaluating the Quality of Medical Care" (1966) ของเขาก็ยังคงเป็นบทความที่ถูกอ้างถึงอย่างกว้างขวางและถือเป็นงานคลาสสิกในสาขาคุณภาพการดูแลสุขภาพ เขาได้เขียนบทความวิชาการอีกกว่า 100 ฉบับและหนังสือรวม 11 เล่ม ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาแนวคิดด้านคุณภาพในระบบสุขภาพ
6. ปรัชญาและความเชื่อส่วนบุคคล
ปรัชญาชีวิตและมุมมองส่วนตัวของอาเวดิส โดนาเบเดียน สะท้อนให้เห็นถึงมิติทางจริยธรรมที่ลึกซึ้งในการดูแลสุขภาพ คำกล่าวที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดของเขาคือ: "การตระหนักรู้ในระบบและการออกแบบระบบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ แต่ยังไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลไกที่เอื้ออำนวยเท่านั้น มิติทางจริยธรรมของแต่ละบุคคลต่างหากที่เป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จของระบบ ท้ายที่สุด ความลับของคุณภาพคือความรัก"
คำกล่าวนี้เน้นย้ำว่าแม้ว่าความรู้ด้านเทคนิคและการออกแบบระบบจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ขับเคลื่อนคุณภาพที่แท้จริงคือคุณธรรมส่วนบุคคลและความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งโดนาเบเดียนเรียกว่า "ความรัก" มุมมองนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มองคุณภาพการดูแลสุขภาพเป็นเพียงเรื่องของประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเมตตา ความเอาใจใส่ และความมุ่งมั่นทางจริยธรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบด้วย
7. ชีวิตส่วนตัว
โดนาเบเดียนมีภรรยาชื่อ โดโรธี ซาลิเบียน และมีบุตรชายสามคน ในคำนำของหนังสือเล่มสุดท้ายของเขา The Methods and Findings of Quality Assessment and Monitoring (1985) เขาได้แสดงความเสียใจว่า "ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภรรยาและบุตรของผมต้องทนทุกข์กับการขาดแคลนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อันเกิดจากการทำงานอย่างต่อเนื่องของผม... บ้านคือที่ที่คนเร่ร่อนสูงวัยที่พวกเขาแทบไม่รู้จัก นั่งอยู่ข้างเตาผิงในบ้าน งีบหลับไป" ในเวลานั้น เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว และเสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านในแอนอาร์เบอร์ มิชิแกน อีก 15 ปีต่อมา
ตลอดชีวิตของเขา โดนาเบเดียนยังคงเขียนกวีส่วนตัวอยู่เสมอ แต่ไม่มีผลงานใดถูกตีพิมพ์สู่สาธารณะ ยกเว้นจุลสารสองฉบับที่มอบให้เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น กิจกรรมส่วนตัวนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์และมิติทางอารมณ์ของเขา นอกเหนือจากบทบาททางวิชาการที่โดดเด่น
8. การประเมินและมรดก
อาเวดิส โดนาเบเดียน ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็น "บิดาแห่งการประกันคุณภาพ" ในวงการสาธารณสุข มรดกทางวิชาการและสังคมที่เขาทิ้งไว้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาแนวทางปฏิบัติและการวิจัยด้านคุณภาพการดูแลสุขภาพ แนวคิดแบบจำลองโดนาเบเดียน (โครงสร้าง กระบวนการ ผลลัพธ์) ของเขากลายเป็นกรอบแนวคิดพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกในการประเมินและปรับปรุงระบบการดูแลสุขภาพ
งานของเขาไม่เพียงแต่ให้คำจำกัดความและวิธีการวัดคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงบริการสุขภาพ ความเป็นธรรมในการดูแล และมิติทางจริยธรรมที่จำเป็นต่อความสำเร็จของระบบสุขภาพอีกด้วย ปรัชญาของเขาที่ว่า "ความลับของคุณภาพคือความรัก" ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตระหนักถึงคุณค่าของความเมตตาและความเอาใจใส่ในการปฏิบัติงาน
ผลงานของโดนาเบเดียนยังคงเป็นแนวทางสำคัญในการทำความเข้าใจปัญหาด้านคุณภาพและกำหนดกลยุทธ์ในการปรับปรุงระบบการดูแลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นธรรมยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน