1. ชีวิตช่วงต้นและการเริ่มต้นอาชีพ
ส่วนนี้จะอธิบายถึงภูมิหลังส่วนตัวของเอสเพน เบรเดเซ่น รวมถึงข้อมูลการเกิด วัยเด็ก และก้าวแรกที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางอาชีพนักกีฬาสกีกระโดดไกล
1.1. วัยเด็กและการเข้าสู่วงการสกีกระโดดไกล
เอสเพน เบรเดเซ่น เกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1968 ที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ เขามีความสูงประมาณ 1.76 m มีความสนใจในกีฬาสกีกระโดดไกลตั้งแต่วัยเด็ก และได้เริ่มฝึกฝนกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่อายุเพียง 10 ปี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการก้าวเข้าสู่วงการแข่งขันในระดับมืออาชีพของเขาในอนาคต
1.2. อาชีพช่วงแรกและโอลิมปิกฤดูหนาวอัลแบร์วิลล์
เอสเพน เบรเดเซ่นได้เปิดตัวในการแข่งขันฟิส สกีกระโดดไกลเวิลด์คัพครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1989 ที่เมืองซัปโปะโระ ประเทศญี่ปุ่น โดยจบการแข่งขันในอันดับที่ 45 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของเขาในระดับโลก แม้ในช่วงแรกผลงานของเขาจะยังไม่โดดเด่นนัก แต่ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ที่ซัปโปะโระเช่นกัน เขาสามารถทำผลงานติด 10 อันดับแรกได้เป็นครั้งแรก โดยจบในอันดับที่ 8
อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันที่สำคัญในช่วงต้นอาชีพของเบรเดเซ่นคือการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 1992 ที่อัลแบร์วิลล์ ประเทศฝรั่งเศส เพียงหนึ่งเดือนก่อนหน้าการแข่งขัน เขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนเทคนิคการกระโดดจากแบบขนาน (parallel style) ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิม ไปเป็นV-style ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในขณะนั้น การปรับเปลี่ยนเทคนิคที่กระชั้นชิดส่งผลให้ผลงานของเขาในโอลิมปิกครั้งนั้นย่ำแย่มาก โดยเขาจบในอันดับสุดท้ายในการแข่งขันนอร์มอลฮิลล์ และเป็นอันดับที่ 57 จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 59 คนในลาร์จฮิลล์ ด้วยผลงานที่น่าผิดหวังนี้ เขาจึงได้รับฉายาว่า "เอสเพน ดิ อีเกิล" (Espen the Eagle) ซึ่งเป็นฉายาที่คล้ายคลึงกับเอ็ดดี้ 'ดิ อีเกิล' เอ็ดเวิร์ดส์ นักสกีกระโดดไกลชาวอังกฤษ ผู้มีชื่อเสียงจากความพยายามและการเข้าร่วมโอลิมปิกแม้จะทำผลงานได้ไม่ดีก็ตาม
2. ความสำเร็จและกิจกรรมสำคัญ
ในส่วนนี้จะกล่าวถึงความสำเร็จที่โดดเด่นและกิจกรรมสำคัญที่สุดในอาชีพนักกีฬาของเอสเพน เบรเดเซ่น ซึ่งรวมถึงผลงานในการแข่งขันหลัก ๆ ที่ทำให้เขากลายเป็นตำนานในวงการสกีกระโดดไกล
2.1. การแข่งขันชิงแชมป์โลก 1993
หลังจากความผิดหวังในโอลิมปิกฤดูหนาวอัลแบร์วิลล์ เอสเพน เบรเดเซ่นสามารถพลิกฟื้นฟอร์มได้อย่างน่าทึ่งและกลับมาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ในการแข่งขันฟิส นอร์ดิก เวิลด์ สกีกระโดดไกล แชมเปียนชิปส์ 1993 ที่ฟาลุน ประเทศสวีเดน เขาได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าเหรียญทองถึง 2 เหรียญ ทั้งในประเภทบุคคลลาร์จฮิลล์ และประเภททีมลาร์จฮิลล์ ซึ่งเป็นการยืนยันความสามารถและศักยภาพอันแท้จริงของเขาในฐานะนักกีฬาชั้นนำระดับโลก
2.2. ฤดูกาล 1993-94 และโอลิมปิกฤดูหนาวลิลเลฮัมเมอร์
ฤดูกาล 1993-94 ถือเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในอาชีพของเอสเพน เบรเดเซ่น โดยเขาคว้าแชมป์ฟิส สกีกระโดดไกลเวิลด์คัพโดยรวม ซึ่งนับเป็นนักสกีกระโดดไกลชาวนอร์เวย์คนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ทำได้สำเร็จ นับตั้งแต่เวการ์ด โอปาอาส ในฤดูกาล 1986-87 นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์โฟร์ฮิลส์ทัวร์นาเมนต์อันทรงเกียรติอีกด้วย
จุดสูงสุดในอาชีพของเบรเดเซ่นมาถึงในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 1994 ที่ลิลเลฮัมเมอร์ ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นและครองความเป็นเจ้าภาพได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยคว้าเหรียญทองในประเภทบุคคลนอร์มอลฮิลล์ และตามมาด้วยเหรียญเงินในประเภทบุคคลลาร์จฮิลล์ ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับเยนส์ ไวสส์ฟล็อก นักกีฬาจากเยอรมนีเพียงเล็กน้อย ความสำเร็จในโอลิมปิกครั้งนี้ได้ตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะสุดยอดนักกีฬาสกีกระโดดไกลของโลกอย่างแท้จริง
2.3. สถิติโลกสกีกระโดดไกลประเภทสกีกระโดดร่อน
เอสเพน เบรเดเซ่นยังเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ในกีฬาสกีกระโดดร่อน (Ski Flying) ซึ่งเป็นการกระโดดด้วยความเร็วสูงและระยะทางที่ไกลเป็นพิเศษ ในการแข่งขันสกีกระโดดร่อนชิงแชมป์โลก 1994 ที่แพลนิกา ประเทศสโลวีเนีย เขาคว้าเหรียญเงิน โดยพ่ายแพ้ให้กับยารอสลาฟ ซาการา และในโอกาสเดียวกันนี้เอง เขาก็ได้สร้างสถิติโลกครั้งแรกด้วยระยะทาง 209 m ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1994 สถิตินี้ได้ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่สามารถกระโดดได้ไกลที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น
สามปีต่อมา ในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1997 เขาก็ได้ทำลายสถิติโลกของตัวเองอีกครั้ง ด้วยระยะทางที่น่าเหลือเชื่อถึง 210 m ที่แพลนิกาเช่นกัน สถิติโลกทั้งสองครั้งนี้ตอกย้ำถึงความสามารถอันโดดเด่นของเขาในการควบคุมการบิน
เบรเดเซ่นได้กล่าวถึงความรู้สึกของเขาหลังจากทำลายสถิติโลกครั้งแรกในปี 1994 ว่า:
"โดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตและอาชีพของผม ไม่มีอะไรเทียบได้กับสถิติโลกนี้ แม้แต่เหรียญทองโอลิมปิกหรือแชมป์โลกของผม ตอนนี้ผมรู้แล้วว่านกจะรู้สึกอย่างไรเมื่อพวกมันบินอยู่กลางอากาศ"
2.4. ความสำเร็จสำคัญอื่น ๆ
นอกเหนือจากความสำเร็จข้างต้น เอสเพน เบรเดเซ่นยังได้รับชัยชนะในการแข่งขันฮอลเมนคอลเลน สกีกระโดดไกล เฟสติวัล ในปี ค.ศ. 1993 ซึ่งเป็นการแข่งขันสกีกระโดดไกลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดรายการหนึ่งของโลก และได้รับรางวัลเหรียญฮอลเมนคอลเลนอันทรงเกียรติในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งเป็นรางวัลที่เขาร่วมกับนักกีฬาครอสคันทรีชาวรัสเซียลูบอฟ เยโกรอวา และนักกีฬาครอสคันทรีชาวคาซัคสถานวลาดิมีร์ สมีร์นอฟ
เขายังคงครองความโดดเด่นในการแข่งขันระดับประเทศ โดยคว้าแชมป์นอร์เวย์หลายครั้ง รวมทั้งหมด 9 รายการตลอดอาชีพการงานของเขา
ในปี ค.ศ. 1998 เบรเดเซ่นได้รับเกียรติเป็นผู้ถือธงของคณะนักกีฬานอร์เวย์ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว 1998 ที่นางาโนะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงสถานะและบทบาทของเขาในฐานะตัวแทนของประเทศและเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่อง
เอสเพน เบรเดเซ่นยังเป็นหนึ่งในนักกีฬาเพียงห้าคนในประวัติศาสตร์สกีกระโดดไกลที่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้ครบทั้งสี่รายการ (โอลิมปิก, ชิงแชมป์โลก, เวิลด์คัพโดยรวม, โฟร์ฮิลส์ทัวร์นาเมนต์) ซึ่งนักกีฬาคนอื่น ๆ ที่ทำได้คือ มัตติ นือคาเนน, เยนส์ ไวสส์ฟล็อก, โทมัส มอร์เกนช์เตอร์น และคามิล สตอค ความสำเร็จนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสม่ำเสมอและความยอดเยี่ยมของเขาในทุกรูปแบบการแข่งขันระดับสูงสุด
3. การอำลาวงการและชีวิตส่วนตัว
ส่วนนี้จะกล่าวถึงการตัดสินใจอำลาวงการนักกีฬามืออาชีพของเอสเพน เบรเดเซ่น และแง่มุมต่าง ๆ ในชีวิตส่วนตัวของเขาหลังจากการแข่งขัน
3.1. การอำลาวงการ
เอสเพน เบรเดเซ่นตัดสินใจอำลาวงการสกีกระโดดไกลอย่างเป็นทางการหลังจบฤดูกาล 1999-2000 การแข่งขันครั้งสุดท้ายของเขาในรายการเวิลด์คัพจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1999 ที่เมืองซาโกปาเน ประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของอาชีพที่เต็มไปด้วยความสำเร็จและการพลิกผัน
3.2. ชีวิตส่วนตัว
เบรเดเซ่นแต่งงานกับภรรยาชื่อวิเบเกอ (Bibeke) ในปี ค.ศ. 1997 และมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อออโรรา การเกิดของลูกสาวออโรราในปี ค.ศ. 1999 เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจยุติอาชีพนักกีฬาเพื่อใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ปัจจุบัน เขายังคงใช้ชีวิตและพำนักอยู่ที่เมืองทรอนด์เฮม ประเทศนอร์เวย์
4. มรดกและการประเมินผล
ส่วนนี้จะนำเสนอสถานะทางประวัติศาสตร์ของเอสเพน เบรเดเซ่นในฐานะนักกีฬา ผลกระทบต่อวงการ และการประเมินต่าง ๆ อย่างเป็นกลางจากเพื่อนนักกีฬาและสื่อ
4.1. "เอสเพน ดิ อีเกิล" และเรื่องราวการกลับมาประสบความสำเร็จ
ฉายา "เอสเพน ดิ อีเกิล" ที่เบรเดเซ่นได้รับจากการทำผลงานที่ย่ำแย่ในโอลิมปิกฤดูหนาว 1992 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในอาชีพของเขา ในช่วงแรก ฉายานี้บ่งบอกถึงความล้มเหลวและความผิดหวัง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการปรับตัวอย่างหนักของเบรเดเซ่น โดยเฉพาะการฝึกฝนเทคนิค V-style จนเชี่ยวชาญ เขาสามารถกลับมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกและแชมป์โลกได้ในเวลาต่อมา ทำให้ความหมายของฉายานี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากคำเย้ยหยันกลายเป็นคำชมเชยที่สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่น่าทึ่งและความสามารถในการ "บิน" ที่แท้จริงของเขาบนเนินกระโดด
4.2. การประเมินผลโดยรวมและผลกระทบ
เอสเพน เบรเดเซ่นได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักสกีกระโดดไกลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเป็นหนึ่งในห้าของนักกีฬาที่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ทั้งสี่รายการได้ครบถ้วนในประวัติศาสตร์ของกีฬานี้ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสม่ำเสมอและความยอดเยี่ยมของเขาในทุกรูปแบบการแข่งขัน
นอกจากผลงานส่วนตัวแล้ว เบรเดเซ่นยังมีส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นใหม่และสร้างความตื่นตัวให้กับกีฬาสกีกระโดดไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศนอร์เวย์ เรื่องราวการต่อสู้และความสำเร็จของเขาได้สร้างตำนานที่ยังคงถูกกล่าวขาน
ในส่วนของความสัมพันธ์กับเพื่อนนักกีฬา เบรเดเซ่นเคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฮาราดะ มาซาฮิโกะ นักสกีกระโดดไกลชาวญี่ปุ่น ในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาวลิลเลฮัมเมอร์ 1994 ซึ่งทีมญี่ปุ่นเกือบจะคว้าเหรียญทองประเภททีมได้ แต่ฮาราดะกลับทำคะแนนได้ย่ำแย่ เบรเดเซ่นให้ความเห็นกับสื่อว่า "การที่เยนส์ ไวสส์ฟล็อก (ผู้กระโดดก่อนหน้าฮาราดะ) พูดอะไรบางอย่างกับฮาราดะ อาจทำให้ฮาราดะเกิดความกังวลและกระโดดพลาด" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันและความกดดันในระดับสูงที่นักกีฬาต้องเผชิญหน้า
5. สถิติอาชีพ
ส่วนนี้จะนำเสนอภาพรวมของผลงานการแข่งขันที่สำคัญของเอสเพน เบรเดเซ่นตลอดอาชีพนักกีฬาของเขาในรูปแบบสถิติที่ชัดเจน
5.1. อันดับและชัยชนะในการแข่งขันฟิส สกีกระโดดไกลเวิลด์คัพ
ตารางด้านล่างแสดงอันดับโดยรวมของเอสเพน เบรเดเซ่นในแต่ละฤดูกาลของการแข่งขันฟิส สกีกระโดดไกลเวิลด์คัพ รวมถึงรายการชนะเลิศในแต่ละการแข่งขันที่เขาทำได้
ฤดูกาล | อันดับรวม | 4H | SF | NT | JP |
---|---|---|---|---|---|
1989/90 | - | - | - | N/A | N/A |
1990/91 | 34 | 21 | 23 | N/A | N/A |
1991/92 | 34 | 26 | 18 | N/A | N/A |
1992/93 | 5 | 33 | 5 | N/A | N/A |
1993/94 | 1 | 1 | 2 | N/A | N/A |
1994/95 | 15 | 21 | 13 | N/A | N/A |
1995/96 | 13 | 21 | 10 | N/A | 13 |
1996/97 | 16 | 20 | 11 | 31 | 19 |
1997/98 | 43 | 45 | 26 | - | 55 |
1998/99 | 101 | - | - | 55 | 99 |
1999/00 | 79 | - | - | - | 76 |
ชัยชนะ
ลำดับ | ฤดูกาล | วันที่ | สถานที่ | ฮิลล์ | ขนาด |
---|---|---|---|---|---|
1 | 1992/93 | 11 มีนาคม 1993 | ลิลเลฮัมเมอร์ | Lysgårdsbakken K120 | LH |
2 | 14 มีนาคม 1993 | ออสโล | Holmenkollbakken K110 | LH | |
3 | 28 มีนาคม 1993 | แพลนิกา | Bloudkova velikanka K120 | LH | |
4 | 1993/94 | 11 ธันวาคม 1993 | แพลนิกา | Srednja Bloudkova K90 | NH |
5 | 1 มกราคม 1994 | การ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน | Große Olympiaschanze K107 | LH | |
6 | 6 มกราคม 1994 | บิชอฟส์โฮเฟิน | Paul-Ausserleitner-Schanze K120 | LH | |
7 | 15 มกราคม 1994 | ลิเบเรตส์ | Ještěd B K120 | LH | |
8 | 1994/95 | 5 กุมภาพันธ์ 1995 | ฟาลุน | Lugnet K90 (night) | NH |